ผู้ชายแปลกหน้า

กระทู้สนทนา
เรื่องผู้ชายแปลกหน้า


โดย...ล. วิลิศมาหรา



ตื่นเช้าขึ้นมาวันนี้ดิฉันสดชื่นจริง ๆ ฝนที่ตกหนักราวฟ้ารั่วเมื่อคืนขาดเม็ดลงแล้ว แว่วเสียงนกกางเขนสองตัวผัวเมียร้องจุ๊ก ๆ จิ๊ก ๆ ดังอยู่ข้างนอกหน้าต่างห้องนอน พอแง้มม่านหน้าต่างสีสวยหวานออกดู ก็พบภาพดอกเยอบีร่าสารพัดสีในแปลงของสวนหน้าบ้านออกดอกชูช่อบานสะพรั่ง อดใจไม่ไหวเห็นทีต้องขอออกไปเชยชม ดิฉันหาเสื้อคลุมตัวยาวมาสวมคลุมทับชุดนอนเนื้อเนียนพลิ้วเบาสีชมพูตัวโปรด ดิฉันใส่นอนบ่อยมากเพราะชอบเนื้อผ้า อีกอย่างก็คือ ดิฉันประทับใจมันอย่างบอกถูก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

ออกมานั่งที่เก้าอี้สนามพร้อมแก้วกาแฟควันฉุยที่ชงติดมือมาด้วย ขณะกำลังชื่นชมบรรยากาศรอบตัว ดิฉันเริ่มผิดสังเกต ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว ที่ชอบวนเวียนมาเกาะแกะ ทำลับ ๆ ล่อ ๆ เขาชอบแอบมองดูดิฉันอยู่แถวหน้าบ้าน คราวนี้มาติดกันสองวันแล้วค่ะ เมื่อเช้าวานนี้ พอดิฉันออกมาข้างนอกบ้าน เขายืนอยู่ที่ประตูรั้วเหล็กดัด ทำหูตาแพรวพราวโบกไม้โบกมือให้ ทะลึ่งนักเชียว นี่คงเห็นดิฉันอยู่ตัวคนเดียวล่ะสิ

ดิฉันรู้สึกรำคาญปนอาย เมื่อกี้ก่อนออกมาก็ลืมส่องกระจกหวีผมทาแป้งเสียหน่อย ลิปสติกสีแดง ๆ ยังพอมีเหลือ...เฮ้อ อายุปูนนี้แล้วดันมีผู้ชายแอบมองมันดูประหลาด ดิฉันไม่ไว้ใจใคร ผู้ชายที่ไหนจะมาชอบคนแก่ จริงไหมคะ

วันนี้เขาแต่งตัวดีกว่าเมื่อวาน สวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนกับกางเกงทรงสแล็คสีดำ เก็บชายเสื้อสอดในเอวกางเกงและคาดเข็มขัดหนังเรียบร้อย อืม เข้าท่าเลยทีเดียว รูปร่างหน้าตาเขาก็โอเค คงอ่อนแก่กว่าดิฉันไม่เท่าไหร่...ตายจริง นี่ดิฉันเป็นอะไรไป ถึงกับสังเกตเขาอย่างละเอียด รู้สึกตกใจตัวเองที่สนใจผู้ชายแปลกหน้ามากมาย ดิฉันช่างไม่เหมาะสมเป็นกุลสตรี

เขาเดินมาหยุดยิ้มให้ตรงประตูหน้าบ้าน เมื่อรู้สึกตัวจึงรีบเมินหน้าไปทางอื่นไม่ยอมยิ้มตอบ อ้าว เขาเดินเข้าประตูรั้วมาค่ะ ดิฉันเลยรีบลุกยืนอย่างระวังตัว พอเข้ามาใกล้เขาค้อมศีรษะทักทาย รอยยิ้มบนใบหน้าดูมีเสน่ห์ มองเขาอีกครั้งก็เหมือนจริงใจ หรือว่าดิฉันจะลองคุยด้วยดี

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณนุ่น” เอ๊ะ เขารู้จักชื่อดิฉันเสียด้วย อย่างนี้แสดงว่าลอบสืบเรื่องราวของดิฉันมาแล้วแน่นอน

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

เอาน่า ลองคุยดูหน่อยเป็นไร อย่างน้อยท่าทีเขาก็สุภาพดีอยู่

“วันนี้คุณดูสวยสดชื่นจังครับ ผมมีดอกไม้มาฝาก”

เขางัดดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ออกมาจากมือที่ไพล่หลัง ยื่นมันมาตรงหน้า ดิฉันตะลึงอ้าปากหวอ อกอีแป้นจะแตก...มีผู้ชายมาให้ดอกกุหลาบ ได้แต่ยืนอึกอักเอ้ออ้าเพราะคาดไม่ถึงและยังไม่ยอมรับเอามา เขาพูดอีกว่า

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ”

หา...กรี๊ดดด อยากร้องตะโกนออกมาดัง ๆ นี่ดิฉันได้ดอกกุหลาบวันวาเลนไทน์จากผู้ชายหรือนี่ ยื่นมือไปรับอย่างไม่รู้ตัว มันเหมือนฝันไปมากกว่าความจริง แอบหยิกหลังมือตัวเองก็ยังรู้สึกเจ็บ จ้องมองดวงตาเป็นประกายคู่นั้น โอ้ย...อย่านะ อย่ามาสารภาพรัก

“นุ่นครับผมรักคุณ”

ว่าแล้วไหมล่ะ อายค่ะ ดิฉันอายหนักมาก สาวแก่รูปร่างหน้าตาเชย ๆ อย่างดิฉันมีคนมาบอกรักวันวาเลนไทน์ แต่ เอ๊ะ ความสงสัยแล่นขึ้นมาอีก นั่นสิ ทั้งแก่ทั้งขี้เหร่ มันดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

“เอ้อ คุณคะ ประเดี๋ยวก่อน ดิฉันไม่รู้จักคุณ ทำไมถึงมาบอกว่ารักดิฉันแบบนี้ คุณเป็นใครกัน”

“กรุณานั่งคุยกับผมสักครู่ได้ไหมครับ” เขาไม่ตอบแต่กลับอ้อนวอนขอนั่งคุยด้วย แถมยังทรุดนั่งลงก่อน ดิฉันมองกุหลาบสีแดงในมือแล้วเลยใจอ่อน ยอมนั่งลงตาม ดูทีรึว่าเขาจะมาไม้ไหน แน่ะ...เขายิ้มใส่ตาดิฉันอีกแล้ว

“ผมมีอะไรให้คุณดู”

เขาดึงบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าหน้าอกเสื้อเชิ้ต มันคือรูปภาพขนาดโปสการ์ดแผ่นหนึ่ง แล้วยื่นมาให้ตรงหน้า ดิฉันวางช่อกุหลาบลงบนโต๊ะเอื้อมมือไปรับมาดู มันเป็นรูปงานแต่งงานของหญิงชายคู่หนึ่ง บ่าวสาวอยู่ในชุดวิวาห์สวยงาม ทั้งสองยืนอยู่บนเวทีเตี้ย ๆ ของสถานที่จัดงาน ต่างเกาะกุมมือส่งรอยยิ้มเบิกบานอย่างสุขสม ป้ายผ้าข้างหลังติดตัวอักษรอ่านว่า

“สมรสสมรัก นพพร-พวงชมพู สิบสี่กุมภาพันธ์ 2529”

“ที่รัก”

ดิฉันครางแผ่ว ความทรงจำแล่นเข้ามาในสมองทันทีราวสายฟ้าแลบ

“นพ...นุ่นจำได้แล้ว ที่รัก คุณนั่นเอง”

    ดิฉันจำเขาได้แล้วจริง ๆ ผู้ชายคนนี้คือสามีสุดที่รักของดิฉันเอง โอ้ ทำไมดิฉันถึงลืมเขาได้ลงคอ วันนี้คือวันครบรอบแต่งงานปีที่สามสิบของเรา เขาถึงมีช่อดอกกุหลาบมาให้ สามีมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน เขาลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมาหา ดึงตัวดิฉันให้ลุกขึ้นยืน โอบกอดภรรยาไว้แน่น รู้สึกตัวเขาสั่นและแว่วเสียงสะอื้น

    “ดีใจเหลือเกินที่วันนี้คุณจำผมได้ หลายวันแล้วที่คุณลืมผม ลืมลูก มีเพียงบางวันที่คุณจำได้สั้น ๆ ครั้งละไม่เกินสิบนาที ผมเพียรมาหาคุณทุกวัน เฝ้ารอให้คุณจำผมได้แม้แค่เวลาสั้น ๆ ดูสิ ถึงจำไม่ได้แต่คุณใส่แต่ชุดนอนตัวนี้ที่ผมซื้อให้”

    เขาพูดแล้วยิ้มทั้งน้ำตา ใช้นิ้วเกลี่ยหยดน้ำที่ย้อยหยาดไม่ขาดสายบนพวงแก้มให้

    “นุ่นครับ ผมอยากให้คุณจำไว้เสมอว่าผมรักคุณ รักเหลือเกิน ลูก ๆ ทุกคนสบายดี เต้ยเรียนจบได้ทำงานแล้ว แฝดสองคนจะรับปริญญาปีหน้า ดีใจไหมครับ”

     ดิฉันน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวดใจอย่างที่สุด โอ สวรรค์ทำไมกลั่นแกล้งลงทัณฑ์ให้ต้องทนทุกข์ทรมานถึงปานนี้...ที่แท้ดิฉันป่วยเป็นโรคความจำเสื่อมจนหลงลืมคนรอบข้าง ลืมแม้กระทั่งตัวเองเป็นใคร ที่นี่ไม่ใช่บ้านแต่เป็นสถานบำบัดผู้ป่วย ดิฉันลืมแม้แต่ชายผู้เป็นยอดรัก เราสองคนยืนกอดกันร้องไห้ ดิฉันกอดเขาแน่นกลัวเขาหลุดหายจากความทรงจำไปอีก

    “นุ่นรักคุณค่ะ บอกลูกด้วยว่าแม่รักลูกทุกคน รักมาก นุ่นจะไม่มีวันลืมคุณ ไม่มีวันเป็นอันขาด...เอ๊ะ ตายแล้ว”

ดิฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ โอ้ย...ดิฉันถึงกับกอดผู้ชายแปลกหน้า นี่หลงใหลได้ปลื้มเขาจนเผลอไผล พอรู้สึกตัวดิฉันก็ผลักเขาออกห่างอย่างแรง...บ้าจริงเชียว ไอ้ผู้ชายชอบฉวยโอกาส!


จบบริบูรณ์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่