เรารักมาก...แต่เค้ามากรัก (ตอนที่ 4)

18/6/59 (รัก สาม เศร้า)

จุดเริ่มต้นของรักสามเศร้า ของเรากับพี่เขา เมื่อวันหนึ่งเราจับได้ว่า พี่เขากับคนนั้นยังแอบติดต่อ และยังสร้างสัมพันธ์กันเหมือนเดิมและเริ่มจะมากขึ้น เราทั้งสองเริ่มมีปากเสียงกันบ่อย และมากขึ้นในทุกๆวัน เมื่อเราเริ่มพูดถึงเรื่องของมือที่สามกันมากขึ้น เหมือนทุกอย่างมันยิ่งแย่ลงทุกวัน เมื่อพี่เขาพูดมาว่า ที่ผ่านมาพี่ทำใจและพยายามทำใจกับเรื่องระหว่างพี่กับเค้ามาตลอด ถึงวันนี้ยิ่งทำใจลืมเท่าไหร่พี่ก็ยังห่วง คิดถึง และอยากเจอเค้ามากขึ้น และมันก็ไม่ได้หยุดที่การยังแอบติดต่อพูคุย ลับหลัง ในช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็แอบนัดไปเจอกัน ทั้งข้างนอกและแม้แต่พากันมาเจอที่คอนโดพี่เขา โดยที่เราเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย และมาจับได้ในทีหลัง ดูเหมือนว่าพี่เขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะรู้สึกผิด หรือสึกไม่ดีกับสิ่งที่เขาทำไป แต่กลับเหมือนว่า ยิ่งเรารู้ก็ยิ่งเป็นการดีต่อเขา เขากลับทำว่าทุกอย่างมันปกติ มองว่ามันไม่ผิดเลย และในทุกๆวัน กลับติดต่อและพูดคุยกันข้ามหน้าข้ามตา ทั้งที่เรานั่งอยู่ข้างๆ ไม่แม้แต่แคร์เลย อาจเป็นเพราะเค้าอยากกลับไปหาคนนั้นมาก และอยากให้เราหมดความอดทนที่จะอยู่กับเขา ยิ่งเรารู้มาก ยิ่งจับได้มากขึ้นเท่าไหร่ เค้าก็เปลี่ยนการติดต่อ โกหกเราว่าไม่ได้ติดต่อกันแล้วและทำให้เราเชื่อใจ และเราก็เชื่อจริงๆ แชทเฟส ไลน์ ไอจี ทุกอย่างเงียบจริงๆ แต่ก็แอบไปฟอลทวิตกัน แล้วคุยกันแค่สองคนในนั้น พี่เขาก็ปิดบังเราไม่มิดอยู่ดี จนช่วงกลางๆเดือน 11 พี่เขาไปแสดงความยินดีกับเพ่อนเขาที่เรียนจบ ครั้งนี้เราไม่ได้ไปด้วยกับเขา เพราะเองติดเรียนและมีงานเสริมต้องทำด้วยในตอนนั้นเลยห่างกัน4-5วัน พี่เขาเงียบกับเรา นิ่ง เฉย และบอกว่าต้องถ่ายรูปเลยไม่มีเวลาตอบ ตอนกลางคืนก็บอกเหนื่อยและง่วง ทั้งหมดนี้มันคือสัญญาณเตือน เราเองอยู่คอนโดพี่เขา มันเงียบและเหงามาก ความจริงมันเปิดเผยเองอีกครั้ง เพราะเราดันเปิดคอมของพี่เขานั่งเล่น ฟังเพลงไปเรื่อย แต่แล้วการแจ้งเตือนอีเมล์ของพี่เขาที่ล็อกอินค้างไว้ เราก็เปิดเข้าไปอ่าน ถึงกลับน้ำตาร่วงเพราะคำว่าไว้ใจและเชื่อใจ เค้าแอบติดต่อกันในทวิตคุยกันตลอด จากวันที่เขาบอกเราว่า ไม่ได้ติดต่อกันแล้วใน เฟส ไลน์ ไอจี ซึ่งคือเรื่องจริง เกือบเดือนที่เค้าติดต่อกันตลอด บอกฝันดี คิดถึงกัน และยังส่งรูป ลงรูป ที่เค้าทั้งสองไปแอบเจอกันและถ่ายเก็บไว้ มันยังทำให้เราเริ่มที่จะถอยออกจากจุดนั้น เพราะตลอดเวลา เหมือนเราไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิตเค้าแล้ว และวันสุดท้ายที่พี่เขาจะกลับเข้ามาในกรุงเทพ 2 ทุ่มกว่าเราทำกับข้าวไว้ รอกินพร้อมพี่เขา ตอนนั้น เขาบอกกับเราว่า ยังไม่ออกมาจากมอ.เลย แต่ความจริงนั้นพี่เขามาถึง กทม.ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว คือเขานัดไปกินข้าวกันก่อนที่จะกลับมาคอนโดในตอนเกือบห้าทุ่ม เราจับได้เพราะ เขาอัพรูปลงทิตอีกครั้ง พร้อมกับคำพูดหยอดกันไปมา ในตอนนั้นเราเหมือนกับคนบ้า นั่งรวบรวมสติทุกอย่าง เราพยายามคิดว่าอาจจะเป็นภาพที่นานมาแล้ว ที่เขาเคยเจอกันมา เราจำเสื้อตัวนั้นที่เขาใส่ เมื่อเขากลับมา เราจะได้รู้ว่ามันตัวเดียวกันไหม พอพี่เขากลับมาถึงคอนโดเราก็ลงไปรับด้านล่าง สิ่งที่เราเห็นคือ เสื้อตัวนั้นที่อยู่ในรูปนั้น น้ำตาเราเริ่มมาอีกแล้วแต่ต้องเก็บไว้รอขึ้นถึงห้องและคิดว่ามันยังไม่ชัด เราเลยเข้าไปกอดพี่เขา และถามว่า หิวไหมน้องทำกับข้าวรอกินพร้อมพี่เลยนะ หิวมั้ย? คำตอบที่ได้คือ กินเลยพี่อิ่มแล้ว พึ่งกินมากับเพื่อนก่อนออกจากมอ. ความจริงคือถ้าขับรถมากว่าจะถึง กทม. เวลาจริงคือ เกือบ3 ชม.ได้ และนั้นก็คือคำตอบว่าทุกอย่างที่เราเห็นและเรารับรู้นั้น มันคือเรื่องจริงทั้งหมด ถึงแม้เราจะมองว่ามันไม่จริง น้ำตามันเริ่มไหลออกมาเองละ ห้ามยังไงก็ไม่หยุด เพราะคิดว่าเค้าคงอยากลับไปหาคนนั้นมาก ในขณะที่เรา เราทำอะไรผิด ไม่เคยขัดใจ หรือทำอะไรให้เขาไม่พอใจ เราก็ได้แต่ถาม ว่ารักเรามั้ย ยังรักเราเหมือนเดิมมั้ย คำตอบคือก็รักนะ แต่อาจจะน้อยลงแล้ว TT ใครเคยอกหักคงรู้ ว่าจุกอก มันแน่ในอกมันเป็นยังไง จนพี่เขาบอกว่าเหนื่อยอยากนอนพัก คืนนั้นทั้งคืน เราเอาแต่ฟุ่งซ่าน ไม่ได้นอนทั้งคืน

ขอพูดถึงรักเก่าของพี่เขา
คือก่อนที่พี่เขาจะมาคบกับเรา พี่เขาเคยไปชอบรุ่นพี่คนหนึ่งเค้าคุยกันมาได้เกือบเดือน และมารู้ทีหลังว่า ตัวเองตกไปเป็นมือทีสามโดยไม่รู้ตัว อยากเจอ อยากเที่ยว อยากทะไรด้วยกันกับพี่คนนั้นแต่ไม่มีโอกาส ไม่มีสิทธ์เลย เพราะพี่คนนั้นก็มีแฟนแล้วและเค้าก็ไม่สามารถออกมาพอเจอกันได้ จนพี่คนนั้นกับแฟนเค้าก็เริ่มจะทะเลาะกันเหมือนกัน เวลาผ่านมา2เดือน ที่พี่เค้าอยู่แบบคนไม่มีสิทธ์ อยู่แบบไม่มีตัวตน อยู่แบบทรมาน ในฐานะของคนที่รอแล้วไม่ได้อะไรเลย จนพี่เขาคิดจะทิ้งอดีตและคิดจะเริ่มใหม่กับใครอีกคนละ จนพี่เขาได้มาเจอเราและคิดว่าจะเริ่มใหม่และทิ้งอดีตละ สุดท้าย เมื่อมือที่สามรู้ เกิดอยากได้คืน เลยกลับมาทำให้เราทั้งสองต้องแตกแยกและผิดใจกัน และพี่คนนั้นก็เริ่มทะเลาะกับแฟนเค้า เลยมาให้ความหวังแฟนเราอีกครั้ง ด้วยคำที่ชอบพูดบ่อยว่า เรากำลังจะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ พี่พร้อมจะดูแลแล้วนะ พี่กำลังจะเลิกกับแฟนแล้วนะ ซึ่งแฟนของเรา ด้วยความที่ค้างคาใจกับรักที่2เดือนผ่านมาต้องอยู่แบบทรมาน และไม่ได้ครอบครองเลยกำลังจะเป็นจริง เขาเลยคิดจะกลับไปสานความสัมพันธ์กันใหม่ แล้วเราละ? เกิดเป็นคำถาม ว่าทั้งหมดที่ผ่านมา เราคือใคร เอาเรามาอยู่ในฐานะอะไร คนแก้เหงาหรอ

จนวันนึงพี่คนนั้นทักมาหาแฟนเรา ละออกอุบาย ว่าจะขอมาอยู่ที่ห้องด้วยได้ไหม พอดีเอารถมาล้างแถวนี้ละไม่มีที่จะนั่ง เลยขอมาอยู่ เราเองก็ยังใจดี และคิดว่าคงไม่มีอะไรแอบแฝงแน่ๆ เลยยอมให้มาอยู่ในห้องด้วย จนพี่คนนั้น บอกมีอะไรอยากจะคุยกับเราด้วย เราเลยออกไปคุยกับพี่คนนั้นที่ระเบียง ตอนแรกเหมือนคำพูดทั้งหมดที่เราคุยกัน เหมือนว่าเค้าจะไม่มายุ่งและจะยอมไปเอง แต่แล้วเค้าทั้งสองคนก็อยากคุยกันบ้าง เราเลยเปิดโอกาสให้ แต่สิ่งที่เราให้เค้าคุยกัน คิดว่าอาจจะเป็นการเคลียกันครั้งสุดท้าย แต่เค้าทั้งสอง กลับมาพูดถึงความรู้สึก ถึงสิ่งที่ไม่เคยบอกกันเลยตั้งแต่คุยกันมา2เดือน คือเค้ามาบอกรักกัน บอกความรู้สึกดีๆต่อกัน หลังจากวันนั้นเราคิดว่าทุกอย่างมันดีกว่าเดิม แต่เหมือนทั้งแฟนเรา และพี่คนนั้น ต่างฝ่ายต่างผลักแฟนปัจจุบันของตัวเองทิ้ง โดยทำให้ทดกันไม่ได้ทั้งเรา และแฟนพี่เค้า และเวลาผ่านมาแฟนเราก็เหมือนทนอยู่กับเราเพราะใจไปอยู่ที่โน้นหมดแล้วเข้าช่วงปิดเทอมปลายเดือนธันวาคม ใกล้วันปีใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้ดีขึ้นเลย เราเหมือนส่วนเกิน ที่นั้นดูเค้าคุยกัน อยากโทรหาก็โทร และกลับมาแชทในเฟสและไลน์กันปกติ จนเราเองร้องไห้กับพี่เขา จนเขามองเราไม่น่าสงสารไปแล้วอะ เหมือนเขาอยากให้เราไปจากเขา แต่ไม่ยอมที่เอ่ยคำว่าเราเลิกกัน เราเองก็เริ่มเหนื่อย และหมดความอดทนกับคนที่ใจมันไม่ได้อยู่กับเราแล้ว และเราเองก็โดนที่บ้านตามให้กลับแล้วเพราะอยู่เคลียปัญหาหลังสอยเสร็จเกือบ10วัน

เราเลยยอมเอ่ยคำนั้นออกมาเอง ว่าถ้าหมดใจกันแล้ว ไม่รักกันแล้ว เรายอมถอยเองก็ได้ ถอยทั้งที่เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน ถอยทั้งที่เรายังรักพี่เขาหมดใจ

วันสุดท้ายก่อนเราจะกลับบ้าน ตจว. เราเลยยอมเก็บของ เสื้อเราออกมาและเดินออกจากชีวิตเค้าและพี่คนนั้นพอรู้ว่าเราเลิกกัน เค้าก็ทำทุกอย่างจนเลิกกับแฟนเค้าเหมือนกัน และเค้าก็ได้อยู่ด้วยกันสมใจอยาก

สองรุมหนึ่ง/รักแท้แพ้ระยะทาง/รักกันต้องเชื่อใจกัน/รักกันต้องไว้ใจ/รักกันต้องให้อิสระ/รู้มากก็เจ็บ รู้น้อยก็โง่

คำเหล่านี้ ถ้าเรามองข้าม บางทีอาจจะเจ็บ และเจอเหมือนเราก็ได้ คำพวกนี้ไม่มีผลหรอก

คนจะ ยิ้ม มันก็ ยิ้มได้ทุกเวลาแหละ มันอยู่ที่ว่าคนๆนั้น รู้จักคำว่าพอรึยัง คิดที่จะหยุดกับเรารึยัง รึงจะติดคำพวกนั้นทิ้งได้ คงมีแต่คนที่เกิดมาคู่กันเท่านั้นแหละ

จากวันที่เราได้พูดคำนั้นและยอมพูดออกมา ทั้งที่ใจไม่ได้ต้องการแบบนั้น มันไม่ง่ายเลย ทุกอย่างมันไม่ได้ดีขึ้นเลยร้องไห้

รอติดตามนะครับ จะพยายามให้จบในตอนหน้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่