มาต่อวันที่ 3 , 4 และ 5 กันนะค้าบ สำหรับวันที่ 1 - 2 และรายละเอียดค่าใช้จ่ายนั้น ย้อนอ่านได้ที่
http://pantip.com/topic/35245596
START THIRD DAY : PENANG
จากการนอนอย่างเต็มอิ่ม พร้อมเช็คเอ้าท์ จาก CONTAINER HOTEL PENANG ตอน 9 โมงเช้า เพื่อไปขึนกระเช้าไฟฟ้าจุดชมวิว PENANG HILL อันโด่งดัง
กองทัพเดินด้วยท้องฉันใด ... นักเดินทางก็ต้องกินอาหารก่อนฉันนั้น !!!!
SHIR SHIR I'M SOOOOOO HUNGRY

เป็นคำที่ใช้พูดในทริปครั้งนี้มากที่สุด ฮ่าๆๆๆๆ น้องมาเลย์คนสวยของเราตอบสวนมาทันควัน ได้ในความว่า "ไม่ต้องห่วงวันนี้ชั้นจะพาเธอไปกิน LAKSA ที่อร่อยที่สุด" ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ที่สุดมาอีกแล้ว!!!
และแล้วเราก็มาถึงตลาดแห่งหนึ่ง ฟิลก็คล้ายๆ ตลาดสดบ้านเรา [ลิบๆ นั้น เห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่อยู่บนยอดเขา]
อากาศก็ดูขมุกขมัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ วันนี้คงไม่ได้เห็นท้องฟ้าสวยๆ ดังนั้น "กิน" สิครับ รออะไร
สิ่งที่เพื่อนมาเลย์คนสวยของเราสั่งมาให้คือ ASSAM LAKSA
ASSAM แปลว่า มะขาม ครับ
ASSAM LAKSA จึงเป็นบะหมี่ในน้ำซุปเปรี้ยว (น้ำมะขาม) มีปลาฉีก ผสมๆ กับผักสมุนไพรหลายๆ อย่าง ดูท่าทางจะมีกะทิปนด้วย
แต่ด้วยความที่เป็นมื้อแรก (ถึงจะไม่เช้า) ปกติผมมักกินอาหารอ่อนๆ หรือรสไม่จัดนัก เลยชิมนิดๆ หน่อยๆ เพราะกลัวจะเสาะท้อง หรือ ท้องเสียระหว่างเดินทาง เพราะ ฉะนั้นปล่อยให้สายแข็งเค้าจัดไป และ ถามว่าอร่อยมั้ย ... เค้าบอกว่า รสแปลกดี ... [คือกินได้แต่ไม่ประทับใจสินะ]
ยังๆๆๆ ยังไม่จบเรื่อง LAKSA เดินต่อมาอีกหน่อย เพื่อนสุดสวยของเราบอกว่า นี่คือ LAKSA ที่เป็นออริจิฯ และ เป็นตำนานของที่นี่
ท่าทางจะจริงเพราะมีป้ายโฆษณาซะด้วย คนยืนรอก็ไม่น้อย ... ขนาดเป็นแค่เพียงนะ
โอ้โห........... ตำนานจริง ๆ ก็ดูคนขายคนทำสิครับ รวมกันได้กว่าร้อยปี
ดูหม้อต้มกับเตาถ่ายสิครับ ..... อร่อยแน่ๆ
ระหว่างรอ ORIGINAL LAKSA เพื่อนคนสวยของเราก็เล่าว่า คุณยายทั้งสองคนเป็นฝาแฝดกัน เกิดในประเทศไทยและขาย LAKSA มาก่อนที่หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนย้ายกลับมาอยู่ปีนัง และ LAKSA ของคุณยายอร่อยมาก ลงหนังสือหลายเล่มและมีช่างภาพมาถ่ายรูปคุณยายทั้งสองบ่อยๆ
ก็แน่ล่ะ ยิ้มหวานนนนน ขนาดนี้ แถมโพสท่าให้ถ่ายรูปถือชามอย่างมืออาชีพ
และนี่คือหน้าตาของ ORIGINAL LAKSA ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของคุณยายทั้งสองคน
(จะว่าไปก็เหมือนกินขนมจีนน้ำเงี้ยวผสมกะทิ)
หลังจากลิ้มรสชาติอันพิศดารของ LAKSA ต่างๆ จนอิ่มแล้ว ไม่รอช้ารีบไปที่กระเช้าสำหรับขึ้นไปปีนังฮิลอันโด่งดังทันที !!!
แต่...... พอสอบถามราคาแล้ว ขอเดินถอยออกทันทีเพราะค่าขึ้นกระเช้าไปชมวิวเมืองปีนัง คือ 60 RM !!!! OMG ประมาณ 600 บาท !!! (กินได้หลายมื้อเลยนะ)
พิจารณาแล้ว
1. อากาศขมุกขมัวท้องฟ้าก็ไม่ได้สวยมาก
2. ขึ้นไปถ่ายภาพตอนนี้ก็คงไม่สวยดังใจเหมือนช่วงเย็นหรือค่ำ
3. ไม่ได้มีแผนนอนข้างบนเพื่อสูดอากาศตอนเช้า
ดังนั้น .......... ฝากไว้ก่อน ฮ่าๆๆๆๆๆ
แต่ ... ก็ไม่ยอมที่จะเก็บภาพเมืองปีนังหรอกนะครับ เมื่อกี้ตอนกิน LAKSA แอบเห็นเจ้าแม่กวนอิมบนเขาสูงไม่ไกลจากกระเช้าขึ้นปีนังฮิลมากนัก .. ฮึๆๆๆๆๆ แน่นอนว่าเข้าฟรี แถมมีวิวเมืองปีนังติดมือกลับแน่นอน ... ไม่รอช้า บอกเพื่อนให้แจ้งแก่เพื่อนมาเลย์คนสวยพาไป ภายหลังถึงทราบชื่อว่าเป็นวัด KEK LOK SI เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดังพอสมควรทีเดียว แถมตอนกลางคืนไฟยังสวยด้วย
จุดเด่นของวัด KEK LOK SI มี 3 อย่าง
1. เจดีย์ ที่ผสมศิลปะ ไทย จีน และ พม่า [มาผสมกันได้ไง]
2. เจ้าแม่กวนอิมองค์โต
3. วิวของเมืองปีนัง
รอบนี้เก็บมาได้แค่ 2 คือ เจ้าแม่กวนอิม องค์โตจริงๆ
รอบๆ ด้านล่างมีลวดลายการแกะสลักที่สวยงาม ราวกับสิ่งเหล่านั้นมีชีวิตจริงๆ
อีกด้านหนึ่ง เป็นจุดชมวิวเมืองปีนัง [ไม่ต้องเสียเงิน]
มาวัดทั้งทีต้องมีทำบุญ ไม่มีเงินจะสร้างเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่โตได้อย่างไร
หลังจากไหว้เจ้าแม่กวนอิมแล้ว ก็มาเลือกผ้าสีๆ ขอพรต่างๆ แยกไปตามสี เช่น เงินทอง สุขภาพ ครอบครัว ความรัก โดยทำบุญแผ่นละ 1 RM
ทำบุญเรียบร้อยแล้ว ก็เอาผ้ามาแขวนไว้
และถ่ายรูปสิครับ รออะไร

SHIR เพื่อนสาวมาเลย์ก็โพสให้ดูเป็นตัวอย่าง
และด้วยเวลาที่มีไม่มากนัก เพราะต้องรีบขับรถออกจากเมืองปีนังกลับไปยังเมืองอิโป เพื่อขึ้นรถไฟกลับไปยัง KL หรือ กัวลาลัมเปอร์ จึงรีบลงจากวัด KEK LOK SI และไปเติมอาหารใส่ท้องก่อนเดินทางกลับ (มื้อต่อไปเราจะได้กินข้าวเป็นมื้อแรกในการเดินทางมาครั้งนี้...ดีใจ)
เมื่อขอพร ทำบุญ ถ่ายภาพเรียบร้อยแล้ว เราจะได้กิน "ข้าว" เป็นมื้อแรกในการมามาเลเซียครั้งนี้ (มื้อก่อนหน้ามีแต่ก๊วยเตี๋ยว..ก็โอเคร๊ ถือว่าลดน้ำหนัก ฮ่าๆๆ) ร้านที่เราเลือกคือร้าน BM YAM RICE KOPITIAM
หน้าที่ในการสั่งอาหารมาให้เรากินเป็นหน้าที่ของสาวชาวมาเลย์ผู้ร่วมทางกับเรา ดังนั้นมาดูหน้าตากันเลยดีกว่า
YAM RICE แบบชัดๆ
หลังจากลองชิมแล้ว สรุปคือ
YAM RICE คล้ายๆ ข้าวผัดซีอิ้วปรุงรสเค็มนิดหน่อยหอมซีอิ้ว และ มี เผือกบด โปะมานิดหน่อย และ มี หมูพะโล้ + ไข่พะโล้และเต้าหู้ + ซุปลูกชิ้นหมู เครื่องในและเนื้อหมู เป็นกับข้าว ... อาจจะดูไม่ได้พิศดารอะไรมากมาย แต่ เราอร่อยไปกับข้าวหอมๆ หมูกะโล้นุ้มนุ่ม และ ซดน้ำซุปร้อนๆ พร้อมเคี้ยวลูกชิ้นเด้งดึ๋งๆ ถือว่าเป็น มื้อที่อร่อย อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากหนังท้องตึงเรียบร้อยแล้ว ชำระค่าเสียหายจากมื้อนี้ไป รวมแล้ว 50RM สำหรับ 6 คน
ก็ถึงเวลาเดินทาง (ขับรถ) กลับไปยังเมืองอิโปห์ เพื่อคือรถที่เช่ามาและขึ้นรถไฟกลับ KL โดยตั้งใจซื้อตั๋วเวลา 6 โมงเย็น
ระหว่างรอซื้อตั๋ว ซึ่งคิวยาวมากเนื่องจากเป็นวันหยุดยาวของประเทศมาเลเซีย เลยได้ภาพ ศาลากลางอันเก่าแก่และสถานีรถไฟของเมืองอิโปห์มาเก็บไว้
แต่ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะ "ตั๋วหมด" เพราะเป็นวันหยุดยาว

เราเลยจำเป็นต้องเปลี่ยนการเดินทางโดยรถไฟ เป็น รถทัวร์ แต่ รถทัวร์เกรด A ตั๋วก็เต็มเช่นเดียวกัน
สาวมาเลย์ของเราเลยบอกว่า เรามีความจำเป็นที่จะต้องนั่งรถทัวร์เกรดล่างที่น่ากลัวมากๆ ขนาดที่แฟนสาวไม่ยอมให้นั่งเลยทีเดียว กระเป๋าต่างๆ จะต้องเก็บไว้กับตัวให้ดีๆ เอ้ยยยยยย ... อะไรจะน่ากลัวขนาดนั้น นี่นึกถึงภาพสลัมๆ รถทัวร์เก่าๆ น่ากลัวๆ ขึ้นมาในสมอง และแล้วเมื่อเราเดินทางมายังอีกสถานีนึง (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ กลัวคนจะฉกกล้อง)
โถ.............................................................. สายใต้ยังน่ากลัวกว่าอีกครับคู้ณณณณณณณ นี่ถ้าเธอไปนั่งรถทัวร์บ้านเราเธออาจจะช๊อคไปเลยนะแม่คุณ !!!! หลังจากซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถทัวร์กลับสู่ KL อย่างสวัสดิถาพ ประมาณ 3 ชั่วโมงเห็นจะได้ และ ด้วยความเหนื่อยและอิ่มจาก YAM RICE จึงหลับมาตลอดทาง ลืมตาตื่นอีกครั้งก็ถึง KL แล้ว คืนนี้เราอาศัยนอนบ้านสาวน้อยมาเลย์ ครับ เพราะถึงค่อนข้างดึกและฝนตก อยากหาอะไรร้อนๆ ก่อนเข้านอน
เพื่อนสาวของเราจึงจัดให้ บ๊ะกุดเต๋ หม้อไฟร้อนๆ อย่าถามว่าร้านอะไรเพราะไม่มีชื่อร้าน นางบอกว่าร้านแบบนี้มีเยอะมากๆ มากกว่า 30 ร้าน และ แต่ละร้านก็อร่อยแตกต่างกัน และ ร้านนี้นางชอบมากที่สุดและใกล้บ้าน
ไม่มีเวลาคว้ากล้องเพราะฝนตกและหิว เลยมีภาพมาคร่าวๆ
หม้อไฟซุปเดือดปุดๆ ถูกวางไว้ข้างหน้า มีเห็ดลอยให้เห็น ข้างในใส่เนื้อชิ้นใหญ่ๆและเนื้อซี่โครงกระดูกหมูตุ๋นนุ่มๆ แค่เห็นก็น้ำลายแตกฟองทีเดียว
เสิร์ฟมาคู่กันกับ หมูพะโล้หม้อดินเนื้อเด้งๆ ฉ่ำๆ แค่มองก็รู้ว่าอร่อยแน่นอน ตามด้วยขาไก่พะโล้ และ ผักราดน้ำมันหอย
หลังจากจบมื้อนี้กับบรรยากาศแบบฝนตกๆ ไม่ต้องถามว่าหลังจากนี้เป็นไง .......ถึงบ้านเพื่อนสาวมาเลย์ของเราก็สลบทันที
[วันที่ 4 และ 5 ว่างแล้วมาต่อในคอมเม้นต์นะครับ]
[CR] ตามเพื่อนไปมาเลย์ 5 วัน เงินหมด 9,000 มันส์ อิ่ม มากกกกก [ต่อตอนที่ 2]
มาต่อวันที่ 3 , 4 และ 5 กันนะค้าบ สำหรับวันที่ 1 - 2 และรายละเอียดค่าใช้จ่ายนั้น ย้อนอ่านได้ที่ http://pantip.com/topic/35245596
START THIRD DAY : PENANG
จากการนอนอย่างเต็มอิ่ม พร้อมเช็คเอ้าท์ จาก CONTAINER HOTEL PENANG ตอน 9 โมงเช้า เพื่อไปขึนกระเช้าไฟฟ้าจุดชมวิว PENANG HILL อันโด่งดัง
กองทัพเดินด้วยท้องฉันใด ... นักเดินทางก็ต้องกินอาหารก่อนฉันนั้น !!!!
SHIR SHIR I'M SOOOOOO HUNGRY
และแล้วเราก็มาถึงตลาดแห่งหนึ่ง ฟิลก็คล้ายๆ ตลาดสดบ้านเรา [ลิบๆ นั้น เห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่อยู่บนยอดเขา]
อากาศก็ดูขมุกขมัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ วันนี้คงไม่ได้เห็นท้องฟ้าสวยๆ ดังนั้น "กิน" สิครับ รออะไร
สิ่งที่เพื่อนมาเลย์คนสวยของเราสั่งมาให้คือ ASSAM LAKSA
ASSAM แปลว่า มะขาม ครับ
ASSAM LAKSA จึงเป็นบะหมี่ในน้ำซุปเปรี้ยว (น้ำมะขาม) มีปลาฉีก ผสมๆ กับผักสมุนไพรหลายๆ อย่าง ดูท่าทางจะมีกะทิปนด้วย
แต่ด้วยความที่เป็นมื้อแรก (ถึงจะไม่เช้า) ปกติผมมักกินอาหารอ่อนๆ หรือรสไม่จัดนัก เลยชิมนิดๆ หน่อยๆ เพราะกลัวจะเสาะท้อง หรือ ท้องเสียระหว่างเดินทาง เพราะ ฉะนั้นปล่อยให้สายแข็งเค้าจัดไป และ ถามว่าอร่อยมั้ย ... เค้าบอกว่า รสแปลกดี ... [คือกินได้แต่ไม่ประทับใจสินะ]
ยังๆๆๆ ยังไม่จบเรื่อง LAKSA เดินต่อมาอีกหน่อย เพื่อนสุดสวยของเราบอกว่า นี่คือ LAKSA ที่เป็นออริจิฯ และ เป็นตำนานของที่นี่
ท่าทางจะจริงเพราะมีป้ายโฆษณาซะด้วย คนยืนรอก็ไม่น้อย ... ขนาดเป็นแค่เพียงนะ
โอ้โห........... ตำนานจริง ๆ ก็ดูคนขายคนทำสิครับ รวมกันได้กว่าร้อยปี
ดูหม้อต้มกับเตาถ่ายสิครับ ..... อร่อยแน่ๆ
ระหว่างรอ ORIGINAL LAKSA เพื่อนคนสวยของเราก็เล่าว่า คุณยายทั้งสองคนเป็นฝาแฝดกัน เกิดในประเทศไทยและขาย LAKSA มาก่อนที่หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนย้ายกลับมาอยู่ปีนัง และ LAKSA ของคุณยายอร่อยมาก ลงหนังสือหลายเล่มและมีช่างภาพมาถ่ายรูปคุณยายทั้งสองบ่อยๆ
ก็แน่ล่ะ ยิ้มหวานนนนน ขนาดนี้ แถมโพสท่าให้ถ่ายรูปถือชามอย่างมืออาชีพ
และนี่คือหน้าตาของ ORIGINAL LAKSA ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของคุณยายทั้งสองคน
(จะว่าไปก็เหมือนกินขนมจีนน้ำเงี้ยวผสมกะทิ)
หลังจากลิ้มรสชาติอันพิศดารของ LAKSA ต่างๆ จนอิ่มแล้ว ไม่รอช้ารีบไปที่กระเช้าสำหรับขึ้นไปปีนังฮิลอันโด่งดังทันที !!!
แต่...... พอสอบถามราคาแล้ว ขอเดินถอยออกทันทีเพราะค่าขึ้นกระเช้าไปชมวิวเมืองปีนัง คือ 60 RM !!!! OMG ประมาณ 600 บาท !!! (กินได้หลายมื้อเลยนะ)
พิจารณาแล้ว
1. อากาศขมุกขมัวท้องฟ้าก็ไม่ได้สวยมาก
2. ขึ้นไปถ่ายภาพตอนนี้ก็คงไม่สวยดังใจเหมือนช่วงเย็นหรือค่ำ
3. ไม่ได้มีแผนนอนข้างบนเพื่อสูดอากาศตอนเช้า
ดังนั้น .......... ฝากไว้ก่อน ฮ่าๆๆๆๆๆ
แต่ ... ก็ไม่ยอมที่จะเก็บภาพเมืองปีนังหรอกนะครับ เมื่อกี้ตอนกิน LAKSA แอบเห็นเจ้าแม่กวนอิมบนเขาสูงไม่ไกลจากกระเช้าขึ้นปีนังฮิลมากนัก .. ฮึๆๆๆๆๆ แน่นอนว่าเข้าฟรี แถมมีวิวเมืองปีนังติดมือกลับแน่นอน ... ไม่รอช้า บอกเพื่อนให้แจ้งแก่เพื่อนมาเลย์คนสวยพาไป ภายหลังถึงทราบชื่อว่าเป็นวัด KEK LOK SI เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดังพอสมควรทีเดียว แถมตอนกลางคืนไฟยังสวยด้วย
จุดเด่นของวัด KEK LOK SI มี 3 อย่าง
1. เจดีย์ ที่ผสมศิลปะ ไทย จีน และ พม่า [มาผสมกันได้ไง]
2. เจ้าแม่กวนอิมองค์โต
3. วิวของเมืองปีนัง
รอบนี้เก็บมาได้แค่ 2 คือ เจ้าแม่กวนอิม องค์โตจริงๆ
รอบๆ ด้านล่างมีลวดลายการแกะสลักที่สวยงาม ราวกับสิ่งเหล่านั้นมีชีวิตจริงๆ
อีกด้านหนึ่ง เป็นจุดชมวิวเมืองปีนัง [ไม่ต้องเสียเงิน]
มาวัดทั้งทีต้องมีทำบุญ ไม่มีเงินจะสร้างเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่โตได้อย่างไร
หลังจากไหว้เจ้าแม่กวนอิมแล้ว ก็มาเลือกผ้าสีๆ ขอพรต่างๆ แยกไปตามสี เช่น เงินทอง สุขภาพ ครอบครัว ความรัก โดยทำบุญแผ่นละ 1 RM
ทำบุญเรียบร้อยแล้ว ก็เอาผ้ามาแขวนไว้
และถ่ายรูปสิครับ รออะไร
SHIR เพื่อนสาวมาเลย์ก็โพสให้ดูเป็นตัวอย่าง
และด้วยเวลาที่มีไม่มากนัก เพราะต้องรีบขับรถออกจากเมืองปีนังกลับไปยังเมืองอิโป เพื่อขึ้นรถไฟกลับไปยัง KL หรือ กัวลาลัมเปอร์ จึงรีบลงจากวัด KEK LOK SI และไปเติมอาหารใส่ท้องก่อนเดินทางกลับ (มื้อต่อไปเราจะได้กินข้าวเป็นมื้อแรกในการเดินทางมาครั้งนี้...ดีใจ)
เมื่อขอพร ทำบุญ ถ่ายภาพเรียบร้อยแล้ว เราจะได้กิน "ข้าว" เป็นมื้อแรกในการมามาเลเซียครั้งนี้ (มื้อก่อนหน้ามีแต่ก๊วยเตี๋ยว..ก็โอเคร๊ ถือว่าลดน้ำหนัก ฮ่าๆๆ) ร้านที่เราเลือกคือร้าน BM YAM RICE KOPITIAM
หน้าที่ในการสั่งอาหารมาให้เรากินเป็นหน้าที่ของสาวชาวมาเลย์ผู้ร่วมทางกับเรา ดังนั้นมาดูหน้าตากันเลยดีกว่า
YAM RICE แบบชัดๆ
หลังจากลองชิมแล้ว สรุปคือ
YAM RICE คล้ายๆ ข้าวผัดซีอิ้วปรุงรสเค็มนิดหน่อยหอมซีอิ้ว และ มี เผือกบด โปะมานิดหน่อย และ มี หมูพะโล้ + ไข่พะโล้และเต้าหู้ + ซุปลูกชิ้นหมู เครื่องในและเนื้อหมู เป็นกับข้าว ... อาจจะดูไม่ได้พิศดารอะไรมากมาย แต่ เราอร่อยไปกับข้าวหอมๆ หมูกะโล้นุ้มนุ่ม และ ซดน้ำซุปร้อนๆ พร้อมเคี้ยวลูกชิ้นเด้งดึ๋งๆ ถือว่าเป็น มื้อที่อร่อย อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากหนังท้องตึงเรียบร้อยแล้ว ชำระค่าเสียหายจากมื้อนี้ไป รวมแล้ว 50RM สำหรับ 6 คน
ก็ถึงเวลาเดินทาง (ขับรถ) กลับไปยังเมืองอิโปห์ เพื่อคือรถที่เช่ามาและขึ้นรถไฟกลับ KL โดยตั้งใจซื้อตั๋วเวลา 6 โมงเย็น
ระหว่างรอซื้อตั๋ว ซึ่งคิวยาวมากเนื่องจากเป็นวันหยุดยาวของประเทศมาเลเซีย เลยได้ภาพ ศาลากลางอันเก่าแก่และสถานีรถไฟของเมืองอิโปห์มาเก็บไว้
แต่ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะ "ตั๋วหมด" เพราะเป็นวันหยุดยาว
เราเลยจำเป็นต้องเปลี่ยนการเดินทางโดยรถไฟ เป็น รถทัวร์ แต่ รถทัวร์เกรด A ตั๋วก็เต็มเช่นเดียวกัน
สาวมาเลย์ของเราเลยบอกว่า เรามีความจำเป็นที่จะต้องนั่งรถทัวร์เกรดล่างที่น่ากลัวมากๆ ขนาดที่แฟนสาวไม่ยอมให้นั่งเลยทีเดียว กระเป๋าต่างๆ จะต้องเก็บไว้กับตัวให้ดีๆ เอ้ยยยยยย ... อะไรจะน่ากลัวขนาดนั้น นี่นึกถึงภาพสลัมๆ รถทัวร์เก่าๆ น่ากลัวๆ ขึ้นมาในสมอง และแล้วเมื่อเราเดินทางมายังอีกสถานีนึง (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ กลัวคนจะฉกกล้อง)
โถ.............................................................. สายใต้ยังน่ากลัวกว่าอีกครับคู้ณณณณณณณ นี่ถ้าเธอไปนั่งรถทัวร์บ้านเราเธออาจจะช๊อคไปเลยนะแม่คุณ !!!! หลังจากซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถทัวร์กลับสู่ KL อย่างสวัสดิถาพ ประมาณ 3 ชั่วโมงเห็นจะได้ และ ด้วยความเหนื่อยและอิ่มจาก YAM RICE จึงหลับมาตลอดทาง ลืมตาตื่นอีกครั้งก็ถึง KL แล้ว คืนนี้เราอาศัยนอนบ้านสาวน้อยมาเลย์ ครับ เพราะถึงค่อนข้างดึกและฝนตก อยากหาอะไรร้อนๆ ก่อนเข้านอน
เพื่อนสาวของเราจึงจัดให้ บ๊ะกุดเต๋ หม้อไฟร้อนๆ อย่าถามว่าร้านอะไรเพราะไม่มีชื่อร้าน นางบอกว่าร้านแบบนี้มีเยอะมากๆ มากกว่า 30 ร้าน และ แต่ละร้านก็อร่อยแตกต่างกัน และ ร้านนี้นางชอบมากที่สุดและใกล้บ้าน
ไม่มีเวลาคว้ากล้องเพราะฝนตกและหิว เลยมีภาพมาคร่าวๆ
หม้อไฟซุปเดือดปุดๆ ถูกวางไว้ข้างหน้า มีเห็ดลอยให้เห็น ข้างในใส่เนื้อชิ้นใหญ่ๆและเนื้อซี่โครงกระดูกหมูตุ๋นนุ่มๆ แค่เห็นก็น้ำลายแตกฟองทีเดียว
เสิร์ฟมาคู่กันกับ หมูพะโล้หม้อดินเนื้อเด้งๆ ฉ่ำๆ แค่มองก็รู้ว่าอร่อยแน่นอน ตามด้วยขาไก่พะโล้ และ ผักราดน้ำมันหอย
หลังจากจบมื้อนี้กับบรรยากาศแบบฝนตกๆ ไม่ต้องถามว่าหลังจากนี้เป็นไง .......ถึงบ้านเพื่อนสาวมาเลย์ของเราก็สลบทันที