เงินสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่นเจตนาจะตามเอาเงินกับพระธัมมชโยหรือจะเอาผิดให้จงได้
ก่อนอื่นผมต้องออกตัวไว้ก่อนนะว่าไม่ใช่สาวกสำนักไหนทั้งนั้นครับ
กรณีเส้นทางการฟอกเงินสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ตกเป็นกรณีดราม่า(มากๆ) เฉพาะพระธัมมชโยจนกลายเป็นว่า
คนไทยทั้งประเทศเข้าใจว่าพระธัมมชโยคือจำเลยแต่เพียงผู้เดียวซะงัน ยังไม่พออยู่แค่นี้ครับ เหล่าผู้อยู่ตรงข้ามกับพระธัมมชโย ก็ดราม่าต่อได้อีก โดยหยิบยกประเด็นบิดเบือนพระธรรมคำสอนมาตีกิน ซึ่งมันคนละประเด็นกับคดีความทางโลก ซึ่งให้คนหลงใหลศรัทธาบริจาคเงินเข้ามาเพียงเพราะอยากไปสวรรค์ บ้างล่ะ โอ้ย...นี้ถ้าเอาไปพูดในชั้นศาลคงต้องเสียค่าป่วยการในการฟังการอ่านสำนวนคดีแน่เลย 555
ในส่วนของเงินกับพระธัมมชโยและพระลูกวัดรวมถึงที่ดินของวัดรวมกันแล้วเงินทั้งหมดนั่น 932 ล้านบาทขี้ปะติ๋วมากมายหากบวกลบคูณหารออกมาจากเงินทั้งหมด
ซึ่งผมจะพามาดูเส้นทางการเงินสหกรณ์ที่ DSI ส่งฟ้องพอจะสรุปผลได้มาได้ดังนี้นะครับ
หลักฐานคือเช็คสั่งจ่ายของสหกรณ์ฯลงนามโดย นาย ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน 878 ฉบับ เป็นวงเงินทั้งสิ้น 11,367 ล้านบาท สั่งจ่ายให้กับกลุ่มบุคคล 6 กลุ่ม
ข้อมูลอ้างอิง
http://thaipublica.org/2015/03/credit-unions-klongchan_51/
วันที่ 16 มีนาคม 2558 ศาลจังหวัดธัญบุรี นัดคู่ความ คดีดำหมายเลข พ.736/2557 ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ระหว่างโจทย์ คือ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยื่นฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานคณะกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำเลยที่ 1, พระเทพญาณมหามุณี หรือพระธัมมชโย จำเลยที่ 2 และวัดพระธรรมกาย จำเลยที่ 3 เพื่อติดตามทรัพย์สินของสหกรณ์ฯกลับคืนมา
ต่อมาลูกศิษย์วัดลงขันจ่ายคืน 684.78 ล้านบาท
และผลจากการเจรจาไกล่เกลี่ย สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้ถอนฟ้องคดีจำเลยที่ 2 และ 3 พร้อมกับทำหนังสือยินยอมไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาต่อไปอีก แสดงว่าจบกันด้วยดีแล้วซินะ
ส่วนที่เหลืออีก 130 ล้านบาท ยังคงดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 ต่อไป นางประภัสสรกล่าว
สรุปความหมายความว่า ยังเหลือกับพระธัมมชโย 130 ล้านบาท
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ เงิน 130 ล้านบาท DSI จะเอาผิดพระธัมมชโยให้จงได้ ทั้งที่เงินทั้งหมดหมื่นกว่าล้าน DSI กำลังทำอะไรอยู่ถึงได้ตามเอาผิดอยู่แค่เพียงเศษเล็กเศษน้อยของเงินก่อนใหญ่นั่น
กับความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่จะบุกเข้าไปจับพระธัมมชโยทั้งที่มีลูกศิษย์ลูกหานับไม่ถ้วนคอยตอนรับอยู่ มันคุ้มค่ามั้ยหากแต่ DSI จะเอาเวลาไปตามเงินหมื่นกว่าล้านนั่นจะไม่ดีกว่ามาป่วยการกับ 130 ล้านนี้อีกนะผมว่า
เรื่องนี้ผมสงสัยว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติก็ด้วยก่อนหน้านี้มีกระแสสนับสนุนพระธัมมชโยเป็นพระสังฆราชองค์ต่อไปด้วยหรือไม่
เพราะฉะนั้นจึงพยามเป็นพิเศษที่เอาผิดให้จงได้ หรือป่าว
เงินสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่นเจตนาจะตามเอาเงินกับพระธัมมชโยหรือจะเอาผิดให้จงได้
ก่อนอื่นผมต้องออกตัวไว้ก่อนนะว่าไม่ใช่สาวกสำนักไหนทั้งนั้นครับ
กรณีเส้นทางการฟอกเงินสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ตกเป็นกรณีดราม่า(มากๆ) เฉพาะพระธัมมชโยจนกลายเป็นว่า
คนไทยทั้งประเทศเข้าใจว่าพระธัมมชโยคือจำเลยแต่เพียงผู้เดียวซะงัน ยังไม่พออยู่แค่นี้ครับ เหล่าผู้อยู่ตรงข้ามกับพระธัมมชโย ก็ดราม่าต่อได้อีก โดยหยิบยกประเด็นบิดเบือนพระธรรมคำสอนมาตีกิน ซึ่งมันคนละประเด็นกับคดีความทางโลก ซึ่งให้คนหลงใหลศรัทธาบริจาคเงินเข้ามาเพียงเพราะอยากไปสวรรค์ บ้างล่ะ โอ้ย...นี้ถ้าเอาไปพูดในชั้นศาลคงต้องเสียค่าป่วยการในการฟังการอ่านสำนวนคดีแน่เลย 555
ในส่วนของเงินกับพระธัมมชโยและพระลูกวัดรวมถึงที่ดินของวัดรวมกันแล้วเงินทั้งหมดนั่น 932 ล้านบาทขี้ปะติ๋วมากมายหากบวกลบคูณหารออกมาจากเงินทั้งหมด
ซึ่งผมจะพามาดูเส้นทางการเงินสหกรณ์ที่ DSI ส่งฟ้องพอจะสรุปผลได้มาได้ดังนี้นะครับ
หลักฐานคือเช็คสั่งจ่ายของสหกรณ์ฯลงนามโดย นาย ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน 878 ฉบับ เป็นวงเงินทั้งสิ้น 11,367 ล้านบาท สั่งจ่ายให้กับกลุ่มบุคคล 6 กลุ่ม
ข้อมูลอ้างอิง http://thaipublica.org/2015/03/credit-unions-klongchan_51/
วันที่ 16 มีนาคม 2558 ศาลจังหวัดธัญบุรี นัดคู่ความ คดีดำหมายเลข พ.736/2557 ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ระหว่างโจทย์ คือ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยื่นฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานคณะกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำเลยที่ 1, พระเทพญาณมหามุณี หรือพระธัมมชโย จำเลยที่ 2 และวัดพระธรรมกาย จำเลยที่ 3 เพื่อติดตามทรัพย์สินของสหกรณ์ฯกลับคืนมา
ต่อมาลูกศิษย์วัดลงขันจ่ายคืน 684.78 ล้านบาท
และผลจากการเจรจาไกล่เกลี่ย สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้ถอนฟ้องคดีจำเลยที่ 2 และ 3 พร้อมกับทำหนังสือยินยอมไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาต่อไปอีก แสดงว่าจบกันด้วยดีแล้วซินะ
ส่วนที่เหลืออีก 130 ล้านบาท ยังคงดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 ต่อไป นางประภัสสรกล่าว
สรุปความหมายความว่า ยังเหลือกับพระธัมมชโย 130 ล้านบาท
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ เงิน 130 ล้านบาท DSI จะเอาผิดพระธัมมชโยให้จงได้ ทั้งที่เงินทั้งหมดหมื่นกว่าล้าน DSI กำลังทำอะไรอยู่ถึงได้ตามเอาผิดอยู่แค่เพียงเศษเล็กเศษน้อยของเงินก่อนใหญ่นั่น
กับความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่จะบุกเข้าไปจับพระธัมมชโยทั้งที่มีลูกศิษย์ลูกหานับไม่ถ้วนคอยตอนรับอยู่ มันคุ้มค่ามั้ยหากแต่ DSI จะเอาเวลาไปตามเงินหมื่นกว่าล้านนั่นจะไม่ดีกว่ามาป่วยการกับ 130 ล้านนี้อีกนะผมว่า
เรื่องนี้ผมสงสัยว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติก็ด้วยก่อนหน้านี้มีกระแสสนับสนุนพระธัมมชโยเป็นพระสังฆราชองค์ต่อไปด้วยหรือไม่
เพราะฉะนั้นจึงพยามเป็นพิเศษที่เอาผิดให้จงได้ หรือป่าว