[CR] - - F I N L A N D - - N O R W A Y - - คนแปลกหน้าที่น่ารัก

เริ่มต้นที่สนามบิน Copenhagen (CPH) ด้วยความตื่นเต้น เพราะมาคนเดียว กลัวเกิดอาการเหม่อลอยแล้วลืมขึ้นเครื่องจริงๆ
ท่องในใจว่าจะไม่แวะดูของในสนามบิน เพราะกระเป๋าแน่นมาก
เดินมุ่งหน้าไปที่ Gate อย่างมีสติ



นี่เป็นครั้งแรกกับ Norwaygian Airline ถือว่าโอเคเลยทีเดียว



ใช้เวลาบินจาก Copenhagen  ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มา Helsinki เมืองหลวงของ Finland
นี่คือภาพมุมสูงของ Helsinki ในยามค่ำคืน



มาถึงฟินแลนด์แดนมหัศจรรย์ตอน 5 ทุ่ม คุณน้าใจบุญมารับถึงสนามบิน นัดแนะกันเรียบร้อยว่าจะรอตรงจุดไหน เป๊ะ! ไม่พลาด

2 คืนนี้จะขออาศัยนอนที่บ้านน้า จริงๆไม่อยากรบกวน แต่นอนฟรี อาหารไทยก็มี ใครเล่าจะปฏิเสธ

จากสนามบินมาบ้านใช้เวลาประมาณ 20-30นาที มาถึงปุ๊บ น้าบอกว่ามีข้าวผัด หิวมั้ย?...พยักหน้าคอแทบหลุด ข้าวผัดอร่อย มีพริกน้ำปลาให้ปรุงรส แถมด้วยผลไม้ล้างปาก คืนนี้ได้อาบน้ำแล้วววดีใจระดับ10 (คือคืนก่อนหน้านี้ไปพักโฮสเทลแล้วเปิดน้ำอาบไม่เป็น หรือเครื่องมันพังก็ไม่รู้ เลยซักแห้งไป 1 คืน)




นอนหลับสบายตื่นไม่สายมาก แผนของวันนี้ คือ ตามติดชีวิตคุณนายโฮ (ขุ่นน้าของ จขกท เอง)  ขุ่นน้าเข้าไปทำธุระในเมือง ก็ตามเค้าไปเดินเล่นท่ามกลางหิมะโปรยปราย






แวะถ่ายรูปกับโบสถ์ใหญ่ White Church ตอนไปถึงก็เพลียมาก มีรถบัสทัวร์จีนจอดขวางหน้าโบสถ์ หนาวก็หนาว เลยส่งกระแสจิตให้เค้าย้ายรถ


ซึ่งคนขับก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีไม่มีตุกติก แต้งกิ้วเวรี่มัชชชช ....โบสถ์สวยมากกกกก


บรรยากาศในเมือง กับอากาศที่หนาวติดลบ 1



หลังจากนั้นคุณน้าพาไปทานร้านอาหารไทยเพื่อเลี้ยงวันเกิดย้อนหลัง (รึป่าว ไม่แน่ใจ) คนอะไรสั่งอาหารไป 3 อย่าง ได้มา 6 อย่างฟรีๆ ราวกับมาเฟีย ทานเสร็จก็จะไป Marimekko Outlet ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายของการมาฟินแลนด์ Marimekko เป็น brand สร้างชื่อของประเทศนี้ เอกลักษณ์ของแบรนด์คือผ้าลายดอกสีสันสดใส ถูกออกแบบมาเพื่อความมีชีวิตวาในการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นสีเขาเทา มีแต่หิมะ

ระหว่างเดินทางไป ก็เจอท้องฟ้าสีส้มสวยงามมาก เพราะเป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ตื่นตาตื่นใจกับฟ้าวันนี้มากๆ






เมื่อถึงร้าน จขทก ก็เลือกซื้อผ้าอย่างเสียสติ โดยไม่สนใจว่าจะขนกลับประเทศยังไง (สุดท้ายต้องฝากเพื่อนขุ่นน้าขนกลับ) ใช้เวลาไปเกือบ2ชั่วโมง




ได้เวลาคุณน้าก็ไปส่งที่สนามบิน รอบนี้ก็ Norwaygian Airline อีก




ชอบถุง...มีการให้ความหวังและกำลังใจ


ใช้เวลาราวๆ1ชั่วโมงก็ถึง Rovanimie ภาพที่มองจากบนเครื่องบินลงมาคือ มีต้นไม้ที่มีหิมะปกคลุมหนามากถึงมากที่สุด อุณหภูมิประมาณ -8 โห๋ววววววววว.....ไหวมั้ยยยยยย..... หันไปถามเพื่อน ชั้นจะตาย ชั้นจะตายมั้ยเอ่ย






ที่นี่มีหมู่บ้าน Santa Claus บริเวณสนามบินมีตุ๊กตา Santa ตั้วใหญ่ยืนในสนามบิน พอมาถึงตรงสายพานรับกระเป๋าก็ตกแต่งด้วย Santa อีก มีความจิงเกอเบล



รับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินออกมาหารถเข้าเมือง ตกใจกันมาก เพราะเดินจากห้องโถงที่สายพานรับกระเป๋าปุ๊บ ก็เป็นด้านนอกปั๊บ โอ๊ะ..นี่สนามบินหรือเซเว่น ทำไมเล็กขนาดนี้ ด้านนอกหิมะตก หนาวยะเยือก พากันวิ่งกลับเข้ามาตั้งหลัก ใส่ถุงมือ แล้วออกไปหารถ โชคดีมาก ออกไปก็เจอเลย รถกำลังจะออกพอดี โอปป้าาาา เกาหลีเต็มรถ คนรถจะถามว่าเราจะลงไหน นางจดรายละเอียดจุดหมายปลายทางของทุกคนในกระดาษแล้วออกรถไปในเมือง ระหว่างทางเต็มไปด้วยหิมะ ป้ายบอกทางก็ถูกหิมะหนาเตอะ ผู้คนเริ่มทะยอยลงรถ ในใจนี่ตุ๊มๆต่อมๆว่า จะรู้ได้ไงว่าถึงที่ที่ตัวเองจะต้องลงเพราะคนขับก็ขับและจอดอย่างเดียว ไม่บอกว่าที่ไหน ตอนจองที่พักจำหน้าตาตึกได้ เลยสแกนที่พักด้วยรูปทรงตึก มีความแม่นยำระดับ10 คนขับจอดแต่ไม่พูดอะไร ด้วยความั่นใจจึงเดินไปถามว่าลงได้ยัง สรุปว่าเถิกต้องนะคับ

สำหรับที่พัก2คืนนี้จะเป็นโฮสเทลราคาย่อมเยาว์ แต่เมื่อเปรียบเทียบราคากับสภาพห้องพักที่เยอรมัน ที่นี่แพงกว่ามาก จากที่อ่านมาในอินเตอร์เน็ตมีคนบ่นว่าโฮสเทลนี้เป็นโฮสเทลปลอม ปลอมยังไง? นึกภาพไม่ออก บริการไม่ค่อยโอเคเพราะเจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่มีป้ายชื่อบอก หายาก แต่เราก็สู้ค่ะ เพราะราคาถูกที่สุดแล้วและไม่มีเวลาเลือกมาก เดินแบกกระเป๋าเดินเข้าตึก ด้วยความที่นี่คือคอนโดพักอาศัย จึงมีชื่อเจ้าของห้องแต่ละห้องว่าอยู่ชั้นไหน กวาดตามองแล้วมองอีก ไม่เจอชื่อที่พัก แต่มีป้ายห้องเบอร์9 ที่ไม่มีชื่อพิมพ์อยู่ จนนึกได้ว่าที่นี่ไม่มีป้ายบอก มองดูไม่เห็นลิฟท์ เลยเดินแบกกระเป๋าขึ้นไปห้องที่ไม่มีชื่อ ซึ่งอยู่ชั้นบนสุด(จำไม่ได้ว่ามีกี่ชั้นน่าจะประมาณ5ชั้น) เดินขึ้นไปหลังจะหลุด ถึงแล้ว..ดีใจมาก เคาะประตู ไม่เปิด เคาะอีก ก็ไม่เปิด มั่วรหัสเข้าห้องจากใบจองก็ทำไม่ได้ แอบฟังเสียงในห้องก็เงียบฉี่ คิดว่าไม่มีคนแน่ๆ มีความเซ็งเล็กน้อย เลยตัดสินใจว่าจะเดินออกไปหาโทรศัพท์โทรหาเจ้าของโฮสเทลที่ระบุไว้ในใบจอง โดยจะวางกระเป๋าไว้หน้าห้อง มั่นใจว่าไม่หาย เพราะหนักมาก..จะเอาไปก็เอาไปเลย (มีความคิดที่ดูร่ำรวย)



เดินออกมาไม่ไกลจากที่พักก็พบเหยื่อรายแรก คือออฟฟิสอะไรสักอย่าง กระจกใสเห็นคนกำลังนั่งทำงาน เดินบุกเข้าไปขอใช้โทรศัพท์ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ไม่มีคนรับสายยยย ทำใจเบาๆ รอค่ำๆค่อยเดินกลับไปที่พักน่าจะมีคนมาแล้ว ระหว่างที่รอเขา เราเลือกใช้เวลาเดินสำรวจเมืองและไป tourist information เพื่อวางแผนการท่องเที่ยวในวันพรุ่งนี้แบบเต็มวัน พนักงานน่ารักมากเป็นคนเอเชีย ให้ข้อมูลดีมาก

ภาพเมือง Rovanimie



ตัดผมร้านน่าจะได้ทรงเดียวกับซานตาคลอส





หลังจากได้ข้อมูลสถานที่ที่สามารถเดินไปดูแสงเหนือได้ (กะจะไปคืนนี้เลย..ไฟแรงมาก) มีการเช็คจุดขึ้นรถบัสไปหมู่บ้านซานตาคลอสในวันพรุ่งนี้ และเช็คตารางรถบัสไปชายแดนฟินแลนด์ในวันมะรืนเรียบร้อย ก็เดินแบบลื่นๆชมเมือง แว้บเข้าร้านค้าต่างๆเพื่อบรรทาอาการหนาว -8 องศา เมื่อเริ่มค่ำก็คิดว่าที่พักอาจจะมีคนอยู่เปิดประตูแล้ว เลยเดินกลับ เมื่อไปถึง..กระเป๋าที่จอดไว้หน้าห้องก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ห้องก็เข้าไม่ได้...ทำยังไงดีแก?