^. ทะเลทรายนั้นได้ฆ่าทารก ด้วยอาการอย่างนี้.
ฯ.. บทว่า อาตโป (แดด) ได้แก่ ความร้อนของดวงอาทิตย์ ความที่รูป
ย่อยยับไปด้วยความร้อนนั้นปรากฏแล้วในทางกันดาร มีทะเลทรายเป็นต้น.
ได้ยินว่า มีหญิงคนหนึ่งล้าหลังพวกเกวียนในเวลาราตรีในทะเลทราย เมื่อพระ-
อาทิตย์โคจรไปถึงกลางวัน ไม่สามารถจะวางเท้าที่ทรายกำลังร้อนได้ จึงยก
กระเช้าลงจากศีรษะเหยียบ เมื่อไม่อาจยืนบนกระเช้า เพราะความร้อนยิ่งก็วาง
ผ้าสาฏกบนกระเช้านั้นแล้วเหยียบ แม้ผ้าสาฏกนั้นร้อนทั่วแล้ว ก็จับลูกน้อยที่
อุ้มมาให้นอนคว่ำเหยียบบนลูกน้อยที่กำลังร้องจ้าอยู่ พร้อมกับลูกน้อยก็ได้ทำ
กาละในที่นั้นนั่นเอง เพราะความร้อนให้เร่าร้อนแล้ว.
ความจาก พระไตรปิฎก
อธิบายคำถาม.
เรื่องราวผ่านกันดารทางรอนแรม เป็นทำร้ายกันต่างๆนั้น ที่สมัครใจช่วยกันฆ่าทารกของอาทิพ่อ-แม่ที่เห็นแก่กินก็มี ที่ผ่านทางไปได้ก็มี เพราะภรรยาไม่เห็นดีด้วยกับการฆ่าลูก เรื่องท้ายนี่คนพ่อ แม่ ลูกผ่านเหตุอดตายมาได้ ต่อแต่ว่าคนพ่อไปสะดวกทางกินเกินเข้าก็เลยตายลง ณ สุดทางที่พ้นกันดารแล้วนั้น ส่วนเรื่องยกมานี้เป็นสตรีพวกที่ทนร้อนไม่ไหว ก็ฆ่าลูกได้แล้วเพราะร้อนเป็นเหตุ
จากนี้ว่า ความหนาวเย็นคงจะดีกว่าทุกอย่างแล้ว เพราะตัวอย่างการแย่งผ้าห่มแล้วให้ถึงกับหนาวตายยังไม่พบในพระไตรปิฎก ...ทีนี้ก็จบได้แบบนี้ก่อน ว่าเหตุแย่งผ้าห่มออกจากร่างกายนักบวชประเภทประพฤติทุจริตผิดปฏิญาณ ดั่งนี้ ไม่เป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตสักอย่างเดียว รัฐประเทศถือซะว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกน้อยได้ไปโรงเรียน เพื่อเผื่อทางพบคำสอนถูกต้อง ก็พากันปล้ำฟัดผลัดเปลี่ยนออกให้ได้ก็เท่านั้น พอต่อไปชาติภพหน้าได้เข้ากะโรงเรียนแสนดี พี่ๆแสนรัก เพื่อนๆพร้อมพรัก ความสุขสันต์หรรษากับการดำเนินชีวิตก็จะกลับมาได้เอง
ประเทศไทยนี้ ไม่มีทะเลทรายสักอย่าง และจะให้ร้อนจนถึงกับถอดผ้าโยนทิ้งก็คงไม่มีใครทำ วันไหนแดดดี ก็ปล้ำฟัด เปลี่ยนชุดอาบน้ำสักครั้ง ทีเดียวกันนั้นชุดสกปรกเหม็นเน่าบรรดานั้น ก็จะได้ซักออกตากแแดดด้วยในคราวเดียวกัน ถึงว่าจะประท้วงก็ไม่เป็นไร เพราะต่อนั้นเมื่อสะอาดเนื้อตัวกันดีแล้ว มันมากันถึงชื่นใจปลอดโปร่งดีเพราะสะอาด ที่ไหนใครจะไม่ขอบคุณพ่อกับแม่
หากลูกผมต้องตายหรือได้ยากด้วยเหตุไม่ควรอันเกิดจากกระบวนการของรัฐ ผมจะถอดจีวรประท้วง!
ฯ.. บทว่า อาตโป (แดด) ได้แก่ ความร้อนของดวงอาทิตย์ ความที่รูป
ย่อยยับไปด้วยความร้อนนั้นปรากฏแล้วในทางกันดาร มีทะเลทรายเป็นต้น.
ได้ยินว่า มีหญิงคนหนึ่งล้าหลังพวกเกวียนในเวลาราตรีในทะเลทราย เมื่อพระ-
อาทิตย์โคจรไปถึงกลางวัน ไม่สามารถจะวางเท้าที่ทรายกำลังร้อนได้ จึงยก
กระเช้าลงจากศีรษะเหยียบ เมื่อไม่อาจยืนบนกระเช้า เพราะความร้อนยิ่งก็วาง
ผ้าสาฏกบนกระเช้านั้นแล้วเหยียบ แม้ผ้าสาฏกนั้นร้อนทั่วแล้ว ก็จับลูกน้อยที่
อุ้มมาให้นอนคว่ำเหยียบบนลูกน้อยที่กำลังร้องจ้าอยู่ พร้อมกับลูกน้อยก็ได้ทำ
กาละในที่นั้นนั่นเอง เพราะความร้อนให้เร่าร้อนแล้ว.
ความจาก พระไตรปิฎก
อธิบายคำถาม.
เรื่องราวผ่านกันดารทางรอนแรม เป็นทำร้ายกันต่างๆนั้น ที่สมัครใจช่วยกันฆ่าทารกของอาทิพ่อ-แม่ที่เห็นแก่กินก็มี ที่ผ่านทางไปได้ก็มี เพราะภรรยาไม่เห็นดีด้วยกับการฆ่าลูก เรื่องท้ายนี่คนพ่อ แม่ ลูกผ่านเหตุอดตายมาได้ ต่อแต่ว่าคนพ่อไปสะดวกทางกินเกินเข้าก็เลยตายลง ณ สุดทางที่พ้นกันดารแล้วนั้น ส่วนเรื่องยกมานี้เป็นสตรีพวกที่ทนร้อนไม่ไหว ก็ฆ่าลูกได้แล้วเพราะร้อนเป็นเหตุ
จากนี้ว่า ความหนาวเย็นคงจะดีกว่าทุกอย่างแล้ว เพราะตัวอย่างการแย่งผ้าห่มแล้วให้ถึงกับหนาวตายยังไม่พบในพระไตรปิฎก ...ทีนี้ก็จบได้แบบนี้ก่อน ว่าเหตุแย่งผ้าห่มออกจากร่างกายนักบวชประเภทประพฤติทุจริตผิดปฏิญาณ ดั่งนี้ ไม่เป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตสักอย่างเดียว รัฐประเทศถือซะว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกน้อยได้ไปโรงเรียน เพื่อเผื่อทางพบคำสอนถูกต้อง ก็พากันปล้ำฟัดผลัดเปลี่ยนออกให้ได้ก็เท่านั้น พอต่อไปชาติภพหน้าได้เข้ากะโรงเรียนแสนดี พี่ๆแสนรัก เพื่อนๆพร้อมพรัก ความสุขสันต์หรรษากับการดำเนินชีวิตก็จะกลับมาได้เอง
ประเทศไทยนี้ ไม่มีทะเลทรายสักอย่าง และจะให้ร้อนจนถึงกับถอดผ้าโยนทิ้งก็คงไม่มีใครทำ วันไหนแดดดี ก็ปล้ำฟัด เปลี่ยนชุดอาบน้ำสักครั้ง ทีเดียวกันนั้นชุดสกปรกเหม็นเน่าบรรดานั้น ก็จะได้ซักออกตากแแดดด้วยในคราวเดียวกัน ถึงว่าจะประท้วงก็ไม่เป็นไร เพราะต่อนั้นเมื่อสะอาดเนื้อตัวกันดีแล้ว มันมากันถึงชื่นใจปลอดโปร่งดีเพราะสะอาด ที่ไหนใครจะไม่ขอบคุณพ่อกับแม่