Ton send you a photo
Ton: ไปบริจาคของเด็กที่สุพรรณกันมั้ยพี่
ต้น รุ่นน้องเรา line ส่งรูปกำหนดการณ์ มาชวน
ตอนแรกก็นึกว่าจะไม่ได้ไปแล้ว เพราะเหมือนพี่ปุ่นจะติด Set up งานคืนก่อนจะออกเดินทาง
แต่สุดท้าย เราก็ตัดสินใจไปกัน โดยที่......
ไม่รู้ว่าจะต้องมาปีนเขาป่ะวะ!!!!!!!
ตามกำหนดการเรานัดเจอกัน ตี 5 ครึ่ง ของเช้าวันเสาร์ ที่ปั๊ม ปตท.สำนักงานใหญ่ เพราะเราต้องต้องไปถึงที่สุพรรณภายใน 10 โมงเช้า เราปลุกนาฬิกาตื่นมาตี 4 ครึ่ง รีบมาก เพราะรอบนี้เราไม่ได้ไปกันเองไง ไปกันตั้ง 14 คน กลัวคนอื่นรอ
อ่า...ใช่ 14 คน ทริปนี้ตัวละครอาจจะเยอะหน่อยนะ 555 ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่พวกเกรียนๆ เอาแค่ชื่อกลุ่มก็เกรียนพอละ
‘Sa gid ting’ ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก อิกลุ่มนี้ชื่อว่าแก๊งค์ ‘สะกิดติ่ง’ (- -“)
พอมาถึง ปตท. ชิท! ร้าง....มีป้ายตรงประตูเขียนเวลาเปิดไว้ว่า 6:00 น. เวร! ถ้าไม่มาเลทกัน เราก็มาผิดที่ล่ะวะ
เราเลยกดโทรศัพท์หาต้น
ลูกไผ่: “ต้น ปั๊มข้าง ปตท.สำนักงานใหญ่ป่ะ ประตูมันยังไม่เปิดเลยอ่ะ ยังไม่มีใครมาเลย”
ต้น: “อ้าว เหรอ...รอนั่นก่อนแปปนึง เดี๋ยวผมไปรับ นี่อยู่คอนโดพี่โอมเนี่ย
สรุปแกนัดกันโดยที่ไม่รู้ว่าปั๊มมันเปิดรึเปล่าช่ายม๊ายยย T^T
เพียงชั่วเคี้ยวหมากแหละ ต้นก็ขับรถมารับ แล้วบอกว่าเปลี่ยนที่นัดกันเป็นปั๊มตรงวิภาวดีแทน
เราเลยฝากท้องที่ Big C Mini (เออ เราก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละว่า Big C มี Big C Mini ด้วย) กับกาแฟอินทนินในปั๊มระหว่างรอชาวคณะ
ไม่นานทุกคนก็มากันครบ ทริปนี้เราเอารถไป 3 คัน บรรทุกของและ 14 ชีวิต
จัดของขึ้นรถกันเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางกัน!
เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึง ‘โรงเรียนบ้านวังน้ำเขียว’ จุดมุ่งหมายแรกที่เราจะมาบริจาคของให้เด็กกัน
ต้องบอกว่า เราเป็นคนที่ไม่เคยไปออกค่ายอาสาที่ไหน ใดๆ มาก่อนเลยเว้ยในชีวิตนี้ นี่เป็นการมาทำอะไรแบบนี้ครั้งแรกของเรา
สำหรับคนที่ไม่เคยมาเหมือนเรา มาดูกันว่าเค้าทำอะไรยังไงกันมั่ง
(จริงๆ ก่อนหน้าที่จะออกเดินทางนี้น้องๆก็มีเตรียมของกันวุ่นวายอยู่เหมือนกัน)
เริ่มแรกคุณครูเกริ่นให้เด็กๆทักทายสวัสดีเรา น้องๆต้อนรับเราด้วยการแสดงของแต่ละสายชั้น
โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประถม มีตั้งแต่ ป.1 – ป.6
การแสดงของน้องๆก็มีหลากหลายกันไป แต่เด็ดสุดคือ น้องมีเต้น cover เกาหลีด้วย! แหมะ อย่างกะ ดง บัง ชิน กิ มาเอง
(ชื่อวงอาจจะเก่าไปหน่อยนะ ป้าแก่แล้ว 555)
ระหว่างน้องๆแสดงใกล้จะจบแล้ว อาร์ม (ที่หน้าเหมือนลิง) , นุ, เท็น ก็มานั่งปรึกษากันเรื่องเกมส์
พอน้องๆแสดงจบ เราก็เริ่มชวนน้องเล่นเกมส์ด้วยกัน น้องๆที่นี่ friendly มาก ตอนเราเข้าไปนั่งเล่นเกมส์กับน้อง น้องก็มาเกาะแขนส่งยิ้มหวานให้ แล้วถามว่า
“พี่ชื่ออะไรคะ”
“พี่ไผ่จ้า แล้วหนูชื่ออะไรเอ่ย”
“ชื่อแหม่มค่ะ อันนี้ส้ม อันนี้โบว์ อยู่ป.3”
เฮ้ยยย น้อง friendly มาก
พอเล่นเกมส์กันเสร็จ เราก็แจกรองเท้าและขนม ของเล่นให้น้องๆ ก่อนจะปล่อยน้องๆออกไปทานข้าว
ข้าวกลางวันวันนี้เป็นก๋วยจั๊บ อร่อยเชียว
ทานข้าวกันเรียบร้อยเราก็มาลาน้องๆกัน และเตรียมตัวออกเดินทางกันต่อ
ระหว่างเรารอเก็บของ น้องที่นั่งข้างๆเราตอนเล่นเกมส์วิ่งมากอดเรา แล้วบอกว่า “ขอให้พี่เดินทางปลอดภัยนะคะ”
น้องน่ารักมาก เราว่าน้องดีใจที่พวกเรามากัน มันรู้สึกดีนะ เรารู้สึกขอบคุณ ‘Sa gid ting’ มากที่ชวนเรามา
ถ้าใครมีโอกาสลองแวะไปเยี่ยม ไปเล่นกับน้องๆกันนะ
อ่ะ ปะ เดินทางกันต่อ เป้าหมายต่อไปของเราคือ ‘อุทยานพุเตย ตะเพินคี่’ เราต้องเอารถ Amera ของต้นไปจอดไว้ที่อุทยานก่อน แล้วถ่ายของและคนจากรถคันนี้ไปที่รถกระบะของนุ เพราะทางที่เราจะไปต่อ ต้องเป็นรถกระบะ หรือ 4WD เท่านั้น
รถต้นไม่น่าจะรอด
พวกผู้ชายจากรถเราไปนั่งอยู่ด้านหลังรถกระบะ ส่วนเรากับ ‘พี่โอม’ ไปนั่งอยู่ข้างคนขับด้วยกัน
ทางที่จะไปจุดกางเต๊นท์ของเรา อย่าเรียกว่าดินแดงเลย เรียกว่า ‘ทางวิบาก’ กันเลยดีกว่า เป็นทางขึ้นเขา ดินแดงตลอดทาง แถมถนนนี่หาที่เรียบไม่ได้ ข้างทางก็เป็นเหวอีก ยังไม่พอ คิดว่าเพราะเป็นฤดูฝน ระหว่างทางก็จะมีต้นไผ่หักล้มลงมาตรงถนนเป็นระยะๆ นั่งไปนี่เขย่าอย่างกะเต้น edm กันตลอดทาง ไอเรากับพี่โอมไม่ค่อยเท่าไหร่ สงสารคนนั่งข้างหลังมาก เจอทั้งฝุ่นดินแดง เจอทั้งกิ่งไม้เกี่ยว คือพอลงจากรถเราไปตบๆหลังพี่ปุ่นนี่ ฝุ่นฟลุ้งอย่างกะไปชุบแป้งทอดมา 555
นั่งเขย่ากันอยู่ชั่วโมงกว่าๆ และแล้วเราก็ถึงแล้ว! จุดกางเต๊นท์ของเรา
จุดกางเต๊นท์เป็นลานหญ้ากว้าง มองออกไปเห็นวิวภูเขา อากาศดีมาก ไม่ร้อนเลย คงเพราะวันนี้ฝนตกปรอยๆ มาตลอดทาง ละคงไม่มีแดดจากนี้อีกแล้ว ที่สำคัญลานโล่งงง มีแค่แก๊งค์เราแก๊งค์เดียวด้วย ส่วนตัวมาก!
เราเริ่มขนของ และทยอยกางเต๊นท์กัน พอดีว่าทริปนี้เรามีเต๊นท์ทั้งหมด 6 หลัง เลยไม่ต้องเช่าเต๊นท์ของทางอุทยาน จะมีก็แต่เช่าแผ่นรองนอนบ้างบางเต๊นท์ แต่ถ้าใครไม่มี ที่อุทยานเค้าก็มีเต๊นท์ให้เช่านะ หลังละ 250 บาท
ที่นี่เก็บค่าบริการที่มากางเต๊นท์ที่ลานนี้
- ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท / เด็กคนละ 10 บาท
- ค่ารถยนต์คันละ 30 บาท
- ค่ากางเต๊นท์ (กรณีที่เอาเต๊นท์มาเอง) หลังละ 30 บาท
เรากางเต๊นท์กันเสร็จ ก็มาปู blue sheet ตรงกลาง และกางผืนผ้าใบเป็นหลังคากันฝน เพราะฝนเริ่มตกแล้ว ลมที่นี่แรงมาก ถึงขึ้นที่ผ้าใบที่เราเอามากางเป็นหลังคาขาด 555 โถ...ผ้าใบผืนละ 500 ที่อาร์มอุตส่าซื้อมาคงจะใช้ได้ทริปนี้ทริปเดียวแล้วล่ะ
น้องๆ ผู้หญิงเริ่มไปเตรียมทำอาหาร ส่วนเรากับพี่โอมนั่งหมักไก่ ทอดกัน
น้องๆผู้หญิงทริปนี้สุดยอดมาก น้องทำกับข้าวกันเก่งมาก ทริปนี้กับข้าวเราเลยเต็มไปหมด อิ่มท้องกันเลยทีเดียว
แล้วแกล่ะไผ่?
ฮี่ ฮี่ ฮี่ ไผ่ทำกับข้าวไม่เป็น 555
ทานข้าวกันเสร็จ เราก็เริ่มทยอยกันไปอาบน้ำ เพราะข้างบนนี้ลมแรง เลยทำให้หนาวมาก
ห้องน้ำที่อุทยานก็โอเคนะ น้ำจะมีตะกอนลอยอยู่ตรงผิวน้ำนิดหน่อย แต่ก็อาบๆ ไปเถอะ อาบไปซักพักตะกอนก็หาย (มาเกาะอยู่ที่ตัวเราแทน 555)
น้ำเย็นเฉียบ ตักราดที กรี๊ดที เฮ้ย มันหนาวจริงๆนะ
อาบเสร็จเรามานั่งตากลมให้ผมแห้ง แล้วก็เข้าไปนอนตั้งแต่ 2 ทุ่มครึ่ง เพราะพรุ่งนี้ทุกคนนัดกันว่าจะออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขาเทวดากันตอนตี 4
เรามีหมอนผ้าห่มมา 1 ใบ ละก็ไปเช่าหมอนอุทยานมาอีก 1 ใบ
นอนไปนอนมา มันหนาวแฮะ เลยต้องกางเอาหมอนมาเป็นผ้าห่มแบ่งกับพี่ปุ่น
ตอนกลางคืนตื่นมาเพราะฝนตกหนัก ละลมแรงมากกกก แบบเต๊นท์นี่สั่นพึ่บๆๆ เลย หันไป อ้าว พี่ปุ่นเอาหัวไปหนุนกระเป๋ากล่อง นอนขดอยู่ข้างต้น โดยมีไผ่ครอบครองหมอนและผ้าห่มแต่เพียงผู้เดียว 555
เลยต้องปลุก “พี่ปุ่นๆ มานอนหมอนๆ”
“ติ๊ดๆๆๆ” เสียงนาฬิกาปลุกตอนตี 4 ละตามมาด้วยเสียงอิอาร์ม “ตื่นๆๆๆ”
ฟ้ายังมืดอยู่เลย ละก็ได้ยินเสียงอาร์มคุยจุกจิกๆ อยู่นอกเต๊นท์
“ไปกันป่าวเนี่ย ไม่ไปกูจะเข้าไปนอนต่อละ ยังไม่ได้นอนเลย กูเจอเสียงกรนทั้งคืนเลย”
555 ไผ่ก็นอนฟังอยู่ว่าสรุปจะไปไม่ไปกัน ใจก็เริ่มขี้เกียจไป บวกกับฝนตกเมื่อคืนก็คิดอยู่ว่าขึ้นไปมันจะสวยเหรอว้า
พี่ปุ่น: “เราออกไปดูข้างนอกก่อนนะ เราไปแหละ ไผ่จะไปรึเปล่า”
ลูกไผ่: “เค้าไปกันหมดป่ะคะ พี่โอมไม่ไปป่าว งั้นไผ่ไม่ไปอ่ะ”
พี่ปุ่น: “โอเค”
ซักพักพอทุกคนเริ่มเดินกันไปที่รถ พี่ปุ่นกลับมาเรียกเรา
พี่ปุ่น: “ไผ่ ไปรึเปล่า เค้าไปกันหมดเลยนะ โอมก็ไป”
ลูกไผ่: “อ้าว พี่โอมก็ไปเหรอ ไปๆๆ ไผ่ไปด้วยๆ”
ตาลีตาเหลือกลุกขึ้นมา หน้าไม่ล้าง ฟันไม่ได้แปรง วิ่งไปขึ้นรถจ้า
เนื่องจากตอนแรก คุยกันเป็นดิบดีว่าเราจ้างเจ้าหน้าที่ไว้พาเราขึ้น ‘ยอดเขาเทวดา’ แต่ปรากฎว่า อิอาร์มไม่ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ไว้ ก็งมทางกันไปสิคะ รออะไร!
ทางมืดและวิบากมาก ต้องจอดลงไปดูทางกันเป็นระยะๆ
แต่สุดท้ายเราก็มาถึงทางขึ้น ‘ยอดเขาเทวดา’
น้องชี้ขึ้นไปที่ยอดภูเขาสูงลิบนั่น
ลูกไผ่: “หะ!? นี่เราต้องเดินขึ้นไปบนนั้นเหรอ”
“ใช่พี่”
เชี๊ยยยย.....ไม่รู้เลยว่าจะต้องมาเดินขึ้นเขาสูงขนาดนี้
คือเราไม่ได้ออกกำลังกายเลย เดินไปได้ซักพัก เริ่มหอบ หัวใจเต้นแรง หายใจเริ่มจะไม่ทัน จนต้องหยุดเดิน หันไปข้างล่าง
ต้นแบกพี่โอมเดินขึ้นมาจ้า!!!!
ถ้านึกไม่ออก นึกถึงซีรี่ย์เกาหลีเข้าไว้ แต่ซีรี่ย์เกาหลีเค้าแบกทางราบไง ทุ่งหญ้าสวยๆไง แต่อินี่แบกขึ้นเขา!
คือพี่โอมเป็นลิ้นหัวใจรั่วไง มันไปปะมาแล้วแหละ แต่ก็จะเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติอยู่ดี
ชาวคณะเริ่มแตก ใครเดินไหวก็เดินลิ่วๆ นำขึ้นไปก่อนได้เลย ใครไม่ไหวก็ค่อยๆเดินกันไป
เราเดินตั้งแต่ฟ้ามืดยันตอนนี้เริ่มมีแสง จากที่เกาะกลุ่มกัน จนเหลือเรากับพี่ปุ่น 2 คน
เราเริ่มงอแง เพราะเราไม่ใช่แค่เหนื่อยอย่างเดียว แต่เราไม่รู้ว่าต้องมาปีนเขาเลยเอามาแต่ขาสั้น ละเราเป็นคนที่ยุงรุมมากไม่รู้ทำไม ที่ขานี่โดนกัดมากกว่า 20 ตุ่มอ่ะ
ลูกไผ่: “ตอนนี้ลงก็ไม่อยากลง ขึ้นก็ไม่อยากขึ้น นั่งพักนานก็ไม่ได้ ยุงมันกัดไผ่อ่ะค่ะ ทรมานอ่ะ”
พี่ปุ่นก็มาคอยลูบหลังเรา “ค่อยๆขึ้น ไม่ไหวก็พัก”
ลูกไผ่: “พี่ปุ่น ไผ่จะอ้วก”
พี่ปุ่น: “จิบน้ำๆ มันช่วยได้”
ไผ่เคยเห็นรูป ‘เขาหลวง สุโขทัย’ ที่พี่ปุ่นไปขึ้นมาแล้วบอกว่า อยากไปมั่ง มันสวยมาก พี่ปุ่นก็บอกอยู่ตลอดว่า “มันโหดมากเลยนะ ไผ่ไม่น่าจะขึ้นไหว” จนมาวันนี้
ลูกไผ่: “พี่ปุ่น ไผ่ไม่ขึ้นแล้วก็ได้เขาหลวง ไผ่ดูรูปอย่างเดียวก็พอ”
พี่ปุ่น: “555 นี่ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของเขาหลวงเลยนะไผ่ ที่นี่มีคนทำขั้นบันไดไว้ให้น่ารักเชียว ที่นู้นนี่ไม่มีทางคนเดินนะ”
เดินไปเรื่อยๆ จะมีช่วงที่ชันมาก จนเค้าต้องทำเชือกไว้ให้เกาะ ตอนนี้ไผ่เริ่มอยู่ตัวละ ข้างบนเริ่มมีหมอก อากาศเย็น ละฝนเริ่มตกลงมา ที่สำคัญไม่มียุงแล้วเว้ยยยยย อีกอย่างเจอพี่ปุ่นบอกว่า
พี่ปุ่น: “ซักพักหมอกมันก็จะโดนพัดไปละ”

ละ! ขึ้นมาแทบตาย ขึ้นไปไม่เจอหมอกนี่ Sad เลยนะ แรงฮึดก็มา ก้าวฉับๆๆสิค้า
ระหว่างทางจะได้ยินเสียงชาวคณะที่อื่นที่มาปีนเหมือนกัน ส่งเสียงเป็นกำลังใจให้คนขึ้นด้วยกันว่า “จะถึงแล้วๆ”
ตอนแรกเราก็คิดว่าเราอ่อนมาก กำลังกายไม่ออกเลยต้องหยุดพักบ่อยๆ แต่พอเดินไปเรื่อยๆ เราเจอพี่ๆผู้ชายหลายคนเลยที่นั่งหอบแฮ่กอยู่ข้างทาง เริ่มใจชื้นมาหน่อยว่าเราก็ปกตินี่หว่า 555
ในที่สุด เราก็ขึ้นมาถึงยอดแล้วววว!!!!!
เดี๋ยวไปทานข้าว แล้วมาต่อ
[CR] ปีนเขาตามล่าทะเลหมอกหน้าฝนที่ 'เขาตะเพินคี่' สุพรรณบุรี
Ton: ไปบริจาคของเด็กที่สุพรรณกันมั้ยพี่
ต้น รุ่นน้องเรา line ส่งรูปกำหนดการณ์ มาชวน
ตอนแรกก็นึกว่าจะไม่ได้ไปแล้ว เพราะเหมือนพี่ปุ่นจะติด Set up งานคืนก่อนจะออกเดินทาง
แต่สุดท้าย เราก็ตัดสินใจไปกัน โดยที่......
ไม่รู้ว่าจะต้องมาปีนเขาป่ะวะ!!!!!!!
ตามกำหนดการเรานัดเจอกัน ตี 5 ครึ่ง ของเช้าวันเสาร์ ที่ปั๊ม ปตท.สำนักงานใหญ่ เพราะเราต้องต้องไปถึงที่สุพรรณภายใน 10 โมงเช้า เราปลุกนาฬิกาตื่นมาตี 4 ครึ่ง รีบมาก เพราะรอบนี้เราไม่ได้ไปกันเองไง ไปกันตั้ง 14 คน กลัวคนอื่นรอ
อ่า...ใช่ 14 คน ทริปนี้ตัวละครอาจจะเยอะหน่อยนะ 555 ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่พวกเกรียนๆ เอาแค่ชื่อกลุ่มก็เกรียนพอละ
‘Sa gid ting’ ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก อิกลุ่มนี้ชื่อว่าแก๊งค์ ‘สะกิดติ่ง’ (- -“)
พอมาถึง ปตท. ชิท! ร้าง....มีป้ายตรงประตูเขียนเวลาเปิดไว้ว่า 6:00 น. เวร! ถ้าไม่มาเลทกัน เราก็มาผิดที่ล่ะวะ
เราเลยกดโทรศัพท์หาต้น
ลูกไผ่: “ต้น ปั๊มข้าง ปตท.สำนักงานใหญ่ป่ะ ประตูมันยังไม่เปิดเลยอ่ะ ยังไม่มีใครมาเลย”
ต้น: “อ้าว เหรอ...รอนั่นก่อนแปปนึง เดี๋ยวผมไปรับ นี่อยู่คอนโดพี่โอมเนี่ย
สรุปแกนัดกันโดยที่ไม่รู้ว่าปั๊มมันเปิดรึเปล่าช่ายม๊ายยย T^T
เพียงชั่วเคี้ยวหมากแหละ ต้นก็ขับรถมารับ แล้วบอกว่าเปลี่ยนที่นัดกันเป็นปั๊มตรงวิภาวดีแทน
เราเลยฝากท้องที่ Big C Mini (เออ เราก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละว่า Big C มี Big C Mini ด้วย) กับกาแฟอินทนินในปั๊มระหว่างรอชาวคณะ
ไม่นานทุกคนก็มากันครบ ทริปนี้เราเอารถไป 3 คัน บรรทุกของและ 14 ชีวิต
จัดของขึ้นรถกันเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางกัน!
เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึง ‘โรงเรียนบ้านวังน้ำเขียว’ จุดมุ่งหมายแรกที่เราจะมาบริจาคของให้เด็กกัน
ต้องบอกว่า เราเป็นคนที่ไม่เคยไปออกค่ายอาสาที่ไหน ใดๆ มาก่อนเลยเว้ยในชีวิตนี้ นี่เป็นการมาทำอะไรแบบนี้ครั้งแรกของเรา
สำหรับคนที่ไม่เคยมาเหมือนเรา มาดูกันว่าเค้าทำอะไรยังไงกันมั่ง
(จริงๆ ก่อนหน้าที่จะออกเดินทางนี้น้องๆก็มีเตรียมของกันวุ่นวายอยู่เหมือนกัน)
เริ่มแรกคุณครูเกริ่นให้เด็กๆทักทายสวัสดีเรา น้องๆต้อนรับเราด้วยการแสดงของแต่ละสายชั้น
โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประถม มีตั้งแต่ ป.1 – ป.6
การแสดงของน้องๆก็มีหลากหลายกันไป แต่เด็ดสุดคือ น้องมีเต้น cover เกาหลีด้วย! แหมะ อย่างกะ ดง บัง ชิน กิ มาเอง
(ชื่อวงอาจจะเก่าไปหน่อยนะ ป้าแก่แล้ว 555)
ระหว่างน้องๆแสดงใกล้จะจบแล้ว อาร์ม (ที่หน้าเหมือนลิง) , นุ, เท็น ก็มานั่งปรึกษากันเรื่องเกมส์
พอน้องๆแสดงจบ เราก็เริ่มชวนน้องเล่นเกมส์ด้วยกัน น้องๆที่นี่ friendly มาก ตอนเราเข้าไปนั่งเล่นเกมส์กับน้อง น้องก็มาเกาะแขนส่งยิ้มหวานให้ แล้วถามว่า
“พี่ชื่ออะไรคะ”
“พี่ไผ่จ้า แล้วหนูชื่ออะไรเอ่ย”
“ชื่อแหม่มค่ะ อันนี้ส้ม อันนี้โบว์ อยู่ป.3”
เฮ้ยยย น้อง friendly มาก
พอเล่นเกมส์กันเสร็จ เราก็แจกรองเท้าและขนม ของเล่นให้น้องๆ ก่อนจะปล่อยน้องๆออกไปทานข้าว
ข้าวกลางวันวันนี้เป็นก๋วยจั๊บ อร่อยเชียว
ทานข้าวกันเรียบร้อยเราก็มาลาน้องๆกัน และเตรียมตัวออกเดินทางกันต่อ
ระหว่างเรารอเก็บของ น้องที่นั่งข้างๆเราตอนเล่นเกมส์วิ่งมากอดเรา แล้วบอกว่า “ขอให้พี่เดินทางปลอดภัยนะคะ”
น้องน่ารักมาก เราว่าน้องดีใจที่พวกเรามากัน มันรู้สึกดีนะ เรารู้สึกขอบคุณ ‘Sa gid ting’ มากที่ชวนเรามา
ถ้าใครมีโอกาสลองแวะไปเยี่ยม ไปเล่นกับน้องๆกันนะ
อ่ะ ปะ เดินทางกันต่อ เป้าหมายต่อไปของเราคือ ‘อุทยานพุเตย ตะเพินคี่’ เราต้องเอารถ Amera ของต้นไปจอดไว้ที่อุทยานก่อน แล้วถ่ายของและคนจากรถคันนี้ไปที่รถกระบะของนุ เพราะทางที่เราจะไปต่อ ต้องเป็นรถกระบะ หรือ 4WD เท่านั้น
รถต้นไม่น่าจะรอด
พวกผู้ชายจากรถเราไปนั่งอยู่ด้านหลังรถกระบะ ส่วนเรากับ ‘พี่โอม’ ไปนั่งอยู่ข้างคนขับด้วยกัน
ทางที่จะไปจุดกางเต๊นท์ของเรา อย่าเรียกว่าดินแดงเลย เรียกว่า ‘ทางวิบาก’ กันเลยดีกว่า เป็นทางขึ้นเขา ดินแดงตลอดทาง แถมถนนนี่หาที่เรียบไม่ได้ ข้างทางก็เป็นเหวอีก ยังไม่พอ คิดว่าเพราะเป็นฤดูฝน ระหว่างทางก็จะมีต้นไผ่หักล้มลงมาตรงถนนเป็นระยะๆ นั่งไปนี่เขย่าอย่างกะเต้น edm กันตลอดทาง ไอเรากับพี่โอมไม่ค่อยเท่าไหร่ สงสารคนนั่งข้างหลังมาก เจอทั้งฝุ่นดินแดง เจอทั้งกิ่งไม้เกี่ยว คือพอลงจากรถเราไปตบๆหลังพี่ปุ่นนี่ ฝุ่นฟลุ้งอย่างกะไปชุบแป้งทอดมา 555
นั่งเขย่ากันอยู่ชั่วโมงกว่าๆ และแล้วเราก็ถึงแล้ว! จุดกางเต๊นท์ของเรา
จุดกางเต๊นท์เป็นลานหญ้ากว้าง มองออกไปเห็นวิวภูเขา อากาศดีมาก ไม่ร้อนเลย คงเพราะวันนี้ฝนตกปรอยๆ มาตลอดทาง ละคงไม่มีแดดจากนี้อีกแล้ว ที่สำคัญลานโล่งงง มีแค่แก๊งค์เราแก๊งค์เดียวด้วย ส่วนตัวมาก!
เราเริ่มขนของ และทยอยกางเต๊นท์กัน พอดีว่าทริปนี้เรามีเต๊นท์ทั้งหมด 6 หลัง เลยไม่ต้องเช่าเต๊นท์ของทางอุทยาน จะมีก็แต่เช่าแผ่นรองนอนบ้างบางเต๊นท์ แต่ถ้าใครไม่มี ที่อุทยานเค้าก็มีเต๊นท์ให้เช่านะ หลังละ 250 บาท
ที่นี่เก็บค่าบริการที่มากางเต๊นท์ที่ลานนี้
- ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท / เด็กคนละ 10 บาท
- ค่ารถยนต์คันละ 30 บาท
- ค่ากางเต๊นท์ (กรณีที่เอาเต๊นท์มาเอง) หลังละ 30 บาท
เรากางเต๊นท์กันเสร็จ ก็มาปู blue sheet ตรงกลาง และกางผืนผ้าใบเป็นหลังคากันฝน เพราะฝนเริ่มตกแล้ว ลมที่นี่แรงมาก ถึงขึ้นที่ผ้าใบที่เราเอามากางเป็นหลังคาขาด 555 โถ...ผ้าใบผืนละ 500 ที่อาร์มอุตส่าซื้อมาคงจะใช้ได้ทริปนี้ทริปเดียวแล้วล่ะ
น้องๆ ผู้หญิงเริ่มไปเตรียมทำอาหาร ส่วนเรากับพี่โอมนั่งหมักไก่ ทอดกัน
น้องๆผู้หญิงทริปนี้สุดยอดมาก น้องทำกับข้าวกันเก่งมาก ทริปนี้กับข้าวเราเลยเต็มไปหมด อิ่มท้องกันเลยทีเดียว
แล้วแกล่ะไผ่?
ฮี่ ฮี่ ฮี่ ไผ่ทำกับข้าวไม่เป็น 555
ทานข้าวกันเสร็จ เราก็เริ่มทยอยกันไปอาบน้ำ เพราะข้างบนนี้ลมแรง เลยทำให้หนาวมาก
ห้องน้ำที่อุทยานก็โอเคนะ น้ำจะมีตะกอนลอยอยู่ตรงผิวน้ำนิดหน่อย แต่ก็อาบๆ ไปเถอะ อาบไปซักพักตะกอนก็หาย (มาเกาะอยู่ที่ตัวเราแทน 555)
น้ำเย็นเฉียบ ตักราดที กรี๊ดที เฮ้ย มันหนาวจริงๆนะ
อาบเสร็จเรามานั่งตากลมให้ผมแห้ง แล้วก็เข้าไปนอนตั้งแต่ 2 ทุ่มครึ่ง เพราะพรุ่งนี้ทุกคนนัดกันว่าจะออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขาเทวดากันตอนตี 4
เรามีหมอนผ้าห่มมา 1 ใบ ละก็ไปเช่าหมอนอุทยานมาอีก 1 ใบ
นอนไปนอนมา มันหนาวแฮะ เลยต้องกางเอาหมอนมาเป็นผ้าห่มแบ่งกับพี่ปุ่น
ตอนกลางคืนตื่นมาเพราะฝนตกหนัก ละลมแรงมากกกก แบบเต๊นท์นี่สั่นพึ่บๆๆ เลย หันไป อ้าว พี่ปุ่นเอาหัวไปหนุนกระเป๋ากล่อง นอนขดอยู่ข้างต้น โดยมีไผ่ครอบครองหมอนและผ้าห่มแต่เพียงผู้เดียว 555
เลยต้องปลุก “พี่ปุ่นๆ มานอนหมอนๆ”
“ติ๊ดๆๆๆ” เสียงนาฬิกาปลุกตอนตี 4 ละตามมาด้วยเสียงอิอาร์ม “ตื่นๆๆๆ”
ฟ้ายังมืดอยู่เลย ละก็ได้ยินเสียงอาร์มคุยจุกจิกๆ อยู่นอกเต๊นท์
“ไปกันป่าวเนี่ย ไม่ไปกูจะเข้าไปนอนต่อละ ยังไม่ได้นอนเลย กูเจอเสียงกรนทั้งคืนเลย”
555 ไผ่ก็นอนฟังอยู่ว่าสรุปจะไปไม่ไปกัน ใจก็เริ่มขี้เกียจไป บวกกับฝนตกเมื่อคืนก็คิดอยู่ว่าขึ้นไปมันจะสวยเหรอว้า
พี่ปุ่น: “เราออกไปดูข้างนอกก่อนนะ เราไปแหละ ไผ่จะไปรึเปล่า”
ลูกไผ่: “เค้าไปกันหมดป่ะคะ พี่โอมไม่ไปป่าว งั้นไผ่ไม่ไปอ่ะ”
พี่ปุ่น: “โอเค”
ซักพักพอทุกคนเริ่มเดินกันไปที่รถ พี่ปุ่นกลับมาเรียกเรา
พี่ปุ่น: “ไผ่ ไปรึเปล่า เค้าไปกันหมดเลยนะ โอมก็ไป”
ลูกไผ่: “อ้าว พี่โอมก็ไปเหรอ ไปๆๆ ไผ่ไปด้วยๆ”
ตาลีตาเหลือกลุกขึ้นมา หน้าไม่ล้าง ฟันไม่ได้แปรง วิ่งไปขึ้นรถจ้า
เนื่องจากตอนแรก คุยกันเป็นดิบดีว่าเราจ้างเจ้าหน้าที่ไว้พาเราขึ้น ‘ยอดเขาเทวดา’ แต่ปรากฎว่า อิอาร์มไม่ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ไว้ ก็งมทางกันไปสิคะ รออะไร!
ทางมืดและวิบากมาก ต้องจอดลงไปดูทางกันเป็นระยะๆ
แต่สุดท้ายเราก็มาถึงทางขึ้น ‘ยอดเขาเทวดา’
น้องชี้ขึ้นไปที่ยอดภูเขาสูงลิบนั่น
ลูกไผ่: “หะ!? นี่เราต้องเดินขึ้นไปบนนั้นเหรอ”
“ใช่พี่”
เชี๊ยยยย.....ไม่รู้เลยว่าจะต้องมาเดินขึ้นเขาสูงขนาดนี้
คือเราไม่ได้ออกกำลังกายเลย เดินไปได้ซักพัก เริ่มหอบ หัวใจเต้นแรง หายใจเริ่มจะไม่ทัน จนต้องหยุดเดิน หันไปข้างล่าง
ต้นแบกพี่โอมเดินขึ้นมาจ้า!!!!
ถ้านึกไม่ออก นึกถึงซีรี่ย์เกาหลีเข้าไว้ แต่ซีรี่ย์เกาหลีเค้าแบกทางราบไง ทุ่งหญ้าสวยๆไง แต่อินี่แบกขึ้นเขา!
คือพี่โอมเป็นลิ้นหัวใจรั่วไง มันไปปะมาแล้วแหละ แต่ก็จะเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติอยู่ดี
ชาวคณะเริ่มแตก ใครเดินไหวก็เดินลิ่วๆ นำขึ้นไปก่อนได้เลย ใครไม่ไหวก็ค่อยๆเดินกันไป
เราเดินตั้งแต่ฟ้ามืดยันตอนนี้เริ่มมีแสง จากที่เกาะกลุ่มกัน จนเหลือเรากับพี่ปุ่น 2 คน
เราเริ่มงอแง เพราะเราไม่ใช่แค่เหนื่อยอย่างเดียว แต่เราไม่รู้ว่าต้องมาปีนเขาเลยเอามาแต่ขาสั้น ละเราเป็นคนที่ยุงรุมมากไม่รู้ทำไม ที่ขานี่โดนกัดมากกว่า 20 ตุ่มอ่ะ
ลูกไผ่: “ตอนนี้ลงก็ไม่อยากลง ขึ้นก็ไม่อยากขึ้น นั่งพักนานก็ไม่ได้ ยุงมันกัดไผ่อ่ะค่ะ ทรมานอ่ะ”
พี่ปุ่นก็มาคอยลูบหลังเรา “ค่อยๆขึ้น ไม่ไหวก็พัก”
ลูกไผ่: “พี่ปุ่น ไผ่จะอ้วก”
พี่ปุ่น: “จิบน้ำๆ มันช่วยได้”
ไผ่เคยเห็นรูป ‘เขาหลวง สุโขทัย’ ที่พี่ปุ่นไปขึ้นมาแล้วบอกว่า อยากไปมั่ง มันสวยมาก พี่ปุ่นก็บอกอยู่ตลอดว่า “มันโหดมากเลยนะ ไผ่ไม่น่าจะขึ้นไหว” จนมาวันนี้
ลูกไผ่: “พี่ปุ่น ไผ่ไม่ขึ้นแล้วก็ได้เขาหลวง ไผ่ดูรูปอย่างเดียวก็พอ”
พี่ปุ่น: “555 นี่ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของเขาหลวงเลยนะไผ่ ที่นี่มีคนทำขั้นบันไดไว้ให้น่ารักเชียว ที่นู้นนี่ไม่มีทางคนเดินนะ”
เดินไปเรื่อยๆ จะมีช่วงที่ชันมาก จนเค้าต้องทำเชือกไว้ให้เกาะ ตอนนี้ไผ่เริ่มอยู่ตัวละ ข้างบนเริ่มมีหมอก อากาศเย็น ละฝนเริ่มตกลงมา ที่สำคัญไม่มียุงแล้วเว้ยยยยย อีกอย่างเจอพี่ปุ่นบอกว่า
พี่ปุ่น: “ซักพักหมอกมันก็จะโดนพัดไปละ”
ระหว่างทางจะได้ยินเสียงชาวคณะที่อื่นที่มาปีนเหมือนกัน ส่งเสียงเป็นกำลังใจให้คนขึ้นด้วยกันว่า “จะถึงแล้วๆ”
ตอนแรกเราก็คิดว่าเราอ่อนมาก กำลังกายไม่ออกเลยต้องหยุดพักบ่อยๆ แต่พอเดินไปเรื่อยๆ เราเจอพี่ๆผู้ชายหลายคนเลยที่นั่งหอบแฮ่กอยู่ข้างทาง เริ่มใจชื้นมาหน่อยว่าเราก็ปกตินี่หว่า 555
ในที่สุด เราก็ขึ้นมาถึงยอดแล้วววว!!!!!
เดี๋ยวไปทานข้าว แล้วมาต่อ