[CR] Lost In Seoul หลงไปด้วยกัน 3 วัน 2 คืน ไม่หลับไม่นอนหลงแหลกลาน (รูปเยอะมาก)



[ รูปทั้งหมดจากกล้อง Sony A5000 ]

สวัสดีค่ะ เป็นกระทู้แรกในพันทิปหลังจากที่สิงและซุ่มอ่านมาเป็นเวลานาน โดยทริปนี้เราไปกับเพื่อน 3 คน (รวมเราด้วย) ไปกันเองแบบสั้นๆ 3 วัน 2 คืน จริงๆ แค่เริ่มต้นมันก็สนุกๆ มึนๆ แล้ว เรานัดไปกับเพื่อนสนิทในกลุ่มจองตั๋วเครื่องบินของ Air Asia X ช่วงลด 20% อยู่ที่ราคา 7,658 บาท รวมภาษีและกระเป๋า 20 กิโล ไปกลับก็ประมาณ 9,443 บาท บินในเวลาลี้ลับ ตีหนึ่ง 55 นาที (เวลาไทย) ถึงอินชอนตรงเวลาเป๊ะคือ 9 โมง 10 นาที (เวลาเกาหลี) ประมาณ 5 ชั่วโมงที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน มีเด็กร้องไห้เสียงดังแข่งกับเสียงพนักงานสาธิตการใช้อุปกรณ์บนเครืองบิน เรานั่งใกล้ทางออกฉุกเฉิน แอร์เดินมาบอกกับเราว่า หากเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุพร้อมจะฝากชีวิตไว้กับพวกเรา ให้ศึกษาวิธีเปิดทางออกฉุกเฉิน นี่กับเพื่อนทั้งง่วงและเครียดมาก วลีเด็ดในสไปเดอร์แมน ภาคแรก วิ่งเข้ามาในหัว "พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง" พอเครื่องขึ้นปุ๊ปก็หลับกับปั๊ป พลังอะไรไม่มีอีกต่อไปแล้ว แต่หลับๆ ตื่นๆ ที่สำคัญแอร์เย็นมากค่ะ ควรพกผ้าห่มขึ้นเครื่องหรือใส่เสื้อคลุมหนาๆ เป็นแฟชั่น winter on board กันไป

*gate ทางเข้าของ AirAsia X ค่อนข้างไกลและอยู่ลึกสุดใจ ดังนั้นเผื่อเวลา Check-In เอาไว้เยอะๆ นะคะ มานั่งเล่นใน แถวๆ Gate อุ่นใจกว่าวิ่งขาขวิด (เรื่องนี้จะเล่าให้ฟังขากลับค่ะ)

ทริปนี้เป็นทริปแรกในชีวิตที่ไปต่างประเทศ ตอนออกเดินทางฝนตกด้วย








หลังจากที่เดินทางมาถึงอินชอนในเวลา 9 โมง 10 นาทีเรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปตามทางยาวๆ ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงนาทีคับขัน แม้ที่อินชอนตอนนั้นจะไม่มีไก่เลยสักตัว คือเวลาผ่าน ตม. เพื่อจะเข้าไปลันลาในโซล เรากับเพื่อนเตรียมเอกสารเอาไว้ตามที่ได้ศึกษาข้อมูลกันมา มีพาสปอร์ต ใบตรวจคนเข้าเมือง ปริ้นรายละเอียดที่พัก พวกนามบัตรที่ทำงาน เอกสารทำงาน (ภาษาอังกฤษ) และบัตรเครดิต อะไรทำนองนั้น อ๋อ ควรแต่งกายให้สุภาพเข้าไว้ เริ่มต้นก็เดินไปตามทางเรื่อยๆ ไปเจอกับทางเข้าที่ลดเลี้ยวเป็นงู และ จะมีพนักงานเกาหลีให้เราต่อแถวที่คนน้อยๆ คนแล้วคนเล่าค่อยๆ โดนเรียกเข้าห้องเย็น (เขาเรียกกันมางี้) เราก็ใจสั่นระรัวแม้จะไม่มีใครตีกลองเลยสักคน ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดพี่เอย... พระเพื่อนพระแพงไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ โอเคต่อค่ะ คนหน้าเราหลุดไปห้องเย็นเฉยเลย แต่เราก็ต้องมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง และก็มาถึงตาเราค่ะ...

ก่อนจะไปถึงตม. เราจะต้องนั่งรถไฟฟ้า ประมาณ 10 นาที



เราเดินเข้าไปคนแรก เพื่อนที่มาด้วยกันต่อแถวอยู่ ก็เข้าไปสแกนนิ้วกับเครื่อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตม. ก็พลิกๆ ดูพาสปอร์ตของเรา เราเป็นพาสปอร์ตขาวนะ แต่เอกสารอย่างอื่นยังไม่ได้ยื่นไป ไฮไลท์คือเรานัดกับเพื่อนสะพายกล้องทุกคนทำตัวนักท่องเที่ยวสุดๆ =_=

จากนั้นเขาก็ถามเราเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ว่าเคยมีที่นี่กี่ครั้งแล้ว เคยมาพอ เราพิมพ์ผิด เราก็ตอบว่า This is my first time I come เฮีย. (พิมพ์เป็นอิ้งแล้วมันขึ้นรูปยิ้มติด e มาด้วยกลายเป็นคำหยาบคาย... คือออ) เจ้าหน้าที่ตม.ก็ โอ้ว พยักหน้า และถามว่ามากะใคร ในจังหวะนั้นเองเหมือนพระเจ้าเล่นตลก มีเคาเตอร์ข้างๆ เราอยู่ๆ ก็ชี้มาที่เรา เราเลยหันไป เขาถามเป็นภาษาเกาหลี (เราพอฟังออกเพราะเป็นติ่งและดูซีรี่ส์เกาหลีมาเยอะ) ถามประมาณว่า เราเป็นเพื่อนของคนที่ชี้มาหรอ เราก็ตอบว่า อานีโย คือเราตกใจ หลุดตอบไปเป็นภาษาเกาหลี =_= และสตั๊นไปแว๊บนึง จริงๆ เหมือนคนนั้นชี้คนข้างหลังเราค่ะ ก็เลยจบเรื่องกันไป (ยิ้มแห้ง) และพนักงานตม.ก็ถามเราว่ามากะเที่ยวกะใคร ซึ่งภาษาอังกฤษสำเนียงเกาหลีฟังยากพอควร (สำหรับเรา) เราได้ยินว่า long long ลองกองหรือเปล่าแต่เขาก็ไม่น่าหิว ก็เลย pardon? ไปหนึ่งทีเขาก็เลยทวนอีกครั้ง เราก็เลยชี้ไปเพื่อนที่มาด้วยกันอีก 2 คน เขาบอกให้เรียกเข้ามาด้วยกันเลย เราก็พยักหน้าเรียกเพื่อน จากนั้นก็พลิกพาสปอร์ตเราไปมา ตอนแรกคิดว่า โดนแน่ๆ เลยสาด เหมา 3 เข้าห้องเย็น แต่ปรากฏว่า พนักงานตม.ปั๊มตราประทับลงพาสปอร์ต

ตะโกนเหยดดดดดด!!! ในใจ รอดแล้วกู เพื่อนก็เลยยิ้มกริ่มไปตามๆ กัน จากนั้นก็ไปเอากระเป๋าและเดินทางสู่ ฮงแด ที่พักของเรา ย่านชิคๆ คูลๆ พ่อเป็นไก่แม่เป็นลูกอมฮอลล์


หลังจากผ่านตม. มาได้ก็ลากกระเป๋าเพื่อที่จะไปซื้อบัตร T-Money และเดินทางไปฮงแดค่ะ


ร้านนี้น่าคบหามาก มีโมเดลกระดาษ Marvel ด้วย แต่ว่ายังไม่เปิด ไม่เห็นมีคนขาย อาจเพราะยังเช้าอยู่



และก็เดินมาถึงเครื่องซื้อ T-Money ตอนแรกเราเดินไปร้านที่ติดป้ายขายบัตร T-Money ขอซื้อแต่ว่าเขาบอกให้เดินมาซื้อที่นี่ ความมึนและเบลอและง่วง อะไรก็แล้วแต่ก็เลยเดินมาซื้อแบบตั๋วเที่ยวเดียวไปก่อน เลือกเมนู English และก็เลือกสถานีปลายทางได้เลยค่ะ จากนั้นก็ใส่เงินไป ก็จะมีบัตรออกมา มีมัดจำบัตร 500 วอน จะมีตู้ให้สอดบัตรและเอามัดจำคืน (ปล. การเดินทางเข้าโซลมี 2 แบบ คือ รถไฟตรงถึงโซลไม่แวะสถานีอื่น กับ รถไฟที่แวะทุกสถานี


ทว่า! พอกดซื้อหยอดเงินไปปุ๊ป ปรากฎภาพงี้ หรือว่าเราจะไม่ได้ทำบุญก่อนเดินทาง แต่ก็มีพนักงานใจดีมีเวลาให้ เดินมาบอกว่ารออยู่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวไปเอาบัตรมาให้ เราก็เลยพยักหน้าหงึกหงักและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเอาไว้ 555555555555





รถไฟฟ้ามาพอดี เรากับเพื่อนก็รีบขาขวิดกลัวไม่ทัน ปรากฏว่าจอดรถอยู่นานพอสมควร เราก็เลยได้เข้ามานั่งพักกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 กว่านาทีจะถึงฮงแดค่ะ ที่สนามบินอินชอนมี wifi free ให้เล่นด้วย แต่ในรถไฟฟ้าก็มีแค่ไม่ฟรี =_=






บรรยากาศระหว่างทาง เป็น 40 กว่านาทีที่ดีมาก วิวข้างทางสวยมาก เลยคุยกับเพื่อนว่าอยากมาอีกและเที่ยวให้ทั่วเกาหลีใต้ไปเลย อากาศก็ดี มาตอนหน้าหนาวคงจะหนาวถึงขั้วหัวใจ

ปล. รถไฟฟ้าของที่นี่มีส่วนเฉพาะของที่นั่ง คนสูงอายุ และ คนพิการ คนท้อง คล้ายๆ กับบ้านเราค่ะ ดังนั้นสามารถนั่งได้ ไม่ผิดมารยาทแต่ถ้าพวกเขาขึ้นมาจะต้องลุกให้นั่งค่ะ

*ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฟังไม่ออก เพราะมีประกาศหลายภาษา เกาหลี อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และก็มีจอแสดงสถานีที่ใกล้จะถึงเหมือนบ้านเราเลย

พอมาถึงสถานี Hongdae ก็มีการหลงเกิดขึ้นเล็กน้อย ไม่มากๆ คือหาทางออกไม่ได้ 5555555555555555 แต่โชคดีที่มี kakaotalk ของที่พัก เขาเทคแคร์ดีมาก บอกทางมาอย่างละเอียดแต่ก็ยังแอบหลง มึนไปหมด สุดท้ายก็ออกมาจนได้ ทางออก 2 ค่ะ ที่ในรูปเป็น 7-11 นั่นเพราะห้องพักเราเช็คอินบ่าย 3 ก็เลยไปฝากกระเป๋าไว้ที่เจ้าของ จ่ายเงินเสร็จพร้อมซื้อไข่ wifi (รายละเอียดจะเล่าตอนได้เข้าห้องพักนะคะ) เลยเดินลงมาหาไรกินและสำรวจแถวๆ หอทันที ทำเวลามาก เลี้ยวมาก็เจอ 7-11 กรี๊ดกร๊าดบอกเพื่อน "เห่ย เห่ย เห่ยยยยย 7-11 เกาหลี" และก็ถ่ายรูปมา =_=



หลังจากนี้จะเป็นรูปแถวๆ ที่พักเราค่ะ เนื่องจากยังเช้า ร้านก็ยังไม่ค่อยเปิด อากาศภาคพื้นอยู่ที่ 26 องศาโดยประมาณ มีแดดแต่ไม่ร้อนค่ะ พวกเราไม่ใช่คนขี้ร้อนเท่าไหร่ด้วย
















สามารถปั่นจักรยานได้ค่ะ อากาศดี๊ดี


ศิลปะบนกำแพง หอยแครงลวก (อันนี้คำคล้องจองเฉยๆ)






มินิมาร์ทที่ร่ำลือกันว่ามีของอร่อยๆ


มีรถขายไอติมด้วย ถ่ายมาเฉยๆ ไม่ได้ซื้อกิน 55555555555

หลังจากเดินวนหาของกินก็ไปโผล่ที่ร้านนี้อยู่ในตึกตรงข้ามที่พัก จำชื่อตึกไม่ได้ ขออภัย คนเยอะมาก ก็เลยเข้าไปลองดู




เมนูไก่อะไรสักอย่าง น่ากินดีพร้อมเครืองเคียง ที่นี่จะมีน้ำเปล่า เป็นแบบบริการตนเองค่ะ เดินไปสั่งกับเคาเตอร์ แล้วก็ได้รับเครื่องสั่น (เครื่องที่เอาไว้เรียกตอนอาหารเสร็จ) เรานี่นั่งจ้องเลย สั่นสักที หิวมาก





ได้มาแล้ว อร่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยย รสชาติดีมาก มีความหวานของซอสเล็กๆ เนื้อไก่ก็นุ่ม เป็นมื้อแรกในฮงแดที่ดี ปรบมือค่ะ ชามนี้ประมาณ 6,000 วอน เกือบ 200 บาทไทย


หลังจากกินเสร็จก็เดินลงมาข้างล่างตึก เพื่อจะไปหาของหวานกินกัน


ด้านล่างซับเวย์จะเป็นร้านขาย giftshop ของที่ขายก็มีลดราคา แต่บางอย่างก็แอบแพงกว่าที่ไทย ดังนั้นก่อนซื้อก็คำนวณราคานิดนึง


คลัชนี้ตีเป็นเงินไทยประมาณ 300 บาทค่ะ





และก็มีถึงไฮไลท์แรกที่อยากจะทำ คือ กินพุดดิ้ง Starbucks!!! ร่ำลือเหลือเกินในทวิตเตอร์ว่าอร่อยยังงั้นยังงี้ ต้องลองดูให้ได้ ก็เลยเปิดประตูเข้ามา เจอเลยค่ะ มีอยู่ประมาณ 3 รส แต่เราเลือกช็อกโกแลต 3,300 วอน ประมาณ 100 บาทไทย อปป้าหล่อมาก พนักงานหน้าตาดี อันนี้อยากบอก


เนื้อนุ่ม ฟินลิ้นสุดๆ นั่งเคลิ้มกับเพื่อนอยู่ในร้าน อันนี้บรรยายสรรพคุณของพุดดิ้งนะคะ รสชาติหวานพอสมควร แต่ไม่ได้เลี่ยน อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกก ควรซื้อกลับวันสุดท้ายอย่าพลาดเชียวค่ะ


:: ต่อด้านล่างนะคะ จะทยอยลงเรื่อยๆ ไป 3 วัน 2 คืน แต่รูปเยอะมาก เราถ่ายแหลก ::
ชื่อสินค้า:   บันทึกนักเดินทาง,เกาหลีใต้,เที่ยวต่างประเทศ,อาหารเกาหลี,เครื่องสำอางเกาหลี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่