ปัจจุบันนี่ ยังมีเชื้อพระวงศ์อยู่มั้ย

ตามหัวข้อเลยครับ สมัยนี่ยังไม่เชื้อพระวงศ์ สมัยอยุธยา มั้ยครับ แบบ ลูกหลานพระนเรศวร พระเอกา รึ ลูกทหารเอก ของพระนเรศวร อะครับ มีมั้ยครับ แล้วถ้ามี เขารู้หรือเปล่า ว่าตัวเองเป็นลูกหลาน ของท่านนั้นๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
เชื้อสายเจ้านายกรุงศรีอยุทธยาน่าจะสาบสูญไปหมด หาไม่พบแล้วครับ ส่วนใหญ่ถูกกวาดตอนไปอยู่ที่พม่าหมด ซึ่งพอมีหลักฐานอยู่บ้างว่าบางองค์ได้แต่งงานกับเจ้านายพม่าและมีลูกหลานสืบมา

อย่างเช่นงานเขียนของมิคกี้ ฮาร์ต (Myin Hsan Heart) นักประวัติศาสร์อิสระชาวพม่าอ้างว่า พระเจ้าสายาวดี (Tharrawaddy Min) กษัตริย์พม่าก็มีมเหสีองค์หนึ่งเป็นชาวไทยชื่อหม่อมอิ่มบุญ เป็นพระนัดดาของพระเจ้าเอกทัศน์ และมีพระโอรสด้วยกันชื่อพระเจ้าทองหรือพม่าเรียก พระเจ้าไหล่ (Hliang Min) ซึ่งต่อมาทรงพระนามว่า "พระเจ้าศรีสุธรรมราชา" และได้เป็นพระมหาอุปราชในสมัยพระเจ้าพุกาม แต่พระองค์ต้องปืนสวรรคตในขณะที่ทำการรบกับพระเจ้ามินดง (ซึ่งเป็นอดีตมหาอุปราช) ที่ก่อกบฏต่อพระเจ้าพุกาม  พระเจ้าไหล่มีโอรสธิดาหลายองค์ หนึ่งในนั้นคือ เจ้าชายหม่องลัต (Maung Lat) หรือ John William Lat ซึ่งภายหลังตกเป็นนักโทษการเมืองของอังกฤษ แต่ต่อมาก็ถูกปล่อยตัว ได้แต่งงานกับชาวอังกฤษและมีลูกหลานสืบมาหลายคนจนปัจจุบันครับ

ฮาร์ตยังกล่าวถึง พระองค์เจ้าประทีป พระธิดาองค์ใหญ่ของพระเจ้าเอกทัศน์ (พงศาวดารไม่มีพระนามนี้ ที่ใกล้เคียงน่าจะเป็น ประพาฬสุริยวงศ์) ได้มาเป็นมเหสีองค์หนึ่งของพระเจ้ามังระ (Hsinbyushin) มีพระธิดาองค์หนึ่งชื่อศรีประภาเทวี ได้รับเมืองทั่นตะเปงเป็นเมืองส่วย ต่อมาพระนางก็อภิเษกสมรสกับศรีมหาอุชนา เจ้าเมืองโกลังที่เป็นโอรสพระเจ้าปดุง และมีโอรสด้วยกันคือพระเจ้าศรีสุธรรมราชาซึ่งได้เป็นสมาชิกสภาสูงตั้งแต่สมัยพระเจ้าพุกามถึงพระเจ้าสีป่อ

พระเจ้าศรีสุธรรมราชาอภิเษกสมรสกับหม่อมสัจจะ ซึ่งเป็นพระนัดดาของพระเจ้าเอกทัศน์ มีโอรสคือเจ้าราชมังรายสิงหะจอ เจ้าเมืองเมียงมู (Myinmu) ในสมัยพระเจ้าพุกาม  ซึ่งองค์นี้ก็อภิเษกกับหม่อมยุวดีซึ่งเป็นหลายหมอมสัจจะอีกต่อ มีโอรสคือเจ้าชายมองติง ซึ่งเคยเป็นผู้นำการต่อต้านอังกฤษหลังจากที่พม่าเสียกรุง แต่ภายหลังก็มอบตัวและกลับมารับราชการอยู่ในพม่าสมัยอังกฤาปกครอง โดยเจ้าชายมองติงเป็นผู้แต่งพงศาวดารพม่าราชวงศ์คองบอง (Konbaung Set Yazawin)

ผมไม่แน่ใจว่าฮาร์ตใช้หลักฐานอะไรอ้างอิงบ้าง แต่ก็น่าสนใจไม่น้อย

ส่วนเชื้อสายที่รอดมาเมืองไทย เพราะพระเจ้ากรุงธนบุรีไปพามาจากคค่ายโพธิ์สามต้น ส่วนใหญ่เป็นเจ้านายสตรีและไม่ได้มีโอรสครับ บางองค์ก็ได้เป็นหม่อมของพระเจ้ากรุงธนบุรี แต่ก็ไม่ปรากฏพระเจ้าลูกยาเธอ (มีหม่อมอุบลลูกกรมหมื่นเทพพิพิธ ถูกสงสัยว่าท้องกับชู้ พระเจ้ากรุงธนบุรีเลยให้ประหาร)


ส่วนเรื่องเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงของเจ้าแม่วัดดุสิต พบแต่ในหลักฐานสมัยหลังครับ และยังไม่มีหลักฐานอื่นที่น่าสนับสนุนมากพอด้วย

หลักฐานหนึ่งที่ระบุคือเอกสาร 'อภินิหารบรรพบุรุษ' ซึ่งเขียนประวัติพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีและพระเจ้ากรุงธนบุรี ดูโวหารแล้วก็เห็นได้ว่าน่าจะแต่งราวสมัยรัชกาลที่ ๕ นั่นเอง  เข้าใจว่าจะได้เค้าโครงมาจาก 'ปฐมวงศ์' ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๔ แล้วเอาความจากที่อื่นๆ มาประกอบบ้างอย่างเช่นความในพงศาวดาร และอาจจะได้จากการสอบถามบุคคลอื่นๆมาด้วย (ในอภินิหารบรรพบุรุษอ้างว่าได้จากการสอบถามคนนั้นคนนี้จำนวนมาก ซึ่งส่วนมากก็สอบไม่ได้เพราะอ้างแต่ผู้ตาย) จนมีความละเอียดพิสดาร และไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ข้อความส่วนใหญ่สอบกับหลักฐานอื่นๆแล้วพบความขัดแย้งจำนวนมาก

สันนิษฐานกันว่าอภินิหารบรรพบุรุษน่าจะแต่งโดย ก.ศ.ร. กุหลาบ เพราะต้นฉบับพิมพ์ครั้งแรกตีพิมพ์ในสยามประเภทของ ก.ศ.ร. กุหลาบนั่นเอง ภายหลังค้นพบต้นฉบับสมุดไทย ซึ่งหน้าระบุว่า "เป็นเรื่องราวกล่าวด้วยมูลเหตุอภินิหารท่านผู้เป็นบรรพบุรุษ ต้นฉบับนั้นคัดแต่ได้หนังสือหอหลวง นายกุหลาบทูลเกล้าถวายฯ นายกุหลาบว่าคัดแต่ฉบับสมเด็จกรมพระปรามานุชิตชิโนรส วัดพระเชตุพน"

ความที่นายกุหลาบอ้างว่าคัดจากฉบับสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรสนั้นไม่น่าเชื่อถือเลย เพราะดูสำนวนก็รู้ว่าแต่งในชั้นหลัง สำนวนบางตอนมาจากปฐมวงศ์ซึ่งรัชกาลที่ ๔ พระราชนิพนธ์หลังสมเด็จกรมพระปรามานุชิตสิ้นพระชนม์ไปแล้ว นอกจากนี้นายกุหลาบเองก็มีประวัติขึ้นชื่ออยู่ว่าแอบลักลอบคัดสำเนาหนังสือตัวเขียนไปจากหอหลวง แล้วแต่งเติมหรือตัดทอนตามอำเภอใจจนความวิปลาสไปหมด  เคยปลอมแปลงพระประวัติของสมเด็จพระสังฆราช (สา) จนเคยถูกสอบสวนมาแล้วยอมรับสารภาพว่าแต่งเติมขึ้นเอง ความน่าเชื่อถือของอภินิหารบรรพบุรุษจึงค่อนข้างน้อย และนักประวัติศาสตร์เองก็ไม่ให้ความเชื่อถือสักเท่าไหร่ครับ แต่จะว่าเป็นเรื่องไม่จริงทั้งหมดก็คงไม่ใช่ครับ

อภินิหารบรรพบุรุษลำดับการสืบสายของบรรพบุรุษราชวงศ์จักรีตั้งแต่ชั้นเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) มาถึงรัชกาลที่ ๑ โดยพิสดาร บอกทั้งชื่อ ยศฐาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตซึ่งหลายทินนามดูไม่สอดคล้องกับที่ใช้กันในสมัยนั้น และเนื้อหาบางตอนก็ขัดกับพระราชหัตถเลขาที่รัชกาลที่ ๔ พระราชทานให้เซอร์จอห์น เบาริ่งด้วย ซึ่งรัชกาลที่ ๔ เองทรงกล่าวไว้ว่าหลังจากรุ่นโกษาปานถึงยุคสมัยพระเจ้าท้ายสระ ตระกูลนี้ไม่ได้รับราชการ ("...but their office and affair in royal service were not continued in generations during a few reign of their Majesties Siamese King, who succeded his Majesty King Narayu, until the time of His Majesty Bhumindr Rajatdhiraj...") ในขณะนี้อภินิหารบรรพบุรุษกลับลำดับการรับราชการมาโดยพิสดารอย่างต่อเนื่อง

อภินิหารบรรุบรุษกล่าวถึงเจ้าแม่วัดดุสิตซึ่งเป็นพระนมของสมเด็จพระนารายณ์ไว้ว่า "พระราชทานพระนมองค์หนึ่ง ซึ่งเปนหม่อมเจ้าหญิง ในราชนิกูลเปนพระนมเอก" ภายหลังกล่าวว่าเมื่อสมเด็จพระนารายณ์ครองราชย์แล้วได้เลื่อนเป็นพระองค์เจ้า และก็พยายามกล่าวหลายครั้งด้วยว่าเจ้าพระยาโกษาเหล็ก โกษาปานที่เป็นบุตรเป็นราชนิกุล

เรื่องนี้ยังพบในหนังสืออื่นซึ่งก็ล้วนเป็นหนังสือที่แต่งในชั้นหลัง ซึ่งน่าจะได้อิทธิพลอภินิหารบรรพบุรุษเข้าไปผสมมาด้วยซ้ำ อย่างเช่นในหนังสือของหม่อมหลวงมานิจ ชุมสายซึ่งอ้างว่าได้อ้างอิงมาจากสมุดจดบันทีกประจำวันของบรรพบุรุษที่ตกทอดมา ระบุชื่อว่า "หม่อมเจ้าบัว"

ในหนังสือเรื่อง อิศรางกูร ที่พิมพ์ในงานฌาปนกิจหม่อมหลวงปุย อิศรางกูร เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๗ ระบุว่า "เจ้าเม่วัดดุสิตจะมีนามว่ากระไรแน่นั้น หลักฐานกล่าวไว้ไม่ตรงกัน บางแห่งกล่าวว่าชื่อหม่อมเจ้าหญิงบัว มีเชื้อสายพระร่วงสุโขทัย บางหลักฐานก็กล่าวว่าชื่อหม่อมเจ้าหญิงอำไพ ราชธิดาของสมเด็จพระเอกาทศรถ"

และยังพบการอ้างแบบนี้ในโครงกระดูกในตู้ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งคัดมาจากหนังสือราชนิกุลบางช้าง ระบุว่า "เจ้าแม่วัดดุสิตมีศักดิ์เป็นหม่อมเจ้าในราชวงศ์พระมหาธรรมราชา ซึ่งสืบเชื้อสายมาแต่ราชวงศ์พระร่วงสุโขทัย"


แม้แต่ในหนังสือเรื่อง "เจ้าชีวิต" ของพระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์ ก็ทรงกล่าวว่าได้ยินมาว่าโกษาปานมีมารดาคือ "หม่อมเจ้าหญิงอำไพ" (ในเชิงอรรถ ทรงอ้างอิงจากหนังสือเรื่อง มหาบุรุษไทย ของ ม.ร.ว. ส. นวรัตน์) แต่ก็ไม่ทรงพบหลักฐานสนับสนุนที่มีความน่าเชื่อถือมากพอครับ

"มีผู้แถลงว่าพระมารดาของพระยาโกษาฯ (ปาน) นั้นคือหม่อมเจ้าหญิงอำไพ ซึ่งภายหลังทรงผนวชเป็นชีและได้รบสมญาว่า เจ้าแม่วัดดุสิต และว่า ท่านเคยเป็นพระพี่เลี้ยงของสมเด็จพระนารายณ์ ถ้าข้อนี้เป็นความจริงและถ้าเรากะว่า ท่านคงจะต้องประสูติในราวปีใดแล้ว ท่านก็ควรจะต้อเป็นหลานของพระเอกาทศรถ เช่นเดียวกับพระราชชนนีของสมเด็จพระนารายณ์ซึ่งก็ทรงเป็นหลานพระเอกาทศรถ เพราะพระราชบิดาพระนารายณ์ คือ พระยากระลาโหม ภายหลังแย่งแผ่นดินสำเร็จ จนได้เป็นพระเจ้าปราสาททอง ได้พระราชธิดาพระเอกาทศรถ (น่าจะเป็นพระเจ้าทรงธรรมมากกว่า-จขกท.) เป็นพระมเหสี ถ้าเรื่องราวทั้งหลายนี้เป็นความจริง พระราชวงศ์จักรีก็จะต้องสืบสายมาจากพระเอกาทศรถ พระอนุชาธิราชของพระนเรศวร โดยผ่านสายของหม่อมเจ้าหญิงอำไพ ดังนั้น พระราชวงศ์น่าจะต้องสืบสายโลหิตมาจากทั้งพระราชวงศ์พระร่วงแห่งสุโขทัย (พระเอกาทศรถทรงเป็นพระราชโอรสของพระมหาธรรมราชา) และพระราชวงศ์อู่ทอง (น่าจะเป็นสุพรรณภูมิ-จขกท.) แห่งกรุงศรีอยุธยา (ทางพระวิสุทธิกษัตรี) เป็นที่น่าเสียดายที่ผู้เขียนยังมิได้พบเอกสารฉบับใด ที่จะเป็นข้อพิสูจน์แข็งแรงพอได้ในประวัติศาสตร์ แต่เรายังจะต้องจำไว้ว่า เอกสารสำคัญต่างๆ ของไทยเรา ได้ถูกเพลิงเผาผลาญเสียเป็นส่วนมากเมื่อกรุงศรีอยุธยาวินาศ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีกำเนิดมาในพระราชวงศ์จักรีไม่ค่อยจะสนพระทัยหรือสนใจถึงบรรพบุรุษดึกดำบรรพ์นัก เพราะต่างพระองค์และต่างคนก็ทรงมีและมีความภาคภูมิพระทัยและภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสายพระราชโลหหิตมาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (หรือพระอนุชาและพระพี่นางของพระองค์)"


ที่น่าคิดคือ ถ้าเจ้าแม่ดุสิตเป็น "เจ้า" หรือมีเชื้อสายพระร่วงจริงๆ มีหลักฐานชัดเจนเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปในสมัยนั้น  เหตุใดพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ทรงระบุถึงเรื่องนี้ในพระราชเลขาของพระองค์ที่มีให้เซอร์จอห์น เบาริ่ง หรือในพระราชนิพนธ์ปฐมวงศ์ ทั้งๆ ที่ความเป็น "เจ้า" นี้สามารถใช้เชื่อมโยงไปได้ว่าพระองค์ทรงมีเชื้อสายร่วมกับกษัตริย์อยุทธยาและสุโขทัย และพระองค์เองก็พระราชทานพงศาวดารกรุงศรีอยุทธยาฉบับย่อให้เบาริ่ง ซึ่งก็มีเรื่องของพระร่วงประกอบอยู่ด้วย ถ้าพระองค์จะโยงว่าพระองค์เป็นเครือญาติจริงก็ควรที่ทรงระบุไปด้วยเพราะเป็นการสร้างความชอบธรรมต่อสถานะของราชวงศ์ (รวมถึงหลายท่านอาจจะกล่าวถึงการสร้างประวัติศาสตร์ของชาติในสมัยพระองค์ และยังสามารถเอาไปโยงกับศิลาจารึกด้วย)  แต่กลับไม่มี ถ้าพระองค์ทรงเป็นเชื้อสายมาจริง ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ทรงระบุไว้ครับ

เรื่องความเป็น "หม่อมเจ้า" ของเจ้าแม่วัดดุสิต ผมจึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมาในหมู่ราชนิกุลในยุคหลังๆ ที่พยายามจะเอาสกุลของตนไปโยงกับราชวงศ์ในอดีต มากกว่าจะเป็นเรื่องจริงครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่