คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 22
เรียน จขกท.ครับ
ผมเป็น 1 ในลูกเรือในไฟล์ทนี้น่ะครับ ก่อนอื่นต้องขอกราบขออภัยที่เที่ยวบินไม่เป็นไปตามกำหนดตารางบินนะครับ ผมขออนุญาตอธิบายข้อสงสัยในกระทู้ในส่วนที่ผมรับผิดชอบนะครับ
ในเที่ยวบินนี้มีการใช้ลูกเรือแบบ minimum crew ซึ่งจำนวนคนจะพอดีกับจำนวนประตู ยกเว้นประตูหน้าที่มีลูกเรือ extra เกินอยู่ ดังนั้นลูกเรือประตูอื่นๆจึงต้อง guard ประตูตัวเองเผื่อต้องอพยพผดส.ในกรณีฉุกเฉิน ไม่สามารถบริการตามปกติได้ แต่ผดส.ชาวไทยชาวต่างประเทศที่เดินมาขอน้ำหรือรู้สึกหิวก็มีน้ำกับถั่วลิสงอบแจกให้บริการ ภายหลังที่เครื่อง taxi ออกไปแล้วมีปัญหาต้องกลับเข้ามาจอดอีกครั้ง ลูกเรือส่วนกลางเครื่องแจ้งว่าเครื่องทำความเย็นของสนามบินที่ต่อท่อเข้ากับเครื่องบินถ่ายเทอากาศไม่เพียงพอ กัปตันจึงอนุญาตให้เปิดประตูเครื่องเพื่อรับอากาศภายนอกเข้าช่วย ช่วงนั้นผดส.เริ่มมาของเครื่องดื่ม, ของว่างมากขึ้น บางท่านมาขอผ้าเย็นทางเราก็นำเอาผ้าเช็ดหน้าของชั้นธุรกิจมาให้บริการ ไม่มีการแบ่งชนชั้นเชื้อชาติแต่อย่างใดจริงๆ
ภายหลังผดส.หลายๆท่านเริ่มเข้ามาบอกว่าหิว ทางเราจึงแบ่งลูกเรือจากประตูหน้ามายืน Guard ทางออกแทนแล้วให้ลูกเรือส่วนหนึ่งบริการของว่าง Alfredo และเครื่องดื่มแก่ผดสในชั้นประหยัดทั้งหมด โดยมีลูกเรือส่วนหนึ่งที่ใช้ตั๋วพนักงานเดินทางเป็นผดส.ลุกขึ้นมาช่วยกันทำงานในครัวทั้งครัวหน้าครัวหลัง หลังจากการบริการจึงเชิญผดส.ลงไปพักผ่อนที่ในอาคาร ซึ่งระหว่างพักที่นั่นก็มีการแจกของว่างและเครื่องดื่มอีก 1 ครั้ง
หลังเครื่องบินถูกแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้วจึงประกาศเรียกขึ้นเครื่องอีกครั้งและเดินทางสู่กรุงเทพฯได้อย่างปลอดภัย ล่าช้ากว่ากำหนดประมาณ 3 ชม.
ผมเขียนมาเพียงเพื่อขออธิบายสิ่งที่ได้ทำลงไปว่ามีเหตุและผลอันใดจึงต้องทำแบบนี้ มิได้มีเจตนาไม่ดีต่อจขกท.ใดๆนะครับ หวังว่าคงมีโอกาสได้บริการท่านอีกครั้งนะครับ
ขอบพระคุณครับ
ผมเป็น 1 ในลูกเรือในไฟล์ทนี้น่ะครับ ก่อนอื่นต้องขอกราบขออภัยที่เที่ยวบินไม่เป็นไปตามกำหนดตารางบินนะครับ ผมขออนุญาตอธิบายข้อสงสัยในกระทู้ในส่วนที่ผมรับผิดชอบนะครับ
ในเที่ยวบินนี้มีการใช้ลูกเรือแบบ minimum crew ซึ่งจำนวนคนจะพอดีกับจำนวนประตู ยกเว้นประตูหน้าที่มีลูกเรือ extra เกินอยู่ ดังนั้นลูกเรือประตูอื่นๆจึงต้อง guard ประตูตัวเองเผื่อต้องอพยพผดส.ในกรณีฉุกเฉิน ไม่สามารถบริการตามปกติได้ แต่ผดส.ชาวไทยชาวต่างประเทศที่เดินมาขอน้ำหรือรู้สึกหิวก็มีน้ำกับถั่วลิสงอบแจกให้บริการ ภายหลังที่เครื่อง taxi ออกไปแล้วมีปัญหาต้องกลับเข้ามาจอดอีกครั้ง ลูกเรือส่วนกลางเครื่องแจ้งว่าเครื่องทำความเย็นของสนามบินที่ต่อท่อเข้ากับเครื่องบินถ่ายเทอากาศไม่เพียงพอ กัปตันจึงอนุญาตให้เปิดประตูเครื่องเพื่อรับอากาศภายนอกเข้าช่วย ช่วงนั้นผดส.เริ่มมาของเครื่องดื่ม, ของว่างมากขึ้น บางท่านมาขอผ้าเย็นทางเราก็นำเอาผ้าเช็ดหน้าของชั้นธุรกิจมาให้บริการ ไม่มีการแบ่งชนชั้นเชื้อชาติแต่อย่างใดจริงๆ
ภายหลังผดส.หลายๆท่านเริ่มเข้ามาบอกว่าหิว ทางเราจึงแบ่งลูกเรือจากประตูหน้ามายืน Guard ทางออกแทนแล้วให้ลูกเรือส่วนหนึ่งบริการของว่าง Alfredo และเครื่องดื่มแก่ผดสในชั้นประหยัดทั้งหมด โดยมีลูกเรือส่วนหนึ่งที่ใช้ตั๋วพนักงานเดินทางเป็นผดส.ลุกขึ้นมาช่วยกันทำงานในครัวทั้งครัวหน้าครัวหลัง หลังจากการบริการจึงเชิญผดส.ลงไปพักผ่อนที่ในอาคาร ซึ่งระหว่างพักที่นั่นก็มีการแจกของว่างและเครื่องดื่มอีก 1 ครั้ง
หลังเครื่องบินถูกแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้วจึงประกาศเรียกขึ้นเครื่องอีกครั้งและเดินทางสู่กรุงเทพฯได้อย่างปลอดภัย ล่าช้ากว่ากำหนดประมาณ 3 ชม.
ผมเขียนมาเพียงเพื่อขออธิบายสิ่งที่ได้ทำลงไปว่ามีเหตุและผลอันใดจึงต้องทำแบบนี้ มิได้มีเจตนาไม่ดีต่อจขกท.ใดๆนะครับ หวังว่าคงมีโอกาสได้บริการท่านอีกครั้งนะครับ
ขอบพระคุณครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
(มีเพื่อนฝากมาคอมเม้นครับ)
เราก็เป็นผู้โดยสารไฟลท์นี้ค่ะ
จะขอมาแชร์สิ่งที่ได้เห็นบ้างค่ะ
หนังคนละม้วนเหมือนกันค่ะ แต่คนละม้วนกับ จขกท ค่ะ
ออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นสาวกการบินไทยแต่อย่างใด ตั๋วสายการบินไหนถูก หรือมีโปรก็ไปค่ะ
เรานั่งอยู่บริเวณกลางๆของเครื่อง
พอเครื่องกำลังจะขึ้น ก็มีเสียงกัปตันประกาศว่ามีปัญหาระบบเชื้อเพลิง ทำให้ต้องวนกลับไปที่เกตอีกครั้ง ประกาศเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีปัญหา Fuel System ปกติเราขึ้นเครื่องบ่อย เคยเจอที่มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์บ้างเหมือนกัน กัปตันก็จะประกาศว่า เป็น Technical Problem เฉยๆเลยด้วยซ้ำ และยังมีสจ๊วตประกาศเป็นภาษาจีนอีก ฉะนั้นขอยืนยันว่า ไม่มีปัญหาการสื่อสารอย่างที่คุณบอกเลยค่ะ
(กัปตันประกาศครั้งแรกตอนเอาเครื่องกลับ
ครั้งที่สองตอนบอกซ่อมได้
ครั้งสามตอนบอกเอากลับอีกที
ครั้งสี่ตอนบอกทดสอบระบบ
ครั้งห้าตอนให้ผู้โดยสารลง)
คุณอยากให้กัปตันประกาศแบบไหนคะถึงจะถูกใจ อยากทราบค่ะ
พอเครื่องถึงเกต กัปตันก็ประกาศว่าจะใช้เวลาประมาณกี่นาทีในการซ่อมและดูว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ (ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที)เราว่าที่เค้าไม่ปล่อยให้ผู้โดยสารลงเพราะเค้าคิดว่าจะสามารถซ่อมได้ในเวลาอันสั้น คงไม่อยากให้ผู้โดยสารเสียเวลาขึ้นๆลงๆ ไม่ได้อยากให้พวกเราไม่มีอากาศหรอกค่ะ แต่วันนั้นโชคไม่ดี เมื่อจะขึ้นอีกครั้งก็ประกาศว่ายังคงมีปัญหาระบบน้ำมันอยู่ แต่ครั้งนี้พอกลับมาจอด และกัปตันก็ประกาศขอเช็คระบบอีกครั้ง ผู้โดยสารบางส่วนก็เริ่มโกลาหล เรานั่งอยู่ใกล้แอร์สจ๊วตตรงกลางเครื่อง ก็ได้ยินผู้โดยสารถามเรื่องการต่อเครื่อง แอร์ก็ตอบประมาณว่า ถ้ายังไงการบินไทยก็จะต้องดูแลผู้โดยสารต่อเครื่องอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง
ซักพักผู้โดยสารก็เริ่มขอน้ำ เนื่องจากบนเครื่องร้อนมาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่มีอากาศหายใจ เราใช้หนังสือที่อยู่ข้างหน้าพัด ก็ไม่ได้แย่จนเกินไป เราว่าที่คนที่ไม่มีอากาศหายใจเพราะเดินไปเดินมา โวยวาย ถ้าอยู่นิ่งๆ อากาศที่มี พอแน่ๆค่ะ เห็นเพื่อนข้างหน้าบอกว่า มีผู้โดยสารแขกมาขออาหารมีคนจีนมาขอน้ำแข็ง
ซักพักก็มีสจ๊วตมาเดินแจกของว่าง เราว่าแอร์สจ๊วตบนไฟลท์น้อยมาก ต้องมีคนนึงเฝ้าประตูตรงกลาง ทำให้ไปช่วยเสิร์ฟไม่ได้ เราได้ยินว่าเป็นเรื่องของความปลอดภัยต้องอยู่ตรงนั้น 1 คน เราเดินไปข้างหลังเครื่อง เห็นมีแอร์อยู่คนเดียวกำลังเฝ้าประตูที่เปิดออก (น่าจะเปิดเพราะอากาศจะได้ถ่ายเทอย่างที่ จขกท บอก) เค้าจึงไม่สามารถมาเสิร์ฟน้ำได้อย่างที่จขกทต้องการ แต่ก็ไม่ได้ไม่เสิร์ฟของว่างอย่างที่ จขกท บอก พี่สจ๊วตตอนแรกเสิร์ฟยังไม่ถึงเรา ก็กลับไปเอามาเสิร์ฟจนถึงเรา และยังมีการถามส่วนหน้าว่าครบยัง เมื่อยังไม่ครบ เราก็เห็นพี่เค้าเดินไปเอาที่ครัวมาเสิร์ฟต่อ ไม่ได้ไม่เสิร์ฟอาหารอย่างที่คุณบอกค่ะ
ซักพักกัปตันก็ประกาศว่า ขอให้ผู้โดยสารไปรอที่ห้องพักผู้โดยสารก่อน เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งคิดว่า เป็นการตัดสินใจของกัปตันจากการประเมินสถานการณ์ต่างๆ ไม่ได้เกี่ยวกับผู้โดยสารในชั้น Business class คนใดคนหนึ่งหรอกค่ะ และเรายืนยันว่าไม่ได้มีประกาศจะเอาเครื่องขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ถ้าไม่ได้ค่อยเอาผู้โดยสารลงอย่างที่คุณบอกเลย ที่ได้ยินคือ ขอทดสอบระบบ 5-10 นาที ถ้าไม่โอเคจะแจ้งให้ทราบต่อไป เราคิดว่าเพื่อนของคุณคงตีความผิดและส่งสารต่อผิดไปนะคะ
เราว่าการบินไทยไม่ได้นิ่งนอนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะ ตอนที่เค้าให้พวกเราลงไปพักที่ห้องพักผู้โดยสาร เราได้ยินพนักงานกำลังวิทยุไปบอกอีกฝ่ายหนึ่งว่า เตรียมอาหารและน้ำมาให้ผู้โดยสารด้วย และผู้โดยสาร2xx คน จัดการให้หมดนะ ต้องหาไฟลท์ไปให้ได้ ไปหามา 4-5 ไฟลท์ (เราว่าเค้ามีการเตรียมการณ์นะ แต่ยังไงก็คงต้องรอดูว่าเครื่องเก่าเป็นยังไง)
พอมาถึงห้องพักผู้โดยสารได้ไม่นาน ก็มีประกาศ Departure time ใหม่เป็น 22.20น. ยังงงเลยเร็วจัง ตอนแรกไม่คิดว่าจะให้กลับเครื่องเดิม แต่เราเชื่อนะว่า ถ้ากัปตันไม่มั่นใจในเครื่องบิน เค้าจะไม่นำเครื่องออกเด็ดขาด คงไม่มีใครเอาชีวืตตัวเองไปเสี่ยง ตอนเข้าเกต ก็มีแจกน้ำทั้งขวดและของว่างอีกชิ้น (จขกท คงไม่ได้รับเพราะ รีบไปนกแอร์ซะแล้ว) เค้าไม่ได้แจกช้านะคะ เค้าคงตั้งใจจะเอามาแจกผู้โดยสาร ที่ถือTransit card แต่อย่างที่บอก เวลามันน้อยก็เรียกขึ้นเครื่องใหม่แล้ว เลยแจกตอนเข้าเกตแทน
เรื่องเวลาบนเครื่องที่คุณบอกอยู่ถึง 3 ชั่วโมง 20 นาที ไม่ถึงนะคะ ถึงจะจำเวลาได้ไม่เป๊ะ แต่ประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ แล้วก็มีช่วงที่ไม่ร้อน ไม่ได้ไม่มีอากาศตลอดค่ะ เราเข้าไปดูเฟสบุคของการบินไทย เราว่า Timeline ประมาณนั้นถูกต้องเลยค่ะ
เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เราเห็นมีพนักงานมารอรับผู้โดยสารที่ต่อเครื่อง เค้าคงไม่ได้นิ่งนอนใจกับผลกระทบที่ผู้โดยสารที่ต่อเครื่องแน่นอน และทุกคนก็ยังดูปกติไม่ได้มีความรู้สึกว่าโดนบังคับให้ขึ้นเครื่องนี้กลับแต่อย่างใด
ตอนเครื่องจะลง กัปตันกับแอร์ก็ประกาศขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ เราเชื่อว่าพวกเค้าทำหน้าที่ของตัวเองที่ดีที่สุดแล้ว เราเองก็ทำหน้าที่ผู้โดยสารที่ดีที่สุดแล้วเช่นกัน
เรื่องการเหลื่อมล้ำ ในEconomy กับ Business เราว่ามันแน่นอนนะคะ เค้าจ่ายมาแพงกว่าเรานี่คะ เรื่องกัปตันคลานเข่าขอไม่พูด เพราะไม่เห็นค่ะ แต่ปกติ เวลาเร่งด่วนมีปัญหา กัปตันไม่น่าออกมาจากห้องนะคะ แต่ปกติเราเคยนั่ง Business Class พวกแอร์เค้าก็คุกเข่าอยู่แล้วนะคะเวลาถามว่าจะทานอะไร
ปล.ตัวเรานั่งกลางเครื่อง แต่เพื่อนเรา นั่งอยู่ต้นๆค่ะ เพื่อนบอกว่า กลุ่ม จขกท นั่งแถวแรกใช่หรือเปล่าคะ เห็นมีอยู่กลุ่มเดียวที่โวยวายค่ะ ไม่ยอมนั่ง จะลงให้ได้ ทำให้วุ่นวายกว่าเดิมและบอกว่ากัปตันไม่ได้ประกาศภาษาอังกฤษ จริงๆประกาศค่ะ แต่ที่ยังมีผู้โดยสารไปถามแอร์อีกว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าเป็นคนจีนค่ะ ส่วนฝรั่งที่อาจจะฟังไม่ทัน พอไปถามแอร์ และแอร์บอกว่ามีปัญหาที่เครื่องกำลังแก้ไขอยู่ก็ไม่ได้โวยวายแต่อย่างใด ส่วนเรื่องผู้โดยสารเป็นลม ไม่มีค่ะ จะมีที่ไปแถวประตูหรือเก้าอี้ตรงประตูเพื่อขออากาศหายใจบ้างแต่ไม่มีใครเป็นลมค่ะ ปกติอากาศที่ไม่พอเนื่องจากคนเองหรือเปล่าค่ะ เรานั่งอยู่กลางเครื่องที่ไม่ได้เปิดประตู ควรจะหายใจไม่ออกมากกว่าหรือเปล่า แต่เราแค่ร้อน ในใจก็เครียดนะ มันดึกแล้ว วันรุ่งขึ้นก็ต้องทำงาน แต่เราเชื่อว่าถ้าเครื่องเสียจริง กัปตันเค้าไม่ดันทุรังเอาขึ้นแน่นอน เราต้องปลอดภัยแน่ๆ อาจจะต้องอยู่ต่ออีกคืน หรือกลับดึกว่านี้เราก็เข้าใจค่ะ มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ กัปตันคงไม่ลองเสี่ยงเอาเครื่องขึ้นอย่างที่ จขกทว่าแน่นอนค่ะ ตอนครั้งที่เครื่องได้เทคออฟจริงๆ เรามีความมั่นใจว่าเครื่องต้องไปได้แน่ๆ
สุดท้าย จขกท เป็นนักข่าวเก่า ทำไมไม่มีจรรยาบรรณ และเขียนข้อความได้ใส่ใข่ขนาดนั้นคะ "ถูกขังไว้บนเครื่อง" "ไม่มีอากาศหายใจ 3 ชม 20 นาที" "กัปตัน ดันทุรัง" "บังคับให้ขึ้นเครื่อง" เราไม่รู้สึกแบบที่คุณพูดเลยค่ะ เวลาเขียนข่าวแล้วใส่อารมณ์ มันควรหรือเปล่าค่ะ ถามดูค่ะ ไม่ได้จบด้านนี้เลยไม่ทราบ แต่เพราะเป็นแบบนี้ สังคมเราถึงมีแต่ความแตกแยก ชาวบ้านอ่านข่าว ก็มีแต่อารมณ์
เวลาจะพิมอะไรขอให้มั่นใจก่อนค่อยพิมนะคะ เดี๋ยวบอกในเฟสบุคว่า น้ำมันรั่ว แต่มาพิมในนี้ ว่าเชื้อเพลิง ใช่ค่ะ กัปตันประกาศว่าเชื้อเพลิง ไม่มีคำว่าน้ำมันรั่วเลยแม้แต่นิดเดียว
เราก็เป็นผู้โดยสารไฟลท์นี้ค่ะ
จะขอมาแชร์สิ่งที่ได้เห็นบ้างค่ะ
หนังคนละม้วนเหมือนกันค่ะ แต่คนละม้วนกับ จขกท ค่ะ
ออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นสาวกการบินไทยแต่อย่างใด ตั๋วสายการบินไหนถูก หรือมีโปรก็ไปค่ะ
เรานั่งอยู่บริเวณกลางๆของเครื่อง
พอเครื่องกำลังจะขึ้น ก็มีเสียงกัปตันประกาศว่ามีปัญหาระบบเชื้อเพลิง ทำให้ต้องวนกลับไปที่เกตอีกครั้ง ประกาศเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีปัญหา Fuel System ปกติเราขึ้นเครื่องบ่อย เคยเจอที่มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์บ้างเหมือนกัน กัปตันก็จะประกาศว่า เป็น Technical Problem เฉยๆเลยด้วยซ้ำ และยังมีสจ๊วตประกาศเป็นภาษาจีนอีก ฉะนั้นขอยืนยันว่า ไม่มีปัญหาการสื่อสารอย่างที่คุณบอกเลยค่ะ
(กัปตันประกาศครั้งแรกตอนเอาเครื่องกลับ
ครั้งที่สองตอนบอกซ่อมได้
ครั้งสามตอนบอกเอากลับอีกที
ครั้งสี่ตอนบอกทดสอบระบบ
ครั้งห้าตอนให้ผู้โดยสารลง)
คุณอยากให้กัปตันประกาศแบบไหนคะถึงจะถูกใจ อยากทราบค่ะ
พอเครื่องถึงเกต กัปตันก็ประกาศว่าจะใช้เวลาประมาณกี่นาทีในการซ่อมและดูว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ (ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที)เราว่าที่เค้าไม่ปล่อยให้ผู้โดยสารลงเพราะเค้าคิดว่าจะสามารถซ่อมได้ในเวลาอันสั้น คงไม่อยากให้ผู้โดยสารเสียเวลาขึ้นๆลงๆ ไม่ได้อยากให้พวกเราไม่มีอากาศหรอกค่ะ แต่วันนั้นโชคไม่ดี เมื่อจะขึ้นอีกครั้งก็ประกาศว่ายังคงมีปัญหาระบบน้ำมันอยู่ แต่ครั้งนี้พอกลับมาจอด และกัปตันก็ประกาศขอเช็คระบบอีกครั้ง ผู้โดยสารบางส่วนก็เริ่มโกลาหล เรานั่งอยู่ใกล้แอร์สจ๊วตตรงกลางเครื่อง ก็ได้ยินผู้โดยสารถามเรื่องการต่อเครื่อง แอร์ก็ตอบประมาณว่า ถ้ายังไงการบินไทยก็จะต้องดูแลผู้โดยสารต่อเครื่องอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง
ซักพักผู้โดยสารก็เริ่มขอน้ำ เนื่องจากบนเครื่องร้อนมาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่มีอากาศหายใจ เราใช้หนังสือที่อยู่ข้างหน้าพัด ก็ไม่ได้แย่จนเกินไป เราว่าที่คนที่ไม่มีอากาศหายใจเพราะเดินไปเดินมา โวยวาย ถ้าอยู่นิ่งๆ อากาศที่มี พอแน่ๆค่ะ เห็นเพื่อนข้างหน้าบอกว่า มีผู้โดยสารแขกมาขออาหารมีคนจีนมาขอน้ำแข็ง
ซักพักก็มีสจ๊วตมาเดินแจกของว่าง เราว่าแอร์สจ๊วตบนไฟลท์น้อยมาก ต้องมีคนนึงเฝ้าประตูตรงกลาง ทำให้ไปช่วยเสิร์ฟไม่ได้ เราได้ยินว่าเป็นเรื่องของความปลอดภัยต้องอยู่ตรงนั้น 1 คน เราเดินไปข้างหลังเครื่อง เห็นมีแอร์อยู่คนเดียวกำลังเฝ้าประตูที่เปิดออก (น่าจะเปิดเพราะอากาศจะได้ถ่ายเทอย่างที่ จขกท บอก) เค้าจึงไม่สามารถมาเสิร์ฟน้ำได้อย่างที่จขกทต้องการ แต่ก็ไม่ได้ไม่เสิร์ฟของว่างอย่างที่ จขกท บอก พี่สจ๊วตตอนแรกเสิร์ฟยังไม่ถึงเรา ก็กลับไปเอามาเสิร์ฟจนถึงเรา และยังมีการถามส่วนหน้าว่าครบยัง เมื่อยังไม่ครบ เราก็เห็นพี่เค้าเดินไปเอาที่ครัวมาเสิร์ฟต่อ ไม่ได้ไม่เสิร์ฟอาหารอย่างที่คุณบอกค่ะ
ซักพักกัปตันก็ประกาศว่า ขอให้ผู้โดยสารไปรอที่ห้องพักผู้โดยสารก่อน เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งคิดว่า เป็นการตัดสินใจของกัปตันจากการประเมินสถานการณ์ต่างๆ ไม่ได้เกี่ยวกับผู้โดยสารในชั้น Business class คนใดคนหนึ่งหรอกค่ะ และเรายืนยันว่าไม่ได้มีประกาศจะเอาเครื่องขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ถ้าไม่ได้ค่อยเอาผู้โดยสารลงอย่างที่คุณบอกเลย ที่ได้ยินคือ ขอทดสอบระบบ 5-10 นาที ถ้าไม่โอเคจะแจ้งให้ทราบต่อไป เราคิดว่าเพื่อนของคุณคงตีความผิดและส่งสารต่อผิดไปนะคะ
เราว่าการบินไทยไม่ได้นิ่งนอนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะ ตอนที่เค้าให้พวกเราลงไปพักที่ห้องพักผู้โดยสาร เราได้ยินพนักงานกำลังวิทยุไปบอกอีกฝ่ายหนึ่งว่า เตรียมอาหารและน้ำมาให้ผู้โดยสารด้วย และผู้โดยสาร2xx คน จัดการให้หมดนะ ต้องหาไฟลท์ไปให้ได้ ไปหามา 4-5 ไฟลท์ (เราว่าเค้ามีการเตรียมการณ์นะ แต่ยังไงก็คงต้องรอดูว่าเครื่องเก่าเป็นยังไง)
พอมาถึงห้องพักผู้โดยสารได้ไม่นาน ก็มีประกาศ Departure time ใหม่เป็น 22.20น. ยังงงเลยเร็วจัง ตอนแรกไม่คิดว่าจะให้กลับเครื่องเดิม แต่เราเชื่อนะว่า ถ้ากัปตันไม่มั่นใจในเครื่องบิน เค้าจะไม่นำเครื่องออกเด็ดขาด คงไม่มีใครเอาชีวืตตัวเองไปเสี่ยง ตอนเข้าเกต ก็มีแจกน้ำทั้งขวดและของว่างอีกชิ้น (จขกท คงไม่ได้รับเพราะ รีบไปนกแอร์ซะแล้ว) เค้าไม่ได้แจกช้านะคะ เค้าคงตั้งใจจะเอามาแจกผู้โดยสาร ที่ถือTransit card แต่อย่างที่บอก เวลามันน้อยก็เรียกขึ้นเครื่องใหม่แล้ว เลยแจกตอนเข้าเกตแทน
เรื่องเวลาบนเครื่องที่คุณบอกอยู่ถึง 3 ชั่วโมง 20 นาที ไม่ถึงนะคะ ถึงจะจำเวลาได้ไม่เป๊ะ แต่ประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ แล้วก็มีช่วงที่ไม่ร้อน ไม่ได้ไม่มีอากาศตลอดค่ะ เราเข้าไปดูเฟสบุคของการบินไทย เราว่า Timeline ประมาณนั้นถูกต้องเลยค่ะ
เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เราเห็นมีพนักงานมารอรับผู้โดยสารที่ต่อเครื่อง เค้าคงไม่ได้นิ่งนอนใจกับผลกระทบที่ผู้โดยสารที่ต่อเครื่องแน่นอน และทุกคนก็ยังดูปกติไม่ได้มีความรู้สึกว่าโดนบังคับให้ขึ้นเครื่องนี้กลับแต่อย่างใด
ตอนเครื่องจะลง กัปตันกับแอร์ก็ประกาศขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ เราเชื่อว่าพวกเค้าทำหน้าที่ของตัวเองที่ดีที่สุดแล้ว เราเองก็ทำหน้าที่ผู้โดยสารที่ดีที่สุดแล้วเช่นกัน
เรื่องการเหลื่อมล้ำ ในEconomy กับ Business เราว่ามันแน่นอนนะคะ เค้าจ่ายมาแพงกว่าเรานี่คะ เรื่องกัปตันคลานเข่าขอไม่พูด เพราะไม่เห็นค่ะ แต่ปกติ เวลาเร่งด่วนมีปัญหา กัปตันไม่น่าออกมาจากห้องนะคะ แต่ปกติเราเคยนั่ง Business Class พวกแอร์เค้าก็คุกเข่าอยู่แล้วนะคะเวลาถามว่าจะทานอะไร
ปล.ตัวเรานั่งกลางเครื่อง แต่เพื่อนเรา นั่งอยู่ต้นๆค่ะ เพื่อนบอกว่า กลุ่ม จขกท นั่งแถวแรกใช่หรือเปล่าคะ เห็นมีอยู่กลุ่มเดียวที่โวยวายค่ะ ไม่ยอมนั่ง จะลงให้ได้ ทำให้วุ่นวายกว่าเดิมและบอกว่ากัปตันไม่ได้ประกาศภาษาอังกฤษ จริงๆประกาศค่ะ แต่ที่ยังมีผู้โดยสารไปถามแอร์อีกว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าเป็นคนจีนค่ะ ส่วนฝรั่งที่อาจจะฟังไม่ทัน พอไปถามแอร์ และแอร์บอกว่ามีปัญหาที่เครื่องกำลังแก้ไขอยู่ก็ไม่ได้โวยวายแต่อย่างใด ส่วนเรื่องผู้โดยสารเป็นลม ไม่มีค่ะ จะมีที่ไปแถวประตูหรือเก้าอี้ตรงประตูเพื่อขออากาศหายใจบ้างแต่ไม่มีใครเป็นลมค่ะ ปกติอากาศที่ไม่พอเนื่องจากคนเองหรือเปล่าค่ะ เรานั่งอยู่กลางเครื่องที่ไม่ได้เปิดประตู ควรจะหายใจไม่ออกมากกว่าหรือเปล่า แต่เราแค่ร้อน ในใจก็เครียดนะ มันดึกแล้ว วันรุ่งขึ้นก็ต้องทำงาน แต่เราเชื่อว่าถ้าเครื่องเสียจริง กัปตันเค้าไม่ดันทุรังเอาขึ้นแน่นอน เราต้องปลอดภัยแน่ๆ อาจจะต้องอยู่ต่ออีกคืน หรือกลับดึกว่านี้เราก็เข้าใจค่ะ มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ กัปตันคงไม่ลองเสี่ยงเอาเครื่องขึ้นอย่างที่ จขกทว่าแน่นอนค่ะ ตอนครั้งที่เครื่องได้เทคออฟจริงๆ เรามีความมั่นใจว่าเครื่องต้องไปได้แน่ๆ

สุดท้าย จขกท เป็นนักข่าวเก่า ทำไมไม่มีจรรยาบรรณ และเขียนข้อความได้ใส่ใข่ขนาดนั้นคะ "ถูกขังไว้บนเครื่อง" "ไม่มีอากาศหายใจ 3 ชม 20 นาที" "กัปตัน ดันทุรัง" "บังคับให้ขึ้นเครื่อง" เราไม่รู้สึกแบบที่คุณพูดเลยค่ะ เวลาเขียนข่าวแล้วใส่อารมณ์ มันควรหรือเปล่าค่ะ ถามดูค่ะ ไม่ได้จบด้านนี้เลยไม่ทราบ แต่เพราะเป็นแบบนี้ สังคมเราถึงมีแต่ความแตกแยก ชาวบ้านอ่านข่าว ก็มีแต่อารมณ์
เวลาจะพิมอะไรขอให้มั่นใจก่อนค่อยพิมนะคะ เดี๋ยวบอกในเฟสบุคว่า น้ำมันรั่ว แต่มาพิมในนี้ ว่าเชื้อเพลิง ใช่ค่ะ กัปตันประกาศว่าเชื้อเพลิง ไม่มีคำว่าน้ำมันรั่วเลยแม้แต่นิดเดียว
ความคิดเห็นที่ 23
เจ้าของกระทู้ เป็นนักข่าวเก่า เหรอครับ ไม่แปลกใจเลย ที่ใช้สื่อ มาเรียกร้องได้ดีมาก ตั้งแต่ ข่าว ใน Kapook ภาษาที่ดูแปล่งๆ
นี่ยังไม่รวมความยกพวกไปบุกถล่ม FB ของการบินไทย ใช้คำพูดหยาบคาย อวดมีญาติเป็นทนาย , มีเพื่อนร้านอาหารดังแถวพัทยา ไปด่าคนอื่นว่าตุ๊ด
เราไม่แปลกใจเลย ถ้าคุณจะคิดกับเรื่องนี้ในแง่แบบนี้ เพราะตัวคุณเองก็ไม่เบา คุณใบตอง
ผมทำงานอยู่สายการบินต่างชาติครับ เวลาเกิดเหตุการณ์แบบนี้
1. สติต้องมาก่อน อะไรได้ก่อน ได้หลังว่ากันไป ผดส. 200+ กับ คนทำงานไม่ถึง 20 คน บนนั้น ย่อมเกิดความชุลมุน ความไม่พอใจ เป็นแน่แท้ ยิ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ ด้วย ก็เลยผสมลงโรงกันเมามันส์ หนักหน่อย มีการโยง เรื่องการเมืองอีก
2. ทุกอย่างมีขั้นตอน มีระเบียบ สากล ที่ทำเป็น List รอคำสั่งจาก Cockpit ที่ประสานงานกับภาคพื้น มากมาย บ้านเมืองมีกฏหมายยังไง ก็เช่นนั้น ไม่งั้นคงชุนมุล น่าดู
3. ดีแค่ไหนที่เหตุเกิดบนพื้น และ ตรวจสอบเจอเสียก่อน จะขึ้นไปอยู่ ด้านบน คนบนเครื่องไม่ใช่มีแค่พวกคุณ แต่มี คนทำงาน ที่เค้าก็รักชีวิต ของเค้าด้วยเหมือนกัน
3. บนเครื่องมีผู้โดยสารมากมาย หลายชาติ บางคนตีพาสปอร์ต ออกนอกประเทศไปแล้ว โดยเฉพาะชาวต่างชาติ จึงต้องประสาน นี่นั้น กับ ตม. การท่า ที่ต้องเอาผู้โดยสาร กลับลงมา ถ้าในกรณี เครื่องใช้ไม่ได้จริงๆ จะกลับเข้า ราชอาณาจักรได้ไหม (กรณีต่างชาติ) มันยุ่งยากไรมากมายกว่าเดิม ถ้าจะนำลงมาทั้งหมด
จริงๆทุกๆสาย เมื่อเครื่อง AOG บนพื้น ด้วยปัญหาไรสักอย่าง ก็ต้องนั่งรอ ยกเว้น Emer จริงๆ จึงอพยพ
เราอยากให้คุณใบตอง ใจเย็นกว่านี้ ไม่ออกตัวแรง
เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กับพนักงานบนนั้น อีกหลายๆคน ที่พยายามช่วยเหลือคุณ อาจไม่มากก็น้อย วินาทีนั้น เราเชื่อว่า ไม่มีใครคิดร้ายกับใครหรอก ครับ
หรือความโกรธของคุณ มันกลบสิ่งดีๆอีกด้านหายไปหมดแล้วไม่รู้
นี่ยังไม่รวมความยกพวกไปบุกถล่ม FB ของการบินไทย ใช้คำพูดหยาบคาย อวดมีญาติเป็นทนาย , มีเพื่อนร้านอาหารดังแถวพัทยา ไปด่าคนอื่นว่าตุ๊ด
เราไม่แปลกใจเลย ถ้าคุณจะคิดกับเรื่องนี้ในแง่แบบนี้ เพราะตัวคุณเองก็ไม่เบา คุณใบตอง
ผมทำงานอยู่สายการบินต่างชาติครับ เวลาเกิดเหตุการณ์แบบนี้
1. สติต้องมาก่อน อะไรได้ก่อน ได้หลังว่ากันไป ผดส. 200+ กับ คนทำงานไม่ถึง 20 คน บนนั้น ย่อมเกิดความชุลมุน ความไม่พอใจ เป็นแน่แท้ ยิ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ ด้วย ก็เลยผสมลงโรงกันเมามันส์ หนักหน่อย มีการโยง เรื่องการเมืองอีก
2. ทุกอย่างมีขั้นตอน มีระเบียบ สากล ที่ทำเป็น List รอคำสั่งจาก Cockpit ที่ประสานงานกับภาคพื้น มากมาย บ้านเมืองมีกฏหมายยังไง ก็เช่นนั้น ไม่งั้นคงชุนมุล น่าดู
3. ดีแค่ไหนที่เหตุเกิดบนพื้น และ ตรวจสอบเจอเสียก่อน จะขึ้นไปอยู่ ด้านบน คนบนเครื่องไม่ใช่มีแค่พวกคุณ แต่มี คนทำงาน ที่เค้าก็รักชีวิต ของเค้าด้วยเหมือนกัน
3. บนเครื่องมีผู้โดยสารมากมาย หลายชาติ บางคนตีพาสปอร์ต ออกนอกประเทศไปแล้ว โดยเฉพาะชาวต่างชาติ จึงต้องประสาน นี่นั้น กับ ตม. การท่า ที่ต้องเอาผู้โดยสาร กลับลงมา ถ้าในกรณี เครื่องใช้ไม่ได้จริงๆ จะกลับเข้า ราชอาณาจักรได้ไหม (กรณีต่างชาติ) มันยุ่งยากไรมากมายกว่าเดิม ถ้าจะนำลงมาทั้งหมด
จริงๆทุกๆสาย เมื่อเครื่อง AOG บนพื้น ด้วยปัญหาไรสักอย่าง ก็ต้องนั่งรอ ยกเว้น Emer จริงๆ จึงอพยพ
เราอยากให้คุณใบตอง ใจเย็นกว่านี้ ไม่ออกตัวแรง
เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กับพนักงานบนนั้น อีกหลายๆคน ที่พยายามช่วยเหลือคุณ อาจไม่มากก็น้อย วินาทีนั้น เราเชื่อว่า ไม่มีใครคิดร้ายกับใครหรอก ครับ
หรือความโกรธของคุณ มันกลบสิ่งดีๆอีกด้านหายไปหมดแล้วไม่รู้
ความคิดเห็นที่ 11
แปลกจังเลยนะครับ จขกท พยายามย้ำตลอด ว่าไม่มีความรู้เลยเรื่องกฎต่างๆ ทั้งๆที่ตัวเองเดินทางทางเครื่องบิน 5-10 ต่อเดือน จะไม่ทราบกฎเลยแม้แต่น้อยเชียวหรือ
พยายามย้ำตลอดว่าเค้าบริการแบบแบ่งชั้นวรรณะ ตามปกติ เค้าก็ให้บริการตาม class ที่เราซื้อตั๋วอยู่แล้ว business กับ economy ราคาตั๋วต่างกันมาก การบริการย่อมไม่เหมือนกัน ซึ่งเดินทางบ่อย ย่อมรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เหมือนคุณจะบอกว่า จ่าย 10 แต่จะเอา 100 เท่ากับคนที่เค้า จ่ายมา 100 อันนี้เข้าใจใช่มั้ยครับ
แล้วเรื่องอากาศที่ติดขัด บนเครื่อง มันไม่สามารถ แบ่งแยกอากาศ ให้คนในชั้น business class ได้หายใจโล่งคอ มากกว่า ผู้โดยสารในชั้น economy classหรอกมั้งครับ
การเขียนวิจารณ์การทำงาน ที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง มันก็ดีนะครับ แต่อย่าใส่สีตีใข่ รวมกับอคติเดิมที่มีอยู่ เข้าไปอีกเลย
พยายามย้ำตลอดว่าเค้าบริการแบบแบ่งชั้นวรรณะ ตามปกติ เค้าก็ให้บริการตาม class ที่เราซื้อตั๋วอยู่แล้ว business กับ economy ราคาตั๋วต่างกันมาก การบริการย่อมไม่เหมือนกัน ซึ่งเดินทางบ่อย ย่อมรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เหมือนคุณจะบอกว่า จ่าย 10 แต่จะเอา 100 เท่ากับคนที่เค้า จ่ายมา 100 อันนี้เข้าใจใช่มั้ยครับ
แล้วเรื่องอากาศที่ติดขัด บนเครื่อง มันไม่สามารถ แบ่งแยกอากาศ ให้คนในชั้น business class ได้หายใจโล่งคอ มากกว่า ผู้โดยสารในชั้น economy classหรอกมั้งครับ
การเขียนวิจารณ์การทำงาน ที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง มันก็ดีนะครับ แต่อย่าใส่สีตีใข่ รวมกับอคติเดิมที่มีอยู่ เข้าไปอีกเลย
ความคิดเห็นที่ 19
ขอบคุณ คุณเจ้าของกระทู้ที่แชร์ประสบการณ์นะครับ
เนื่องจากพอจะมีประสบการณ์และมีความเข้าใจในด้านการทำงานเป็นลูกเรือบ้าง จึงอยากจะช่วยชี้แจงข้อสงสัยของเจ้ากระทู้ครับ แม้ในแต่ละสายการบินจะมีมาตรฐานต่างกันแต่พื้นฐานความปลอดภัยหลักๆจผมคิดว่าน่าจะเหมือนกันครับ
เริ่มจากที่เจ้าของกระทู้สงสัยเรื่องการบริการน้ำและอาหารในภาวะวิกฤต จริงๆแล้วในส่วนของการบริการนี่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้าพนักงานต้อนรับ (Air Purser) ประกอบกับการอณุญาติของกัปตันครับ ตัวพนักงานเองไม่สามารถตัดสินใจให้บริการทั้งหมดได้ เพราะการเตรียมการและให้บริการน้ำและอาหารแก่ผู้โดยสารทั้งหมดนั้น ใช้เวลาค่อนข้างมาก ถ้าแจกจ่ายอยู่เครื่องเกิดต้อง Take Off ขึ้นมา อาจจะให้บริการหรือเก็บของต่างๆจาก ผดส. ไม่ทัน ซึ่งปกติช่วงเวลาดังกล่าวไม่ว่า Take Off หรือ Landing ไม่ควรมีสิ่งกีดขวางใดๆเลยมาเป็นอุปสรรคในการอพยพครับ เป็นกฏระเบียบสากล หัวหน้าพนักงานจะต้องมั่นใจแล้วจริงๆว่า มีเวลามากพอที่จะให้บริการทั้งหมด ถึงจะอนุญาติให้มีการแจกจ่ายน้ำและอาหารครับ ซึ่งตัวหัวหน้าพนักงานเองจะทราบข้อมูลเหล่านี้ได้จากกัปตันครับ ซึ่งผมคิดว่ากัปตันคงคิดว่าไม่น่าจะใช้เวลาซ่อมนาน เพราะจากที่ตัวเจ้าของกระทู้เล่าว่ามีแต่ ผดส. แถวแรกๆเท่านั้นที่ได้รับน้ำและอาหารก่อนที่เครื่องจะขึ้น ตรงนี้คือตัวหัวหน้างานตัดสินใจแจกจ่ายน้ำและอาหารแล้วครับ แต่เครื่องจะขึ้นก่อนเลยต้องยกเลิกกลางคันครับ
เรื่องการเปิดประตูฉุกเฉินเพื่อถ่ายเทอากาศครับ อย่างที่ทราบว่าเปิคแค่สองประตูหน้าในบริเวณชั้นธุรกิจ ซึ่งก็คือประตูที่ใช้บอร์ดดิ้ง ผดส. เข้ามา มีงวง มีบันได มีลูกเรือเฝ้าประจำอยู่ที่ประตู ประตูอื่นๆไม่สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้ทั้งหมดครับ เพื่อป้องกันไม่ไห้ ผดส. เบียดเสียดหรือยืนเบียดกันอยู่ตรงบริเวณประตูแล้วผลัดตกลงไป รวมไปถึงไม่ใหม ผดส. หรือ เจ้าหน้าที่ หลบหนีหรือเล็ดรอดจากตัวเครื่องด้วยครับ เราต้องมองถึงจุดที่มีผู้ไม่ประสงค์ดีขึ้นมาบนเครื่องแล้วหนีออกไปด้วยครับ จึงเปิดได้เพียงไม่กี่ประตูทางด้านหน้าเท่านั้น
ในส่วนของเรื่องชนชั้นวรรณะ ตามที่เจ้าของกระทู้เข้าใจครับ
คือมีชนชั้นวรรณะจริง ทุกสายการบินทั่วโลกครับ ตามราคาค่าตั๋วครับ ต่าง Class ก็ ต่างบริการ
ส่วนใหญ่เหตุการณ์แบบนี้ข้อมูลต่างๆจะอยู่ที่กัปตันอย่างเดียวครับ ถึงจะถามลูกเรือไปก็ไม่ได้อะไรมากนัก เพราะลูกเรือก็ได้รับข้อมูลต่างๆจากกัปตัน พร้อม ผดส. เวลากัปตันประกาศน่ะล่ะครับ เรื่องประกาศต่างๆก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกัปตันล้วนๆครับ ซึ่งโดยปกติแล้วกัปตันก็ต้องรอข้อมูลจากหน่วยช่างอีกทีครับ ไม่มีใครทราบว่าช่างจะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ การแก้ไขปัญหาใช้เวลานานหรีอน้อยเพียงใด นี่มีการพยายามนำเครื่องขึ้นถึงสามครั้ง ถ้าเราให้ ผดส. ลงจากเครื่องแล้วขึ้นมาใหม่ ทุกๆสามครั้ง ก็คงจะกินเวลาไปมากจากเดิมมากครับ
ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหรอกครับ
ถ้ายังไงก็ขอแสดงความเห็นใจกับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
*ปล. ตอบความคิดเห็นที่ 7 ผมไม่ทราบว่า กบท. มีนมบนเครื่องเท่าไหร่ แต่สายการบินผม นมสองกล่องต้องให้บริการ ผดส. 300 กว่าคนครับ เจอคนขอบ่อยมาก ถ้าให้ได้ก็ไม่มีความคิดที่จะหวงหรอกครับ เพราะก็ไม่ไช่นมเรา
เนื่องจากพอจะมีประสบการณ์และมีความเข้าใจในด้านการทำงานเป็นลูกเรือบ้าง จึงอยากจะช่วยชี้แจงข้อสงสัยของเจ้ากระทู้ครับ แม้ในแต่ละสายการบินจะมีมาตรฐานต่างกันแต่พื้นฐานความปลอดภัยหลักๆจผมคิดว่าน่าจะเหมือนกันครับ
เริ่มจากที่เจ้าของกระทู้สงสัยเรื่องการบริการน้ำและอาหารในภาวะวิกฤต จริงๆแล้วในส่วนของการบริการนี่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้าพนักงานต้อนรับ (Air Purser) ประกอบกับการอณุญาติของกัปตันครับ ตัวพนักงานเองไม่สามารถตัดสินใจให้บริการทั้งหมดได้ เพราะการเตรียมการและให้บริการน้ำและอาหารแก่ผู้โดยสารทั้งหมดนั้น ใช้เวลาค่อนข้างมาก ถ้าแจกจ่ายอยู่เครื่องเกิดต้อง Take Off ขึ้นมา อาจจะให้บริการหรือเก็บของต่างๆจาก ผดส. ไม่ทัน ซึ่งปกติช่วงเวลาดังกล่าวไม่ว่า Take Off หรือ Landing ไม่ควรมีสิ่งกีดขวางใดๆเลยมาเป็นอุปสรรคในการอพยพครับ เป็นกฏระเบียบสากล หัวหน้าพนักงานจะต้องมั่นใจแล้วจริงๆว่า มีเวลามากพอที่จะให้บริการทั้งหมด ถึงจะอนุญาติให้มีการแจกจ่ายน้ำและอาหารครับ ซึ่งตัวหัวหน้าพนักงานเองจะทราบข้อมูลเหล่านี้ได้จากกัปตันครับ ซึ่งผมคิดว่ากัปตันคงคิดว่าไม่น่าจะใช้เวลาซ่อมนาน เพราะจากที่ตัวเจ้าของกระทู้เล่าว่ามีแต่ ผดส. แถวแรกๆเท่านั้นที่ได้รับน้ำและอาหารก่อนที่เครื่องจะขึ้น ตรงนี้คือตัวหัวหน้างานตัดสินใจแจกจ่ายน้ำและอาหารแล้วครับ แต่เครื่องจะขึ้นก่อนเลยต้องยกเลิกกลางคันครับ
เรื่องการเปิดประตูฉุกเฉินเพื่อถ่ายเทอากาศครับ อย่างที่ทราบว่าเปิคแค่สองประตูหน้าในบริเวณชั้นธุรกิจ ซึ่งก็คือประตูที่ใช้บอร์ดดิ้ง ผดส. เข้ามา มีงวง มีบันได มีลูกเรือเฝ้าประจำอยู่ที่ประตู ประตูอื่นๆไม่สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้ทั้งหมดครับ เพื่อป้องกันไม่ไห้ ผดส. เบียดเสียดหรือยืนเบียดกันอยู่ตรงบริเวณประตูแล้วผลัดตกลงไป รวมไปถึงไม่ใหม ผดส. หรือ เจ้าหน้าที่ หลบหนีหรือเล็ดรอดจากตัวเครื่องด้วยครับ เราต้องมองถึงจุดที่มีผู้ไม่ประสงค์ดีขึ้นมาบนเครื่องแล้วหนีออกไปด้วยครับ จึงเปิดได้เพียงไม่กี่ประตูทางด้านหน้าเท่านั้น
ในส่วนของเรื่องชนชั้นวรรณะ ตามที่เจ้าของกระทู้เข้าใจครับ
คือมีชนชั้นวรรณะจริง ทุกสายการบินทั่วโลกครับ ตามราคาค่าตั๋วครับ ต่าง Class ก็ ต่างบริการ
ส่วนใหญ่เหตุการณ์แบบนี้ข้อมูลต่างๆจะอยู่ที่กัปตันอย่างเดียวครับ ถึงจะถามลูกเรือไปก็ไม่ได้อะไรมากนัก เพราะลูกเรือก็ได้รับข้อมูลต่างๆจากกัปตัน พร้อม ผดส. เวลากัปตันประกาศน่ะล่ะครับ เรื่องประกาศต่างๆก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกัปตันล้วนๆครับ ซึ่งโดยปกติแล้วกัปตันก็ต้องรอข้อมูลจากหน่วยช่างอีกทีครับ ไม่มีใครทราบว่าช่างจะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ การแก้ไขปัญหาใช้เวลานานหรีอน้อยเพียงใด นี่มีการพยายามนำเครื่องขึ้นถึงสามครั้ง ถ้าเราให้ ผดส. ลงจากเครื่องแล้วขึ้นมาใหม่ ทุกๆสามครั้ง ก็คงจะกินเวลาไปมากจากเดิมมากครับ
ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหรอกครับ
ถ้ายังไงก็ขอแสดงความเห็นใจกับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
*ปล. ตอบความคิดเห็นที่ 7 ผมไม่ทราบว่า กบท. มีนมบนเครื่องเท่าไหร่ แต่สายการบินผม นมสองกล่องต้องให้บริการ ผดส. 300 กว่าคนครับ เจอคนขอบ่อยมาก ถ้าให้ได้ก็ไม่มีความคิดที่จะหวงหรอกครับ เพราะก็ไม่ไช่นมเรา
แสดงความคิดเห็น
หนังคนละม้วน ประสบการณ์ตรง TG218 (ภูเก็ต-กทม.) เมื่อคืน
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนนะคะ
ว่า เป็นผู้โดยสารธรรมดา ที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับการบินใดใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ หรือกฎเกณฑ์ ระเบียบปฏิบัติบนเครื่องของแอร์หรือสจ๊วต
หรือแม้แต่ Authority ของกัปตันว่าเป็นอย่างไร
แต่เป็นผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องสายการบินในประเทศ ประมาณเดือนละ 5-10 เที่ยว เนื่องจากการทำงานล้วนๆ (และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับองค์กรแต่อย่างใด)
เล่าเรื่องเมื่อวานเลยนะคะ
เวลา 18.30 น. พวกเรา 5 คนได้เวลาขึ้นเครื่อง Boarding Pass โดยเครื่องตามกำหนดการ take off เวลา 19.00 น.
เราไม่ได้สนใจว่า เวลาอาจจะมีคลาดเคลื่อนเล็กน้อย คือ อาจจะเรียกขึ้นเครื่องช้า +- 15 นาทีหรืออะไร แต่ตามตั๋วมันบอกอย่างนั้น
หลังจากเคลื่อน Taxi ได้สักพัก
กัปตันก็ประกาศเป็นภาษาไทยว่า น้ำมันเชื่อเพลิงขัดคล่อง (ย้ำว่าภาษาไทย) ส่วนภาษาอังกฤษไม่ได้บอกรายละเอียดว่ามีปัญหาเชื้อเพลิง
ในใจภาวนาว่า ขอบคุณกัปตันที่ไม่เอาเครื่องขึ้น เพราะกลัวมาก
ระหว่างที่นั่งรอด้วยใจระทึก ก็เลยอยากเข้าห้องน้ำ
พอดีที่นั่งอยู่แถว 31 D คือ หน้าสุดของชั้น Economy เลยเดินไม่ไกล ก็เลยเดินไปเข้า
ขากลับไปนั่งที่ ภาพที่เห็นคือ แอร์สาวแกะข้าวผัดและกำลังรับประทานอยู่ (โอเคเข้าใจว่า อาจจะบินหลายรอบไม่ได้กินข้าว แต่คนที่นั่งรอร่วมชั่วโมงกับอากาศที่หายใจน้อยลงเรื่อยๆ เราก็รู้สึกไม่แฮปปี้แหละ)
หลังจากนั้น น้องที่มาด้วยกันบอกว่า เห็นมีรถบัสเริ่มมาจอดเทียบ เราก็รู้สึกว่า คงจะมาถ่ายคนออก โอเคเดี๋ยวได้เข้างวงแล้ว ปลอดภัย
แต่สุดท้ายกัปตันก็ประกาศว่า แก้ไขปัญหาได้แล้ว กำลังจะเอาเครื่องขึ้นรอบที่ 2
ตอนนั้นบอกในใจว่า เริ่มใจไม่ได้แล้วค่ะ แต่คิดว่า ถ้าเอาเครื่องขึ้นได้ คงไม่เป็นไร
เครื่อง Taxi ไปสักพัก กัปตันประกาศรอบใหม่ว่า เครื่องยังมีปัญหาระบบน้ำมัน
ภาพที่เห็นคือ น้องแอร์ผู้หญิง(ที่แอบกินข้าว) ยกมือขึ้นไหว้อย่างโล่งใจ
ผู้โดยสารแบบดิฉันเนี่ย ใจไปอยู่ตาตุ่มเลยค่ะ เพราะขนาดแอร์ยังแสดงความโล่งใจขนาดนี้
แสดงว่าคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว
ระหว่างนั้น แอร์ได้แต่บอกผู้โดยสารว่า ต้องรอ Captain Announcement เป็นระยะๆ ไม่มีการแจกอาหารหรือน้ำดื่ม
ภาพที่เห็นคือ พ่อแม่ต่างชาติเริ่มเดินมาขอน้ำและขนมให้ลูก
ย้ำว่าเป็นการเดินมาขอ พนักงานไม่ได้ offer ให้แต่ประการใด
อันนี้อาจจะเป็นกฎระเบียบระหว่างอยู่ในวิกฤตหรือเปล่า ให้พนักงานประจำที่ (บอกตรงๆว่า อันนี้ไม่มีความรู้จริงๆค่ะ)
ถ้าเป็นตามกฎการบินอะไร ก็ขออภัยด้วย
เล่าต่อนะคะ
หลังจากที่เครื่องขึ้นไม่ได้รอบที่ 2
ประเด็นสำคัญคือ อากาศผู้โดยสารด้าน ECO ทั้งหมดเริ่มไม่พอ
และได้ยินจากน้องแอร์ว่ากัปตันอนุญาตให้เปิดประตูฉุกเฉินเพียงประตูเดียวเท่านั้น
ทำให้น้องที่มาด้วยกัน และกำลังจะเป็นลม ต้องพยายามดันตัวเองไปข้างหน้า (่น่าจะเป็น Business Class) เพื่อให้มีอากาศมากขึ้น
เราจึงพบว่า อากาศถ่ายเทดีกว่า เพราะเปิด 2 ประตู (ซ้ายขวา)
เราเห็นพนักงานดูแล ระวิงกับการบริการน้ำ และผ้าเย็นให้ผู้โดยสารชั้น Business ในขณะที่ ECO กำลังจะขาดอากาศหายใจ
เรารู้สึกไม่ดีแล้วละคะ มันคือเหลื่อมล้ำชัดๆ
ดิฉันอยู่ตรงส่วนหน้าสุดของเครื่องกับคู่แม่ลูกชาวญี่ปุ่น ที่เด็กน้อยอายุราวขวบกว่าๆ กรีดร้องไม่หยุด ด้วยอาจจะเพราะอากาศไม่ถ่ายเท หรือหิว
แอร์ผู้หญิงพยายามจะสื่อสารภาษาอังกฤษแบบ Broken (ฉันก็ภาษาอังกฤษไม่ได้ดีนะคะ) แต่คนญี่ปุ่นคงไม่เข้าใจว่า
คุณน่าจะลุกเดินไปไหนนะ ลูกคุณคงไม่อย่างให้นั่ง ประมาณนั้น แล้วก็ไม่แก้ไขอะไร
พอดีดิฉันมีหลานหลายคน เลยจำได้ว่า เวลาเด็กเล็กๆร้องไห้ ต้องหาสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจ
จึงเปิดการ์ตูนให้อีหนูญี่ปุ่นดู โชคดีน้องหยุดร้อง แล้วเริ่มยอมกินอะไรที่แอร์พยายามหามาให้
ระหว่างนั้น มีผู้ชายสูงราว 180 วิ่งมาตรงข้างหน้า
แล้วก็ออกตัวขอโทษเลยว่า ผมขอยืนตรงนี้ด้วยนะครับ ผมจะเป็นลมข้างหลังหายใจไม่ออกจริงๆ
หลังจากนั้น น่าจะเป็นหัวหน้าแอร์ ผู้ชายพยายามโทรประสานกับกัปตันว่า ผู้โดยสารไม่โอเคแล้ว
จะขอลงจากเครื่อง แต่ไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใดจากกัปตัน
คือ จุดนั้น ทั้ง ground ที่เป็นคนดูการซ่อมเครื่องด้านล่าง (ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่านะคะ) พยายามจะเข้าไปคุยกับกัปตัน
แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
และดูเหมือนว่า กัปตันจะตัดสินใจที่จะขึ้นบินอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 (ซึ่งตอนนี้ดิฉันไม่ได้ยินประกาศ แต่เพื่อนที่มาด้วยกันที่นั่งอยู่ ECO บอกว่า กัปตันบอกเป็นภาษาไทยว่า จะขอขึ้นอีกครั้ง ถ้าเครื่องยังมีปัญหาจะให้ออกจากตัวเครื่อง)
ระหว่างนั้นที่ยังอยู่กับคู่แม่ลูกญี่ปุ่น
อยู่ๆกัปตัน ก็ปรากฎตัวออกมา (หัวเริ่มล้าน สูงสัก 170 กว่าๆ เริ่มท้วม) อายุน่าจะราว 50 บวกลบ
ก็บรรจงเดินเข้าไปหาและคุกเข่า พร้อมกับก้มลงไหว้ผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวดูดี พร้อมกับบรรดาแอร์ และสจ็วตที่นั่งลงกับพื้น
คุยกันสักพัก แอร์กับสจ็วตก็บอกกับผู้โดยสารว่าให้ลงได้
เวลาที่ติดอยู่ในเครื่องแบบมีอากาศและไม่มีอากาศเพียงพอสลับกันไป ไม่น้อยกว่า 3 ชม.แน่นอน
ถามว่า อาหารเสิร์ฟไหม?
เท่าที่ทราบเพราะดิฉันเดินมาตรงด้านหน้าแล้ว คือ แจกให้เฉพาะสองแถวหน้าของ ECO แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่ให้มีการลงเครื่อง
เพราะฉะนั้นคิดว่า คงมีผู้โดยสารบางท่านได้อาหารบ้าง แต่ตามข่าวบอกว่า มีการบริการในระดับมาตรฐานจึงคิดว่า ต่างจากคำกล่าวอ้างค่อนข้างมาก
น้องที่นั่งอยู่ไม่ได้มาตรงส่วนหน้าบอกว่า น้อง flight attendant ผู้ชายด้านหลัง พยายามจะสื่อสารกับแอร์ผู้หญิงด้านหน้าว่า อากาศด้านหลังไม่มีแล้ว และสามารถแจกอาหารได้ไหม แต่ได้คำตอบว่า ให้กลับไปประจำจุดเดิม
เลยอยากจะถามว่า ส่วนนี้เป็นกฎระเบียบช่วงวิกฤตที่ไม่อนุญาต flight attendant ตัดสินใจช่วยผู้โดยสาร เมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วนได้เลยหรอค่ะ
อันนี้อยากให้ผู้รู้มาช่วยตอบด้วยนะคะ
สุดท้าย พวกเราทุกคนได้ลงจากเครื่องเรียบร้อย
เนื่องจากพรุ่งนี้ (ซึ่งก็คือวันนี้) เรามีประชุมกันตอนเช้าที่ทำงาน
เลยต้องการกลับไฟท์เมื่อคืน จึงได้ถามพนักงานด้านล่างว่า ช่วยจัดสายการบินให้หน่อยหรือไม่
สิ่งที่ได้คำตอบ คือ ไม่มีไฟลท์ เครื่องเต็ม และห้องขายแต่ละสายการบินปิดแล้ว
แต่สิ่งที่พบ คือ เราสามารถซื้อตั๋วรอบ ห้าทุ่มกว่า ๆ ของสายการบินนกแอร์ กลับมาได้กันค่ะ
และที่บอกว่าเครื่องเต็มคือ จะบอกว่า ถ่ายภาพมา แทบจะนั่งกันไม่ได้ แต่สามารถนอนได้เลยค่ะ ว่างมากมาก
ประเด็นสำคัญๆที่อยากจะให้ทางการบินไทยทบทวน นอกเหนือจากเรื่องความเก่าของเครื่อง และความเสี่ยงของผู้โดยสาร รวมถึงตัวกัปตัน และลูกเรือ
1) การปฏิบัติของคนที่ไม่เท่ากัน เช่น เราได้รับทราบว่า ผู้โดยสารชั้น Business ได้รับการ offer ตั๋วรอบเช้าเวลา 7.20 น.พร้อมที่พักให้ และกลุ่มคณะอาจารย์จากนิด้า ได้รับค่าแท็กซี่ชดเชย เนื่องจากจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมการรีฟันตั๋วคืน ในขณะที่ ECO อย่างเรา ถูกบังคับให้จำใจต้องนั่งเครื่องกลับเข้าไปอีกครั้ง เพื่อ take off เป็นหนที่ 3 ไม่นับการ treat บนเครื่องระหว่าง class แบบแบ่งชนชั้น คือ Business มีน้ำและผ้าเย็น แต่ ECO ต้องเป็นผู้โดยสารที่เข้าไปขอ และอากาศที่ไม่เพียงพอ
2) การบริหารจัดการช่วงวิกฤตทำได้ไม่ดี ดิฉันไม่รู้ว่า ระบบเป็นอย่างไร มีการสั่งการและบังคับกันอย่างไร แต่แอร์และสจ็วต (แอบเข้าใจเค้านะคะ) เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถ้ากัปตันไม่สั่งการ ขนาดแจ้งกัปตันจะขอเปิดประตูด้านข้างเพิ่ม เพราะอากาศไม่มี กัปตันก็ไม่ให้ หรือไม่ตอบสนอง อันนี้ดิฉันไม่มั่นใจ
3) การเยียวยาลูกค้า "ไม่มี" และผลักความรับผิดชอบให้ลูกค้าที่ปฏิเสธไม่ยอมขึ้นเครื่อง เพื่อ take off ครั้งที่ 3 ว่า จะถือว่า คุณ Cancel เองไม่ได้รับการชดใช้ใดใดทั้งสิ้น แต่ลูกค้าระดับสูงกว่า หรือเป็นผู้บริหาร ได้การเยียวยา ดิฉันไม่ได้อยากได้อะไรเลยค่ะ แค่กลัวตาย
และ 4) สุดท้าย และคิดว่าสำคัญที่สุดคือ กัปตันไม่สื่อสารกับผู้โดยสาร ทั้งไทยและต่างชาติอย่างชัดเจน โดยเฉพาะฝรั่งกับกรุ๊ปทัวร์จีน น่าจะไม่รู้เรื่องเลยว่า เกิดอะไรกันขึ้นบ้าง และยังออกข่าวตรงข้ามกับเหตุการณ์ที่ดิฉันเจอแบบหนังคนละม้วน
ดิฉันไม่รู้หรอกนะคะว่า กัปตันจะถูกกดดันจากใครอีกทีหรือไม่ เพราะการประกาศ Cancel ไฟท์ การบินไทยคงต้องรับผิดชอบเยอะอยู่
เขาอาจจะถูกบังคับจำยอมก็ได้ให้เอาเครื่องขึ้นถึง 3 ครั้ง
โชคดีไปนะคะว่า ครั้งที่ 3 สามารถบินกลับมาได้อย่างปลอดภัย
เรื่องที่เล่าให้ฟังนี้ ใครไม่เชื่อไม่เป็นไรนะคะ แล้วแต่วิจารณญาณเลยค่ะ
แต่มั่นใจว่า ดิฉันอยู่ในจุดด้านหน้า ที่คนข้างหลังในชั้น ECO คงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
จริงๆมีรายละเอียดอีกเยอะค่ะ ที่ทำให้ดิฉันรู้สึกแย่ๆ แต่ไม่อยากแชร์ให้ฟังแล้ว
ขอบคุณทุกคนที่อ่านค่ะ