ตอนนี้เป็นอีกครั้งที่ผู้กล้าแสงตะวัน ไบรอัน แบล็คสโตนกำลังทุกข์ทนเพราะเรื่องความรัก ที่แล้วมาความรักของเขาต้องถูกทำลายเพราะคำสาปต้องห้ามที่ทำให้คนรักของเขาป่วยไข้เจียนตาย บัดนี้คำสาปถูกทำลายแล้วหากสตรีที่เขารักนั้นอยู่ห่างไกลเกินเอื้อมถึง ก่อนหน้านี้ยังวาดฝันถึงอนาคตที่สดใสขอแค่พวกเขารอดชีวิตให้ได้ บัดนี้ไม่ใช่แค่นั้นเสียแล้ว ลาควีล่าของเขากลายเป็นเจ้าหญิงองค์หนึ่งของจักรวรรดิเพื่อกันไม่ให้กลายเป็นนางสนมขององค์จักรพรรดิ
“แค่เจ้าพาพวกเราไปหาคนอื่นที่มีอำนาจพอหยุดคนพวกนั้นได้ เหตุใดต้องไปหาองค์จักรพรรดิ!” ไบรอันโวยใส่ดาริอุสทันทีที่ออกจากห้องรับรอง อีกฝ่ายขอโทษขอโพยด้วยความรู้สึกผิด
“ขอโทษ สมองอย่างข้าก็คิดได้แค่นั้นล่ะ จะช่วยให้ถึงที่สุดเลยให้พวกเจ้าแต่งงานกันให้ได้” ดาริอุสให้คำมั่นก่อนลี้ภัยไปหาน้องสาวฝาแฝดที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ส่วนลาควีล่าถูกกันตัวออกไปเพื่ออบรมมารยาทชาววังเบื้องต้นกับเนอร์วาน่า
สุดท้ายไบรอันจึงไปนั่งเศร้าในห้องพักที่เนอร์วาน่าใช้มนตร์เคลื่อนย้ายมาขอให้พวกเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ระหว่างที่นั่งขบคิดหาทางออกลูกกลมสื่อสารก็สว่างขึ้นเบื้องหน้าเขา เวเบอร์เป็นผู้ติดต่อมา ท่าทีกระสับกระส่าย
“เจ้าถูกเคลื่อนย้ายไปที่ไหนไบรอัน เหตุใดข้าติดต่อเจ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย” เพื่อนร่วมอุดมการณ์สาดคำถามเป็นชุด สิ่งที่ได้รับแทนคำตอบคือความเงียบ “เรื่องแผนข้าขอให้นางผู้หยั่งรู้ทำหน้าที่แทนเจ้า เหลือแค่สถานการณ์ทางเจ้าที่เคลื่อนย้ายไปโดยไม่รู้ปลายทาง...ทำไมทำหน้าอย่างนั้นไบรอัน ลาควีล่าคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
พูดถึงลาควีล่าน้ำตาของไบรอันก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ ทำเอาคู่สนทนาหน้าเสียคิดว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้น
“นางสบายดี เจ้าไม่ต้องห่วง” ไบรอันปาดน้ำตาฝืนทำตัวให้เข้มแข็งเหมือนปกติ “ตอนนี้สถานะนางเปลี่ยนไปแล้ว นางกลายเป็นน้องสาวบุญธรรมของดาริอุสไปแล้ว เรื่องมันยาวข้าไม่อยากลงรายละเอียดมากนัก นั่นเป็นทางเลือกเดียวในตอนนั้นที่จะช่วยไม่ให้นางกลายเป็นสนมขององค์จักรพรรดิ”
“แล้วเหตุใดจึงทำหน้าอย่างนั้น” เวเบอร์ถามด้วยความไม่รู้ถึงประเพณีของดินแดนนี้
“สองจักรวรรดิมีจารีตอยู่ เจ้าหญิงและเจ้าชายของนครหลวงจะแต่งงานกับผู้ที่มีฐานะเทียบเท่าเท่านั้น ไม่อาจแต่งงานกับคนธรรมดาหรือขุนนางระดับล่างได้ ความจริงไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าพลาดรัก แต่ไลล่าเป็นเหมือนแสงสว่างของข้า ข้าไม่อาจอยู่ได้โดยไม่มีนาง”
เวเบอร์แสดงอาการวิตกอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญสำหรับทั้งคู่ตอนนี้คืองาน พวกเขาจะต้องช่วยจอมอสูรให้กลับมาเป็นคนปกติให้ได้
“เรื่องลาควีล่าเอาไว้ให้ถึงเวลาค่อยมานั่นเศร้า คุยเรื่องงานก่อน” เวเบอร์ตัดบทโดยทันที “ข้าเอาข้อเสนอไปยื่นกับท่านดัชเชลแล้ว พวกเราต้องสู้กันสามครั้ง หากพวกเจ้าชนะสองในสามก็จะยอมเจรจาด้วย นี่ถือเป็นคำขาดแล้วสำหรับคนที่โดนสองจักรวรรดิพรากลูกมาเป็นสิบปี คู่แรกคือข้ากับลาควีล่า คงเป็นศึกตัดสินของเราสองคนด้วย คนที่สองชาโดว์สตีลสำหรับเจ้าคงหืดขึ้นคอแต่ข้าจะเอาใจช่วย คนที่สามของทางข้าคือทามิเอล ข้าคิดไม่ออกว่าเราควรให้ใครไปสู้ดี”
“ดาเรียนกเพลิงของดาริอุส เขาเป็นพี่ของทามิเอล” ไบรอันตอบเศร้าๆ ผ่านความเศร้าหมองมานับสิบเขาก็ยังเรียนรู้วิธีเก็บอาการไม่ได้เสียที “แล้วเจ้าชาโดว์สตีลแข็งแกร่งมากไหม มีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง”
“หมอนั่นเป็นปิศาจสรรพาวุธ เดินทางมาจากดินแดนของข้าเพื่อหนีจากผู้กล้าอีกคนหนึ่งที่คิดว่ามันตายไปแล้ว ข้าภาวนาให้เจ้าชนะแม้จะมีโอกาสน้อยเหลือเกิน คงต้องปรึกษาเนอร์วาน่าว่าควรทำอย่างไรดีกับเรื่องนี้เพื่อให้เจ้ารอดชีวิต ส่วนดาเรียเจ้าว่าอย่างไร เก่งมากไหม”
“เคยเห็นตอนสู้กับอโฟเดล เป็นนกเพลิงที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบ ไม่ต้องพูดเรื่องขนาดนะ ยังแปลกใจอยู่ว่าเจ้าดาริอุสได้นกเพลิงดีขนาดนี้ได้อย่างไร สงสัยโชคช่วย”
“นั่นสินะ” เวเบอร์ถอนหายใจพรืด แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มออก “การประลองจะจัดวันพระจันทร์เต็มดวงคราวหน้า อีกสิบวัน ระหว่างนี้ทางข้าจะไม่เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร”
“ไม่มีอะไรมากหรอก ต่อจากนี้เราจะไปเอาผลึกกาลเวลาที่หอคอยกษัตริย์ ทางเจ้ามีปัญหาหรือเปล่า เรื่องแหล่งพลังงานที่ว่า” การย้อนเวลาจอมอสูรดัชเชลใช้แค่เวทมนตร์ธรรมดาไม่พอ ต้องใช้วัตถุทรงอำนาจเพื่อเพิ่มพูนพลังด้วย
“ข้าข้ามมิติไปหามาได้แล้ว หาข้ออ้างสำหรับเจ้าสิ่งนี้ง่ายมาก เตรียมติดตั้งในจุดที่เรากำหนดไว้เป็นสถานที่เจรจา คิดว่าไม่มีปัญหา”
“ปัญหาเดียวคือการประลองระหว่างเจ้ากับไลล่า ข้าไม่อยากให้คนใดคนหนึ่งตาย”
“แต่เราต้องเลือก ข้ายอมล้มมวยให้ลาควีล่าชนะ แม้ผลจะครึ่งๆกลางๆแต่ในเมื่อข้าตายนางต้องได้เป็นฝ่ายชนะแน่ เป้าหมายของเราต้องมาก่อนเรื่องอื่น ฝากนางไว้กับเจ้าข้าก็วางใจ”
ในวินาทีนั้นเหมือนมิตรภาพของทั้งคู่จะกลับมา ทว่ามันสายไปแล้ว พวกเขาทำงานร่วมกันได้เพราะมีจุดประสงค์ร่วมกันเท่านั้น ไม่สามารถกลับไปเป็นเพื่อนตายเหมือนเดิมได้อีก นั่นคือคำสาปเมื่อทั้งคู่หลงรักหญิงคนเดียวกัน
“คงไม่ว่าใช่ไหมหากก่อนวันประลองพวกเราสองคนไปดื่มด้วยกันสักยก ให้ข้าได้สั่งเสียก่อนตาย อย่างไรเราก็เคยเป็นเพื่อนรักกัน เคยนะ” เวเบอร์พูดโดยไม่มีน้ำเสียงประชดประชัน ไบรอันก็เห็นดีด้วย
การสนทนาของพวกเขาหยุดลงเพราะเสียงเคาะประตู ลูกแก้วติดต่อหายกลายเป็นอากาศทันที ดาริอุสเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหวาดๆ แล้วถามว่าเขาคุยกับใครอยู่
“เวเบอร์ติดต่อมา เรามีเวลาเหลืออีกสิบวันจึงจะถึงการประลองเพื่อเปิดการประชุม” ไบรอันตอบทั้งที่ยังมีความเศร้าอยู่เต็มหัวใจ
“ข้าไปคุยกับเอเลน่ามา” ดาริอุสเกริ่น “นางยินดีอวยยศให้เจ้าเทียบเท่าแม่ทัพใหญ่เพื่อขอแต่งงานกับไลล่าได้ ถ้าการประชุมจบลงด้วยดีนะ ดีใช่ไหม”
ไบรอันยิ้มตอบด้วยความขอบคุณ อีกฝ่ายคงพยายามทำให้ถึงที่สุดแล้วเหมือนกันเพื่อแก้ไขสิ่งที่ทำพลาดไป...
ช่วงเวลาไม่กี่วันสำหรับดาริอุสถือว่าผ่านไปเร็วมากในนครหลวงของเพียรซ์ มีทั้งการแต่งตั้งลาควีล่าเป็นเจ้าหญิงอย่างเรียบง่าย ผู้กล้าแสงตะวันนายจ้างคงทำใจได้แล้วจึงทำแต่งานไม่ยอมหยุดเหมือนคนบ้า เพราะตอนนี้หลายหมู่บ้านถูกโจมตีโดยไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร ทั้งที่เวเบอร์ออกมาพูดเองว่าไม่ใช่ฝีมือฝ่ายตน พอดาริอุสถามเรื่องลาควีล่าก็ได้คำตอบดังนี้
“ข้อเสนอของพระนางข้าต้องขอพักไว้ก่อน เอาไว้ได้รับคำตอบจากเนอร์วาน่าเมื่อไรจะบอกอีกครั้ง”
“แล้วเรื่องการบุกทำลายหมู่บ้านต่อเนื่องล่ะ ได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
ดาริอุสถามด้วยความเป็นห่วง จะเรียกว่าเป็นการต่อสู้ก็ผิดไปนิด ตรงที่ทุกคนในหมู่บ้านที่เกิดเหตุหายตัวไปหมด ไม่มีร่องรอยการขัดขืนต่อสู้ ไม่มีอะไรเหลือนอกจากบ้านเรือนและสัตว์เลี้ยง ไบรอันประกาศกร้าวว่าจะต้องสืบหาต้นตอปัญหาให้ได้ ส่วนตัวเขาคิดว่าคงเป็นฝีมือจอมปิศาจ เพื่อให้จอมอสูรเลวร้ายมากขึ้นไปอีก
โทเนีย คาสเปอร์เพื่อนวัยเด็กของดาริอุสทำตัวไม่ถูกเสียแล้วในเมื่อความจริงเขาคือเจ้าชาย เวลาไม่มีใครนางจึงพูดคุยกับเขาเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ทำให้ช่วงเวลารอผู้กล้าแสงตะวันทำงานไม่น่าเบื่อนัก นางเป็นคนสนิทของน้องสาวเขาทำให้ทั้งคู่พบกันหลายครั้ง ดาริอุสคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลข้างต้นทำให้ท่านหญิงโรเซลลิน่ามายังนครหลวงอีกครั้ง โดยบอกว่าอยากพบนางผู้หยั่งรู้
“แล้วไปที่เมเทอาร์สนุกไหม เล่าให้ข้าฟังบ้างสิ” ท่านหญิงโรเซลลิน่ามาเคาะประตูห้องเขาแล้วพูดอย่างนี้ จึงต้องเล่าเหตุการณ์หลักๆให้ฟังอย่างไม่มีทางเลี่ยง
สุดท้ายพระนางจึงพูดเรื่องที่อยากพูดมาตลอด
“เรื่องของเราข้าได้คำตอบจากนางผู้หยั่งรู้แล้ว” ท่านหญิงโรเซลลิน่าทำให้ดาริอุสหน้าเสีย “ข้ายอมเป็นหนึ่งในจุดส่งพลังเวทเพื่อย้อนเวลาพ่อของท่านก็ได้ ขอแค่ท่านยอมหมั้นหมายและแต่งงานกับข้าเท่านั้น”
เพียงนางพูดจบดาริอุสก็รู้สึกเหมือนใจจะขาดให้ได้ เขาไม่มีจิตพิศวาสท่านหญิงผู้นี้เลยสักนิด แล้วเหตุใดต้องแต่งงานด้วยเล่า
“ความจริงข้าก็ไม่อยาก มันเป็นการแต่งงานทางการเมือง ใครๆก็ทำกัน” ถึงตรงนี้ท่านหญิงออกอาการเขินอายพอเป็นพิธีแล้วพูดต่อโดยไม่สนดาริอุสที่ทำหน้าเหมือนจะขาดใจตาย “แลกการช่วยพ่อท่านกับงานแต่งงานของเรามันก็สมเหตุสมผลแล้ว ข้ารู้จากเนอร์วาน่าว่าท่านต้องใช้แหล่งพลังเวทห้าจุดซึ่งยังขาดไปจุดหนึ่ง ข้าจะไปเติมเต็มแทนให้เอง เพื่อย้อนเวลาจอมอสูรพ่อท่านให้กลับเป็นมนุษย์ดังเดิม”
ด้วยเหตุนี้ดาริอุสจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนรับข้อเสนอแบบขอไปที แลกกับการช่วยพ่อของเขาให้กลับมาเหมือนเดิม...
ต้องใช้เวลาถึงห้าวันกว่าพวกเขาจะเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมเดินทางต่อ ความจริงแล้วลาควีล่าถูกรั้งให้อยู่ที่นครหลวง แต่ดาริอุสเอาเรื่องพรรคพวกของผู้กล้าแสงตะวันมาเป็นข้ออ้างชวนนางเดินทางต่อ เป้าหมายต่อไปคือเกาะเล็กๆทางใต้ของเมเทอาร์ บนเกาะนั้นมีหอคอยกษัตริย์ตั้งอยู่ และมีหมู่บ้านเล็กๆอยู่ด้วยพวกเขาจึงมีที่อาศัยยามพระอาทิตย์ตก
“รู้ใช่ไหมว่าทำไมมันถูกเรียกว่าหอคอยกษัตริย์” ไบรอันเท้าคางถามดาริอุสอย่างสบายอารมณ์หลังอาหารเย็น
“เพราะมีเพียงผู้มีสายเลือดเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่เข้าไปได้ใช่ไหม เนอร์วาน่าบอกข้าแล้ว” ดาริอุสง่วนกับการกินของหวานอย่างไม่หยุดยั้ง
“ไม่ต้องห่วงหรอกไบรอัน ท่านก็รู้ว่ามีการป้องกันอย่างดี ไม่มีคนธรรมดาหรือใครเข้าไปวางกับดักได้หรอก” เนอร์วาน่าพูดขึ้น นางย่นจมูกใส่อาการอยากอาหารอย่างแรงถึงขั้นตะกละของดาริอุส “ผลึกกาลเวลาที่เราต้องการจะปรากฏตอนเที่ยงวันพรุ่งนี้ ท่านต้องไปเอาคนเดียวดาริอุส ที่สำคัญที่สุดคือเราต้องผ่านคืนนี้ไปให้ได้ก่อน”
“จอมปิศาจใช่ไหม” ดาริอุสพูดไปเคี้ยวอาหารไปเหมือนหมูไม่มีผิด
เนอร์วาน่าส่ายหน้าเบาๆแล้วบอกทุกคนว่าควรไปพักนอกเขตหมู่บ้านก่อนจะมืด
ตอนค่ำยังเป็นปกติอยู่ พอดึกลงสักนิดดาริอุสที่ทำหน้าที่เฝ้ายามก็สังเกตความเปลี่ยนแปลงในเขตหมู่บ้าน หมอกควันสีดำทมิฬเข้าโอบล้อมทุกตรอกซอกซอยของหมู่บ้าน แสงจันทร์ครึ่งดวงไม่สามารถสาดส่องลงไปได้ เขาคิดปลุกเนอร์วาน่าแต่นางลืมตาตื่นขึ้นมาเอง ทั้งคู่จึงรีบปลุกไบรอันกับลาควีล่าให้เร็วที่สุดเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านเล็กๆที่พวกเขาเคยไปอาศัยกินอาหารเย็นกัน
“มันคือหมอกมนตราชนิดหนึ่ง” เนอร์วาน่าผู้รู้ทุกสิ่งอธิบายโดยไม่ต้องรอคำถาม “มันจะกัดกินกายหยาบของมนุษย์แล้วเปลี่ยนวิญญาณให้กลายเป็นบริวารของผู้ใช้วิชา หากพวกเราเข้าไปพักในหมู่บ้านก็เสร็จ กลายเป็นทาสให้ตาแก่นั่นใช้งาน มันรู้ว่าเจ้ากำลังตามล่ามันเช่นกันไบรอัน คงเพราะพลังสีขาวของลิเซียทำให้มันลงมือโจ่งแจ้งแบบนี้หลายต่อหลายครั้งเพื่อรวบรวมลูกสมุนในอาณัติให้เยอะที่สุด”
เมื่อพูดถึงไบรอันอีกคน ผู้กล้าแสงตะวันก็แสดงอาการเดือดดาลออกมาทางสีหน้าพร้อมสบถสาบานว่าจะต้องฆ่าอีกฝ่ายให้ได้
“นี่คือครั้งที่สามสินะ ต้องใช่แน่!” ไบรอันกำหมัดแน่น ในใจพร้อมทะยานออกไปฟาดฟันกับศัตรูตรงหน้า
เมื่อหมอกควันจางลงจนแสงจันทร์ส่องผ่านลงไปยังอาคารบ้านเรือน ไบรอันก็ลุกวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน คิดว่าเป้าหมายต้องอยู่ในหมู่บ้านแน่นอน ทำให้ดาริอุสและลาควีล่าต้องวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง ฝ่ายเนอร์วาน่านั่งถอนหายใจส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาอยู่คนเดียว
ในหมู่บ้านว่างเปล่าอย่างที่เนอร์วาน่าบอกจริงๆ ไบรอันเข้าใจโดยทันทีว่าเหตุการณ์ผู้คนหายตัวไปทั้งหมู่บ้านหรือทั้งเมืองเป็นเพราะตาแก่ที่ชื่อเดียวกับเขา กลิ่นมนตร์มืดเหมือนดินอับชื้นล่องลอยไปทั่วทุกอณูอากาศ ผู้กล้าแสงตะวันกัดฟันกรอด แม้จะค้นหาอย่างไรก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบศัตรูเลย
“พอใจหรือยัง!” ดาริอุสที่วิ่งตามไบรอันตลอดเวลาพักหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ลาควีล่าก็วิ่งหัวกระเซิงตามมาติดๆ
ก่อนที่ผู้กล้าแสงตะวันจะได้ก่นด่าอีกครั้ง พวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังก้องหมู่บ้าน เป็นเสียงหัวเราะของชายที่เป็นศัตรูของไบรอันแน่นอน ทันใดนั้นบรรยากาศรอบด้านก็เปลี่ยนไป กลิ่นดินดิบชื้นรุนแรงขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
“พวกเจ้าคิดผิดแล้วที่ไม่พานางนั่นมาด้วย” เสียงเยาะเย้ยดังกังวานไปทั่วหาที่มาไม่ได้
(มีต่อ)
นักรบจันทรา ตอนที่ 23
“แค่เจ้าพาพวกเราไปหาคนอื่นที่มีอำนาจพอหยุดคนพวกนั้นได้ เหตุใดต้องไปหาองค์จักรพรรดิ!” ไบรอันโวยใส่ดาริอุสทันทีที่ออกจากห้องรับรอง อีกฝ่ายขอโทษขอโพยด้วยความรู้สึกผิด
“ขอโทษ สมองอย่างข้าก็คิดได้แค่นั้นล่ะ จะช่วยให้ถึงที่สุดเลยให้พวกเจ้าแต่งงานกันให้ได้” ดาริอุสให้คำมั่นก่อนลี้ภัยไปหาน้องสาวฝาแฝดที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ส่วนลาควีล่าถูกกันตัวออกไปเพื่ออบรมมารยาทชาววังเบื้องต้นกับเนอร์วาน่า
สุดท้ายไบรอันจึงไปนั่งเศร้าในห้องพักที่เนอร์วาน่าใช้มนตร์เคลื่อนย้ายมาขอให้พวกเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ระหว่างที่นั่งขบคิดหาทางออกลูกกลมสื่อสารก็สว่างขึ้นเบื้องหน้าเขา เวเบอร์เป็นผู้ติดต่อมา ท่าทีกระสับกระส่าย
“เจ้าถูกเคลื่อนย้ายไปที่ไหนไบรอัน เหตุใดข้าติดต่อเจ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย” เพื่อนร่วมอุดมการณ์สาดคำถามเป็นชุด สิ่งที่ได้รับแทนคำตอบคือความเงียบ “เรื่องแผนข้าขอให้นางผู้หยั่งรู้ทำหน้าที่แทนเจ้า เหลือแค่สถานการณ์ทางเจ้าที่เคลื่อนย้ายไปโดยไม่รู้ปลายทาง...ทำไมทำหน้าอย่างนั้นไบรอัน ลาควีล่าคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
พูดถึงลาควีล่าน้ำตาของไบรอันก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ ทำเอาคู่สนทนาหน้าเสียคิดว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้น
“นางสบายดี เจ้าไม่ต้องห่วง” ไบรอันปาดน้ำตาฝืนทำตัวให้เข้มแข็งเหมือนปกติ “ตอนนี้สถานะนางเปลี่ยนไปแล้ว นางกลายเป็นน้องสาวบุญธรรมของดาริอุสไปแล้ว เรื่องมันยาวข้าไม่อยากลงรายละเอียดมากนัก นั่นเป็นทางเลือกเดียวในตอนนั้นที่จะช่วยไม่ให้นางกลายเป็นสนมขององค์จักรพรรดิ”
“แล้วเหตุใดจึงทำหน้าอย่างนั้น” เวเบอร์ถามด้วยความไม่รู้ถึงประเพณีของดินแดนนี้
“สองจักรวรรดิมีจารีตอยู่ เจ้าหญิงและเจ้าชายของนครหลวงจะแต่งงานกับผู้ที่มีฐานะเทียบเท่าเท่านั้น ไม่อาจแต่งงานกับคนธรรมดาหรือขุนนางระดับล่างได้ ความจริงไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าพลาดรัก แต่ไลล่าเป็นเหมือนแสงสว่างของข้า ข้าไม่อาจอยู่ได้โดยไม่มีนาง”
เวเบอร์แสดงอาการวิตกอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญสำหรับทั้งคู่ตอนนี้คืองาน พวกเขาจะต้องช่วยจอมอสูรให้กลับมาเป็นคนปกติให้ได้
“เรื่องลาควีล่าเอาไว้ให้ถึงเวลาค่อยมานั่นเศร้า คุยเรื่องงานก่อน” เวเบอร์ตัดบทโดยทันที “ข้าเอาข้อเสนอไปยื่นกับท่านดัชเชลแล้ว พวกเราต้องสู้กันสามครั้ง หากพวกเจ้าชนะสองในสามก็จะยอมเจรจาด้วย นี่ถือเป็นคำขาดแล้วสำหรับคนที่โดนสองจักรวรรดิพรากลูกมาเป็นสิบปี คู่แรกคือข้ากับลาควีล่า คงเป็นศึกตัดสินของเราสองคนด้วย คนที่สองชาโดว์สตีลสำหรับเจ้าคงหืดขึ้นคอแต่ข้าจะเอาใจช่วย คนที่สามของทางข้าคือทามิเอล ข้าคิดไม่ออกว่าเราควรให้ใครไปสู้ดี”
“ดาเรียนกเพลิงของดาริอุส เขาเป็นพี่ของทามิเอล” ไบรอันตอบเศร้าๆ ผ่านความเศร้าหมองมานับสิบเขาก็ยังเรียนรู้วิธีเก็บอาการไม่ได้เสียที “แล้วเจ้าชาโดว์สตีลแข็งแกร่งมากไหม มีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง”
“หมอนั่นเป็นปิศาจสรรพาวุธ เดินทางมาจากดินแดนของข้าเพื่อหนีจากผู้กล้าอีกคนหนึ่งที่คิดว่ามันตายไปแล้ว ข้าภาวนาให้เจ้าชนะแม้จะมีโอกาสน้อยเหลือเกิน คงต้องปรึกษาเนอร์วาน่าว่าควรทำอย่างไรดีกับเรื่องนี้เพื่อให้เจ้ารอดชีวิต ส่วนดาเรียเจ้าว่าอย่างไร เก่งมากไหม”
“เคยเห็นตอนสู้กับอโฟเดล เป็นนกเพลิงที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบ ไม่ต้องพูดเรื่องขนาดนะ ยังแปลกใจอยู่ว่าเจ้าดาริอุสได้นกเพลิงดีขนาดนี้ได้อย่างไร สงสัยโชคช่วย”
“นั่นสินะ” เวเบอร์ถอนหายใจพรืด แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มออก “การประลองจะจัดวันพระจันทร์เต็มดวงคราวหน้า อีกสิบวัน ระหว่างนี้ทางข้าจะไม่เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร”
“ไม่มีอะไรมากหรอก ต่อจากนี้เราจะไปเอาผลึกกาลเวลาที่หอคอยกษัตริย์ ทางเจ้ามีปัญหาหรือเปล่า เรื่องแหล่งพลังงานที่ว่า” การย้อนเวลาจอมอสูรดัชเชลใช้แค่เวทมนตร์ธรรมดาไม่พอ ต้องใช้วัตถุทรงอำนาจเพื่อเพิ่มพูนพลังด้วย
“ข้าข้ามมิติไปหามาได้แล้ว หาข้ออ้างสำหรับเจ้าสิ่งนี้ง่ายมาก เตรียมติดตั้งในจุดที่เรากำหนดไว้เป็นสถานที่เจรจา คิดว่าไม่มีปัญหา”
“ปัญหาเดียวคือการประลองระหว่างเจ้ากับไลล่า ข้าไม่อยากให้คนใดคนหนึ่งตาย”
“แต่เราต้องเลือก ข้ายอมล้มมวยให้ลาควีล่าชนะ แม้ผลจะครึ่งๆกลางๆแต่ในเมื่อข้าตายนางต้องได้เป็นฝ่ายชนะแน่ เป้าหมายของเราต้องมาก่อนเรื่องอื่น ฝากนางไว้กับเจ้าข้าก็วางใจ”
ในวินาทีนั้นเหมือนมิตรภาพของทั้งคู่จะกลับมา ทว่ามันสายไปแล้ว พวกเขาทำงานร่วมกันได้เพราะมีจุดประสงค์ร่วมกันเท่านั้น ไม่สามารถกลับไปเป็นเพื่อนตายเหมือนเดิมได้อีก นั่นคือคำสาปเมื่อทั้งคู่หลงรักหญิงคนเดียวกัน
“คงไม่ว่าใช่ไหมหากก่อนวันประลองพวกเราสองคนไปดื่มด้วยกันสักยก ให้ข้าได้สั่งเสียก่อนตาย อย่างไรเราก็เคยเป็นเพื่อนรักกัน เคยนะ” เวเบอร์พูดโดยไม่มีน้ำเสียงประชดประชัน ไบรอันก็เห็นดีด้วย
การสนทนาของพวกเขาหยุดลงเพราะเสียงเคาะประตู ลูกแก้วติดต่อหายกลายเป็นอากาศทันที ดาริอุสเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหวาดๆ แล้วถามว่าเขาคุยกับใครอยู่
“เวเบอร์ติดต่อมา เรามีเวลาเหลืออีกสิบวันจึงจะถึงการประลองเพื่อเปิดการประชุม” ไบรอันตอบทั้งที่ยังมีความเศร้าอยู่เต็มหัวใจ
“ข้าไปคุยกับเอเลน่ามา” ดาริอุสเกริ่น “นางยินดีอวยยศให้เจ้าเทียบเท่าแม่ทัพใหญ่เพื่อขอแต่งงานกับไลล่าได้ ถ้าการประชุมจบลงด้วยดีนะ ดีใช่ไหม”
ไบรอันยิ้มตอบด้วยความขอบคุณ อีกฝ่ายคงพยายามทำให้ถึงที่สุดแล้วเหมือนกันเพื่อแก้ไขสิ่งที่ทำพลาดไป...
ช่วงเวลาไม่กี่วันสำหรับดาริอุสถือว่าผ่านไปเร็วมากในนครหลวงของเพียรซ์ มีทั้งการแต่งตั้งลาควีล่าเป็นเจ้าหญิงอย่างเรียบง่าย ผู้กล้าแสงตะวันนายจ้างคงทำใจได้แล้วจึงทำแต่งานไม่ยอมหยุดเหมือนคนบ้า เพราะตอนนี้หลายหมู่บ้านถูกโจมตีโดยไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร ทั้งที่เวเบอร์ออกมาพูดเองว่าไม่ใช่ฝีมือฝ่ายตน พอดาริอุสถามเรื่องลาควีล่าก็ได้คำตอบดังนี้
“ข้อเสนอของพระนางข้าต้องขอพักไว้ก่อน เอาไว้ได้รับคำตอบจากเนอร์วาน่าเมื่อไรจะบอกอีกครั้ง”
“แล้วเรื่องการบุกทำลายหมู่บ้านต่อเนื่องล่ะ ได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
ดาริอุสถามด้วยความเป็นห่วง จะเรียกว่าเป็นการต่อสู้ก็ผิดไปนิด ตรงที่ทุกคนในหมู่บ้านที่เกิดเหตุหายตัวไปหมด ไม่มีร่องรอยการขัดขืนต่อสู้ ไม่มีอะไรเหลือนอกจากบ้านเรือนและสัตว์เลี้ยง ไบรอันประกาศกร้าวว่าจะต้องสืบหาต้นตอปัญหาให้ได้ ส่วนตัวเขาคิดว่าคงเป็นฝีมือจอมปิศาจ เพื่อให้จอมอสูรเลวร้ายมากขึ้นไปอีก
โทเนีย คาสเปอร์เพื่อนวัยเด็กของดาริอุสทำตัวไม่ถูกเสียแล้วในเมื่อความจริงเขาคือเจ้าชาย เวลาไม่มีใครนางจึงพูดคุยกับเขาเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ทำให้ช่วงเวลารอผู้กล้าแสงตะวันทำงานไม่น่าเบื่อนัก นางเป็นคนสนิทของน้องสาวเขาทำให้ทั้งคู่พบกันหลายครั้ง ดาริอุสคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลข้างต้นทำให้ท่านหญิงโรเซลลิน่ามายังนครหลวงอีกครั้ง โดยบอกว่าอยากพบนางผู้หยั่งรู้
“แล้วไปที่เมเทอาร์สนุกไหม เล่าให้ข้าฟังบ้างสิ” ท่านหญิงโรเซลลิน่ามาเคาะประตูห้องเขาแล้วพูดอย่างนี้ จึงต้องเล่าเหตุการณ์หลักๆให้ฟังอย่างไม่มีทางเลี่ยง
สุดท้ายพระนางจึงพูดเรื่องที่อยากพูดมาตลอด
“เรื่องของเราข้าได้คำตอบจากนางผู้หยั่งรู้แล้ว” ท่านหญิงโรเซลลิน่าทำให้ดาริอุสหน้าเสีย “ข้ายอมเป็นหนึ่งในจุดส่งพลังเวทเพื่อย้อนเวลาพ่อของท่านก็ได้ ขอแค่ท่านยอมหมั้นหมายและแต่งงานกับข้าเท่านั้น”
เพียงนางพูดจบดาริอุสก็รู้สึกเหมือนใจจะขาดให้ได้ เขาไม่มีจิตพิศวาสท่านหญิงผู้นี้เลยสักนิด แล้วเหตุใดต้องแต่งงานด้วยเล่า
“ความจริงข้าก็ไม่อยาก มันเป็นการแต่งงานทางการเมือง ใครๆก็ทำกัน” ถึงตรงนี้ท่านหญิงออกอาการเขินอายพอเป็นพิธีแล้วพูดต่อโดยไม่สนดาริอุสที่ทำหน้าเหมือนจะขาดใจตาย “แลกการช่วยพ่อท่านกับงานแต่งงานของเรามันก็สมเหตุสมผลแล้ว ข้ารู้จากเนอร์วาน่าว่าท่านต้องใช้แหล่งพลังเวทห้าจุดซึ่งยังขาดไปจุดหนึ่ง ข้าจะไปเติมเต็มแทนให้เอง เพื่อย้อนเวลาจอมอสูรพ่อท่านให้กลับเป็นมนุษย์ดังเดิม”
ด้วยเหตุนี้ดาริอุสจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนรับข้อเสนอแบบขอไปที แลกกับการช่วยพ่อของเขาให้กลับมาเหมือนเดิม...
ต้องใช้เวลาถึงห้าวันกว่าพวกเขาจะเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมเดินทางต่อ ความจริงแล้วลาควีล่าถูกรั้งให้อยู่ที่นครหลวง แต่ดาริอุสเอาเรื่องพรรคพวกของผู้กล้าแสงตะวันมาเป็นข้ออ้างชวนนางเดินทางต่อ เป้าหมายต่อไปคือเกาะเล็กๆทางใต้ของเมเทอาร์ บนเกาะนั้นมีหอคอยกษัตริย์ตั้งอยู่ และมีหมู่บ้านเล็กๆอยู่ด้วยพวกเขาจึงมีที่อาศัยยามพระอาทิตย์ตก
“รู้ใช่ไหมว่าทำไมมันถูกเรียกว่าหอคอยกษัตริย์” ไบรอันเท้าคางถามดาริอุสอย่างสบายอารมณ์หลังอาหารเย็น
“เพราะมีเพียงผู้มีสายเลือดเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่เข้าไปได้ใช่ไหม เนอร์วาน่าบอกข้าแล้ว” ดาริอุสง่วนกับการกินของหวานอย่างไม่หยุดยั้ง
“ไม่ต้องห่วงหรอกไบรอัน ท่านก็รู้ว่ามีการป้องกันอย่างดี ไม่มีคนธรรมดาหรือใครเข้าไปวางกับดักได้หรอก” เนอร์วาน่าพูดขึ้น นางย่นจมูกใส่อาการอยากอาหารอย่างแรงถึงขั้นตะกละของดาริอุส “ผลึกกาลเวลาที่เราต้องการจะปรากฏตอนเที่ยงวันพรุ่งนี้ ท่านต้องไปเอาคนเดียวดาริอุส ที่สำคัญที่สุดคือเราต้องผ่านคืนนี้ไปให้ได้ก่อน”
“จอมปิศาจใช่ไหม” ดาริอุสพูดไปเคี้ยวอาหารไปเหมือนหมูไม่มีผิด
เนอร์วาน่าส่ายหน้าเบาๆแล้วบอกทุกคนว่าควรไปพักนอกเขตหมู่บ้านก่อนจะมืด
ตอนค่ำยังเป็นปกติอยู่ พอดึกลงสักนิดดาริอุสที่ทำหน้าที่เฝ้ายามก็สังเกตความเปลี่ยนแปลงในเขตหมู่บ้าน หมอกควันสีดำทมิฬเข้าโอบล้อมทุกตรอกซอกซอยของหมู่บ้าน แสงจันทร์ครึ่งดวงไม่สามารถสาดส่องลงไปได้ เขาคิดปลุกเนอร์วาน่าแต่นางลืมตาตื่นขึ้นมาเอง ทั้งคู่จึงรีบปลุกไบรอันกับลาควีล่าให้เร็วที่สุดเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านเล็กๆที่พวกเขาเคยไปอาศัยกินอาหารเย็นกัน
“มันคือหมอกมนตราชนิดหนึ่ง” เนอร์วาน่าผู้รู้ทุกสิ่งอธิบายโดยไม่ต้องรอคำถาม “มันจะกัดกินกายหยาบของมนุษย์แล้วเปลี่ยนวิญญาณให้กลายเป็นบริวารของผู้ใช้วิชา หากพวกเราเข้าไปพักในหมู่บ้านก็เสร็จ กลายเป็นทาสให้ตาแก่นั่นใช้งาน มันรู้ว่าเจ้ากำลังตามล่ามันเช่นกันไบรอัน คงเพราะพลังสีขาวของลิเซียทำให้มันลงมือโจ่งแจ้งแบบนี้หลายต่อหลายครั้งเพื่อรวบรวมลูกสมุนในอาณัติให้เยอะที่สุด”
เมื่อพูดถึงไบรอันอีกคน ผู้กล้าแสงตะวันก็แสดงอาการเดือดดาลออกมาทางสีหน้าพร้อมสบถสาบานว่าจะต้องฆ่าอีกฝ่ายให้ได้
“นี่คือครั้งที่สามสินะ ต้องใช่แน่!” ไบรอันกำหมัดแน่น ในใจพร้อมทะยานออกไปฟาดฟันกับศัตรูตรงหน้า
เมื่อหมอกควันจางลงจนแสงจันทร์ส่องผ่านลงไปยังอาคารบ้านเรือน ไบรอันก็ลุกวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน คิดว่าเป้าหมายต้องอยู่ในหมู่บ้านแน่นอน ทำให้ดาริอุสและลาควีล่าต้องวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง ฝ่ายเนอร์วาน่านั่งถอนหายใจส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาอยู่คนเดียว
ในหมู่บ้านว่างเปล่าอย่างที่เนอร์วาน่าบอกจริงๆ ไบรอันเข้าใจโดยทันทีว่าเหตุการณ์ผู้คนหายตัวไปทั้งหมู่บ้านหรือทั้งเมืองเป็นเพราะตาแก่ที่ชื่อเดียวกับเขา กลิ่นมนตร์มืดเหมือนดินอับชื้นล่องลอยไปทั่วทุกอณูอากาศ ผู้กล้าแสงตะวันกัดฟันกรอด แม้จะค้นหาอย่างไรก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบศัตรูเลย
“พอใจหรือยัง!” ดาริอุสที่วิ่งตามไบรอันตลอดเวลาพักหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ลาควีล่าก็วิ่งหัวกระเซิงตามมาติดๆ
ก่อนที่ผู้กล้าแสงตะวันจะได้ก่นด่าอีกครั้ง พวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังก้องหมู่บ้าน เป็นเสียงหัวเราะของชายที่เป็นศัตรูของไบรอันแน่นอน ทันใดนั้นบรรยากาศรอบด้านก็เปลี่ยนไป กลิ่นดินดิบชื้นรุนแรงขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
“พวกเจ้าคิดผิดแล้วที่ไม่พานางนั่นมาด้วย” เสียงเยาะเย้ยดังกังวานไปทั่วหาที่มาไม่ได้
(มีต่อ)