ถ้าเป้าหมายในการเดินทางของคุณคือการทิ้งตัวลงท่ามกลางธรรมชาติและเสียงคลื่น นอนมองฟ้า มองทะเล ในบรรยากาศช่วยชะล้างจิตใจคุณจากความกังวล ความเมื่อยล้าทางใจจากโลกภายนอก ขอเชื้อเชิญคุณมายังสถานที่แห่งหนึ่งที่คุณจะสามารถสัมผัสถึงโลกอีกใบ ที่ต่างจากบ้านและที่ทำงานโดยสิ้นเชิง "la a natu"
LET'S GO!!!
อนุสาวรีย์ชัยฯ จุดเริ่มต้นของหลายๆปลายทาง ในวันนี้จุดหมายของเราคือ "la a natu" หากใครไม่ได้ขับรถไปเองผมขอแนะนำให้ไปที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เพราะมีรถไปถึงที่รีสอร์ทเลย
ขึ้นรถเดินทางได้ที่วินตู้ใต้ทางด่วน
รถตู้จระเข้ปราณ พาเราไปถึงที่หน้ารีสอร์ทเลย ค่าบริการ 260บาท ต่อ คน แค่เพียงบอกว่าไป "la a natu"
(และจะมีคิวรถตู้อีกหนึ่งบริษัทที่ให้บริการคือ หนุมาน)
กลับมาที่ Lobby ของ La A Natu ที่นี่ดูแล้วไม่ใช่รีสอร์ทที่มีความหรูหราเท่าไหร่ แต่เต็มไปด้วยความประณีตในทุกรายละเอียด ที่ใช้วัสดุธรรมชาติในการตกแต่ง มองไปรอบๆก็เห็นบรรยากาศของนาขั้นบันไดที่มีหุ่นไล่กายืนอยู่ และเรือนพักที่หลังคามุงด้วยฟางทำให้รู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก เพราะประสบการณ์ที่จะได้พบกับบรรยากาศเช่นนี้ช่างหาได้ยากจากที่อื่นจริงๆ
[SR] รีวิว la a natu Bed & Bakery ปราณบุรี สัมผัสชนบท ท้องไร่ท้องนาสไตล์บาลี บรรยากาศที่หาได้ยาก แต่ไม่ไกลจากเมือง
LET'S GO!!!
อนุสาวรีย์ชัยฯ จุดเริ่มต้นของหลายๆปลายทาง ในวันนี้จุดหมายของเราคือ "la a natu" หากใครไม่ได้ขับรถไปเองผมขอแนะนำให้ไปที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เพราะมีรถไปถึงที่รีสอร์ทเลย
ขึ้นรถเดินทางได้ที่วินตู้ใต้ทางด่วน
รถตู้จระเข้ปราณ พาเราไปถึงที่หน้ารีสอร์ทเลย ค่าบริการ 260บาท ต่อ คน แค่เพียงบอกว่าไป "la a natu"
(และจะมีคิวรถตู้อีกหนึ่งบริษัทที่ให้บริการคือ หนุมาน)
นั่งรถมา 3 - 4 ชั่วโมงก็มาถึงที่ทางเข้ารีสอร์ท เมื่อลงมาจากรถตู้ก็สัมผัสได้ถึงความร้อนระอุของเดือนพฤษภาคม มองไปฝั่งตรงข้ามมีร้านน้ำปั่นเล็กๆ ด้วยอากาศร้อนสิ่งแรกที่นึกถึงคือ แอร์ในห้องพัก
*หากต้องการเสบียงเครื่องดื่มติดต่อที่ร้านน้ำปั่นได้เลยเขาจะจัดหามาให้
เมื่อหันหลังให้ถนนใหญ่ก็รีบมุ่งเดินฝ่าอากาศร้อนไปตามทางสู่รีสอร์ท
เพราะนึกถึงแต่แอร์เย็นๆในห้องพัก แบบยังไม่รู้ว่าต้องเดินไกลแค่ไหน
แต่เพียงไม่กี่นาทีก็มีรถกอล์ฟขับมาตามทางลูกรังมารับเพื่อเข้าสู่รีสอร์ท
ปล. ใครที่นำรถส่วนตัวมา ทางรีสอร์ทมีลานจอดรถไว้บริการ อยู่บริเวณทางเข้าก่อนถึงรีสอร์ท และ จะมีรถกอล์ฟมารับ
หลังจากที่นั่งรถตามถนนลูกรังมาถึงรีสอร์ทแม้จะไม่เรียกว่ากันดาร แต่ก็พอสัมผัสถึงความขโยกเขยกได้บ้าง และรู้ว่าจากปากทางถึงรีสอร์ทไม่ได้ไกลมากนัก
สิ่งหนึ่งที่นึกถึงตอนแรกกลับลืมไปสนิท นั่นคือ “แอร์ในห้องพัก” เพราะความร่มรื่นเย็นสบายภายในรีสอร์ทและการตกแต่งที่ให้รู้สึกสบายใจทันทีเมื่อแรกเห็น และที่ดึงดูดความสนใจก็คือ สะพานไม้ไผ่สาน
สะพานไม้ไผ่สานช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับรีสอร์ทนี้อย่างมาก เพราะก่อนที่พนักงานต้อนรับจากทำเรื่องเข้าพักเสร็จก็อดใจไม่ได้ที่จะขึ้นมาบนสะพานนี้ แม้ยังว่าไม่รู้ว่าปลายทางของสะพานนั้นคืออะไรแต่มันก็น่าสนใจไม่น้อย
เมื่อขึ้นมายืนบนสะพานก็เห็นว่าข้างบนนั้นมีร้านอาหารของรีสอร์ท และพอมองออกไปอีกสิ่งที่มองเห็นนั่นคือท้องฟ้ากับทะเล
ระหว่างที่เดินอยู่บนสะพานหันกลับมามองด้านข้างก็เห็นนาขั้นบันไดและเรือนพักที่ปลุกสร้างด้วยวัสดุธรรมชาติ
บรรยากาศนาไร่และธรรมชาติทำให้สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดโดยอัตโนมัติ
กลับมาที่ Lobby ของ La A Natu ที่นี่ดูแล้วไม่ใช่รีสอร์ทที่มีความหรูหราเท่าไหร่ แต่เต็มไปด้วยความประณีตในทุกรายละเอียด ที่ใช้วัสดุธรรมชาติในการตกแต่ง มองไปรอบๆก็เห็นบรรยากาศของนาขั้นบันไดที่มีหุ่นไล่กายืนอยู่ และเรือนพักที่หลังคามุงด้วยฟางทำให้รู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก เพราะประสบการณ์ที่จะได้พบกับบรรยากาศเช่นนี้ช่างหาได้ยากจากที่อื่นจริงๆ
เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศนาขั้นบันได สัญลักษณ์ของรีสอร์ทนี้ก็คือน้องควาย ตุ๊กตาน้องควายมีอยู่หลายๆมุมของรีสอร์ทรวมถึงในห้องพักด้วย
ส่วนที่พักสำหรับคืนนี้เป็นแบบ Tropical Village เป็นที่พักริมนาขั้นบันไดใต้ถุนสูงเหมือนกับบ้านที่อยู่ในชนบท มีเตียงที่ปูด้วยผ้าขาวม้าอยู่บริเวณใต้ถุนเห็นแล้วน่านั่งเล่น และยังมีอ่างอาบน้ำที่ให้เราสามารถนอนแช่น้ำท่ามกลางธรรมชาติได้
ในส่วนของห้องนอนก็ตกแต่งได้เข้ากับบรรยากาศด้านนอก เตียงนอนและของตกแต่งก็ใช้วัสดุธรรมชาติ และอุปกรณ์ทำมาหากินในชนบท
ห้องน้ำซึ่งแยกออกมาจากห้องนอน ได้บรรยากาศที่แตกต่างไปอีกแบบ
อุปกรณ์ ของใช้ส่วนตัว ก็จัดเตรียมไว้ให้พร้อม
ส่วนที่ภูมิใจนำเสนอคือ "ฝักบัว" สายน้ำที่นุ่มสบายซึ่งหาได้ยากจากที่ไหน
สระว่ายน้ำอยู่ที่ส่วนบนสุดของรีสอร์ท สามารถมองเห็นวิวทะเลไกลๆได้
กลับมาพูดสะพานไม้ไผ่ที่กล่าวไว้ในตอนแรก เมื่อเดินมาจนสุดทางก็จะมาพบหาดทรายสงบสวยงาม มีเรือนพักน่ารัก ต้นไม้และทางเดินเล็กๆเข้ากับบรรยากาศ รู้สึกอยากปล่อยใจทิ้งตัวไว้กับที่นี่นานๆ
บรรยากาศร้านอาหาร ที่เงียบสงบ สบายสไตล์ "la a natu"
อาหารเย็นที่นี้รสชาติถือว่าดีเลยทีเดียว และ รู้เลยว่าที่นี่เขาใช้วัตถุที่สดใหม่แน่นอน
กุ้งผัดพริกไทยดำ
ปีกไก่ทอดยัดไส้
ต้มยำซีฟู้ดน้ำข้น
ตบท้ายด้วย ผลไม้ตามฤดูกาล
หลังจากเสร็จภาระกิจกับอาหารมื้อค่ำก็ได้เวลาเดินเล่นริมหาดและบริเวณรอบรีสอร์ทในบรรยากาศค่ำคืน
ความเป็นธรรมชาติ แสงไฟสีเหลือง เสียงจักจั้น จิ้งหรีด ทำให้รู้สึกกลับไปอยู่ในชนบทอีกครั้ง
หากต้องการที่ประชุมในบรรยายกาศใกล้ชิดธรรมชาติ ที่นี่เหมาะมากๆ
วันแรกหมดอย่างรวดเร็ว ไปกับความเพลิดเพลินในธรรมชาติ และ บรรยากาศของ "la a natu"
จะมาต่อวันที่ 2 ในส่วนของบรรยากาศยามเช้า, อาหารเช้า และ ไฮไลท์ของที่นี้คือ Afternoon Tea
ไม่นานเกินรอ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น