สวัสดีครับก่อนอื่นผมขอแนะนำตัว ผมชื่อ O (นิรนาม) เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างสนิทกับผู้หญิงขอเน้น ผู้ชายจริงๆนะครับ เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้อยู่ในช่วงสมัยเรียนม.ปลาย ซึ่งมันอาจจะคงเกิดขึ้นสำหรับเพื่อนๆหลายๆคน หรือแม้แต่พอมีประสบการณ์มาบ้างแหละ อธิบายนิสัยส่วนตัว ผมเป็นคนค่อนข้างเข้าใจคนสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นอะไรรู้สึกอย่างไรหรือแม้แต่จะช่วยเหลือให้คำแนะนำอย่างไร ด้วยนิสัยพื้นฐานเข้าสังคมอยู่แล้วเลยตอบได้ แต่เก็บอาการจะเงียบๆหน่อยเวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อนในห้อง ช่วงม.ต้นผมโชคดีอยู่มากครับมีเพื่อนผู้ชายที่สนิท 3 คน เป็นคนที่เข้าใจผม คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มันถือว่าโชคดีมากเลยครับ แต่ม.ต้น ผมเรียนแผนการเรียนสายวิทย์-คณิต เพราะด้วยความสอบได้คะแนนดี แต่ส่วนตัวแล้วเรียน วิทย์-คณิต ไม่ไหวจริงๆ มันยากมาก ม.ปลายผมเริ่มแน่ใจว่าอยากเป็นครูสังคม เพราะทำคะแนนวิชาสังคมได้ดีมาก และใจก็อยากจะเป็นครู สังคมมากๆด้วย
พอขึ้นม.ปลายได้เรียนแผน ศิลป์-สังคม ทุกอย่างโอเคมากเลย เพื่อนผู้ชายก็ต่างแยกย้ายกันตามความชอบส่วนตัว เพื่อน 2 คน เรียนม.ปลายด้วยกัน คนหนึ่งเรียนแผนคอมพิวเตอร์ เพราะว่าชอบคอม ส่วนอีกคนสนใจภาษาญี่ปุ่นเลยเลือกเรียนแผนญี่ปุ่น ผมก็มีความสุขดีครับ เพราะ มีเพื่อนได้เรียนแผนเดียวกัน 4 คน ผู้ชาย 1 ผู้หญิง 3 เรา 5 คนก็นิทกันดี แต่ ผู้หญิง 3 คน เข้าก็อยู่ด้วยกันตามภาษาผู้หญิง ส่วนผู้ชายอีกคนก็อยู่กลุ่มผู้ชาย ช่วงแรกๆผมอยู่กับผู้หญิง เพราะเรื่องการเรียนสามารถปรึกษาได้อย่างดี และประกอบกับผมเป็นหัวหน้าห้อง ยิ่งทำให้ผมเข้าใจคนมากด้วย แต่ก็ไม่ได้บอกใคร พอช่วงม.5 ผมได้สนิทกับเพื่อนผู้หญิงที่บ้านอยู่ใกล้กัน เธอชื่อ N เธอจบม.ต้นที่เดียวกันแต่คนละห้องเลยไม่ได้สนิทมาก แต่พอขึ้นม.5 มาสนิทกันขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะกลับบ้านด้วยกัน ชอบกิน ชอบเที่ยว ตามประสาม.ปลายเลยละ ทำให้เริ่มสนิทกับเพื่อนในกลุ่ม N มากขึ้น ซึ่งมีอีก 4 คน คือ R และ H นิสัยดี เข้าใจคน บ้าๆบอๆ เหมือนผมเลย ดีไปอีกเนาะ ส่วน I นิ่งๆ ยังไงก็ได้ แต่ จริงๆแล้วก็เป็นคนน่ารัก จริงใจ คนสุดท้าย J ผมสนิทมากสุด เป็นผู้หญิงที่ประสบการณ์สูงในการใช้ชีวิต แต่เธอเป็นคนที่เวลาไม่ชอบใครก็จะไม่ชอบจริงๆ ซึ่งทำให้ผมกับเธอเข้ากันได้ง่ายมาก และเธอขี่มอเตอร์ไซต์ คอยรับคอยส่ง เพื่อนในกลุ่ม ผมลืมบอก ผมเป็นผู้ชายที่ขับมอเตอร์ไซต์ไม่เป็น เพราะที่บ้านห่วงมากถึงความปลอดภัย แต่ระหว่างที่ผมสนิทกับเพื่อนกลุ่มนี้ เพื่อนที่จบม.ต้นมาด้วยกันอีก 4 คน นั้นผมก็ยังสนิทอยู่นะ ทำงานด้วยกันบ้าง คุยกันได้ทุกเรื่อง ทุกอย่างก็ดำเนินมาด้วยดี มีปัญหาตามประสาเพื่อนบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้เพราะคำว่าเพื่อน พอถึงม. 6 เทอม 2 ทุกคนต้องต่างเลือกทางที่ต้องหาที่เรียนต่อ N H I J เรียนเอกชนที่เดียวกัน แต่ N เรียนอีกคณะหนึ่ง ส่วน H I J เลือกเรียน คณะเดียวกันเพราะจบมามีงานทำ (เอกชนจบมามีงานทำ มีทุนรองรับ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เดาไม่ยากเลยสินะ ไม่กล่าวถึงชื่อสำคัญที่สุด) ส่วน R เรียนสายอาชีวะ เพราะเป็นคนติดบ้าน และคณะที่เลือกเรียนคือบัญชี จบมามีงานทำ บอก R เสมอ ว่าสู้ๆ เดี้ยวก็จบ ส่วนเพื่อน 4 คนที่รู้จักมาตั้งแต่ม.ต้นก็แยกย้าบกันไป ตามที่ตนเองชอบ พอจบม.ปลายเข้ามหาวิทยาลัย ผมเข้าใจทุกอย่างมากขึ้นประสบการณ์การทำงาน การเลือกเรียนต่อ ทำให้ผมกล้ามากขึ้น
สุดท้ายเส้นทางการเลือกเรียนต่อ คือเราสินะ ตามเส้นทางที่ชอบเลย ครูสังคม เริ่มตั้งแต่ พฤศจิกายน 58 มา เราลองสอบคณะประเมินผลและวิจัยทางการศึกษา ราชภัฎในเขตธนบุรี สอบผ่านและผ่านสัมภาษณ์ แต่เราก็ไม่เอาก็เพราะไม่ใช่คณะที่ใฝ่ฝัน ต่อมาได้โควตา ราชภัฎที่ติดกับอีกมหาลัยหนึ่งซึ่งเดิมที่เคยเป็นราชภัฎเช่นเดียวกัน แต่ต่อมาเป็นเป็นมหาวิทยาลัย มีสวนสัตว์ที่ทุกคนคงรู้จักอย่างดี (3 ที่นี้ น่าจะพอเดาได้นะ) มีสิทธิ์สัมภาษณ์อย่างเดียวดีใจมากๆๆ เพราะเราอยากเข้าที่นี้มากด้วย และเป็นครุสังคม สุดท้ายก็ไม่ได้ เพราะสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ไม่เป็นไร เรามารอบสอบรับตรง อีกครั้ง ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 59 คะแนนเกณฑ์ผ่านสอบ 40 เราได้ 39 ไม่เป็นไรแต่แอบเสียดาย ในใจครุสังคมที่ไหนก้อได้ เราเลย สอบอีกราชภัฎ ในเขตธนบุรีอีกราชภัฎหนึ่งซึ่งใกล้กับ ราชภัฎที่เคยไปสอบประเมินผล เราสอบผ่าน แต่สอบสัมภาษณ์ไม่ผ่าน เราเริ่มเครียดนิดหนึ่ง เลยเตรียมตัวเรื่องสอบสัมภาษณ์มากขึ้นเพพราะมีบทเรียน มีสอบรับตรงอีกครั้ง ราชภัฎในเขตธนบุรี ซึ่งราชภัฎเดิมที่เคยสอบประเมินผล สอบผ่าน พอถึงสัมภาษณ์ เต็มที่เต็มความสามารถ แต่สุดท้ายก้อไม่ผ่าน ในใจคิดว่า ไม่เป็นไรเราทำเต็มที่แล้ว ใกล้ แอดมิชชั่น คะแนนก็โอเคนะ 3 อันดับแรกเลือก ครุ สังคม ส่วนอันดับ 4 เลือก คณะมนุษยเนื่องจากเป็นสายสังคมเช่นเดียวกัน และ คณะนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฎนี้ เน้นนักศึกษาที่มีความรู้ สายสังคมศึกษา ด้านการปกครอง และบริหารภาครัฐ ซึ่งมันตรงกับที่ผมอยากจะเข้า แต่แค่ไม่ใช่ครุศาสตร์ ราชภัฎนี้อยู่ในจังหวัดปทุมธานี อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย เน้นนักศึกษามีจิตอาสา ทำงานเพื่อสังคม และคณะอันดับ 4 ที่ผมเลือก ก็นอกเหนือจากสายการเรียนสังคมแล้ว ยัง เน้นให้นักศึกษาได้ทำงานเพื่อสังคมและชุมชนอีกด้วย ดีมากไปอีก ชอบมากอ่ะ ผลแอดมิชชั่นออกผมติดอันดับ 4 ครับ เป็นไปตามที่เคยคิดไว้แล้วว่า ครุสังคม อัตราการแข่งขันสูงมาก ส่วนคณะนี้ การแข่งขันค่อนข้างน้อย
***ลืมบอกครับว่าผมทำงานร้านสะดวกซื้อ มาตั้งแต่ปิดเทอมแล้ว เพราะครูที่เคยสอนผมเขาเป็นเพื่อนกับพี่เจ้าของร้าน ทำให้ผมได้มีงานทำมีเงินใช้ ระหว่างนี้ก็ทำงานไปด้วย ทำให้ผมลองคุยกับ เพื่อน 3 คนแรกที่เรียนที่นั้นว่าจะลองไปดู เพราะผมก็ทำงานร้านสะดวกซื้ออยุ่แล้วจะลองไปดู ปรากฎสัมภาษณ์ผ่าน ได้ทุนเรียน ผมจะลองดูเพราะทำงานและเรียนที่นี้ก็โอเคดี เพื่อน ที่นี้ดีใจมาก ผมกลับมาปรึกษาที่บ้าน พ่อบอกว่าควรเลือกเรียนให้แน่นอนกับอนาคตและหลายๆอย่าง ผมสละสิทธิ์ที่นี้
และแล้วปัญหาก็เริ่มมีมาบ้างครับ ซึ่งผมก็เข้าใจนะทุกคนต่างเลือกเรียนที่ตัวเองชอบ และมีความสุขกับมันผมก็เช่นเดียวกัน ด้วยทุกคนต่างต้องมีเวลางาน เวลาเรียนซึ่งมันยากมากที่จะได้คุยกัน ผมแชทไลน์กลุ่มขอโทษและอธิบาย ทุกคนเงียบเป็นเวลา 3 วันไม่มีคนตอบ ผมเลยออกจากกลุ่มเพราะความรู้สึกไม่โอเคมากๆ พอจะน่าเข้าใจนะครับว่าออกทำไหม ผมทั้งเสียใจ ร้องไห้ ไปทำงานร้านสะดวกซื้อก็ทำงานปกติ แต่เข้าหลังร้านพักกลางวัน น้ำตาก็ไหล มันไม่ไหวจริงๆ กลับบ้านมา เพื่อนแทกรูปกลุ่มที่เคยถ่ายด้วยกันลงเฟส ทุกคนต่างเม้น คิดถึงกัน เราก็เม้นนะ เราเม้นขอโทษ เม้นอธิบาย มีเพื่อนไลคคนหนึ่งแต่ไม่มีใครตอบอะไรต่อเลย ระหว่างนี้เราก็ยังไม่ได้เข้าไลน์กลุ่ม เราเม้นอธิบายไปแล้วคิดว่าจะมีเพื่อนเชิญเข้าก็ไม่มีเลย เราคิดผิด คิดมากถึงมากที่สุดแทบเป็นบ้า เราลงรูปกลุ่มในเฟสเพื่อนไลค แต่ไม่มีใครเม้นตอบอะไรเลย เราเครียดมากเลยโทรหาเพื่อนที่อาชีวะ เพื่อนก็อธิบายไม่ให้คิดมาก เราก็พยายามคิดน้อยลงนะ สุดท้ายก่อนวางสายเราบอกว่า ฝากเอาเข้าไลน์กลุ่มด้วย เพื่อนก็โอเค แต่สุดท้ายตั้งแต่วางสายจนดึกเพื่อนก็ยังไม่ได้เอาเราเข้าไลน์กลุ่ม ก่อนหน้าที่เราจะโทรเพื่อนเล่นเฟส อยู่ นั่นคือโทรศัพท์มีเนต เราพยายามคิดในแง่ดีว่า อาจไม่วางก็ได้ แต่มันก็อดคิดมากไม่ได้
จนมาถึงตอนนี้ที่โพสพันทิปเพราะเราแค่อยากลองฟังคำปรึกษาจากเพื่อนๆ หลายๆแบบ ว่าเพื่อนจะมีโอกาสเข้าใจเราไหม ว่าเราเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบเราเข้าใจนะว่าเขาคงรู้สึกทำไหม ถึงไม่เอาที่เดียวกัน ไปสัมภาษณ์มาก็ได้แล้ว แต่เราแค่อยากลองเลือกเรียนในสิ่งที่รัก เราอยากให้เพื่อนเข้าใจเรานะ เราอยากกลับมาสนิทกันเหมือนเดิม เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เพราะมันคือความผูกพันธ์มากๆ มันคือทุกความทรงจำดีๆ มันคือช่วงเวลาที่มีความหมาย เรารอได้นะ แต่อย่าห่างกันนานกว่านี้เลย เราไม่อยากเสียเพื่อนสักคน เวลาคือเครื่องพิสูจน์ อะไรจะเป็นยังไงเราต้องผ่านไปได้
1.เราควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี???
2.เป็นความรู้สึกที่ทรมานจริงๆ
3.มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆๆ
4.มันเร็วมากที่จะทำใจได้
สุดท้าย ขอบคุณล่วงหน้านะสำหรับคำแนะนำนะทุกคนชาวพันทิป ทุกคนต่างมีเพื่อนกลากหลาย แต่ทุกคนรักเพื่อนตัวเองมากก
เรารู้ว่าทุกคนน่าจะคิดว่าเราเป็นแต่เราไม่ได้เป็นจริงๆนะ เราสบายใจที่คุยกับผู้หญิงแต่เราชอบผู้หญิง ขอบคุณทุกกำลังใจ
จากคนที่เข้าใจทุกคน แต่กลับเป็นคนที่เพื่อนไม่เข้าใจเรา?
พอขึ้นม.ปลายได้เรียนแผน ศิลป์-สังคม ทุกอย่างโอเคมากเลย เพื่อนผู้ชายก็ต่างแยกย้ายกันตามความชอบส่วนตัว เพื่อน 2 คน เรียนม.ปลายด้วยกัน คนหนึ่งเรียนแผนคอมพิวเตอร์ เพราะว่าชอบคอม ส่วนอีกคนสนใจภาษาญี่ปุ่นเลยเลือกเรียนแผนญี่ปุ่น ผมก็มีความสุขดีครับ เพราะ มีเพื่อนได้เรียนแผนเดียวกัน 4 คน ผู้ชาย 1 ผู้หญิง 3 เรา 5 คนก็นิทกันดี แต่ ผู้หญิง 3 คน เข้าก็อยู่ด้วยกันตามภาษาผู้หญิง ส่วนผู้ชายอีกคนก็อยู่กลุ่มผู้ชาย ช่วงแรกๆผมอยู่กับผู้หญิง เพราะเรื่องการเรียนสามารถปรึกษาได้อย่างดี และประกอบกับผมเป็นหัวหน้าห้อง ยิ่งทำให้ผมเข้าใจคนมากด้วย แต่ก็ไม่ได้บอกใคร พอช่วงม.5 ผมได้สนิทกับเพื่อนผู้หญิงที่บ้านอยู่ใกล้กัน เธอชื่อ N เธอจบม.ต้นที่เดียวกันแต่คนละห้องเลยไม่ได้สนิทมาก แต่พอขึ้นม.5 มาสนิทกันขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะกลับบ้านด้วยกัน ชอบกิน ชอบเที่ยว ตามประสาม.ปลายเลยละ ทำให้เริ่มสนิทกับเพื่อนในกลุ่ม N มากขึ้น ซึ่งมีอีก 4 คน คือ R และ H นิสัยดี เข้าใจคน บ้าๆบอๆ เหมือนผมเลย ดีไปอีกเนาะ ส่วน I นิ่งๆ ยังไงก็ได้ แต่ จริงๆแล้วก็เป็นคนน่ารัก จริงใจ คนสุดท้าย J ผมสนิทมากสุด เป็นผู้หญิงที่ประสบการณ์สูงในการใช้ชีวิต แต่เธอเป็นคนที่เวลาไม่ชอบใครก็จะไม่ชอบจริงๆ ซึ่งทำให้ผมกับเธอเข้ากันได้ง่ายมาก และเธอขี่มอเตอร์ไซต์ คอยรับคอยส่ง เพื่อนในกลุ่ม ผมลืมบอก ผมเป็นผู้ชายที่ขับมอเตอร์ไซต์ไม่เป็น เพราะที่บ้านห่วงมากถึงความปลอดภัย แต่ระหว่างที่ผมสนิทกับเพื่อนกลุ่มนี้ เพื่อนที่จบม.ต้นมาด้วยกันอีก 4 คน นั้นผมก็ยังสนิทอยู่นะ ทำงานด้วยกันบ้าง คุยกันได้ทุกเรื่อง ทุกอย่างก็ดำเนินมาด้วยดี มีปัญหาตามประสาเพื่อนบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้เพราะคำว่าเพื่อน พอถึงม. 6 เทอม 2 ทุกคนต้องต่างเลือกทางที่ต้องหาที่เรียนต่อ N H I J เรียนเอกชนที่เดียวกัน แต่ N เรียนอีกคณะหนึ่ง ส่วน H I J เลือกเรียน คณะเดียวกันเพราะจบมามีงานทำ (เอกชนจบมามีงานทำ มีทุนรองรับ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เดาไม่ยากเลยสินะ ไม่กล่าวถึงชื่อสำคัญที่สุด) ส่วน R เรียนสายอาชีวะ เพราะเป็นคนติดบ้าน และคณะที่เลือกเรียนคือบัญชี จบมามีงานทำ บอก R เสมอ ว่าสู้ๆ เดี้ยวก็จบ ส่วนเพื่อน 4 คนที่รู้จักมาตั้งแต่ม.ต้นก็แยกย้าบกันไป ตามที่ตนเองชอบ พอจบม.ปลายเข้ามหาวิทยาลัย ผมเข้าใจทุกอย่างมากขึ้นประสบการณ์การทำงาน การเลือกเรียนต่อ ทำให้ผมกล้ามากขึ้น
สุดท้ายเส้นทางการเลือกเรียนต่อ คือเราสินะ ตามเส้นทางที่ชอบเลย ครูสังคม เริ่มตั้งแต่ พฤศจิกายน 58 มา เราลองสอบคณะประเมินผลและวิจัยทางการศึกษา ราชภัฎในเขตธนบุรี สอบผ่านและผ่านสัมภาษณ์ แต่เราก็ไม่เอาก็เพราะไม่ใช่คณะที่ใฝ่ฝัน ต่อมาได้โควตา ราชภัฎที่ติดกับอีกมหาลัยหนึ่งซึ่งเดิมที่เคยเป็นราชภัฎเช่นเดียวกัน แต่ต่อมาเป็นเป็นมหาวิทยาลัย มีสวนสัตว์ที่ทุกคนคงรู้จักอย่างดี (3 ที่นี้ น่าจะพอเดาได้นะ) มีสิทธิ์สัมภาษณ์อย่างเดียวดีใจมากๆๆ เพราะเราอยากเข้าที่นี้มากด้วย และเป็นครุสังคม สุดท้ายก็ไม่ได้ เพราะสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ไม่เป็นไร เรามารอบสอบรับตรง อีกครั้ง ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 59 คะแนนเกณฑ์ผ่านสอบ 40 เราได้ 39 ไม่เป็นไรแต่แอบเสียดาย ในใจครุสังคมที่ไหนก้อได้ เราเลย สอบอีกราชภัฎ ในเขตธนบุรีอีกราชภัฎหนึ่งซึ่งใกล้กับ ราชภัฎที่เคยไปสอบประเมินผล เราสอบผ่าน แต่สอบสัมภาษณ์ไม่ผ่าน เราเริ่มเครียดนิดหนึ่ง เลยเตรียมตัวเรื่องสอบสัมภาษณ์มากขึ้นเพพราะมีบทเรียน มีสอบรับตรงอีกครั้ง ราชภัฎในเขตธนบุรี ซึ่งราชภัฎเดิมที่เคยสอบประเมินผล สอบผ่าน พอถึงสัมภาษณ์ เต็มที่เต็มความสามารถ แต่สุดท้ายก้อไม่ผ่าน ในใจคิดว่า ไม่เป็นไรเราทำเต็มที่แล้ว ใกล้ แอดมิชชั่น คะแนนก็โอเคนะ 3 อันดับแรกเลือก ครุ สังคม ส่วนอันดับ 4 เลือก คณะมนุษยเนื่องจากเป็นสายสังคมเช่นเดียวกัน และ คณะนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฎนี้ เน้นนักศึกษาที่มีความรู้ สายสังคมศึกษา ด้านการปกครอง และบริหารภาครัฐ ซึ่งมันตรงกับที่ผมอยากจะเข้า แต่แค่ไม่ใช่ครุศาสตร์ ราชภัฎนี้อยู่ในจังหวัดปทุมธานี อัตลักษณ์มหาวิทยาลัย เน้นนักศึกษามีจิตอาสา ทำงานเพื่อสังคม และคณะอันดับ 4 ที่ผมเลือก ก็นอกเหนือจากสายการเรียนสังคมแล้ว ยัง เน้นให้นักศึกษาได้ทำงานเพื่อสังคมและชุมชนอีกด้วย ดีมากไปอีก ชอบมากอ่ะ ผลแอดมิชชั่นออกผมติดอันดับ 4 ครับ เป็นไปตามที่เคยคิดไว้แล้วว่า ครุสังคม อัตราการแข่งขันสูงมาก ส่วนคณะนี้ การแข่งขันค่อนข้างน้อย
***ลืมบอกครับว่าผมทำงานร้านสะดวกซื้อ มาตั้งแต่ปิดเทอมแล้ว เพราะครูที่เคยสอนผมเขาเป็นเพื่อนกับพี่เจ้าของร้าน ทำให้ผมได้มีงานทำมีเงินใช้ ระหว่างนี้ก็ทำงานไปด้วย ทำให้ผมลองคุยกับ เพื่อน 3 คนแรกที่เรียนที่นั้นว่าจะลองไปดู เพราะผมก็ทำงานร้านสะดวกซื้ออยุ่แล้วจะลองไปดู ปรากฎสัมภาษณ์ผ่าน ได้ทุนเรียน ผมจะลองดูเพราะทำงานและเรียนที่นี้ก็โอเคดี เพื่อน ที่นี้ดีใจมาก ผมกลับมาปรึกษาที่บ้าน พ่อบอกว่าควรเลือกเรียนให้แน่นอนกับอนาคตและหลายๆอย่าง ผมสละสิทธิ์ที่นี้
และแล้วปัญหาก็เริ่มมีมาบ้างครับ ซึ่งผมก็เข้าใจนะทุกคนต่างเลือกเรียนที่ตัวเองชอบ และมีความสุขกับมันผมก็เช่นเดียวกัน ด้วยทุกคนต่างต้องมีเวลางาน เวลาเรียนซึ่งมันยากมากที่จะได้คุยกัน ผมแชทไลน์กลุ่มขอโทษและอธิบาย ทุกคนเงียบเป็นเวลา 3 วันไม่มีคนตอบ ผมเลยออกจากกลุ่มเพราะความรู้สึกไม่โอเคมากๆ พอจะน่าเข้าใจนะครับว่าออกทำไหม ผมทั้งเสียใจ ร้องไห้ ไปทำงานร้านสะดวกซื้อก็ทำงานปกติ แต่เข้าหลังร้านพักกลางวัน น้ำตาก็ไหล มันไม่ไหวจริงๆ กลับบ้านมา เพื่อนแทกรูปกลุ่มที่เคยถ่ายด้วยกันลงเฟส ทุกคนต่างเม้น คิดถึงกัน เราก็เม้นนะ เราเม้นขอโทษ เม้นอธิบาย มีเพื่อนไลคคนหนึ่งแต่ไม่มีใครตอบอะไรต่อเลย ระหว่างนี้เราก็ยังไม่ได้เข้าไลน์กลุ่ม เราเม้นอธิบายไปแล้วคิดว่าจะมีเพื่อนเชิญเข้าก็ไม่มีเลย เราคิดผิด คิดมากถึงมากที่สุดแทบเป็นบ้า เราลงรูปกลุ่มในเฟสเพื่อนไลค แต่ไม่มีใครเม้นตอบอะไรเลย เราเครียดมากเลยโทรหาเพื่อนที่อาชีวะ เพื่อนก็อธิบายไม่ให้คิดมาก เราก็พยายามคิดน้อยลงนะ สุดท้ายก่อนวางสายเราบอกว่า ฝากเอาเข้าไลน์กลุ่มด้วย เพื่อนก็โอเค แต่สุดท้ายตั้งแต่วางสายจนดึกเพื่อนก็ยังไม่ได้เอาเราเข้าไลน์กลุ่ม ก่อนหน้าที่เราจะโทรเพื่อนเล่นเฟส อยู่ นั่นคือโทรศัพท์มีเนต เราพยายามคิดในแง่ดีว่า อาจไม่วางก็ได้ แต่มันก็อดคิดมากไม่ได้
จนมาถึงตอนนี้ที่โพสพันทิปเพราะเราแค่อยากลองฟังคำปรึกษาจากเพื่อนๆ หลายๆแบบ ว่าเพื่อนจะมีโอกาสเข้าใจเราไหม ว่าเราเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบเราเข้าใจนะว่าเขาคงรู้สึกทำไหม ถึงไม่เอาที่เดียวกัน ไปสัมภาษณ์มาก็ได้แล้ว แต่เราแค่อยากลองเลือกเรียนในสิ่งที่รัก เราอยากให้เพื่อนเข้าใจเรานะ เราอยากกลับมาสนิทกันเหมือนเดิม เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เพราะมันคือความผูกพันธ์มากๆ มันคือทุกความทรงจำดีๆ มันคือช่วงเวลาที่มีความหมาย เรารอได้นะ แต่อย่าห่างกันนานกว่านี้เลย เราไม่อยากเสียเพื่อนสักคน เวลาคือเครื่องพิสูจน์ อะไรจะเป็นยังไงเราต้องผ่านไปได้
1.เราควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี???
2.เป็นความรู้สึกที่ทรมานจริงๆ
3.มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆๆ
4.มันเร็วมากที่จะทำใจได้
สุดท้าย ขอบคุณล่วงหน้านะสำหรับคำแนะนำนะทุกคนชาวพันทิป ทุกคนต่างมีเพื่อนกลากหลาย แต่ทุกคนรักเพื่อนตัวเองมากก
เรารู้ว่าทุกคนน่าจะคิดว่าเราเป็นแต่เราไม่ได้เป็นจริงๆนะ เราสบายใจที่คุยกับผู้หญิงแต่เราชอบผู้หญิง ขอบคุณทุกกำลังใจ