ท่ามกลางการแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรทัศน์ตลอดช่วง 2ปีที่ผ่าน จากการเริ่มออกอากาศทีวีดิจิทัล “ช่องใหม่”
ผู้นำเรทติ้งฟรีทีวีรายเดิม "ช่อง7" เดินหน้ารุกตลาดและเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่แคมเปญ “ถึงใจ ถึงอารมณ์” ต่อเนื่องด้วย “คอนเทนเนอร์” หรือ“คัดแล้วคัดอีก” และ “ความสุขครบรส กดเบอร์เดียว 35” ที่เปิดตัวช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อรักษาฐานผู้ชมกลุ่มเดิมและขยายฐานกลุ่มคนเมือง ตอกย้ำผู้นำเรทติ้งฟรีทีวี "จอหลัก"ตั้งแต่ยุคอนาล็อกถึงระบบดิจิทัล
พร้อมเดินเกมรุกต่อเนื่อง ในยุคสังคมออนไลน์ขยายตัวสูง ด้วยการพัฒนา"ดิจิทัล แพลตฟอร์ม" เพื่อตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมรับชมทีวีผ่าน "หน้าจออื่นๆ" (Second Screen)
จักรพันธ์ ลีละมาสวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีบีทีวี นิว มีเดีย จำกัด บริษัทในเครือสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 กล่าวว่า "บีบีทีวี นิวมีเดีย" ได้รับนโยบายจากบริษัทแม่ช่อง7 ให้จัดตั้งเป็นบริษัทลูกตั้งแต่ปี 2550 เพื่อดูแลสื่อดิจิทัลของ ช่อง7
มาถึงวันนี้เป็นเวลา 9 ปีและก้าวสู่ปีที่ 10 ในปีนี้
โดยเริ่มเข้าสู่สื่อออนไลน์ ในยุคที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีสัดส่วนราว 20% ของประชากรไทย แต่เป็นเทรนด์ที่ต้องขยับตัวเร็ว จากแนวโน้มต่างประเทศมาในทิศทางดังกล่าวและเชื่อว่าตลาดไทยจะไปในแนวทางเดียวกัน จากการวิเคราะห์ข้อมูลสื่อดิจิทัล พฤติกรรมผู้บริโภค และการเติบโตของตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ช่อง7 จึงมุ่งพัฒนาช่องทางการรับชมออนไลน์ที่ตอบโจทย์ผู้ชมที่ไม่สะดวกรับชมผ่านจอทีวี
"ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยปัจจุบันมีสัดส่วน 50% ของประชากร เป็นการตอกย้ำนโยบายรุกสื่อออนไลน์ของสถานีฟรีทีวีกลุ่มแรก เพื่อนำคอนเทนท์ช่อง7 ตอบโจทย์ผู้ชมในทุกช่องทาง"
เว็บไซต์'ดูสด-ย้อนหลัง'
จุดเริ่มต้นเข้าสู่ดิจิทัล แพลตฟอร์มในขณะนั้นเป็นยุคของ"เว็บไซต์" ซึ่งช่อง7 เชื่อว่าจะเป็นสื่อที่ "ทุกคน" เข้าถึงได้ในอนาคต ไม่ต่างจาก"สื่อทีวี" จากปัจจัยจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายโทรคมนาคม
ขณะนั้นจำนวนผู้ชมเว็บไซต์หลักของสถานี ch7.com ยังมีไม่มากนัก เป็นลักษณะการให้ข้อมูลผังออกอากาศ ข้อมูลละครที่ออนแอร์ ดารา นักแสดง รายการข่าว กีฬา หลังจากบีบีทีวีเข้ามาดูแลสื่อออนไลน์ช่อง7 ด้วยเป้าหมายสนับสนุนให้ตัวเลขผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น จึงเพิ่มฟังก์ชั่นการให้บริการรับชมสดรูปแบบ "ไลฟ์ สตรีมมิ่ง"ในปี2551 พบว่าได้รับการตอบรับดีจากผู้ชม
จากนั้นเดินหน้าลงทุนระบบและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อต่อยอดรูปแบบการนำเสนอคอนเทนท์ในทุกช่องทาง โดยทางสถานีเริ่มเจรจาซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนท์ครอบคลุมสื่อออนไลน์พ่วงทีวี เพื่อนำมาออกอากาศผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์ม
พร้อมตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ชมที่พลาดการรับชมสดทั้งจอหลักและไลฟ์ สตรีมมิ่ง จึงพัฒนาเว็บไซต์ Bugaboo.tv ดูช่อง7 "ย้อนหลัง"ในปี 2555 รูปแบบอินเทอร์เน็ตทีวี เป็นช่องทางการรับชมรายการย้อนหลังของสถานีและคอนเทนท์อื่นๆ นอกจากช่อง7 โดยมีทั้งที่ผลิตรายการเองและเอ็กซ์คูลซีพ พาร์ทเนอร์ รวมทั้งเป็นอีกช่องทางสำคัญเสริมจอหลักทีวี กรณีถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาที่ต้องยิงสดหลายรายการหรือหลายแมตช์แข่งขันพร้อมกัน
"ช่อง7 มีสื่อออนไลน์ที่รองรับการดูสดและดูย้อนหลัง เรียกว่าเรามีทุกช่องทางตอบโจทย์การรับชมทีวีในยุคนี้ โดยไม่ต้องอาศัยแพลตฟอร์มอื่น"
ปัจจุบันเว็บไซต์ดูรายการสด ch7.com มีผู้เข้าชมกว่า 1.7 ล้านUIP/เดือน รวมกว่า 22 ล้านเพจวิว/เดือน ส่วนเว็บไซต์ดูย้อนหลัง Bugaboo.tv มีผู้เข้าชมกว่า 2 ล้านUIP/เดือน รวมกว่า 30 ล้านเพจวิว/เดือน โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกเดือนจากการเพิ่มคอนเทนท์ใหม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่ถ่ายทอดสดกีฬาดังบางเดือนเพจวิวเพิ่มขึ้น 30-35 ล้านวิว
'3แอพ'ตอบโจทย์จอที่สอง
ในยุคที่"สมาร์ทโฟน" กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและดูทีวีแบบ"ทุกที่ทุกเวลา"ของผู้ชมในยุคนี้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่
จักรพันธ์ กล่าวว่าช่วง 5 ปีก่อนผู้ชมเข้าเว็บไซต์ช่อง7 ผ่านเดสก์ท็อป 75% ปัจจุบันกว่า 60% ใช้งานผ่านมือถือ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าเดิมและกลุ่มใหม่ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนและการขยายโครงข่ายมือถือในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสของสถานีที่จะเข้าถึงผู้ชมผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น
ที่ผ่านมาได้พัฒนา"แอพพลิเคชั่น" สำหรับชมคอนเทนท์ช่อง7 ตอบโจทย์การรับชม"จออื่นๆ" (Second Screen)
โดยมี 3 แอพหลัก คือ BBTV CH7 รูปแบบดูสด ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดกว่า 6.8 ล้านครั้ง ,แอพ Bugaboo.tv ดูช่อง7ย้อนหลังและคอนเทนท์อื่นๆ มียอดดาวน์โหลดกว่า 3 ล้านครั้ง และแอพ DO 7 HD (ดู-เจ็ด-เอชดี) รูปแบบ Second Screen อินเตอร์แอ็คทีฟทีวี พัฒนาจากพฤติกรรมผู้ชมทีวีปัจจุบันที่สัดส่วนกว่า 77% เล่นมือถือหรือใช้งานจอที่สองพร้อมดูทีวีจอหลัก จึงเป็นเครื่องมือสร้างการเชื่อมโยงกับผู้ชม ทั้งลูกเล่นกดเช็คอินรายการที่กำลังชมทางช่อง7, ตอบคำถามขณะที่ละครหรือรายการกำลังออกอากาศเพื่อสะสมคะแนน แลกรับของรางวัล ถือเป็น"ลอยัลตี้ โปรแกรม"ของสถานีกับผู้ชม
แอพดูเจ็ด เอชดี เปิดตัวซีซันแรกปีก่อน มียอดดาวน์โหลด 2.5แสนครั้ง มียอดอินเตอร์แอคทีฟ 10 ล้านครั้ง ส่วนปีนี้เปิดตัวซีซัน2 วางเป้าหมายยอดดาวน์โหลดถึงสิ้นปีนี้ 1 ล้านครั้ง วางเป้าหมายยอดอินเตอร์แอคทีฟเพิ่มขึ้น 100%
"การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มของช่อง7 ทุกรูปแบบทั้งดูสด ย้อนหลัง และจออื่นๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตปัจจุบันของผู้ชมทีวี"
เสริมทัพคอนเทนท์ออนไลน์
นอกจากภารกิจพัฒนาดิจิทัล แพลตฟอร์มตอบโจทย์ผู้ชมช่อง7 ในทุกช่องทาง บีบีทีวียังเดินหน้าสร้าง "คอนเทนท์"ทั้งสื่อออฟไลน์ ป้อนช่อง7 และสื่อออนไลน์ ผ่าน Bugaboo.tv ทั้งเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น ด้วยเป้าหมายดึงผู้ชมให้ใช้เวลาอยู่กับสื่อดิจิทัลของสถานีนานขึ้น
สำหรับรายการทางช่อง 7 มี 2 รายการ คือ "นอนดูหนัง" ทุกวันจันทร์ เวลา 1.10-1.40 น. และ "พรุ่งนี้ฉันจะลดความอ้วน" ทุกวันอังคาร เวลา 1.40-2.10 น. ส่วนรายการออนไลน์หลักๆจะเป็นรายการเกี่ยวกับอาหาร เทคโนโลยี ดราม่าซีรีส์ ซึ่งถือเป็นฐานผู้ชมแมสในกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
การสร้างคอนเทนท์ออนไลน์ซีรีส์ "ชีวิต 800" ทั้ง 2 ตอนที่ผ่านมา โดยนำกระทู้ที่น่าสนใจจากพันทิปมาสร้างสรรค์เป็นซีรีส์ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนสู้ชีวิตและมีกำลังใจในการใช้ชีวิต ได้ผลตอบรับดีจากผู้ชม มียอดกว่า 6 ล้านวิว และยังมีการรับชมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจุบันบีบีทีวี นิวมีเดีย ถือเป็นสื่อครบวงจรทั้งผู้พัฒนาดิจิทัล แพลตฟอร์มให้ช่อง7 และผลิตคอนเทนท์ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
ตอบโจทย์เรทติ้ง'มัลติสกรีน'
พฤติกรรมการดูทีวีรูปแบบ "มัสติ สกรีน" ของผู้บริโภคในยุคนี้ รวมทั้งการพัฒนาดิจิทัล แพลตฟอร์มของสื่อทีวีเพื่อตอบโจทย์ผู้ชมในปัจจุบัน
จักรพันธ์ กล่าวว่าทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีการรับชมทีวีและพฤติกรรมผู้ชมผ่านมัลติ สกรีน บริษัทจึงให้ความสำคัญกับระบบการวัดประสิทธิภาพการใช้พื้นที่โฆษณาผ่านสื่อออนไลน์และการวัดเรทติ้งคอนเทนท์ในทุกจอของการรับชมยุคนี้
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมานีลเส็น ประเทศไทย ได้เริ่มบริการ"โททอล ออเดียนซ์" ด้วยการวัดเรทติ้งแคมเปญโฆษณาทั้งบนทีวีและออนไลน์ (Digital Ad Ratings) เพื่อสำรวจข้อมูลผู้ชมที่รับชมโฆษณาออนไลน์ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรวัดเรทติ้งโฆษณาออนไลน์กับนีลเส็นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการใช้บริษัทตัวกลางวัดผลและรายงานข้อมูลการรับชมโฆษณาให้ลูกค้าและแบรนด์ต่างๆ ในการวางแผนสื่อเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ ช่วยสร้างความมั่นใจใช้พื้นที่โฆษณากับดิจิทัล แพลตฟอร์มของช่อง7 มากขึ้น
ปีนี้นีลเส็น ได้ขยายบริการวัดเรทติ้ง "ทีวี คอนเทนท์"มัลติ สกรีน หรือ Digital Content Ratings (DCR) ซึ่งเป็นการวัดความนิยมคอนเทนท์จากจออื่นๆ รวมกับจอทีวี เพื่อรายงานเป็นตัวเลขเรทติ้งผู้ชมระบบเดียวกัน โดยช่อง7ได้ร่วมทำงานกับนีลเส็น ในการวัดเรทติ้งคอนเทนท์ทีวีดังกล่าวด้วยเช่นกัน นีลเส็นจะเริ่มรายงานผลเรทติ้งคอนเทนท์ทีวี รูปแบบมัลติ สกรีนของช่อง7 ในเดือน ส.ค.นี้
การวัดเรทติ้งทีวีมัลติ สกรีนในปีนี้ จะช่วยยืนยันคอนเทนท์ที่แข็งแกร่งช่อง7 ที่เข้าถึงผู้ชมได้"ทุกจอ"
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/703198
กลยุทธ์'บีบีทีวี นิวมีเดีย'บูมดิจิทัลแพลตฟอร์ม'ช่อง7'
ผู้นำเรทติ้งฟรีทีวีรายเดิม "ช่อง7" เดินหน้ารุกตลาดและเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่แคมเปญ “ถึงใจ ถึงอารมณ์” ต่อเนื่องด้วย “คอนเทนเนอร์” หรือ“คัดแล้วคัดอีก” และ “ความสุขครบรส กดเบอร์เดียว 35” ที่เปิดตัวช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อรักษาฐานผู้ชมกลุ่มเดิมและขยายฐานกลุ่มคนเมือง ตอกย้ำผู้นำเรทติ้งฟรีทีวี "จอหลัก"ตั้งแต่ยุคอนาล็อกถึงระบบดิจิทัล
พร้อมเดินเกมรุกต่อเนื่อง ในยุคสังคมออนไลน์ขยายตัวสูง ด้วยการพัฒนา"ดิจิทัล แพลตฟอร์ม" เพื่อตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมรับชมทีวีผ่าน "หน้าจออื่นๆ" (Second Screen)
จักรพันธ์ ลีละมาสวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีบีทีวี นิว มีเดีย จำกัด บริษัทในเครือสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 กล่าวว่า "บีบีทีวี นิวมีเดีย" ได้รับนโยบายจากบริษัทแม่ช่อง7 ให้จัดตั้งเป็นบริษัทลูกตั้งแต่ปี 2550 เพื่อดูแลสื่อดิจิทัลของ ช่อง7
มาถึงวันนี้เป็นเวลา 9 ปีและก้าวสู่ปีที่ 10 ในปีนี้
โดยเริ่มเข้าสู่สื่อออนไลน์ ในยุคที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีสัดส่วนราว 20% ของประชากรไทย แต่เป็นเทรนด์ที่ต้องขยับตัวเร็ว จากแนวโน้มต่างประเทศมาในทิศทางดังกล่าวและเชื่อว่าตลาดไทยจะไปในแนวทางเดียวกัน จากการวิเคราะห์ข้อมูลสื่อดิจิทัล พฤติกรรมผู้บริโภค และการเติบโตของตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ช่อง7 จึงมุ่งพัฒนาช่องทางการรับชมออนไลน์ที่ตอบโจทย์ผู้ชมที่ไม่สะดวกรับชมผ่านจอทีวี
"ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยปัจจุบันมีสัดส่วน 50% ของประชากร เป็นการตอกย้ำนโยบายรุกสื่อออนไลน์ของสถานีฟรีทีวีกลุ่มแรก เพื่อนำคอนเทนท์ช่อง7 ตอบโจทย์ผู้ชมในทุกช่องทาง"
เว็บไซต์'ดูสด-ย้อนหลัง'
จุดเริ่มต้นเข้าสู่ดิจิทัล แพลตฟอร์มในขณะนั้นเป็นยุคของ"เว็บไซต์" ซึ่งช่อง7 เชื่อว่าจะเป็นสื่อที่ "ทุกคน" เข้าถึงได้ในอนาคต ไม่ต่างจาก"สื่อทีวี" จากปัจจัยจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายโทรคมนาคม
ขณะนั้นจำนวนผู้ชมเว็บไซต์หลักของสถานี ch7.com ยังมีไม่มากนัก เป็นลักษณะการให้ข้อมูลผังออกอากาศ ข้อมูลละครที่ออนแอร์ ดารา นักแสดง รายการข่าว กีฬา หลังจากบีบีทีวีเข้ามาดูแลสื่อออนไลน์ช่อง7 ด้วยเป้าหมายสนับสนุนให้ตัวเลขผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น จึงเพิ่มฟังก์ชั่นการให้บริการรับชมสดรูปแบบ "ไลฟ์ สตรีมมิ่ง"ในปี2551 พบว่าได้รับการตอบรับดีจากผู้ชม
จากนั้นเดินหน้าลงทุนระบบและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อต่อยอดรูปแบบการนำเสนอคอนเทนท์ในทุกช่องทาง โดยทางสถานีเริ่มเจรจาซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนท์ครอบคลุมสื่อออนไลน์พ่วงทีวี เพื่อนำมาออกอากาศผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์ม
พร้อมตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ชมที่พลาดการรับชมสดทั้งจอหลักและไลฟ์ สตรีมมิ่ง จึงพัฒนาเว็บไซต์ Bugaboo.tv ดูช่อง7 "ย้อนหลัง"ในปี 2555 รูปแบบอินเทอร์เน็ตทีวี เป็นช่องทางการรับชมรายการย้อนหลังของสถานีและคอนเทนท์อื่นๆ นอกจากช่อง7 โดยมีทั้งที่ผลิตรายการเองและเอ็กซ์คูลซีพ พาร์ทเนอร์ รวมทั้งเป็นอีกช่องทางสำคัญเสริมจอหลักทีวี กรณีถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาที่ต้องยิงสดหลายรายการหรือหลายแมตช์แข่งขันพร้อมกัน
"ช่อง7 มีสื่อออนไลน์ที่รองรับการดูสดและดูย้อนหลัง เรียกว่าเรามีทุกช่องทางตอบโจทย์การรับชมทีวีในยุคนี้ โดยไม่ต้องอาศัยแพลตฟอร์มอื่น"
ปัจจุบันเว็บไซต์ดูรายการสด ch7.com มีผู้เข้าชมกว่า 1.7 ล้านUIP/เดือน รวมกว่า 22 ล้านเพจวิว/เดือน ส่วนเว็บไซต์ดูย้อนหลัง Bugaboo.tv มีผู้เข้าชมกว่า 2 ล้านUIP/เดือน รวมกว่า 30 ล้านเพจวิว/เดือน โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกเดือนจากการเพิ่มคอนเทนท์ใหม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่ถ่ายทอดสดกีฬาดังบางเดือนเพจวิวเพิ่มขึ้น 30-35 ล้านวิว
'3แอพ'ตอบโจทย์จอที่สอง
ในยุคที่"สมาร์ทโฟน" กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและดูทีวีแบบ"ทุกที่ทุกเวลา"ของผู้ชมในยุคนี้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่
จักรพันธ์ กล่าวว่าช่วง 5 ปีก่อนผู้ชมเข้าเว็บไซต์ช่อง7 ผ่านเดสก์ท็อป 75% ปัจจุบันกว่า 60% ใช้งานผ่านมือถือ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าเดิมและกลุ่มใหม่ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนและการขยายโครงข่ายมือถือในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสของสถานีที่จะเข้าถึงผู้ชมผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น
ที่ผ่านมาได้พัฒนา"แอพพลิเคชั่น" สำหรับชมคอนเทนท์ช่อง7 ตอบโจทย์การรับชม"จออื่นๆ" (Second Screen)
โดยมี 3 แอพหลัก คือ BBTV CH7 รูปแบบดูสด ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดกว่า 6.8 ล้านครั้ง ,แอพ Bugaboo.tv ดูช่อง7ย้อนหลังและคอนเทนท์อื่นๆ มียอดดาวน์โหลดกว่า 3 ล้านครั้ง และแอพ DO 7 HD (ดู-เจ็ด-เอชดี) รูปแบบ Second Screen อินเตอร์แอ็คทีฟทีวี พัฒนาจากพฤติกรรมผู้ชมทีวีปัจจุบันที่สัดส่วนกว่า 77% เล่นมือถือหรือใช้งานจอที่สองพร้อมดูทีวีจอหลัก จึงเป็นเครื่องมือสร้างการเชื่อมโยงกับผู้ชม ทั้งลูกเล่นกดเช็คอินรายการที่กำลังชมทางช่อง7, ตอบคำถามขณะที่ละครหรือรายการกำลังออกอากาศเพื่อสะสมคะแนน แลกรับของรางวัล ถือเป็น"ลอยัลตี้ โปรแกรม"ของสถานีกับผู้ชม
แอพดูเจ็ด เอชดี เปิดตัวซีซันแรกปีก่อน มียอดดาวน์โหลด 2.5แสนครั้ง มียอดอินเตอร์แอคทีฟ 10 ล้านครั้ง ส่วนปีนี้เปิดตัวซีซัน2 วางเป้าหมายยอดดาวน์โหลดถึงสิ้นปีนี้ 1 ล้านครั้ง วางเป้าหมายยอดอินเตอร์แอคทีฟเพิ่มขึ้น 100%
"การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มของช่อง7 ทุกรูปแบบทั้งดูสด ย้อนหลัง และจออื่นๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตปัจจุบันของผู้ชมทีวี"
เสริมทัพคอนเทนท์ออนไลน์
นอกจากภารกิจพัฒนาดิจิทัล แพลตฟอร์มตอบโจทย์ผู้ชมช่อง7 ในทุกช่องทาง บีบีทีวียังเดินหน้าสร้าง "คอนเทนท์"ทั้งสื่อออฟไลน์ ป้อนช่อง7 และสื่อออนไลน์ ผ่าน Bugaboo.tv ทั้งเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น ด้วยเป้าหมายดึงผู้ชมให้ใช้เวลาอยู่กับสื่อดิจิทัลของสถานีนานขึ้น
สำหรับรายการทางช่อง 7 มี 2 รายการ คือ "นอนดูหนัง" ทุกวันจันทร์ เวลา 1.10-1.40 น. และ "พรุ่งนี้ฉันจะลดความอ้วน" ทุกวันอังคาร เวลา 1.40-2.10 น. ส่วนรายการออนไลน์หลักๆจะเป็นรายการเกี่ยวกับอาหาร เทคโนโลยี ดราม่าซีรีส์ ซึ่งถือเป็นฐานผู้ชมแมสในกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
การสร้างคอนเทนท์ออนไลน์ซีรีส์ "ชีวิต 800" ทั้ง 2 ตอนที่ผ่านมา โดยนำกระทู้ที่น่าสนใจจากพันทิปมาสร้างสรรค์เป็นซีรีส์ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนสู้ชีวิตและมีกำลังใจในการใช้ชีวิต ได้ผลตอบรับดีจากผู้ชม มียอดกว่า 6 ล้านวิว และยังมีการรับชมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจุบันบีบีทีวี นิวมีเดีย ถือเป็นสื่อครบวงจรทั้งผู้พัฒนาดิจิทัล แพลตฟอร์มให้ช่อง7 และผลิตคอนเทนท์ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
ตอบโจทย์เรทติ้ง'มัลติสกรีน'
พฤติกรรมการดูทีวีรูปแบบ "มัสติ สกรีน" ของผู้บริโภคในยุคนี้ รวมทั้งการพัฒนาดิจิทัล แพลตฟอร์มของสื่อทีวีเพื่อตอบโจทย์ผู้ชมในปัจจุบัน
จักรพันธ์ กล่าวว่าทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีการรับชมทีวีและพฤติกรรมผู้ชมผ่านมัลติ สกรีน บริษัทจึงให้ความสำคัญกับระบบการวัดประสิทธิภาพการใช้พื้นที่โฆษณาผ่านสื่อออนไลน์และการวัดเรทติ้งคอนเทนท์ในทุกจอของการรับชมยุคนี้
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมานีลเส็น ประเทศไทย ได้เริ่มบริการ"โททอล ออเดียนซ์" ด้วยการวัดเรทติ้งแคมเปญโฆษณาทั้งบนทีวีและออนไลน์ (Digital Ad Ratings) เพื่อสำรวจข้อมูลผู้ชมที่รับชมโฆษณาออนไลน์ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรวัดเรทติ้งโฆษณาออนไลน์กับนีลเส็นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการใช้บริษัทตัวกลางวัดผลและรายงานข้อมูลการรับชมโฆษณาให้ลูกค้าและแบรนด์ต่างๆ ในการวางแผนสื่อเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ ช่วยสร้างความมั่นใจใช้พื้นที่โฆษณากับดิจิทัล แพลตฟอร์มของช่อง7 มากขึ้น
ปีนี้นีลเส็น ได้ขยายบริการวัดเรทติ้ง "ทีวี คอนเทนท์"มัลติ สกรีน หรือ Digital Content Ratings (DCR) ซึ่งเป็นการวัดความนิยมคอนเทนท์จากจออื่นๆ รวมกับจอทีวี เพื่อรายงานเป็นตัวเลขเรทติ้งผู้ชมระบบเดียวกัน โดยช่อง7ได้ร่วมทำงานกับนีลเส็น ในการวัดเรทติ้งคอนเทนท์ทีวีดังกล่าวด้วยเช่นกัน นีลเส็นจะเริ่มรายงานผลเรทติ้งคอนเทนท์ทีวี รูปแบบมัลติ สกรีนของช่อง7 ในเดือน ส.ค.นี้
การวัดเรทติ้งทีวีมัลติ สกรีนในปีนี้ จะช่วยยืนยันคอนเทนท์ที่แข็งแกร่งช่อง7 ที่เข้าถึงผู้ชมได้"ทุกจอ"
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/703198