สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา หลังจากสิงอยู่ในพันทิปมานาน วันนี้ขอแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับความรักที่จบลงแบบ งงๆ ยังไม่สามารถทำความเข้าใจจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
คำเตือน กระทู้ค่อยข้างยาวนะคะ ใครมีโควต้าแค่แปดบรรทัดต่อปี ผ่านไปได้เลย
เราอายุ 35 ปีค่ะ เป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่เล็กๆที่ต่างจังหวัด เคยมีแฟนครั้งแรกเป็นชาวต่างชาติ ตอนอายุ 19 คบหากันมา 6 ปี เราเป็นฝ่ายขอแยกทางเพราะเขาขอมีผู้หญิงคนอื่น ขอมีความสัมพันธ์ในระบบ 2 รุม 1 ค่ะ ถามว่า จบสวยไหม มันก็ไม่สวยหรอกค่ะ เขาก็เจ็บ เราก็เจ็บ แต่มันไม่ไหวจริงๆ เรามองเห็นภาพที่มีผู้หญิงคนอื่นมาใช้แฟนร่วมกันกับเราไม่ออกจริงๆ แค่เขามาขอมีความสัมพันธ์แบบนี้ โลกเราก็ถล่มแล้ว ต้องทนอยู่กันไปคงได้เป็นฆาตกร หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายเข้าสักวันค่ะ สรุป ก็เลิกกัน ฝ่ายชายยังมีเมล์มา ส่งการ์ดวันเกิด หรือ การ์ดอวยพร ของขวัญตามเทศกาลต่างๆมาตลอดเวลา ช่วงเลิกกันใหม่ๆ ทรมานมากค่ะ ชีวิตเคยมีเขาเป็นทุกอย่าง เป็นที่รัก เป็นพี่ชาย เป็นเพื่อน เป็นกำลังใจ วันนึงเขาหายไป หัวใจสลาย นอนร้องไห้เป็นสามสี่ปี สาหัสมาก รักมากแค่ไหน เจ็บมากกว่านั้นร้อยพันเท่า ทั้งที่เราเป็นคนบอกเลิกเองนี่แหล่ะ จบจากรักครั้งนั้น เราก็โสดยาวๆมา ใครเข้ามาจีบ มาคุย เราก็ปิดตัวเองมาตลอด จนมาเดือน มิถุนายน 58 เราเริ่มออกกำลังกายโดยการวิ่ง แล้วก็มีลงงานวิ่งต่างๆ ชีวิตสนุกมาก ดีมาก ผอมลง มีความสุข จน เดือน พฤศจิกา 58 เราไปงานวิ่ง บางแสน 21ลงระยะ half marathon เป็นครั้งแรก นี่คือจุดเริ่มต้นของ ความรักครั้งใหม่ของเรา หลังจากจบงานวิ่ง เราจะมาเขียนรีวิว ลงเพจของงานนั้นๆ งานบางแสนก็เช่นกัน หลังจากเราลงรีวิวไป ก็มีเพื่อนนักวิ่ง ส่งคำขอเป็นเพื่อนในเฟสบุ้คมาหลายคน รวมถึงเขาด้วย ด้วยนิสัยเราที่เป็นคนอัธยาศัยดี มองโลกในแง่ดีตลอด หน้าไทม์ไลน์เราจะมีแต่ข้อความ, รูปภาพ ที่สดใส มีความสุข คิดบวก ตลอด วันนึง เราอัดเสียงเราร้องเพลง "อยู่ๆก็มาปรากฏตัวในหัวใจ" ของลุลา แล้วอัพขึ้นไทม์ไลน์เขาก็มาคอมเม้นท์ว่า ผู้หญิงอะไร ดูมีความสุขจัง เราตอบกลับคอมเม้นท์เขาไปว่า ผู้หญิง 30+ ค่ะ แล้วเขาก็ตอบกลับคอมเม้นท์เรามาว่า ชอบจัง ^^ เราก็ตอบกลับคอมเม้นท์เขาไปเป็นอิโมติคอน ยิ้มกว้าง ค่ะ จากนั้นอีก สองวันเขาก็ทักหลังไมค์มา อยากกินเค้กจังครับ เราก็ตอบข้อความเขา คุยกันพักนึง เราก็ขอตัวทำงานต่อ หลังจากวันนั้น เขาก็ทักมาทุกวัน คุยกันทุกวัน เราก็เริ่มผิดสังเกตุละ ว่า ทำไมอีตานี่ทักมาบ่อย จากที่ไม่เคยสนใจไทม์ไลน์เขาก็ไปไล่ดูไทม์ไลน์เขาค่ะ ไปเห็นรูปเขากับผู้หญิงคนนึง คิดในใจ เอ้าา มีแฟนแล้วนี่หว่า แล้วเห็นอายุเขา เห้ยย 25 เป็นน้องเราสิบปีเลย เป็นครูสอนดนตรีโรงเรียนมีชื่อแห่งนึงแถวสายไหม มีแฟนแล้ว แถมรุ่นน้องเป็นสิบปี ดูจากข้อความที่ทักมา ไม่ใช่ลักษณะการมาคุยแบบเพื่อนละ ไม่โอเคละแบบนี้ จากนั้นเวลาเขาทักมา เราก็ไม่ตอบบ้าง ไม่อ่านบ้าง ลบทิ้งทั้งที่ยังไม่อ่านนั่นละ จนวันนึง เขาก็คอมเม้นท์ในรูปที่เราอัพขึ้นเฟสบุ๊คว่า ผู้หญิงอะไรทำไมใจร้าย คุยด้วยก็ไม่คุยด้วย เราตอบกลับคอมเม้นท์นั้นไปว่า เราไม่นิยมก่อความสัมพันธ์กับผู้ชายที่มีแฟนแล้วค่ะ เขาส่งข้อความมาทันทีค่ะ บอกผมโสดครับ เพิ่งเลิกกับแฟนมา เดือนนึง ถ้าสงสัยอะไรถามได้ อย่าคิดไปเอง คนทางนี้ใจแป้วครับ จากข้อความวันนั้น ก็ทำให้เรากับเขากลับมาคุยกันอีกรอบ รอบนี้คุยกันเยอะขึ้น แชร์เรื่องวิ่ง เรื่องกิน เรื่องชีวิตในหลายแง่มุม แล้วก็สลับมาคุยกันในไลน์ จนมาถึงโทรคุยกัน เรายังจำได้ เขาขอเบอร์โทรศัพท์เราแต่เราไม่ให้ เขาเลยบอก พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปยืนเวร กลัวตื่นไม่ทันจังครับ ช่วยโทรปลุกหน่อยได้ไหมครับ เบอร์เขา 097-037xxxx สรุปเช้านั้น เราตื่นมาซ้อมวิ่งละนึกได้ เห้ย มีคนฝากโทรปลุก เราก็โทรไปปลุกเขา ซึ่งเขามาบอกทีหลังว่า ขอเบอร์ยากเย็น ต้องใช้มุกนี้ละ โค้ะะะ นี่คือมุกขอเบอร์สาว ?? น่อวว สรุป เขามีเบอร์เรา เรามีเบอร์เขา จากนั้น เวลาที่เขาไลน์มา หรือส่งข้อความแมสมา แล้วเราไม่ได้ตอบ เขาจะโทรทันทีค่ะ โทรจนกว่าเราจะรับสาย เราก็แบบ เห้ย นี่เอาไง ก็เลยถามเขาไปว่า นี่เธอจีบเราอยู่รึเปล่า เขาตอบมาว่า ครับ จีบมาจะเดือนแล้วครับ ไม่รู้ตัวบ้างหรือครับ จำได้ว่าวันนั้น เราบอกเขาไปว่า เราแก่แล้ว เราไม่มีเวลามาเสียเวลากับความสัมพันธ์แบบเล่นๆ จีบทิ้งจีบขว้าง อีกอย่าง เรากับเขาต่างกันทุกอย่าง อายุ, สถานะทางสังคม, ไลฟ์สไตล์, เขาบอกเรามาว่า เขาก็ไม่เคยจีบใครเล่นๆ และในความต่างเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแย่หรือเสียหายอะไร จากวันนั้น การคุยกันของเรากับเขาก็ลึกซึ้งขึ้น คุยกันเยอะมากๆในแต่ละวัน มันเป็นช่วงเขาปิดเทอมพอดี ทำให้เขาว่างคุย แล้วจะทักมาคุยตลอด ถึงตอนนี้ยังตกใจตัวเอง มีอะไรคุยกันนักหนา ต้นเดือน กพ 59 เรามีงานวิ่งที่สิงคโปร์กัน เราไปวิ่ง น้องเลยติดไปด้วย วิ่งเสร็จอยู่เที่ยวกันต่อ ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่เราอยู่สิงคโปร์เรากับเขาก็ยังคุยไลน์กันตลอด 7 กพ เรากลับจากสิงคโปร์ไฟล์เย็นมาก ไม่ทันเที่ยวบินที่จะบินกลับบ้าน เลยต้องค้างกรุงเทพหนึ่งคืน เขาก็เลยขอนัดเจอ เราก็โอเค ไปทานข้าวกัน เขาขับรถมารับเราที่โรงแรม น้องเราไม่ไปเพราะง่วงมาก เลยกลายเป็นว่า เราต้องไปทานข้าวกับเขาสองคน เขามาถึงโรงแรมแล้วโทรขึ้นมาบอกเราบนห้องว่า มาถึงแล้ว เราลงลิฟต์ไป เจอเขายืนรออยู่หน้าลิฟต์พอดี เขายืนรอหน้าลิฟต์เลยค่ะ ถามเขาว่า ทำไมต้องนืนรอหน้าลิฟต์ เขาบอกว่า อยากเจอ บอกไม่ถูก รู้แค่ว่า อยากเจอ แล้วเราก็ออกไปทานข้าวกันค่ะ ร้านตู้กับข้าว ดอนเมือง ระหว่างทางที่นั่งรถไปกับเขา เราคิดในใจว่า ไหวไหมเนี่ย นัดทานข้าวกับสาว พี่แกใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะเน่าๆ มาเลย ณ ตอนนั้น ไม่มีอะไรประทับใจเลยค่ะ ภาพลักษณ์เขาแย่มาก ถ้าเปรียบเทียบกับผู้ชายทุกคนที่เคยมาตามจีบเรา แต่เราก็ยิ้มแย้มคุยกับเขาปกติ บอกตัวเองว่า เราไม่ใช่คนจะตัดสินใครจากการแต่งตัวนี่นะ เขาแต่งตัวแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นคนไม่ดีนี่นา บอกแล้วเราเป็นคนโลกสวย 55+ กับข้าวอร่อย บรรยากาศดี มื้อนั้น เราขอจ่ายค่ะ บอกเขาว่า มื้อหน้าเธอต้องเลี้ยงเรากลับนะ ** ขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนว่า เราเป็นผู้หญิงที่ไม่มาคิดจุกจิกเรื่อง หาร หรือผู้ชายต้องเลี้ยงตลอดไรงี้นะคะ เราเป็นคนใจกว้าง มากกกก ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย ไม่ว่ากับเพื่อน แฟน หรืออะไรก็ตามแต่ ** หลังจากเช็คบิล ก็กลับโรงแรมค่ะ เขาขับรถมาส่งเรา ลานจอดรถหน้าโรงแรมเต็ม ก็เลยต้องจอดหลังโรงแรมค่ะ เขาถามว่า นั่งคุยกันต่อแปบนึงได้ไหม เราชวนเข้าไปคุยในล้อบบี้ เขาบอก คุยตรงนี้ก็ได้ครับ เราก็โอเค บอกแล้วเราไม่ใช่ผู้หญิงเรื่องเยอะ นั่งคุยกันมันในรถนั่นละคะ แล้วเขาก็ขอจูบเรา จากจูบก็ล่วงเลยไปเป็นอย่างอื่น ถึงตรงนี้ อย่าเอาเยี่ยงอย่างเรานะคะ อย่าเด็ดขาดเลย เราผิด ผิดที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล สติหลุด ทั้งที่เป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีมาตลอด กลับมาโดนเด็กตีแตกจนได้ เรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาในรถ ไม่มีการป้องกัน มันคือหายนะเลย เรากลับขึ้นโรงแรมแบบเบลอๆ คือวัยวัยวุติ เรารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราเองก็ไม่โทษเขาฝ่ายเดียว แต่มันผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว คืนนั้นเขาไลน์มาบอกว่า ถึงบ้านแล้ว เราเลือกที่จะไม่อ่านไม่ตอไลน์เขาค่ะ เพราะไม่มั่นใจละว่าจะคบกันต่อไปได้ยังไง บอกตัวเองว่า พลาดครั้งเดียวพอแล้ว จากนี้จะจบการติดต่อกับผู้ชายคนนี้ทุกช่องทาง คืนนั้นเราลบเขาออกจากเฟสเรา ลบไลน์เขา ลบเบอร์เขา เช้ามาก็นั่งเครื่องกลับบ้าน ใช้ชีวิตปกติของเขา เย็นมีสายเข้าแล้วเราจำไม่ได้ว่าเป็นเบอร์เขา เราก็เลยรับสาย เขาโทรมาตัดพ้อต่อว่าเราใหญ่โตว่าเราไม่คุยกับเขาลบเฟสเขา บลาๆ จบลงที่ เขาขอคบเราเป็นแฟน เขาขอแอดเฟสมาใหม่ แล้วเราก็บ้ากลับไปคุยกับเขาใหม่ การพบกันถี่ขึ้น ทุกครั้งที่เราขึ้นไปงานวิ่งที่กรุงเทพ เขาจะมาค้างกับเราตลอด จากที่เขาเลิกวิ่งไปปั่นจักรยาน ก็เลิกปั่นจักรยานแล้วกลับมาวิ่งกลับเรา ลงงานวิ่งคู่กันตลอด เจอกันเดือนนึง 3-4 ครั้ง จนที่บ้านเราบ่นว่า เราขึ้นไปกรุงเทพบ่อยมาก ตอนนั้นที่บ้านไม่รู้ค่ะว่า เราคบกับเขา จนเขาบอกเราว่า เราควรบอกที่บ้านว่าเราเป็นแฟนเขา เราบอกว่าเรายังไม่แน่ใจ คบกันไปก่อน เรามั่นใจเราจะบอกแม่บอกน้องเราเอง เขาก็งอแงว่า เราไม่รักเขา ไม่จริงจัง ไม่ชัดเจน จนเราตัดสินใจบอกแม่บอกน้องเรา แม่เราตกใจมาก เพราะเราไม่มีใครเลยมาแปดปี แล้วมามีแฟนรุ่นน้องถึงสิบปี แม่เราน้องเราเตือนตลอดว่า ระวังโดนหลอก เราก็ออกรับแทนเขาตลอด ว่าเขาเป็นคนดี เรารักคนนี้ และเขารักเรา น้องสาวเราไปส่องเฟสบุ้คเขาแล้วมาบอกเราว่าไม่สบายใจเรื่องแฟนเก่าเขา มันเหมือนว่า เขายังคบกับแฟนเก่าเขาอยู่ เราก็บ่นน้องว่าน้องคิดมาก เราเล่าให้เขาฟังเขาก็ว่าน้องเรามองเขาในแง่ร้าย แล้วมีวันนึงตีแฟนเก่าเขาส่งข้อความแมสมาหาเราตอนตีสอง ถามเราว่าเราคบกันกับเขาใช่ไหม เราจะตอบแต่แฟนเก่าเขาบล้อกเราค่ะ มาถามทิ้งไว้แล้วบล้อก วันนั้นตอนบ่ายๆ เขาโทรไลน์มาหาเรา เราก็เล่าให้เขาฟังว่า แฟนเก่าเขาส่งข้อความหาเรา แต่เราตอบกลับไม่ได้เพราะเธอบล้อกเรา ฝากบอกเธอหน่อยว่าเราอยากคุย ปลดบล้อกเราเถอะ แล้วสายไลน์ก็หลุด สักพักเขาทักมาบอกว่า แฟนเก่าเขาโทรมา และเขาก็บอกแฟนเก่าเขาไปแล้วว่า เขาคบกับเรา สักพักแฟนเก่าเขาส่งข้อความหาเราอีก บอกว่าเธอรักผู้ชายคนนี้มา ของากให้เราช่วยรักช่วยดูแลเขาให้ดีๆ เพราะตอนที่เขาอยู่กับเธอ เธอก็ทิ้งเขาไปหาผู้ชายคนอื่นมาสองสามรอบ จนต้องเลิกกัน เรารับปากเธอมาว่าจะรักจะดูแลเขาอย่างดีที่สุดที่เราจะทำได้ ทุกอย่างเคลียร์ในใจเราไม่เคยระแวงอะไรเลย เรายังบอกเขาว่า ถ้าว่างก็โทรหาเธอบ้าง ทักไปถามทุกข์สุขบ้าง สงสารเธอ เขาบอกเราว่า ชีวิตเขาตอนนี้มีแค่เรา เขาไม่อยากคุยกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น โลกเราสว่างไสวมากค่ะ แฟนเด็กขี้อ้อน ปากหวาน เอาใจเก่ง เราหลงเขามาก รักเขามาก เขายืมนาฬิกาที่ใช้วิ่ง ก็ให้เขา เขาอยากไปทานข้าวที่ใบหยก เราก็พาไป จองไพรเวทโซน พาเขาเที่ยว กินดีอยู่ดี นอนห้าดาวตลอด เราใช้ตังเปลืองมาก ช่วงเวลาที่คบกับเขา แค่ได้เห็นเขายิ้ม แค่ได้เห็นเขามีความสุข เรายอม ให้จ่ายเท่าไหร่เราไม่แคร์เลย จนมาถึงปลายเมษา เขาชวนเราไปเที่ยวเกาะช้างกัน เราจองโรงแรม จ่ายอะไรไปหมดเรียบร้อย เป็น 4 คืน 5 วันที่มีความสุขมาก เขาอยากทานอาหารทะเล แต่ไม่ทานเพราะเราแพ้กุ้ง ไปดำน้ำด้วยกันครั้งแรก เขาสอนเราว่ายน้ำ เชียร์วอลเลย์บอลชายหาดทีมของโรงแรมด้วยกัน เราแมนยูเตะกับเลสเตอร์ เขานั่ง กินเบียร์ live เฟสบุ้ค เรายังยิ้มให้กล้องเขา เพื่อนเขาคอมเม้นท์ว่า หมั่นใส้ โลกของเรา ณ นาทีนั้นมันสวยงาม ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด กลับจากเกาะช้าง วันที่ 2 พค เราค้างกรุงเทพอีกคืน เขาค้างกับเราตามปกติ เช้าวันที่ 3 เขาก็ขับรถมาส่งเราที่สนามบิน กอดลา บอกเราว่าถึงบ้านแล้วให้บอกเขาด้วย ทุกอย่างเป็นปกติมาก ไม่มีอะไรผิดสังเกตุเลย เขายังเป็นแฟนคนดีคนเดิมของเรา เรากลับถึงบ้านแล้วมีไข้ ต้องแอดมิท เราไลน์ไปบอกเขา เขาจะขับรถมาหาเราที่โรงพยาบาล ดูเป็นห่วงเป็นใย ผ่านมาอีกวันเราก็ยังคุยกันปกติ เย็นโทรมาขอออกไปงานเลี้ยงส่งเพื่อนที่ลาออกจากงานกลับบ้านต่างจังหวัด คำสุดท้ายที่บอกเราคือ อ้วนรักมู๋นะ รักที่สุด เราก็บอกเขาว่า เรารักเขามากกว่า กลับถึงบ้านแล้วให้เขาทิ้งไลน์มาบอกเราด้วย เขาก็รับปาก ตีสองเราตื่นขึ้นมา ไม่มีข้อความไลน์จากเขา เราเข้าเฟส ปรากฎว่า เราไม่ได้เป็นเพื่อนบนเฟสกับเขาอีกต่อไป เราไลน์หาเขา ว่าเขาถึงบ้านหรือยัง ในใจเราตอนนั้นคือเป็ห่วงเขามาก กลัวเขาดื่มแล้วขับรถกลัวเกิดอุบัติเหตุ เขาตอบไลน์เรากลับมาว่า " เราเป็นพี่น้องกันได้ไหม"
เราถามเขาว่า เขาเมาเหรอ เขาตอบกลับมาว่า ไม่เมา แต่เขารักเราต่อไปไม่ได้ เขาไปต่อไม่ได้ เขาอยากเลิกเป็นแฟน เราถามเหตุผล เขาบอกไม่มีเหตุผล เราเลยบอกเขาไปว่า ไว้ใจเย็นแล้วค่อยคุยกันนะ เขาบอกว่า เขาคิดดีแล้ว ตัดสินใจแล้ว เขารักเราไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ในตอนนั้น เราร้องไห้หนักมากบนเตียงโรงพยาบาล ตีสี่ แฟนเก่าเขาส่งข้อความมาหาเรา บอกว่า เขากลับไปคุยกับเธอตั้งแต่วันที่ 2 พค และขอกลับไปคบกัน แล้วแฟนเก่าของเขาก็ส่งแคปหน้าจอสนทนามาให้เราดูแบบเยอะมากกกกกก
เมื่อความรัก จบลงแบบ งง ๆ
คำเตือน กระทู้ค่อยข้างยาวนะคะ ใครมีโควต้าแค่แปดบรรทัดต่อปี ผ่านไปได้เลย
เราอายุ 35 ปีค่ะ เป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่เล็กๆที่ต่างจังหวัด เคยมีแฟนครั้งแรกเป็นชาวต่างชาติ ตอนอายุ 19 คบหากันมา 6 ปี เราเป็นฝ่ายขอแยกทางเพราะเขาขอมีผู้หญิงคนอื่น ขอมีความสัมพันธ์ในระบบ 2 รุม 1 ค่ะ ถามว่า จบสวยไหม มันก็ไม่สวยหรอกค่ะ เขาก็เจ็บ เราก็เจ็บ แต่มันไม่ไหวจริงๆ เรามองเห็นภาพที่มีผู้หญิงคนอื่นมาใช้แฟนร่วมกันกับเราไม่ออกจริงๆ แค่เขามาขอมีความสัมพันธ์แบบนี้ โลกเราก็ถล่มแล้ว ต้องทนอยู่กันไปคงได้เป็นฆาตกร หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายเข้าสักวันค่ะ สรุป ก็เลิกกัน ฝ่ายชายยังมีเมล์มา ส่งการ์ดวันเกิด หรือ การ์ดอวยพร ของขวัญตามเทศกาลต่างๆมาตลอดเวลา ช่วงเลิกกันใหม่ๆ ทรมานมากค่ะ ชีวิตเคยมีเขาเป็นทุกอย่าง เป็นที่รัก เป็นพี่ชาย เป็นเพื่อน เป็นกำลังใจ วันนึงเขาหายไป หัวใจสลาย นอนร้องไห้เป็นสามสี่ปี สาหัสมาก รักมากแค่ไหน เจ็บมากกว่านั้นร้อยพันเท่า ทั้งที่เราเป็นคนบอกเลิกเองนี่แหล่ะ จบจากรักครั้งนั้น เราก็โสดยาวๆมา ใครเข้ามาจีบ มาคุย เราก็ปิดตัวเองมาตลอด จนมาเดือน มิถุนายน 58 เราเริ่มออกกำลังกายโดยการวิ่ง แล้วก็มีลงงานวิ่งต่างๆ ชีวิตสนุกมาก ดีมาก ผอมลง มีความสุข จน เดือน พฤศจิกา 58 เราไปงานวิ่ง บางแสน 21ลงระยะ half marathon เป็นครั้งแรก นี่คือจุดเริ่มต้นของ ความรักครั้งใหม่ของเรา หลังจากจบงานวิ่ง เราจะมาเขียนรีวิว ลงเพจของงานนั้นๆ งานบางแสนก็เช่นกัน หลังจากเราลงรีวิวไป ก็มีเพื่อนนักวิ่ง ส่งคำขอเป็นเพื่อนในเฟสบุ้คมาหลายคน รวมถึงเขาด้วย ด้วยนิสัยเราที่เป็นคนอัธยาศัยดี มองโลกในแง่ดีตลอด หน้าไทม์ไลน์เราจะมีแต่ข้อความ, รูปภาพ ที่สดใส มีความสุข คิดบวก ตลอด วันนึง เราอัดเสียงเราร้องเพลง "อยู่ๆก็มาปรากฏตัวในหัวใจ" ของลุลา แล้วอัพขึ้นไทม์ไลน์เขาก็มาคอมเม้นท์ว่า ผู้หญิงอะไร ดูมีความสุขจัง เราตอบกลับคอมเม้นท์เขาไปว่า ผู้หญิง 30+ ค่ะ แล้วเขาก็ตอบกลับคอมเม้นท์เรามาว่า ชอบจัง ^^ เราก็ตอบกลับคอมเม้นท์เขาไปเป็นอิโมติคอน ยิ้มกว้าง ค่ะ จากนั้นอีก สองวันเขาก็ทักหลังไมค์มา อยากกินเค้กจังครับ เราก็ตอบข้อความเขา คุยกันพักนึง เราก็ขอตัวทำงานต่อ หลังจากวันนั้น เขาก็ทักมาทุกวัน คุยกันทุกวัน เราก็เริ่มผิดสังเกตุละ ว่า ทำไมอีตานี่ทักมาบ่อย จากที่ไม่เคยสนใจไทม์ไลน์เขาก็ไปไล่ดูไทม์ไลน์เขาค่ะ ไปเห็นรูปเขากับผู้หญิงคนนึง คิดในใจ เอ้าา มีแฟนแล้วนี่หว่า แล้วเห็นอายุเขา เห้ยย 25 เป็นน้องเราสิบปีเลย เป็นครูสอนดนตรีโรงเรียนมีชื่อแห่งนึงแถวสายไหม มีแฟนแล้ว แถมรุ่นน้องเป็นสิบปี ดูจากข้อความที่ทักมา ไม่ใช่ลักษณะการมาคุยแบบเพื่อนละ ไม่โอเคละแบบนี้ จากนั้นเวลาเขาทักมา เราก็ไม่ตอบบ้าง ไม่อ่านบ้าง ลบทิ้งทั้งที่ยังไม่อ่านนั่นละ จนวันนึง เขาก็คอมเม้นท์ในรูปที่เราอัพขึ้นเฟสบุ๊คว่า ผู้หญิงอะไรทำไมใจร้าย คุยด้วยก็ไม่คุยด้วย เราตอบกลับคอมเม้นท์นั้นไปว่า เราไม่นิยมก่อความสัมพันธ์กับผู้ชายที่มีแฟนแล้วค่ะ เขาส่งข้อความมาทันทีค่ะ บอกผมโสดครับ เพิ่งเลิกกับแฟนมา เดือนนึง ถ้าสงสัยอะไรถามได้ อย่าคิดไปเอง คนทางนี้ใจแป้วครับ จากข้อความวันนั้น ก็ทำให้เรากับเขากลับมาคุยกันอีกรอบ รอบนี้คุยกันเยอะขึ้น แชร์เรื่องวิ่ง เรื่องกิน เรื่องชีวิตในหลายแง่มุม แล้วก็สลับมาคุยกันในไลน์ จนมาถึงโทรคุยกัน เรายังจำได้ เขาขอเบอร์โทรศัพท์เราแต่เราไม่ให้ เขาเลยบอก พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปยืนเวร กลัวตื่นไม่ทันจังครับ ช่วยโทรปลุกหน่อยได้ไหมครับ เบอร์เขา 097-037xxxx สรุปเช้านั้น เราตื่นมาซ้อมวิ่งละนึกได้ เห้ย มีคนฝากโทรปลุก เราก็โทรไปปลุกเขา ซึ่งเขามาบอกทีหลังว่า ขอเบอร์ยากเย็น ต้องใช้มุกนี้ละ โค้ะะะ นี่คือมุกขอเบอร์สาว ?? น่อวว สรุป เขามีเบอร์เรา เรามีเบอร์เขา จากนั้น เวลาที่เขาไลน์มา หรือส่งข้อความแมสมา แล้วเราไม่ได้ตอบ เขาจะโทรทันทีค่ะ โทรจนกว่าเราจะรับสาย เราก็แบบ เห้ย นี่เอาไง ก็เลยถามเขาไปว่า นี่เธอจีบเราอยู่รึเปล่า เขาตอบมาว่า ครับ จีบมาจะเดือนแล้วครับ ไม่รู้ตัวบ้างหรือครับ จำได้ว่าวันนั้น เราบอกเขาไปว่า เราแก่แล้ว เราไม่มีเวลามาเสียเวลากับความสัมพันธ์แบบเล่นๆ จีบทิ้งจีบขว้าง อีกอย่าง เรากับเขาต่างกันทุกอย่าง อายุ, สถานะทางสังคม, ไลฟ์สไตล์, เขาบอกเรามาว่า เขาก็ไม่เคยจีบใครเล่นๆ และในความต่างเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแย่หรือเสียหายอะไร จากวันนั้น การคุยกันของเรากับเขาก็ลึกซึ้งขึ้น คุยกันเยอะมากๆในแต่ละวัน มันเป็นช่วงเขาปิดเทอมพอดี ทำให้เขาว่างคุย แล้วจะทักมาคุยตลอด ถึงตอนนี้ยังตกใจตัวเอง มีอะไรคุยกันนักหนา ต้นเดือน กพ 59 เรามีงานวิ่งที่สิงคโปร์กัน เราไปวิ่ง น้องเลยติดไปด้วย วิ่งเสร็จอยู่เที่ยวกันต่อ ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่เราอยู่สิงคโปร์เรากับเขาก็ยังคุยไลน์กันตลอด 7 กพ เรากลับจากสิงคโปร์ไฟล์เย็นมาก ไม่ทันเที่ยวบินที่จะบินกลับบ้าน เลยต้องค้างกรุงเทพหนึ่งคืน เขาก็เลยขอนัดเจอ เราก็โอเค ไปทานข้าวกัน เขาขับรถมารับเราที่โรงแรม น้องเราไม่ไปเพราะง่วงมาก เลยกลายเป็นว่า เราต้องไปทานข้าวกับเขาสองคน เขามาถึงโรงแรมแล้วโทรขึ้นมาบอกเราบนห้องว่า มาถึงแล้ว เราลงลิฟต์ไป เจอเขายืนรออยู่หน้าลิฟต์พอดี เขายืนรอหน้าลิฟต์เลยค่ะ ถามเขาว่า ทำไมต้องนืนรอหน้าลิฟต์ เขาบอกว่า อยากเจอ บอกไม่ถูก รู้แค่ว่า อยากเจอ แล้วเราก็ออกไปทานข้าวกันค่ะ ร้านตู้กับข้าว ดอนเมือง ระหว่างทางที่นั่งรถไปกับเขา เราคิดในใจว่า ไหวไหมเนี่ย นัดทานข้าวกับสาว พี่แกใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะเน่าๆ มาเลย ณ ตอนนั้น ไม่มีอะไรประทับใจเลยค่ะ ภาพลักษณ์เขาแย่มาก ถ้าเปรียบเทียบกับผู้ชายทุกคนที่เคยมาตามจีบเรา แต่เราก็ยิ้มแย้มคุยกับเขาปกติ บอกตัวเองว่า เราไม่ใช่คนจะตัดสินใครจากการแต่งตัวนี่นะ เขาแต่งตัวแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นคนไม่ดีนี่นา บอกแล้วเราเป็นคนโลกสวย 55+ กับข้าวอร่อย บรรยากาศดี มื้อนั้น เราขอจ่ายค่ะ บอกเขาว่า มื้อหน้าเธอต้องเลี้ยงเรากลับนะ ** ขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนว่า เราเป็นผู้หญิงที่ไม่มาคิดจุกจิกเรื่อง หาร หรือผู้ชายต้องเลี้ยงตลอดไรงี้นะคะ เราเป็นคนใจกว้าง มากกกก ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย ไม่ว่ากับเพื่อน แฟน หรืออะไรก็ตามแต่ ** หลังจากเช็คบิล ก็กลับโรงแรมค่ะ เขาขับรถมาส่งเรา ลานจอดรถหน้าโรงแรมเต็ม ก็เลยต้องจอดหลังโรงแรมค่ะ เขาถามว่า นั่งคุยกันต่อแปบนึงได้ไหม เราชวนเข้าไปคุยในล้อบบี้ เขาบอก คุยตรงนี้ก็ได้ครับ เราก็โอเค บอกแล้วเราไม่ใช่ผู้หญิงเรื่องเยอะ นั่งคุยกันมันในรถนั่นละคะ แล้วเขาก็ขอจูบเรา จากจูบก็ล่วงเลยไปเป็นอย่างอื่น ถึงตรงนี้ อย่าเอาเยี่ยงอย่างเรานะคะ อย่าเด็ดขาดเลย เราผิด ผิดที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล สติหลุด ทั้งที่เป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีมาตลอด กลับมาโดนเด็กตีแตกจนได้ เรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาในรถ ไม่มีการป้องกัน มันคือหายนะเลย เรากลับขึ้นโรงแรมแบบเบลอๆ คือวัยวัยวุติ เรารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราเองก็ไม่โทษเขาฝ่ายเดียว แต่มันผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว คืนนั้นเขาไลน์มาบอกว่า ถึงบ้านแล้ว เราเลือกที่จะไม่อ่านไม่ตอไลน์เขาค่ะ เพราะไม่มั่นใจละว่าจะคบกันต่อไปได้ยังไง บอกตัวเองว่า พลาดครั้งเดียวพอแล้ว จากนี้จะจบการติดต่อกับผู้ชายคนนี้ทุกช่องทาง คืนนั้นเราลบเขาออกจากเฟสเรา ลบไลน์เขา ลบเบอร์เขา เช้ามาก็นั่งเครื่องกลับบ้าน ใช้ชีวิตปกติของเขา เย็นมีสายเข้าแล้วเราจำไม่ได้ว่าเป็นเบอร์เขา เราก็เลยรับสาย เขาโทรมาตัดพ้อต่อว่าเราใหญ่โตว่าเราไม่คุยกับเขาลบเฟสเขา บลาๆ จบลงที่ เขาขอคบเราเป็นแฟน เขาขอแอดเฟสมาใหม่ แล้วเราก็บ้ากลับไปคุยกับเขาใหม่ การพบกันถี่ขึ้น ทุกครั้งที่เราขึ้นไปงานวิ่งที่กรุงเทพ เขาจะมาค้างกับเราตลอด จากที่เขาเลิกวิ่งไปปั่นจักรยาน ก็เลิกปั่นจักรยานแล้วกลับมาวิ่งกลับเรา ลงงานวิ่งคู่กันตลอด เจอกันเดือนนึง 3-4 ครั้ง จนที่บ้านเราบ่นว่า เราขึ้นไปกรุงเทพบ่อยมาก ตอนนั้นที่บ้านไม่รู้ค่ะว่า เราคบกับเขา จนเขาบอกเราว่า เราควรบอกที่บ้านว่าเราเป็นแฟนเขา เราบอกว่าเรายังไม่แน่ใจ คบกันไปก่อน เรามั่นใจเราจะบอกแม่บอกน้องเราเอง เขาก็งอแงว่า เราไม่รักเขา ไม่จริงจัง ไม่ชัดเจน จนเราตัดสินใจบอกแม่บอกน้องเรา แม่เราตกใจมาก เพราะเราไม่มีใครเลยมาแปดปี แล้วมามีแฟนรุ่นน้องถึงสิบปี แม่เราน้องเราเตือนตลอดว่า ระวังโดนหลอก เราก็ออกรับแทนเขาตลอด ว่าเขาเป็นคนดี เรารักคนนี้ และเขารักเรา น้องสาวเราไปส่องเฟสบุ้คเขาแล้วมาบอกเราว่าไม่สบายใจเรื่องแฟนเก่าเขา มันเหมือนว่า เขายังคบกับแฟนเก่าเขาอยู่ เราก็บ่นน้องว่าน้องคิดมาก เราเล่าให้เขาฟังเขาก็ว่าน้องเรามองเขาในแง่ร้าย แล้วมีวันนึงตีแฟนเก่าเขาส่งข้อความแมสมาหาเราตอนตีสอง ถามเราว่าเราคบกันกับเขาใช่ไหม เราจะตอบแต่แฟนเก่าเขาบล้อกเราค่ะ มาถามทิ้งไว้แล้วบล้อก วันนั้นตอนบ่ายๆ เขาโทรไลน์มาหาเรา เราก็เล่าให้เขาฟังว่า แฟนเก่าเขาส่งข้อความหาเรา แต่เราตอบกลับไม่ได้เพราะเธอบล้อกเรา ฝากบอกเธอหน่อยว่าเราอยากคุย ปลดบล้อกเราเถอะ แล้วสายไลน์ก็หลุด สักพักเขาทักมาบอกว่า แฟนเก่าเขาโทรมา และเขาก็บอกแฟนเก่าเขาไปแล้วว่า เขาคบกับเรา สักพักแฟนเก่าเขาส่งข้อความหาเราอีก บอกว่าเธอรักผู้ชายคนนี้มา ของากให้เราช่วยรักช่วยดูแลเขาให้ดีๆ เพราะตอนที่เขาอยู่กับเธอ เธอก็ทิ้งเขาไปหาผู้ชายคนอื่นมาสองสามรอบ จนต้องเลิกกัน เรารับปากเธอมาว่าจะรักจะดูแลเขาอย่างดีที่สุดที่เราจะทำได้ ทุกอย่างเคลียร์ในใจเราไม่เคยระแวงอะไรเลย เรายังบอกเขาว่า ถ้าว่างก็โทรหาเธอบ้าง ทักไปถามทุกข์สุขบ้าง สงสารเธอ เขาบอกเราว่า ชีวิตเขาตอนนี้มีแค่เรา เขาไม่อยากคุยกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น โลกเราสว่างไสวมากค่ะ แฟนเด็กขี้อ้อน ปากหวาน เอาใจเก่ง เราหลงเขามาก รักเขามาก เขายืมนาฬิกาที่ใช้วิ่ง ก็ให้เขา เขาอยากไปทานข้าวที่ใบหยก เราก็พาไป จองไพรเวทโซน พาเขาเที่ยว กินดีอยู่ดี นอนห้าดาวตลอด เราใช้ตังเปลืองมาก ช่วงเวลาที่คบกับเขา แค่ได้เห็นเขายิ้ม แค่ได้เห็นเขามีความสุข เรายอม ให้จ่ายเท่าไหร่เราไม่แคร์เลย จนมาถึงปลายเมษา เขาชวนเราไปเที่ยวเกาะช้างกัน เราจองโรงแรม จ่ายอะไรไปหมดเรียบร้อย เป็น 4 คืน 5 วันที่มีความสุขมาก เขาอยากทานอาหารทะเล แต่ไม่ทานเพราะเราแพ้กุ้ง ไปดำน้ำด้วยกันครั้งแรก เขาสอนเราว่ายน้ำ เชียร์วอลเลย์บอลชายหาดทีมของโรงแรมด้วยกัน เราแมนยูเตะกับเลสเตอร์ เขานั่ง กินเบียร์ live เฟสบุ้ค เรายังยิ้มให้กล้องเขา เพื่อนเขาคอมเม้นท์ว่า หมั่นใส้ โลกของเรา ณ นาทีนั้นมันสวยงาม ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด กลับจากเกาะช้าง วันที่ 2 พค เราค้างกรุงเทพอีกคืน เขาค้างกับเราตามปกติ เช้าวันที่ 3 เขาก็ขับรถมาส่งเราที่สนามบิน กอดลา บอกเราว่าถึงบ้านแล้วให้บอกเขาด้วย ทุกอย่างเป็นปกติมาก ไม่มีอะไรผิดสังเกตุเลย เขายังเป็นแฟนคนดีคนเดิมของเรา เรากลับถึงบ้านแล้วมีไข้ ต้องแอดมิท เราไลน์ไปบอกเขา เขาจะขับรถมาหาเราที่โรงพยาบาล ดูเป็นห่วงเป็นใย ผ่านมาอีกวันเราก็ยังคุยกันปกติ เย็นโทรมาขอออกไปงานเลี้ยงส่งเพื่อนที่ลาออกจากงานกลับบ้านต่างจังหวัด คำสุดท้ายที่บอกเราคือ อ้วนรักมู๋นะ รักที่สุด เราก็บอกเขาว่า เรารักเขามากกว่า กลับถึงบ้านแล้วให้เขาทิ้งไลน์มาบอกเราด้วย เขาก็รับปาก ตีสองเราตื่นขึ้นมา ไม่มีข้อความไลน์จากเขา เราเข้าเฟส ปรากฎว่า เราไม่ได้เป็นเพื่อนบนเฟสกับเขาอีกต่อไป เราไลน์หาเขา ว่าเขาถึงบ้านหรือยัง ในใจเราตอนนั้นคือเป็ห่วงเขามาก กลัวเขาดื่มแล้วขับรถกลัวเกิดอุบัติเหตุ เขาตอบไลน์เรากลับมาว่า " เราเป็นพี่น้องกันได้ไหม"
เราถามเขาว่า เขาเมาเหรอ เขาตอบกลับมาว่า ไม่เมา แต่เขารักเราต่อไปไม่ได้ เขาไปต่อไม่ได้ เขาอยากเลิกเป็นแฟน เราถามเหตุผล เขาบอกไม่มีเหตุผล เราเลยบอกเขาไปว่า ไว้ใจเย็นแล้วค่อยคุยกันนะ เขาบอกว่า เขาคิดดีแล้ว ตัดสินใจแล้ว เขารักเราไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ในตอนนั้น เราร้องไห้หนักมากบนเตียงโรงพยาบาล ตีสี่ แฟนเก่าเขาส่งข้อความมาหาเรา บอกว่า เขากลับไปคุยกับเธอตั้งแต่วันที่ 2 พค และขอกลับไปคบกัน แล้วแฟนเก่าของเขาก็ส่งแคปหน้าจอสนทนามาให้เราดูแบบเยอะมากกกกกก