หนี้สาธารณะ เพิ่ม 3.6หมื่นล้านบาท

ภาพhttp://f.ptcdn.info/395/010/000/1380618768-debt1GIF-o.gif
คลังการันตีแก้ไขกฎหมายหนี้สาธารณะ ทำให้เครดิตประเทศดีขึ้น โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ
นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะของไทยล่าสุดเดือน เม.ย. 2559 มีจำนวน 6.05 ล้านล้านบาท หรือ 44.09% ของจีดีพี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 3.69 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปีงบประมาณ 2558 หนี้สาธารณะอยู่ที่ 5.7 ล้านล้านบาท หรือ 43.1% ถือว่าหนี้สาธารณะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก
ทั้งนี้ แบ่งเป็นหนี้ของรัฐบาล 4.47 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1.03 ล้านล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 5.24 แสนล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 1.2 หมื่นล้านบาท
นายสุวิชญ กล่าวว่า การแก้ไข พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา จะทำให้เห็นภาพรวมหนี้ของประเทศชัดเจน เป็นสิ่งที่ดีส่งผลให้การบริหารมีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากขึ้น มีผลทำให้เครดิตของประเทศไทยดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเครดิตมีการดูทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งเศรษฐกิจของไทยดีขึ้น ทุนสำรองระหว่างประเทศเข้มแข็ง ฐานะการคลังไม่มีปัญหา ต้องรอดูการเมืองเรื่องการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 ส.ค. 2559 หากไม่มีปัญหาอะไร อันดับเครดิตประเทศไทยจะยิ่งดีขึ้น
ผู้อำนวยการ สบน. กล่าวว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะหากรวมหนี้เพิ่มในนิยามหนี้เงินกู้ที่มีความเสี่ยงทางการคลัง คือ หนี้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) องค์การมหาชน มหาวิทยาลัยของรัฐ กองทุนนิติบุคคล และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ หนี้เหล่านี้เป็นหนี้นอกงบประมาณ จะไม่นับหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้สาธารณะ แต่ต้องรายงานตัวเลขหนี้ที่ปัจจุบันมีรวมกันกว่า 3.5 ล้านล้านบาท เพื่อให้เห็นภาพรวมของประเทศว่ามีหนี้สุทธิเท่าไหร่
"การคงดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ 0.25-0.50% เป็นสัญญาณดีของ ผู้กู้เงิน เพราะดอกเบี้ยมีแนวโน้มยังต่ำ ต่อเนื่อง นอกจากนี้ธนาคารกลางของประเทศเยอรมนีได้ประกาศดอกเบี้ยนโยบายติดลบ จะส่งผลทำให้มีเงินไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีการไหลเข้ามาลงทุนทั้งในตลาดตราสารหนี้และตลาดทุนของไทย" ผู้อำนวยการ สบน. กล่าว
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการลงประชามติของอังกฤษว่าจะออกจากกลุ่มอียูหรือไม่ ซึ่งหากอังกฤษออกจากอียู จะส่งผลกระทบกลับอียูอย่างมาก ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินของโลก
นายสุวิชญ กล่าวว่า ระดับดอกเบี้ยนโยบายของไทยมีความเหมาะสม ไทยมีนโยบายที่จะทำดอกเบี้ยนโยบายติดลบ คาดว่าดอกเบี้ยของไทยจะทรงตัวต่อไป ไม่มีการปรับลด ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็คงดอกเบี้ย 1.50%
สำหรับการกู้เงินของ สบน.เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยการออกพันธบัตรออมทรัพย์กระทรวงการคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 2 จำนวนรวม 2 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดแบ่งเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นอายุ 5 ปี (ดอกเบี้ยปีที่ 1 คือ 1.75% ปีที่ 2 และ 3 คือ 2% ปีที่ 4 ดอกเบี้ย 2.5% ปีที่ 5 ดอกเบี้ย 3%) และรุ่นอายุ 10 ปี (ดอกเบี้ยปีที่ 1-5 คือ 2.25% ต่อปี, ปีที่ 6-9 ดอกเบี้ย 3%, ปีที่ 10 จ่าย 3.50%) ยังจำหน่ายไม่หมด เหลือวงเงินอีก 6,872.716 ล้านบาท ประชาชนยังสามารถซื้อได้จนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้ ผ่าน 4 ธนาคาร คือ กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กรุงไทย และกสิกรไทย
http://www.posttoday.com/biz/gov/437918
หนี้สาธารณะ เพิ่ม 3.6หมื่นล้านบาท
ภาพhttp://f.ptcdn.info/395/010/000/1380618768-debt1GIF-o.gif
คลังการันตีแก้ไขกฎหมายหนี้สาธารณะ ทำให้เครดิตประเทศดีขึ้น โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ
นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะของไทยล่าสุดเดือน เม.ย. 2559 มีจำนวน 6.05 ล้านล้านบาท หรือ 44.09% ของจีดีพี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 3.69 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปีงบประมาณ 2558 หนี้สาธารณะอยู่ที่ 5.7 ล้านล้านบาท หรือ 43.1% ถือว่าหนี้สาธารณะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก
ทั้งนี้ แบ่งเป็นหนี้ของรัฐบาล 4.47 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1.03 ล้านล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 5.24 แสนล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 1.2 หมื่นล้านบาท
นายสุวิชญ กล่าวว่า การแก้ไข พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา จะทำให้เห็นภาพรวมหนี้ของประเทศชัดเจน เป็นสิ่งที่ดีส่งผลให้การบริหารมีประสิทธิภาพและโปร่งใสมากขึ้น มีผลทำให้เครดิตของประเทศไทยดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเครดิตมีการดูทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งเศรษฐกิจของไทยดีขึ้น ทุนสำรองระหว่างประเทศเข้มแข็ง ฐานะการคลังไม่มีปัญหา ต้องรอดูการเมืองเรื่องการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 ส.ค. 2559 หากไม่มีปัญหาอะไร อันดับเครดิตประเทศไทยจะยิ่งดีขึ้น
ผู้อำนวยการ สบน. กล่าวว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะหากรวมหนี้เพิ่มในนิยามหนี้เงินกู้ที่มีความเสี่ยงทางการคลัง คือ หนี้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) องค์การมหาชน มหาวิทยาลัยของรัฐ กองทุนนิติบุคคล และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ หนี้เหล่านี้เป็นหนี้นอกงบประมาณ จะไม่นับหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้สาธารณะ แต่ต้องรายงานตัวเลขหนี้ที่ปัจจุบันมีรวมกันกว่า 3.5 ล้านล้านบาท เพื่อให้เห็นภาพรวมของประเทศว่ามีหนี้สุทธิเท่าไหร่
"การคงดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ 0.25-0.50% เป็นสัญญาณดีของ ผู้กู้เงิน เพราะดอกเบี้ยมีแนวโน้มยังต่ำ ต่อเนื่อง นอกจากนี้ธนาคารกลางของประเทศเยอรมนีได้ประกาศดอกเบี้ยนโยบายติดลบ จะส่งผลทำให้มีเงินไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีการไหลเข้ามาลงทุนทั้งในตลาดตราสารหนี้และตลาดทุนของไทย" ผู้อำนวยการ สบน. กล่าว
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการลงประชามติของอังกฤษว่าจะออกจากกลุ่มอียูหรือไม่ ซึ่งหากอังกฤษออกจากอียู จะส่งผลกระทบกลับอียูอย่างมาก ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินของโลก
นายสุวิชญ กล่าวว่า ระดับดอกเบี้ยนโยบายของไทยมีความเหมาะสม ไทยมีนโยบายที่จะทำดอกเบี้ยนโยบายติดลบ คาดว่าดอกเบี้ยของไทยจะทรงตัวต่อไป ไม่มีการปรับลด ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็คงดอกเบี้ย 1.50%
สำหรับการกู้เงินของ สบน.เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยการออกพันธบัตรออมทรัพย์กระทรวงการคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ครั้งที่ 2 จำนวนรวม 2 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดแบ่งเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นอายุ 5 ปี (ดอกเบี้ยปีที่ 1 คือ 1.75% ปีที่ 2 และ 3 คือ 2% ปีที่ 4 ดอกเบี้ย 2.5% ปีที่ 5 ดอกเบี้ย 3%) และรุ่นอายุ 10 ปี (ดอกเบี้ยปีที่ 1-5 คือ 2.25% ต่อปี, ปีที่ 6-9 ดอกเบี้ย 3%, ปีที่ 10 จ่าย 3.50%) ยังจำหน่ายไม่หมด เหลือวงเงินอีก 6,872.716 ล้านบาท ประชาชนยังสามารถซื้อได้จนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้ ผ่าน 4 ธนาคาร คือ กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กรุงไทย และกสิกรไทย
http://www.posttoday.com/biz/gov/437918