ก้าวเดินและเคลื่อนไหวท่ามกลางสายฝนเป็นครั้งแรก ในรอบหลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่พยายามหลีกเลี่ยงสายฝนเพราะกลัวเปียกปอนมานานวัน
ลังเลอยู่นานในตอนเช้า ว่าจะเริ่มต้นในวันนี้ดีไหม เพราะวันที่คิดว่าจะเริ่มต้นใหม่ ถูกทักทายด้วยสายฝนที่เทลงมาตั้งแต่เมื่อคืน แม้ในตอนรุ่งเช้าฝนจะซาเม็ดลงไปบ้าง แต่ความหนาวเย็นที่ทิ้งไว้ และเม็ดฝนที่ยังโปรยปราย ทำให้ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่หลายครั้งกว่าจะตัดสินใจ
...อุปสรรคแม้จะแวะมาทักทาย แต่ก็ไม่ได้หนักหนาเกินเผชิญ มันอาจเพียงเข้ามาหยั่งเชิง ดูความแน่วแน่ของจิตใจ รอเวลาที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่ามันหรือเรากันแน่ที่จะยอมสยบให้แก่กัน...
เมื่อตกลงใจได้ ผมเลือกที่จะไม่ใส่ชุดกันฝน แม้เธอจะเตือนผมว่าระวังจะเป็นหวัดเป็นไข้
ผมอยากจะสัมผัสสายฝน อยากรู้สึกถึงความเปียกปอนและชุ่มเย็นที่ได้รับจากมัน หลังจากที่ปล่อยให้ชีวิตและตัวตน ซ่อนตัวอยู่กับภาระการงาน ภาระทางบ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย ปล่อยให้ชีวิตแห้ง และแห้ง จนมันเริ่มห่อเหี่ยว ผมหวังเพียงว่าการสัมผัสสายฝนครั้งนี้อาจจะทำให้ผมระลึกหรือจำได้บ้างว่า...ความชุ่มบานในชีวิตคืออะไร...
รู้สึกเย็นในสัมผัสแรกที่สัมผัสกับเม็ดฝน ไม่นานรู้สึกว่าความร้อนในตัวระอุขึ้น สายฝนที่โปรยปรายไม่หนักมากทำให้ความเย็นไม่อาจเอาชนะความร้อนระอุในตัว ขณะที่เคลื่อนไหวร่างกายจึงรู้สึกเย็นเย็น ร้อนร้อนตลอดทางเดิน ไม่ได้รู้สึกเย็นสบายอย่างที่ใจหวัง
...เข้าสู่รอบที่สามความเหนอะหนะก็เข้ามาทักทาย...
สภาพของผมในตอนนี้ก็คือ...เหนอะหนะและเปียกปอน และไม่ได้รู้สึกเย็นสบาย(กาย)...แต่ผมไม่ได้สนใจมัน เมื่อค้นพบสิ่งหนึ่งในขณะที่เคลื่อนไหว ผมค้นพบว่า...การเคลื่อนไหวท่ามกลางสายฝนนั้นใจไม่ได้ทุกข์ทรมาน มีเพียงกายเท่านั้นที่อาจจะรู้สึกไม่สบายบ้าง (การเคลื่อนไหวท่ามกลางแสงแดดก็เป็นเช่นเดียวกัน) และเราก้าวเดินหรือก้าววิ่งท่ามกลางสายฝนได้ แม้จะเหนอะหนะ เปียกปอน และไม่เย็นสบายกาย...
สายฝนในตอนเช้าทำให้ผมคิดถึงอดีตมากกว่าคิดถึงอนาคต...คุณว่ามันแปลกไหม...ผมคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คิดถึงเพื่อน คิดถึงผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คิดถึงเรื่องราวที่เราได้ใช้เวลา ทำบางสิ่งบางอย่างด้วยกัน...แต่ขณะที่ความโหยหากำลังจะเข้ามาครองงำจิตใจ ฝนเม็ดใหญ่ก็เทลงมา
...มันคงกลัวว่าผมจะลืมคิดถึงปัจจุบันและอนาคต...
ก้าวย่างท่ามกลางสายฝน
ลังเลอยู่นานในตอนเช้า ว่าจะเริ่มต้นในวันนี้ดีไหม เพราะวันที่คิดว่าจะเริ่มต้นใหม่ ถูกทักทายด้วยสายฝนที่เทลงมาตั้งแต่เมื่อคืน แม้ในตอนรุ่งเช้าฝนจะซาเม็ดลงไปบ้าง แต่ความหนาวเย็นที่ทิ้งไว้ และเม็ดฝนที่ยังโปรยปราย ทำให้ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่หลายครั้งกว่าจะตัดสินใจ
...อุปสรรคแม้จะแวะมาทักทาย แต่ก็ไม่ได้หนักหนาเกินเผชิญ มันอาจเพียงเข้ามาหยั่งเชิง ดูความแน่วแน่ของจิตใจ รอเวลาที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่ามันหรือเรากันแน่ที่จะยอมสยบให้แก่กัน...
เมื่อตกลงใจได้ ผมเลือกที่จะไม่ใส่ชุดกันฝน แม้เธอจะเตือนผมว่าระวังจะเป็นหวัดเป็นไข้
ผมอยากจะสัมผัสสายฝน อยากรู้สึกถึงความเปียกปอนและชุ่มเย็นที่ได้รับจากมัน หลังจากที่ปล่อยให้ชีวิตและตัวตน ซ่อนตัวอยู่กับภาระการงาน ภาระทางบ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย ปล่อยให้ชีวิตแห้ง และแห้ง จนมันเริ่มห่อเหี่ยว ผมหวังเพียงว่าการสัมผัสสายฝนครั้งนี้อาจจะทำให้ผมระลึกหรือจำได้บ้างว่า...ความชุ่มบานในชีวิตคืออะไร...
รู้สึกเย็นในสัมผัสแรกที่สัมผัสกับเม็ดฝน ไม่นานรู้สึกว่าความร้อนในตัวระอุขึ้น สายฝนที่โปรยปรายไม่หนักมากทำให้ความเย็นไม่อาจเอาชนะความร้อนระอุในตัว ขณะที่เคลื่อนไหวร่างกายจึงรู้สึกเย็นเย็น ร้อนร้อนตลอดทางเดิน ไม่ได้รู้สึกเย็นสบายอย่างที่ใจหวัง
...เข้าสู่รอบที่สามความเหนอะหนะก็เข้ามาทักทาย...
สภาพของผมในตอนนี้ก็คือ...เหนอะหนะและเปียกปอน และไม่ได้รู้สึกเย็นสบาย(กาย)...แต่ผมไม่ได้สนใจมัน เมื่อค้นพบสิ่งหนึ่งในขณะที่เคลื่อนไหว ผมค้นพบว่า...การเคลื่อนไหวท่ามกลางสายฝนนั้นใจไม่ได้ทุกข์ทรมาน มีเพียงกายเท่านั้นที่อาจจะรู้สึกไม่สบายบ้าง (การเคลื่อนไหวท่ามกลางแสงแดดก็เป็นเช่นเดียวกัน) และเราก้าวเดินหรือก้าววิ่งท่ามกลางสายฝนได้ แม้จะเหนอะหนะ เปียกปอน และไม่เย็นสบายกาย...
สายฝนในตอนเช้าทำให้ผมคิดถึงอดีตมากกว่าคิดถึงอนาคต...คุณว่ามันแปลกไหม...ผมคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คิดถึงเพื่อน คิดถึงผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คิดถึงเรื่องราวที่เราได้ใช้เวลา ทำบางสิ่งบางอย่างด้วยกัน...แต่ขณะที่ความโหยหากำลังจะเข้ามาครองงำจิตใจ ฝนเม็ดใหญ่ก็เทลงมา
...มันคงกลัวว่าผมจะลืมคิดถึงปัจจุบันและอนาคต...