
หลังจากได้นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่มในคืนแรกกลางมหานครโตเกียวเรียบร้อยแล้วนั้น ก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่อไปในวันที่ 2 ของทริป มุ่งขึ้นตะวันตกเฉียงเหนือสู่ Gunma Prefecture โดยในวันนี้จะเดินทางโดยรถยนต์ที่ผมได้จองไว้กับ บริษัท Nippon-Rent-a-Car ซึ่งบริษัทฯนี้ให้บริการรถเช่าขับในญี่ปุ่น มีการคิดค่าเช่าทั้งใน Rate แบบชั่วโมง และแบบรายวัน ราคาต่อชั่วโมงหรือต่อวัน ก็จะเป็นไปตามรูปแบบของรถที่เราเลือก ซึ่งถือว่าราคาต่อวันก็ไม่ได้แพงมากนัก หากเลือกเช่ารถรุ่นเล็กที่เป็น K-Class (Subcompact) จะราคาถูก ประมาณ 7,000 เยน/วัน โดยหากเลือกเช่า 3 วัน แล้วเรานำรถมาคืนก่อนเวลา เขาจะมีการคืนเงินส่วนต่างของชั่วโมงที่เราไม่ได้ใช้งานให้อีกด้วย นอกจากนี้ Nippon-Rent-a-Car ยังได้ให้ความสะดวกกับผู้ใช้บริการในการรับรถด้วย โดยมีจุดรับรถกระจายอยู่ตามเมืองสำคัญรอบเกาะญี่ปุ่น หากเป็นเมืองใหญ่ เช่น โตเกียว ก็จะยิ่งมีจุดรับรถจำนวนมากขึ้น โดยผมได้เลือกจุดรับรถที่อยู่ใต้ Tokyo Station ฝั่ง Yaesu นั่นแหละครับ ดังนั้น หากได้มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากเที่ยวไปตามเมืองเล็กๆ อยากแวะไหนก็จอดที่นั่นได้ ก็แนะนำให้ลองทำใบขับขี่สากลที่กรมขนส่งทางบกและเช่ารถขับดู เนื่องจากการขับขี่ในญี่ปุ่นค่อนข้างคล้ายกับในประเทศไทยของเรา ขับพวงมาลัยขวาเหมือนบ้านเรา ส่วนในเรื่องของเส้นทางนั้น ผมใช้พี่กู (Google Map) นั่นเองแหละครับ

- อ อ ก ไ ป วั น นี้ -
09:00 am : ออกเดินทางจากจุดรับรถ Tokyo Station
11:30 am : แวะร่อนวัดดารุมะจิ จังหวัด Takasaki
13:00 pm : ชิมราเม็งสูตร Takasaki
16:00 pm : เดินทางถึง Takaragawa Onsen
17:00 pm : แช่ออนเซ็นและรับประทานอาหารแบบ Bento Set

สำหรับการเดินทางในวันนี้ จะใช้ทางด่วนสาย Kan-etsu ตลอดทั้งวัน โดยจะมุ่งสู่ วัดดารุมะจิ แห่งเซียวรินซัน (Syorinzan Darumaji) เป็นจุดแรก ก่อนจะแวะชิมราเม็งเมือง Takasaki แล้วขึ้นเขาไปแช่ออนเซ็นกันที่ Takaragawa Onsen ระยะทางรวมอยู่ที่ประมาณ 207 กิโลเมตร

รถที่เลือกเช่ามาได้แก่ Nissan Wingroad ทะเบียน 97-23 ครับ

แน่นอนครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามากนัก ผมเลือกทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของ Tokyo Station Hotel ซึ่งมีอาหารให้เลือกรับประทานมากมาย ที่ผมประทับใจมาก คือ ไข่ Omelette สอดไส้สตูว์เนื้อ เป็นสูตรที่ไม่เคยได้ลองที่ไหนมาก่อน โดยพ่อครัวได้ทอดไข่จนได้ที่ในระดับหนึ่ง แล้วตักสตูว์เนื้อที่ทำสุกแล้ว ราดลงตรงกลางไข่ ก่อนจะพับตัวไข่ 4 ด้านปิดล้อมให้เป็นไข่สอดไส้นั่นเอง
หลังจากอิ่มหนำเรียบร้อย จึงเดินทะลุใต้สถานี Tokyo Station พร้อมกระเป๋าเดินทางใบเล็ก (ใบใหญ่ฝากไว้ที่โรงแรม) เพื่อไปรับเจ้า Nissan คู่ใจทางฝั่ง Yaesu และออกจากจุดรับรถใต้ Tokyo Station มุ่งขึ้นตะวันตกเฉียงเหนือด้วยทางด่วนสาย Kan-etsu Expy ผ่าน Saitama Prefecture เข้าสู่ Gunma Prefecture ลงทางด่วนป้ายจังหวัด Takasaki ขับผ่านตัวเมือง Takasaki พบทางเข้าวัดดารุมะจิซึ่งต้องขับขึ้นเนินเขาเล็กๆ ฝั่งซ้ายมือของเส้นทางหลัก ก็จะถึงลานจอดรถเล็กกระจิ๋วหลิวของ Syorinzan Darumaji แล้วจ้า ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 1 ชม. 50 นาที เป็นระยะทางทั้งหมด 129 กิโลเมตร (สาเหตุที่เดินทางได้ช้า เนื่องจากประเทศญี่ปุ่น มี Speed Limit อยู่ที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
- สั้นๆ เกี่ยวกับวัดดารุมะจิ -
เท่าที่พอจะทราบมาก็คือวัดนี้เป็นถิ่นกำเนิดของตุ๊กตาดารุมะ ซึ่งคนญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่าเป็นตุ๊กตานำโชค โดยส่วนมากก็จะซื้อตุ๊กตาดารุมะเพื่อขอพรในแต่ละปี โดยวิธีการขอพรนั้น คนญี่ปุ่นจะใช้หมึกเขียนตาให้กับดารุมะเพียงข้างเดียวก่อน เพื่อเป็นการขอพร แล้วจะใช้แรงกายแรงใจของตัวเองทำให้พรที่ตนขอเป็นความจริง หากสิ่งที่ตนขอเป็นจริง จึงจะมาเขียนตาข้างที่เหลือให้ในปีถัดไป ทั้งนี้ ตุ๊กตาดารุมะที่คนญี่ปุ่นถือว่าสิ้นสุดหน้าที่แล้ว ก็จะถูกนำมาวางไว้ที่วัดแห่งนี้

จากลานจอดรถนั้น สามารถเดินเข้าสู่บริเวณวัดได้ทันที โดยจะอยู่ทางด้านขวาของลานจอด เข้ามาซักพัก จะพบทางเข้าเป็นบันไดขึ้นไปตัววัดซึ่งอยู่บนยอดเนิน โดยทางเดินจากลานจอดรถมาถึงบันไดนั้น มีร้านขายของที่ระลึกอยู่ทางซ้ายมือ

ก่อนจะถึงบันไดทางขึ้นบริเวณตัววัด จะมีกระบวยตักน้ำเพื่อล้างมือตามธรรมเนียมของญี่ปุ่น และในระหว่างทางขึ้น จะมีบริเวณที่เรียกได้ว่าเป็นป่าที่มีต้นไม้ร่มรื่นอุดมสมบูรณ์ พร้อมกลิ่นดินกลิ่นน้ำแบบธรรมชาติให้เราได้สัมผัสตลอดทาง


เมื่อขึ้นมาด้านบน เราก็พบตัววัดซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก ตรงกลางมีระฆัง 3 ใบ ขนาบซ้ายขวาด้วยกองตุ๊กตาดารุมะที่สิ้นสุดหน้าที่ และมีผู้นำมาไว้ที่วัดแล้ว บรรยากาศรอบๆ ก็สบายๆ ตามสไตล์วัดญี่ปุ่นในต่างจังหวัด อากาศเย็นกว่าใน Tokyo (ซึ่งร้อนเหลือเกินในเดือนพฤษภาคม) มีต้นไม้ร่มรื่น ทางด้านขวามีร้านขายของที่ระลึกเป็นเพิงเล็กๆ มีตุ๊กตาดารุมะตัวยักษ์ให้ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย บริเวณวัดด้านบนนั้นก็เป็นแบบวัดเล็กๆ จึงใช้เวลาเดินเล่นดูบรรยากาศ และไหว้พระไม่นานมาก (เราก็ทำพิธีไหว้พระแบบไทย เพราะไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของญี่ปุ่น)

กลับลงมาด้านล่างบริเวณเชิงเนิน จะมีสวนเล็กๆ มีตุ๊กตาจิโซ (เชื่อกันว่าเป็นเทพพิทักษ์เด็ก) ตั้งอยู่ในสวน และมีบริเวณให้เดินเล่นพอสนุกสนาน ผมได้มีโอกาสเห็นใบไม้สีแปลกๆ อยู่บ้างในบริเวณวัด แต่ด้วยความที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับพืชพันธ์ุไม้ เลยไม่รู้ว่าเป็นต้นไม้อะไร ใบอะไร ส่วนมากก็เลยจะใช้วิธีถ่ายรูปมา แล้วเก็บไว้ถามเพื่อนคนญี่ปุ่นเวลาที่เขามาเที่ยวไทย
สรุปแล้ว โดยรวมการมาเยี่ยมชมวัดดารุมะจิ ก็ได้ความประทับมากพอสมควร ถ้าหากชอบบรรยากาศบ้านๆ ชนบทของญี่ปุ่น บรรยากาศวัดญี่ปุ่น อากาศบริสุทธิ์ ขอแนะนำให้ลองมาเยี่ยมชมครับ นอกจากจะได้เห็นธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นของเมือง Takasaki แล้ว ยังได้มีโอกาสได้ไหว้พระ เข้าวัดเข้าวา อีกด้วย

หากมีเวลาก็สามารถเที่ยวชมบรรยากาศในเมือง Takasaki ได้ เท่าที่สังเกตดู ฝั่งซ้ายขวาของทางเข้าเมืองมีร้านอาหารน่าไปโดนอยู่หลายร้าน โดยในวันที่เดินทางไปนั้น ขาออกได้ขับผ่านร้าน Ramen อยู่ร้านหนึ่ง ก็ได้เลี้ยวเข้าไปลอง Ramen สูตร Takasaki ซึ่งรสชาติไม่แพ้ Ramen ร้านเด็ดๆ ในประเทศไทยเลยทีเดียว

หลังจากอิ่มท้องแล้ว จึงขับมุ่งขึ้นเหนือโดยทางด่วนสาย Kan-etsu Expy เช่นเคย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงชิดซ้ายลงทางด่วนป้ายจังหวัด Minakami เมื่อลงจากทางด่วนมา ถนนก็เริ่มคดเคี้ยวและเป็นไปในลักษณะขึ้นภูเขา เมื่อผ่านช่องเขาเข้าสู่ตัวเมือง Minakami สองข้างทางเป็นบ้านคนและร้านอาหารน่ารักๆ กลางหุบเขา รวมถึงมีโรงแรมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำร้อน Minakami Onsen อีกด้วย แต่จะมาแช่ Onsen ทั้งที เราต้องไปให้สุดกว่านั้น
เมื่อรถวิ่งขึ้นภูเขามาได้ระยะหนึ่ง ก็มีอุโมงค์ให้ลอดตัดผ่านใต้ภูเขา เพื่อวิ่งไปสู่ภูเขาอีกฟากหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำร้อนธรรมชาติอันมีชื่อเสียงของ Gunma Prefecture นามว่า Takaragawa Onsen นั่นเอง ทั้งนี้ ใช้เวลาเดินทางจากวัดดารุมะจิ ประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที รวมเป็นระยะทาง 78 กิโลเมตร

Takaragawa Onsen เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติและโรงแรมที่พักสำหรับผู้ที่ต้องการแช่น้ำร้อนพร้อมกับการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เนื่องจากบ่อน้ำร้อนที่นี่ได้รับน้ำแร่ธรรมชาติของแท้จากภูเขามาให้ผู้เข้าพักได้แช่กันอย่างเต็มอิ่ม เมื่อเข้าสู่บริเวณ Lobby โรงแรมแบบเรียวกังนั้น จะมีพนักงานต้อนรับมายืนรอ เพื่อให้ความสะดวกสบายในการ check in และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ภายในบริเวณโรงแรม จากนั้นก็จะพาผู้เข้าพักไปเลือกชุดยูกาตะ เพื่อใช้ใส่ในบริเวณโดยรอบพร้อมรองเท้าสานแบบญี่ปุ่น โดยเราจะต้องถอดรองเท้าของเราฝากพนักงานไว้ และใช้รองเท้าสานเดินในโรงแรมเท่านั้น
[CR] เที่ยวไม่ง้อรถไฟ ขอไปตะลุย Gunma ด้วยตัวเอง (Exploring North Western Japan Trip) Day 2
หลังจากได้นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่มในคืนแรกกลางมหานครโตเกียวเรียบร้อยแล้วนั้น ก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่อไปในวันที่ 2 ของทริป มุ่งขึ้นตะวันตกเฉียงเหนือสู่ Gunma Prefecture โดยในวันนี้จะเดินทางโดยรถยนต์ที่ผมได้จองไว้กับ บริษัท Nippon-Rent-a-Car ซึ่งบริษัทฯนี้ให้บริการรถเช่าขับในญี่ปุ่น มีการคิดค่าเช่าทั้งใน Rate แบบชั่วโมง และแบบรายวัน ราคาต่อชั่วโมงหรือต่อวัน ก็จะเป็นไปตามรูปแบบของรถที่เราเลือก ซึ่งถือว่าราคาต่อวันก็ไม่ได้แพงมากนัก หากเลือกเช่ารถรุ่นเล็กที่เป็น K-Class (Subcompact) จะราคาถูก ประมาณ 7,000 เยน/วัน โดยหากเลือกเช่า 3 วัน แล้วเรานำรถมาคืนก่อนเวลา เขาจะมีการคืนเงินส่วนต่างของชั่วโมงที่เราไม่ได้ใช้งานให้อีกด้วย นอกจากนี้ Nippon-Rent-a-Car ยังได้ให้ความสะดวกกับผู้ใช้บริการในการรับรถด้วย โดยมีจุดรับรถกระจายอยู่ตามเมืองสำคัญรอบเกาะญี่ปุ่น หากเป็นเมืองใหญ่ เช่น โตเกียว ก็จะยิ่งมีจุดรับรถจำนวนมากขึ้น โดยผมได้เลือกจุดรับรถที่อยู่ใต้ Tokyo Station ฝั่ง Yaesu นั่นแหละครับ ดังนั้น หากได้มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากเที่ยวไปตามเมืองเล็กๆ อยากแวะไหนก็จอดที่นั่นได้ ก็แนะนำให้ลองทำใบขับขี่สากลที่กรมขนส่งทางบกและเช่ารถขับดู เนื่องจากการขับขี่ในญี่ปุ่นค่อนข้างคล้ายกับในประเทศไทยของเรา ขับพวงมาลัยขวาเหมือนบ้านเรา ส่วนในเรื่องของเส้นทางนั้น ผมใช้พี่กู (Google Map) นั่นเองแหละครับ
- อ อ ก ไ ป วั น นี้ -
09:00 am : ออกเดินทางจากจุดรับรถ Tokyo Station
11:30 am : แวะร่อนวัดดารุมะจิ จังหวัด Takasaki
13:00 pm : ชิมราเม็งสูตร Takasaki
16:00 pm : เดินทางถึง Takaragawa Onsen
17:00 pm : แช่ออนเซ็นและรับประทานอาหารแบบ Bento Set
สำหรับการเดินทางในวันนี้ จะใช้ทางด่วนสาย Kan-etsu ตลอดทั้งวัน โดยจะมุ่งสู่ วัดดารุมะจิ แห่งเซียวรินซัน (Syorinzan Darumaji) เป็นจุดแรก ก่อนจะแวะชิมราเม็งเมือง Takasaki แล้วขึ้นเขาไปแช่ออนเซ็นกันที่ Takaragawa Onsen ระยะทางรวมอยู่ที่ประมาณ 207 กิโลเมตร
รถที่เลือกเช่ามาได้แก่ Nissan Wingroad ทะเบียน 97-23 ครับ
แน่นอนครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามากนัก ผมเลือกทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของ Tokyo Station Hotel ซึ่งมีอาหารให้เลือกรับประทานมากมาย ที่ผมประทับใจมาก คือ ไข่ Omelette สอดไส้สตูว์เนื้อ เป็นสูตรที่ไม่เคยได้ลองที่ไหนมาก่อน โดยพ่อครัวได้ทอดไข่จนได้ที่ในระดับหนึ่ง แล้วตักสตูว์เนื้อที่ทำสุกแล้ว ราดลงตรงกลางไข่ ก่อนจะพับตัวไข่ 4 ด้านปิดล้อมให้เป็นไข่สอดไส้นั่นเอง
หลังจากอิ่มหนำเรียบร้อย จึงเดินทะลุใต้สถานี Tokyo Station พร้อมกระเป๋าเดินทางใบเล็ก (ใบใหญ่ฝากไว้ที่โรงแรม) เพื่อไปรับเจ้า Nissan คู่ใจทางฝั่ง Yaesu และออกจากจุดรับรถใต้ Tokyo Station มุ่งขึ้นตะวันตกเฉียงเหนือด้วยทางด่วนสาย Kan-etsu Expy ผ่าน Saitama Prefecture เข้าสู่ Gunma Prefecture ลงทางด่วนป้ายจังหวัด Takasaki ขับผ่านตัวเมือง Takasaki พบทางเข้าวัดดารุมะจิซึ่งต้องขับขึ้นเนินเขาเล็กๆ ฝั่งซ้ายมือของเส้นทางหลัก ก็จะถึงลานจอดรถเล็กกระจิ๋วหลิวของ Syorinzan Darumaji แล้วจ้า ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 1 ชม. 50 นาที เป็นระยะทางทั้งหมด 129 กิโลเมตร (สาเหตุที่เดินทางได้ช้า เนื่องจากประเทศญี่ปุ่น มี Speed Limit อยู่ที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
- สั้นๆ เกี่ยวกับวัดดารุมะจิ -
เท่าที่พอจะทราบมาก็คือวัดนี้เป็นถิ่นกำเนิดของตุ๊กตาดารุมะ ซึ่งคนญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่าเป็นตุ๊กตานำโชค โดยส่วนมากก็จะซื้อตุ๊กตาดารุมะเพื่อขอพรในแต่ละปี โดยวิธีการขอพรนั้น คนญี่ปุ่นจะใช้หมึกเขียนตาให้กับดารุมะเพียงข้างเดียวก่อน เพื่อเป็นการขอพร แล้วจะใช้แรงกายแรงใจของตัวเองทำให้พรที่ตนขอเป็นความจริง หากสิ่งที่ตนขอเป็นจริง จึงจะมาเขียนตาข้างที่เหลือให้ในปีถัดไป ทั้งนี้ ตุ๊กตาดารุมะที่คนญี่ปุ่นถือว่าสิ้นสุดหน้าที่แล้ว ก็จะถูกนำมาวางไว้ที่วัดแห่งนี้
จากลานจอดรถนั้น สามารถเดินเข้าสู่บริเวณวัดได้ทันที โดยจะอยู่ทางด้านขวาของลานจอด เข้ามาซักพัก จะพบทางเข้าเป็นบันไดขึ้นไปตัววัดซึ่งอยู่บนยอดเนิน โดยทางเดินจากลานจอดรถมาถึงบันไดนั้น มีร้านขายของที่ระลึกอยู่ทางซ้ายมือ
ก่อนจะถึงบันไดทางขึ้นบริเวณตัววัด จะมีกระบวยตักน้ำเพื่อล้างมือตามธรรมเนียมของญี่ปุ่น และในระหว่างทางขึ้น จะมีบริเวณที่เรียกได้ว่าเป็นป่าที่มีต้นไม้ร่มรื่นอุดมสมบูรณ์ พร้อมกลิ่นดินกลิ่นน้ำแบบธรรมชาติให้เราได้สัมผัสตลอดทาง
เมื่อขึ้นมาด้านบน เราก็พบตัววัดซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก ตรงกลางมีระฆัง 3 ใบ ขนาบซ้ายขวาด้วยกองตุ๊กตาดารุมะที่สิ้นสุดหน้าที่ และมีผู้นำมาไว้ที่วัดแล้ว บรรยากาศรอบๆ ก็สบายๆ ตามสไตล์วัดญี่ปุ่นในต่างจังหวัด อากาศเย็นกว่าใน Tokyo (ซึ่งร้อนเหลือเกินในเดือนพฤษภาคม) มีต้นไม้ร่มรื่น ทางด้านขวามีร้านขายของที่ระลึกเป็นเพิงเล็กๆ มีตุ๊กตาดารุมะตัวยักษ์ให้ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย บริเวณวัดด้านบนนั้นก็เป็นแบบวัดเล็กๆ จึงใช้เวลาเดินเล่นดูบรรยากาศ และไหว้พระไม่นานมาก (เราก็ทำพิธีไหว้พระแบบไทย เพราะไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของญี่ปุ่น)
กลับลงมาด้านล่างบริเวณเชิงเนิน จะมีสวนเล็กๆ มีตุ๊กตาจิโซ (เชื่อกันว่าเป็นเทพพิทักษ์เด็ก) ตั้งอยู่ในสวน และมีบริเวณให้เดินเล่นพอสนุกสนาน ผมได้มีโอกาสเห็นใบไม้สีแปลกๆ อยู่บ้างในบริเวณวัด แต่ด้วยความที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับพืชพันธ์ุไม้ เลยไม่รู้ว่าเป็นต้นไม้อะไร ใบอะไร ส่วนมากก็เลยจะใช้วิธีถ่ายรูปมา แล้วเก็บไว้ถามเพื่อนคนญี่ปุ่นเวลาที่เขามาเที่ยวไทย
สรุปแล้ว โดยรวมการมาเยี่ยมชมวัดดารุมะจิ ก็ได้ความประทับมากพอสมควร ถ้าหากชอบบรรยากาศบ้านๆ ชนบทของญี่ปุ่น บรรยากาศวัดญี่ปุ่น อากาศบริสุทธิ์ ขอแนะนำให้ลองมาเยี่ยมชมครับ นอกจากจะได้เห็นธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นของเมือง Takasaki แล้ว ยังได้มีโอกาสได้ไหว้พระ เข้าวัดเข้าวา อีกด้วย
หากมีเวลาก็สามารถเที่ยวชมบรรยากาศในเมือง Takasaki ได้ เท่าที่สังเกตดู ฝั่งซ้ายขวาของทางเข้าเมืองมีร้านอาหารน่าไปโดนอยู่หลายร้าน โดยในวันที่เดินทางไปนั้น ขาออกได้ขับผ่านร้าน Ramen อยู่ร้านหนึ่ง ก็ได้เลี้ยวเข้าไปลอง Ramen สูตร Takasaki ซึ่งรสชาติไม่แพ้ Ramen ร้านเด็ดๆ ในประเทศไทยเลยทีเดียว
หลังจากอิ่มท้องแล้ว จึงขับมุ่งขึ้นเหนือโดยทางด่วนสาย Kan-etsu Expy เช่นเคย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงชิดซ้ายลงทางด่วนป้ายจังหวัด Minakami เมื่อลงจากทางด่วนมา ถนนก็เริ่มคดเคี้ยวและเป็นไปในลักษณะขึ้นภูเขา เมื่อผ่านช่องเขาเข้าสู่ตัวเมือง Minakami สองข้างทางเป็นบ้านคนและร้านอาหารน่ารักๆ กลางหุบเขา รวมถึงมีโรงแรมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำร้อน Minakami Onsen อีกด้วย แต่จะมาแช่ Onsen ทั้งที เราต้องไปให้สุดกว่านั้น
เมื่อรถวิ่งขึ้นภูเขามาได้ระยะหนึ่ง ก็มีอุโมงค์ให้ลอดตัดผ่านใต้ภูเขา เพื่อวิ่งไปสู่ภูเขาอีกฟากหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำร้อนธรรมชาติอันมีชื่อเสียงของ Gunma Prefecture นามว่า Takaragawa Onsen นั่นเอง ทั้งนี้ ใช้เวลาเดินทางจากวัดดารุมะจิ ประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที รวมเป็นระยะทาง 78 กิโลเมตร
Takaragawa Onsen เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติและโรงแรมที่พักสำหรับผู้ที่ต้องการแช่น้ำร้อนพร้อมกับการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เนื่องจากบ่อน้ำร้อนที่นี่ได้รับน้ำแร่ธรรมชาติของแท้จากภูเขามาให้ผู้เข้าพักได้แช่กันอย่างเต็มอิ่ม เมื่อเข้าสู่บริเวณ Lobby โรงแรมแบบเรียวกังนั้น จะมีพนักงานต้อนรับมายืนรอ เพื่อให้ความสะดวกสบายในการ check in และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ภายในบริเวณโรงแรม จากนั้นก็จะพาผู้เข้าพักไปเลือกชุดยูกาตะ เพื่อใช้ใส่ในบริเวณโดยรอบพร้อมรองเท้าสานแบบญี่ปุ่น โดยเราจะต้องถอดรองเท้าของเราฝากพนักงานไว้ และใช้รองเท้าสานเดินในโรงแรมเท่านั้น