[CR] 2แรงม้า กรุงเทพ- น้ำตกเอราวัณ

วันนี้ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ของผมเผื่อใครจะปั่นมาน้ำตกเอราวัณแล้วยังไม่มีข้อมูลครับ

ทริบนี้ไม่ได้เตรียมอะไรมากครับเนื่องจากเวลาไม่ค่อยมีรวมถึงแรงด้วย 55+ ผมไปได้ไกลมากสุดแค่ 200 โล หาพิกัดในแผนว่ามีที่ไหนบางเลยได้ น้ำตกเอราวัณเป็นที่หมายครับ

ผมออกเดินทางวันเสาร์ที่ 18 มิ.ย.59 จากแยกเกียกกายเวลา ตี 5 ข้ามสะพานกรุงธนครับไปเส้นนครปฐมครับ สภาพอากาศในตอนนั้นฝนตกแต่เช้า ผมรู้สึกโชคดีมากเพราะอากาศเย็นแดดไม่ออกเลยทำให้ผมปั่นไปได้สบายๆ ถึงแม้ตัวจะเลอะหน่อยก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับผมเลย



ก่อนจะมาถึงร้าน “ฉางทอง” ต้มเลือดหมู ผมเกือบหลงเข้าไปในตัวเมืองราชบุรีเพราะปั่นเพลินไปหน่อย วนเสียเวลากลับรถจนมาถึงที่ร้านเวลาประมาณ 7 โมงกว่าๆ ระยะทางประมาณ 60 โล หลังจากกินเสร็จ ผมก็รีบไปต่อ


ขี่มาจนถึงท่ามะกาเริ่มมีกำลังใจ


อีกแค่ 111 กิโล


จนมาถึงระยะทาง 100 โลแรกผมเลยขอพักเติมพลังก่อน


ขี่มาจนถึงหนองเสือประมาณเที่ยง ผมเลยแวะกินข้าวเที่ยงต่อ


เสร็จจากข้าวเที่ยงก็ขี่ต่อมาเรื่อยๆ จนมาเจอสามแยกผมเลือกใช้ถนนเส้น 367 เลี่ยงเมืองไปผ่านค่ายสุรสีห์
แต่มีช่วงทำถนนเล็กน้อยและเริ่มมีเนินให้ไต่เล่นแล้ว


ผ่านมาซัก 130 โล ผมรู้สึกล้อหลังแปลกๆมันยุบๆยังไงก็บอกไม่ถูกตอนยืนโยกขึ้นเนินมา ลองจอดดู ปรากฏว่าลมเริ่มซึม โดยที่ผมไม่ได้เอาที่สูบกับที่งัดมาแต่ทะลึ่งเอาแต่ยางในติดตัวมา แถวนั้นก็ไม่มีร้านจักรยานเลย รู้สึกกังวลเล็กน้อยว่าจะไม่ถึงเลยรีบไปต่อ


คิดในใจว่าอีกประมาณ 60 โลจะถึงอุทยานป่าวว่ะ เพราะยางหลังเริ่มออกอาการอยู่ตลอดเวลาแล้วก็ไม่มีคนขี่จักรยานผ่านมาเลยขี่ๆไปก็ลงมาดูยางตลอด ในใจก็อยากโบกรถเหมือนกันแต่ลมก็ยังมีมันก็น่าจะถึงอยู่ พอมาถึงเขาชนไก่เลยพักอยู่แปบนึง คิดถึงสมัยเป็น นศท.


นับจากนี้เริ่มตื่นเต้นขึ้นทุกทีเพราะลมยางก็ใกล้จะหมด รวมถึงกำลังของผมด้วย สองข้างทางยังคงปกคลุมไปด้วยต้นไม้


ปั่นมาเรื่อยๆ ต้องมาเจอกับป้ายนี้ซึ่งไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว เพราะปกติผมจะปั่นในกรุงเทพหรือทางราบสะส่วนใหญ่


ผมเริ่มเช็คลมอีกรอบแต่มันเริ่มแย่แล้วเลยต้องกัดฟันรีบไปเพราะตอนลงเขาเริ่มตูดปัดบ้างแล้วช่วงนี้เป็นช่วงบดล้อหลัง เพราะเวลาขี่เสียงดังมาก หมาทุกบ้านไล่ผมทุกหลัง เวลาขี่ผ่านต้องเตรียมง้างเท้ารอไว้เผื่อมันจะมาทำร้ายเราแต่ก็ไม่มีอะไร พอเริ่มใกล้ถึงอุทยานผมเริ่มมีความมั่นใจเลยแวะกินเมล่อน แต่รสชาติคล้ายๆ แคนตาลูบมาก หวานมาก ณ ตอนนั้น


ทีแรกเห็นป้ายอุทยานก็คิดในใจว่าคงไม่มีอะไรแล้ว


หลังจากข้ามสะพานบ้านเจ้าเณร 1 มาก็พบว่าความคิดของผมเมื่อกี้มันไม่ใช่ล่ะ มันยังมีเนินให้ไต่เล่นก่อนเข้าอุทยานผมก็ยังคงบดล้อหลังไปให้ถึงให้ได้ จุดหมายอยู่แค่ปลายนิ้วแล้วตอนนี้


และแล้วก็มาถึงจนได้โดยค่าเข้าอุทยานเสียไปประมาณ 80 บาทรวมจักรยานแล้วก็ถือว่าไม่แพงเพราะผมไม่ได้เสียค่ารถมา แต่ล้อหลังจะเอายังไงดีเพราะตอนนี้ยังไม่เจอกลุ่มคนขี่จักรยานเลย


โชคดีเจอพี่คนนึงขี่จักรยานเสือหมอบมา พี่เค้าไม่มีที่งัด แต่มีสูบ คิดในใจว่าสูบแล้วพรุ่งนี้มันก็ซึมหมดแล้ว แต่พี่เค้ามีน้ำใจมากเราช่วยกันสูบสักพักก็ได้เจอกับ พี่กลุ่มจักรยานมากัน 3 คน ผมจึงไปถามว่าพี่มีที่งัดกับที่สูบไหม


โชคดีว่าพี่ๆเค้าพกมาด้วย เลยติดต่อเรื่องเต็นท์เสร็จก็ไปจัดการกับล้ออยู่หน้าเต้นท์ ค่าเช่าเต้นท์ รวมกับเช่าหมอนกับผ้าห่มด้วย
ราคาประมาณ 200 บาทครับ

หลังจากนั้นก็นั่งคุยเล่นกับพี่ๆสักซักจึงแยกย้ายกันเข้านอน


ระหว่างนั้นอากาศร้อนมากๆซึ่งก่อนหน้านี้ จนท. อุทยานบอกว่าฝนไม่ตกเลยถ้าตกก็เหมือน จิ๊งหรืดเยี่ยว ประมาณเที่ยงคืนฝนกตกลงมาหนักมาชนิดที่ว่า ตรงกันข้ามกับ พี่ จนท. บอกมา น้ำเข้ามาในเต๊นท์ผมนอนไม่ได้เลยมันเปียกไปหมด เลยต้องออกมาเดินเล่นจนเช้าเผื่อให้เสื้อผ้าแห้ง แล้วค่อยไปงีบต่ออีกหน่อย


เช้ามาอากาศดีมากๆ ผิดจากเมื่อคืนที่ฝนตกหนักมีหมอกให้ดูเล็กน้อย พี่ๆที่ขี่จักรยานมาชวนผมไปเล่นน้ำตกก็ตามพี่เค้าไปด้วย



เล่นน้ำกันอยู่สักพักใหญ่ปลาก็ตอดดีจัง เสื้อผมก็มีมาแค่ 2 ชุดเท่านั้น ใส่มา ใส่กลับ จึงต้องตากแดดให้แห้งไม่งั้นได้ลงซีม่าแน่นอน


เล่นน้ำเสร็จเตรียมกลับบ้านกันแล้วตอนนี้ ผมเลือกใช้บริการ รถหวานเย็นครับรถออกทุก 1 ชั่วโมง เพราะขี้เกียจปั่นกลับ โดยมีพี่ๆมาด้วย 3 คน นำจักรยานใส่ด้านหลังรถ 4 คัน เนื่องจากรถคันนี้ไม่มีตะแกรงบนหลังคาครับ จ่ายไป 100 บาทครับ


ออกมาจากอุทยานตอนเที่ยงมาถึงเกือบบ่ายสองหลังจากนั้นก็ไปซื้อตั๋วรถไฟกันครับ ตรงนี้เสียทั้งหมดแล้ว 90 บาทครับ


ปกติรถไฟจะออกเวลาบ่ายสองครับแต่วันนั้นเลทไปเกือบ 4 โมงเย็นเลยพี่เค้าเลยพาไปเที่ยวสะพานแม่น้ำแคว


มาถึงสักพักรถไฟก็มาเจอพี่ๆกลุ่มจักรยานอีก 5 คนไม่เหงาเลยทีนี้


นั่งคุยกันมาเกือบตลอดทางพวกผม 4 คน ลงกันที่ตลิ่งชันประมาณ 6โมงกว่าๆ แล้วผมก็ตัวแยกกลับบ้านเลย


ขอบคุณมิตรภาพที่ดีครับ (พี่ปอนด์ พี่หนึ่ง พี่กุ้ง และพี่เสื้อส้มที่ขี่เสือหมอบ) มากครับ หากไม่ได้พี่ๆผมคงไม่สามารถขี่กลับบ้านได้


สุดท้ายนี้แรงบันดาลใจผมมากจากอาจารย์พายแห่งสำนัก En-Bike ผู้ที่พาผมไปเสียตัว เอ้ย เสียเลือดมา ทุกที่ ล้มทุกตารางนิ้ว เหนื่อยทุกกิโลเมตร
ชื่อสินค้า:   gt zaskar
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่