
โดย...รวินท์ ศรีโหมด
คดีทุจริตยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นร่วม 1.2 หมื่นล้านบาท มีหลายสำนวนคดีทั้งที่ตัดสินแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาอัยการรวมถึงศาล
ผู้ต้องหาคนสำคัญ ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ตัวการยักยอกเงินฝากสหกรณ์ฯ สารภาพกลางศาลว่า กระทำผิดยักยอกเงินของสหกรณ์ออกมา ศาลตัดสินจำคุก 32 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษเหลือ 16 ปี ไม่รอลงอาญา ขณะนี้ถูกจองจำอยู่ที่คุกบางขวาง
มหากาพย์แห่งนี้คดียังไม่จบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาฟ้องพระธัมมชโย และผู้ต้องหาอีก 4 ราย ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร เพราะศุภชัยสั่งจ่ายเช็คสหกรณ์ฯ คลองจั่นวงเงิน 1,458 ล้านบาท แต่พระธัมมชโยหวังหลุดข้อหาจากคดีที่มีโทษจำคุก 10 ปี ด้วยการดื้อแพ่งไม่เดินทางไปมอบตัว เพื่อที่ว่าอัยการจะได้ไม่มีตัวผู้ต้องหา (พระธัมมชโย) ส่งฟ้องศาล
ประกิต พิลังกาสา ประธานกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่พึ่งได้รับการแต่งตั้งเข้ามาฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เปิดใจกับโพสต์ทูเดย์ ว่าที่ผ่านมาสหกรณ์ไม่ได้เงียบ แต่สมาชิกผู้เสียหายทั้งหมดประมาณ 1.8 หมื่นคน และสหกรณ์อื่นอีก 74 แห่ง ที่นำเงินมาฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจนถูกยักยอกทรัพย์รวม 1.2 หมื่นล้านบาท ได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดนี้ติดตามทรัพย์ที่ศุภชัยนำออกไปกลับคืนมาแทน
ประกิต อธิบายแผนฟื้นฟูว่า เบื้องต้นได้นำทรัพย์สินที่มีอยู่เดิมนำไปบริหารพัฒนาต่อยอดเพื่อให้เป็นรายได้เพิ่มพูนกลับเข้ามาสู่สหกรณ์ และขณะนี้สหกรณ์กำลังประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งจะมีการตั้งกองทุนขึ้นมาโดยขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานด้านการเงินของรัฐ เพื่อให้เกิดการระดมเงินและนำไปปล่อยกู้ให้สหกรณ์อื่น โดยแผนขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ ประสานกับสถาบันการเงินที่สนใจ ก่อนนำเรื่องนี้เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือน ส.ค.
การติดตามเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ที่ถูกยักยอกออกไป ประกิต บอกว่า ขณะนี้ดีเอสไอรวมถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำลังติดตามทรัพย์ที่ศุภชัยนำออกไปกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นรายย่อยประมาณหมื่นกว่าคน ส่วนผู้เสียหายรายใหญ่มีประมาณ 8,000 กว่าคน ที่ผ่านมาสามารถติดตามทรัพย์กลับคืนมาได้แล้วประมาณ 1,400 ล้านบาท
“ผมคิดว่าผู้เสียหายที่ได้รับเงินแล้วน่าจะมีความพอใจที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะปัญหานี้เกิดขึ้นมากว่า 2-3 ปีแล้วซึ่งผู้เสียหายเหล่านั้นที่ผ่านมาก็หาวิธีบรรเทาความเดือดร้อนได้ในระดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรการฟ้องร้องทางคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็อยู่ในชั้นศาล”
ปรากฏการณ์ที่วัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ประกิตไม่เห็นด้วย เขาให้เหตุผลว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนแน่ชัดแล้วว่าทรัพย์ที่ศุภชัยนำออกไปนั้นไม่ถูกต้องเข้าข่ายการฟอกเงินและรับของโจร และหากพระที่เกี่ยวข้องบอกว่าไม่ทราบจริง ก็ควรเข้าสู่การพิสูจน์ในกระบวนการทางกฎหมาย ไม่ควรยื้ออยู่เช่นนี้
กรณีที่คณะศิษย์ออกมาเคลื่อนไหวปกป้องพระธัมมชโย ประธานบริหารแผนฟื้นฟูสหกรณ์ฯ คลองจั่น กล่าวว่า การที่ลูกศิษย์มีความเชื่อ ความศรัทธา ถ้าประกอบไปด้วยปัญญาถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าไม่มีปัญญาใช้ในการประกอบการพิจารณาไตร่ตรองก็ถือว่าเป็นความงมงาย
“ทำไมคณะลูกศิษย์ไม่เปิดโอกาสให้มีการพิสูจน์ความจริง เพราะการนำความเชื่อมาปิดบัง หน่วงเหนี่ยวไม่ให้หลวงพ่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ถ้ามีความบริสุทธิ์จริงก็ไม่ต้องกลัวและควรเข้ามาพิสูจน์”
คำว่าประชาธิปไตยไม่ควรที่จะนำมาเกี่ยวข้องกับคดีความ เพราะไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ กฎหมายการพิจารณาคดี ก็คือกฎหมายเดิมที่ใช้อยู่ในช่วงที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่กฎหมายใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่” ประกิต กล่าว
ประกิตเชื่อว่าถึงที่สุดทางออกเรื่องนี้ต้องจบอย่างหนึ่งอย่างใดในกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร รวมถึงจะใช้เวลานานแค่ไหน เพราะเจ้าหน้าที่รัฐต้องยึดถือความถูกต้อง หากความถูกต้องถูกละเมิดเพิกเฉย อำนาจรัฐจะล้มเหลว
ประกิต วิเคราะห์ว่า หากคดีนี้ถูกดองยาวไปจนหมดอายุความ 15 ปี อาจทำให้เกมเปลี่ยนและกลายเป็นเกมทางการเมือง เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตใครจะมาเป็นผู้บริหาร แต่อย่างไรเสียก็ยังอยากให้ปัญหาดังกล่าวจบในรัฐบาล คสช. เพราะถ้าไม่ใช่จบในรัฐบาลนี้ ก็คงจะยุติยาก
เขากล่าวว่า ถ้าไม่มีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นก็อาจจะล้มลง เพราะก่อนหน้านี้มีความพยายามแก้ไขร่างกฎกระทรวง เพื่อให้สหกรณ์ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ แต่สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กลับนิ่งเฉยมาเป็นปี ตรงกันข้ามให้มีการฟ้องกลับมาที่สหกรณ์อีก ซึ่งไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด หรืออาจเพราะช่วงนั้นมีคนที่ดีเอสไอมีหลักฐานว่ามีผู้ช่วยของ รมว.คลังสมัยนั้น มีส่วนร่วมกับความเสียหาย จึงเป็นไปได้ว่ารัฐบาลขณะนั้นไม่ให้ความสนใจ
บทเรียนจากปัญหาดังกล่าว ประธานฟื้นฟูสหกรณ์ฯ คลองจั่น สรุปว่าภาครัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถาบันการเงินประเภทสหกรณ์ ต้องปรับปรุงขั้นตอนการกำกับดูแลให้มีความเข้มงวดมากขึ้น เหมือนกับที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ต่างๆ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สหกรณ์รวมถึงสมาชิกควรตื่นตัวในการตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการสหกรณ์อยู่ตลอด และควรส่งเสียงเมื่อพบความผิดปกติ การปล่อยให้คณะกรรมการจัดการเพียงผู้เดียว ส่วนสมาชิกรอเพียงการประชุมใหญ่ปลายปีอย่างเดิมคงไม่ได้แล้ว
http://www.posttoday.com/analysis/report/438770
เสียงจากสหกรณ์ฯคลองจั่น "ธัมมชโย" ควรมอบตัวสู้กันที่ศาล
โดย...รวินท์ ศรีโหมด
คดีทุจริตยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นร่วม 1.2 หมื่นล้านบาท มีหลายสำนวนคดีทั้งที่ตัดสินแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาอัยการรวมถึงศาล
ผู้ต้องหาคนสำคัญ ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ตัวการยักยอกเงินฝากสหกรณ์ฯ สารภาพกลางศาลว่า กระทำผิดยักยอกเงินของสหกรณ์ออกมา ศาลตัดสินจำคุก 32 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษเหลือ 16 ปี ไม่รอลงอาญา ขณะนี้ถูกจองจำอยู่ที่คุกบางขวาง
มหากาพย์แห่งนี้คดียังไม่จบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาฟ้องพระธัมมชโย และผู้ต้องหาอีก 4 ราย ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร เพราะศุภชัยสั่งจ่ายเช็คสหกรณ์ฯ คลองจั่นวงเงิน 1,458 ล้านบาท แต่พระธัมมชโยหวังหลุดข้อหาจากคดีที่มีโทษจำคุก 10 ปี ด้วยการดื้อแพ่งไม่เดินทางไปมอบตัว เพื่อที่ว่าอัยการจะได้ไม่มีตัวผู้ต้องหา (พระธัมมชโย) ส่งฟ้องศาล
ประกิต พิลังกาสา ประธานกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่พึ่งได้รับการแต่งตั้งเข้ามาฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เปิดใจกับโพสต์ทูเดย์ ว่าที่ผ่านมาสหกรณ์ไม่ได้เงียบ แต่สมาชิกผู้เสียหายทั้งหมดประมาณ 1.8 หมื่นคน และสหกรณ์อื่นอีก 74 แห่ง ที่นำเงินมาฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจนถูกยักยอกทรัพย์รวม 1.2 หมื่นล้านบาท ได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดนี้ติดตามทรัพย์ที่ศุภชัยนำออกไปกลับคืนมาแทน
ประกิต อธิบายแผนฟื้นฟูว่า เบื้องต้นได้นำทรัพย์สินที่มีอยู่เดิมนำไปบริหารพัฒนาต่อยอดเพื่อให้เป็นรายได้เพิ่มพูนกลับเข้ามาสู่สหกรณ์ และขณะนี้สหกรณ์กำลังประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งจะมีการตั้งกองทุนขึ้นมาโดยขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานด้านการเงินของรัฐ เพื่อให้เกิดการระดมเงินและนำไปปล่อยกู้ให้สหกรณ์อื่น โดยแผนขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ ประสานกับสถาบันการเงินที่สนใจ ก่อนนำเรื่องนี้เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือน ส.ค.
การติดตามเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ที่ถูกยักยอกออกไป ประกิต บอกว่า ขณะนี้ดีเอสไอรวมถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำลังติดตามทรัพย์ที่ศุภชัยนำออกไปกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นรายย่อยประมาณหมื่นกว่าคน ส่วนผู้เสียหายรายใหญ่มีประมาณ 8,000 กว่าคน ที่ผ่านมาสามารถติดตามทรัพย์กลับคืนมาได้แล้วประมาณ 1,400 ล้านบาท
“ผมคิดว่าผู้เสียหายที่ได้รับเงินแล้วน่าจะมีความพอใจที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะปัญหานี้เกิดขึ้นมากว่า 2-3 ปีแล้วซึ่งผู้เสียหายเหล่านั้นที่ผ่านมาก็หาวิธีบรรเทาความเดือดร้อนได้ในระดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรการฟ้องร้องทางคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็อยู่ในชั้นศาล”
ปรากฏการณ์ที่วัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ประกิตไม่เห็นด้วย เขาให้เหตุผลว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนแน่ชัดแล้วว่าทรัพย์ที่ศุภชัยนำออกไปนั้นไม่ถูกต้องเข้าข่ายการฟอกเงินและรับของโจร และหากพระที่เกี่ยวข้องบอกว่าไม่ทราบจริง ก็ควรเข้าสู่การพิสูจน์ในกระบวนการทางกฎหมาย ไม่ควรยื้ออยู่เช่นนี้
กรณีที่คณะศิษย์ออกมาเคลื่อนไหวปกป้องพระธัมมชโย ประธานบริหารแผนฟื้นฟูสหกรณ์ฯ คลองจั่น กล่าวว่า การที่ลูกศิษย์มีความเชื่อ ความศรัทธา ถ้าประกอบไปด้วยปัญญาถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าไม่มีปัญญาใช้ในการประกอบการพิจารณาไตร่ตรองก็ถือว่าเป็นความงมงาย
“ทำไมคณะลูกศิษย์ไม่เปิดโอกาสให้มีการพิสูจน์ความจริง เพราะการนำความเชื่อมาปิดบัง หน่วงเหนี่ยวไม่ให้หลวงพ่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ถ้ามีความบริสุทธิ์จริงก็ไม่ต้องกลัวและควรเข้ามาพิสูจน์”
คำว่าประชาธิปไตยไม่ควรที่จะนำมาเกี่ยวข้องกับคดีความ เพราะไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ กฎหมายการพิจารณาคดี ก็คือกฎหมายเดิมที่ใช้อยู่ในช่วงที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่กฎหมายใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่” ประกิต กล่าว
ประกิตเชื่อว่าถึงที่สุดทางออกเรื่องนี้ต้องจบอย่างหนึ่งอย่างใดในกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร รวมถึงจะใช้เวลานานแค่ไหน เพราะเจ้าหน้าที่รัฐต้องยึดถือความถูกต้อง หากความถูกต้องถูกละเมิดเพิกเฉย อำนาจรัฐจะล้มเหลว
ประกิต วิเคราะห์ว่า หากคดีนี้ถูกดองยาวไปจนหมดอายุความ 15 ปี อาจทำให้เกมเปลี่ยนและกลายเป็นเกมทางการเมือง เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตใครจะมาเป็นผู้บริหาร แต่อย่างไรเสียก็ยังอยากให้ปัญหาดังกล่าวจบในรัฐบาล คสช. เพราะถ้าไม่ใช่จบในรัฐบาลนี้ ก็คงจะยุติยาก
เขากล่าวว่า ถ้าไม่มีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นก็อาจจะล้มลง เพราะก่อนหน้านี้มีความพยายามแก้ไขร่างกฎกระทรวง เพื่อให้สหกรณ์ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ แต่สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กลับนิ่งเฉยมาเป็นปี ตรงกันข้ามให้มีการฟ้องกลับมาที่สหกรณ์อีก ซึ่งไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด หรืออาจเพราะช่วงนั้นมีคนที่ดีเอสไอมีหลักฐานว่ามีผู้ช่วยของ รมว.คลังสมัยนั้น มีส่วนร่วมกับความเสียหาย จึงเป็นไปได้ว่ารัฐบาลขณะนั้นไม่ให้ความสนใจ
บทเรียนจากปัญหาดังกล่าว ประธานฟื้นฟูสหกรณ์ฯ คลองจั่น สรุปว่าภาครัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถาบันการเงินประเภทสหกรณ์ ต้องปรับปรุงขั้นตอนการกำกับดูแลให้มีความเข้มงวดมากขึ้น เหมือนกับที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ต่างๆ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สหกรณ์รวมถึงสมาชิกควรตื่นตัวในการตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการสหกรณ์อยู่ตลอด และควรส่งเสียงเมื่อพบความผิดปกติ การปล่อยให้คณะกรรมการจัดการเพียงผู้เดียว ส่วนสมาชิกรอเพียงการประชุมใหญ่ปลายปีอย่างเดิมคงไม่ได้แล้ว
http://www.posttoday.com/analysis/report/438770