เนื่องด้วยผมได้มีบินไปเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 8-11 มิถุนายน 59 (ออกคืนวันที่ 7) ซึ่งก็คือ มีเวลาอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์สองวันสองคืน แฟนผมไม่รอช้า มางอแงขอไปด้วยทันที (ไม่น่าให้เห็นตารางบินเลย) และเนื่องจากตารางบินออกปลายเดือน แต่ไฟลต์นี้ไปประมาณสัปดาห์ที่สองของเดือน จึงเหลือเวลาไม่มากนักในการเตรียมตัว โดยเฉพาะ “วีซ่า” ซึ่งจากประสบการณ์การขอวีซ่าเมื่อครั้งไปบรัสเซลส์มาเมื่อสามเดือนที่แล้ว ทำให้การเตรียมตัวรอบนี้ เสร็จเรียบร้อยอย่างเร็ว
เริ่มจากจองตั๋วเครื่องบินก่อนเลย ผมก็ซิ่งไปห้องขายตั๋ว ออกตั๋วอย่างเร็ว อย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดทั้งคำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล ไฟลต์ที่เดินทาง วันและเวลาเดินทางด้วยนะครับ
สิ่งต่อมาที่ต้องเตรียมคือ ที่พัก เนื่องจากแพลนไว้ว่า คืน 8 จะไปนอนที่ Grindelwald ก็จัดแจงหาโรงแรมจองเลย ผ่าน booking.com เพราะถ้ามีปัญหาอะไร จะสามารถยกเลิกได้ โดยไม่เสียค่าปรับ ส่วนคืนวันที่ 9 ถ้าจะบอกเจ้าหน้าที่กงสุลว่าพักกับผมที่โรงแรมของลูกเรือ ก็คงพูดยากนิดนึง ก็เลยให้จองที่ไหนไปก็ได้ แล้วหลังจากได้วีซ่าแล้ว ก็จัดการยกเลิกไปซะ
ที่เหลือก็พวกเอกสารส่วนตัว สำเนาบัตรประชาชน พาสปอร์ต statement ฯลฯ ของคุณแฟน เตรียมให้ครบๆนะครับ ส่วนที่จะต้องมีเพิ่มเติมจากเราคือ สำเนาบัตรพนักงาน และตารางบิน
ระหว่างที่เตรียมเอกสาร ก็ติดต่อสถานทูตโดยผ่าน TLScontact นัดวันสัมภาษณ์ให้เรียบร้อย วันที่ไปก็เตรียมเอกสารและค่าทำวีซ่า 2400 บาท และค่าดำเนินการของ TLS 863 บาท ไปให้ครบๆ จะได้ไม่มีปัญหา
ระยะเวลาในการดำเนินการ ก็คือ ยื่นขอคิว วันที่ 26 เดือนที่แล้ว ได้คิววันที่ 1 และได้วีซ่าวันที่ 3 เลย ถ้าใครจะวางแผนยังไง ก็เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้หน่อยนะครับ รายละเอียดเรื่องวีซ่าเพิ่มเติม ลองเข้าไปดูเว็บของสถานทูตละกันนะครับ
อีกเรื่องที่ต้องเตรียมคือ Swiss Pass ซึ่งก็ได้ส่องๆดูหลายที่ ราคามาตรฐานคือ 3 วัน 210 CHF แต่แฟนผมหาได้ของ T.V. Air Bookings ในราคา 191 CHF แอบคิดๆก็เสียดาย ได้ใช้แค่สองวันเอง แต่ทำไงได้ฮะ น่าจะคุ้มสุดละครับ
มี Swiss Pass แล้ว ก็ต้องมีตารางรถไฟครับ เพื่อความสะดวก ถ้าใช้เครื่องข่าย iOS ก็นี่เลยครับ SSB Mobile รถเมล์ รถไฟ แทรม เวลาค่อนข้างแม่นยำครับ ใช้ง่าย รายละเอียดดีงาม
เรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆครับ คือตรวจเช็คอากาศครับ เพื่อจะได้วางแผนได้อย่างคร่าวๆ อย่างช่วงที่ผมไป พยากรณ์อากาศล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ บอกว่า ช่วงที่ผมไป ฝนตกตลอดครับ ทำให้ต้องมีการวางแผนสองไว้ เผื่ออากาศไม่เป็นใจ จะได้มีแผนสำรอง ไม่เศร้ามาก นอกจากนี้ยังสามารถเช็คกล้อง live cam จากที่ที่เราจะไปได้อีกด้วย ง่ายๆเลยครับ พิมพ์กูเกิ้ลคำว่า live cam ตามด้วยสถานที่ที่เราต้องการจะดู ก็จะมีขึ้นมาให้ดูกันสดๆเลยครับ วิธีนี้ถ้ามีอินเตอร์เน็ตหรือไวไฟขณะอยู่ที่สวิสจะสะดวกมากครับ ดูก่อนขึ้นรถไฟไปได้เลย แต่ถ้าไม่มีสัญญาณ ก็ไปดูจอทีวีตรงทางขึ้นเขาได้ครับ มีถ่ายทอดให้ดูสดๆเหมือนกัน
มาถึงวันเดินทางละครับ เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG 970 เวลาตี 1 ของคืนวันที่ 7 และถึงสนามบินซูริค เช้าวันที่ 8 เวลา ประมาณ 08.00 Local time (ช้ากว่าเวลาไทย 5 ชั่วโมง) ผู้โดยสารและลูกเรือ เดินออกประตูหน้าอาคารผู้โดยสารเดียวกันครับ ก็นัดสถานที่กันให้เรียบร้อย เป็นประตูทางออกก็ได้ หรือเป็นสายพานกระเป๋าก็ได้ครับ เมื่อเดินทางมาถึงโรงแรม movenpick zurich airport ซึ่งเป็นโรงแรมที่พักของลูกเรือ ก็รีบอาบน้ำ จัดกระเป๋า แล้วออกเดินทางเลยครับ จะได้ไม่เสียเวลา
ที่แรกที่จะมุ่งหน้าไปคือ Zermatt เพื่อที่จะไปชม Matterhorn โดยเดินทางจากโรงแรม ติดรถ shuttle bus ออกไปสนามบิน แล้วก็ขึ้นรถไฟตาม App ที่ให้ไว้เลยครับ ของผมก็ไปทาง Bern ครับ ไม่ต้องลงจากรถ แล้วไปเปลี่ยนขบวนที่ Visp เพื่อต่อไปยัง Zermatt ครับ อีกเส้นทางอาจนั่งรถไฟไปทาง Luzern ก็ได้ครับ การเดินทางรอบนี้ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งครับ

วิวระหว่างทางขึ้น Zermatt ครับ ส่วนผม ... ขอเก็บแรงก่อนครับ

ถึง Zermatt แล้วครับ มาถึงที่นี่ประมาณ บ่าย 2 ฟ้าปิด ฝนตกตั้งแต่เครื่องแลนด์ที่ซูริค หนีมา zermatt ฝนก็ยังตกไม่หยุด


ปกติแล้ว จากหมู่บ้านนี้ จะมองเห็น ยอดเขา Matterhorn ได้เลย แต่ดูสิครับ


อุณหภูมิ ประมาณ 13 องศา และฝนตกปรอยๆ

อารมณ์เศร้าสิครับ ฟ้าปิด อดยลโฉมเจ้า Matterhorn จากตรงนี้เลย

เมือง Zermatt สวย น่ามาพักมากครับ

นี่ไงครับ Matterhorn ของผม
เกร็ดเล็กๆน้อยๆครับ โลโก้ของช็อคโกแล็ตยี่ห้อนี้คือ ยอดเขา Matterhorn นี่หละครับ

ระหว่างที่เดินเล่น ถ่ายรูป ในเมือง Zermatt สักพัก ฝนก็หยุดตก ฟ้าเริ่มเปิด มีแสงอาทิตย์สาดส่อง เราไม่รอช้าครับ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจะไปเห็น Matterhorn ด้วยสองตาตี๋ๆคู่นี้ให้ได้ครับ จึงรีบซื้อตั๋ว นั่งรถไฟต่อไปยัง Gornergrat ทันที ถึงแม้จะเห็นที่จอทีวีตรงที่ซื้อตั๋วขึ้นว่าฟ้าปิด ก็ยังขึ้นครับ สู้!!! ค่าขึ้นที่ได้ส่วนลดจาก Swiss Pass โดยปกติคือ 50% ครับ แต่ช่วงนี้มีโปรโมชั่น Good Afternoon ครับ ไปตอนบ่าย เหลือคนละ 28 CHF ครับ สำหรับสัมภาระ ด้านตรงข้ามมีล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าครับ ถ้าไม่อยากแบกขึ้นไปด้วยก็ฝากได้ครับ ราคา 4, 6, 8 CHF ตามขนาดครับ

สถานีปลายทาง เดินทางสู่ Gornergrat ครับ ซึ่งเป็นจุดชมวิว Matterhorn ที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง

บนรถไฟ ประมาณ 4 โมงเย็น คนไม่ค่อยเยอะ ถ่ายรูปกันเพลินเลยครับ

รถไฟกำลังขึ้นสู่ Gornergrat มองลงมาเห็นหมู่บ้าน Zermatt อยู่ด้านล่าง

เห็นทางรถไฟที่เราจะขึ้นอยู่ข้างหน้า สวยมากครับ ที่สำคัญฟ้าเริ่มเปิด แต่ทว่า...

ไม่นะ!!! ฟ้าจะปิดอีกแล้วหรอเนี่ย

ขึ้นมาสูงขึ้นก็เจอกับหิมะเยอะขึ้น

ขั้นมาถึง Gornergrat แล้วครับ มองเห็นสีฟ้าของท้องฟ้า เหมือนฟ้าจะเปิด แต่.....

มองไม่เห็นอะไรเลยครับ Matterhorn อยู่ตรงไหน


ไม่มีภูเขาให้ถ่าย ทะเลสาบตรงภูเขาเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าวันนี้ไปไม่ได้ ก็เก็บรูปบรรยากาศแถวนั้นแทนครับ

หลังจากผิดหวังจาก Matterhorn เราก็ตัดสินใจนั่งรถไฟกลับ และตรงสู่ที่พักที่เมือง Grindelwald
[CR] ปุบปับทริป สวิตเซอร์แลนด์ แสนสวย ในวันฝนพรำ
เนื่องด้วยผมได้มีบินไปเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 8-11 มิถุนายน 59 (ออกคืนวันที่ 7) ซึ่งก็คือ มีเวลาอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์สองวันสองคืน แฟนผมไม่รอช้า มางอแงขอไปด้วยทันที (ไม่น่าให้เห็นตารางบินเลย) และเนื่องจากตารางบินออกปลายเดือน แต่ไฟลต์นี้ไปประมาณสัปดาห์ที่สองของเดือน จึงเหลือเวลาไม่มากนักในการเตรียมตัว โดยเฉพาะ “วีซ่า” ซึ่งจากประสบการณ์การขอวีซ่าเมื่อครั้งไปบรัสเซลส์มาเมื่อสามเดือนที่แล้ว ทำให้การเตรียมตัวรอบนี้ เสร็จเรียบร้อยอย่างเร็ว
เริ่มจากจองตั๋วเครื่องบินก่อนเลย ผมก็ซิ่งไปห้องขายตั๋ว ออกตั๋วอย่างเร็ว อย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดทั้งคำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล ไฟลต์ที่เดินทาง วันและเวลาเดินทางด้วยนะครับ
สิ่งต่อมาที่ต้องเตรียมคือ ที่พัก เนื่องจากแพลนไว้ว่า คืน 8 จะไปนอนที่ Grindelwald ก็จัดแจงหาโรงแรมจองเลย ผ่าน booking.com เพราะถ้ามีปัญหาอะไร จะสามารถยกเลิกได้ โดยไม่เสียค่าปรับ ส่วนคืนวันที่ 9 ถ้าจะบอกเจ้าหน้าที่กงสุลว่าพักกับผมที่โรงแรมของลูกเรือ ก็คงพูดยากนิดนึง ก็เลยให้จองที่ไหนไปก็ได้ แล้วหลังจากได้วีซ่าแล้ว ก็จัดการยกเลิกไปซะ
ที่เหลือก็พวกเอกสารส่วนตัว สำเนาบัตรประชาชน พาสปอร์ต statement ฯลฯ ของคุณแฟน เตรียมให้ครบๆนะครับ ส่วนที่จะต้องมีเพิ่มเติมจากเราคือ สำเนาบัตรพนักงาน และตารางบิน
ระหว่างที่เตรียมเอกสาร ก็ติดต่อสถานทูตโดยผ่าน TLScontact นัดวันสัมภาษณ์ให้เรียบร้อย วันที่ไปก็เตรียมเอกสารและค่าทำวีซ่า 2400 บาท และค่าดำเนินการของ TLS 863 บาท ไปให้ครบๆ จะได้ไม่มีปัญหา
ระยะเวลาในการดำเนินการ ก็คือ ยื่นขอคิว วันที่ 26 เดือนที่แล้ว ได้คิววันที่ 1 และได้วีซ่าวันที่ 3 เลย ถ้าใครจะวางแผนยังไง ก็เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้หน่อยนะครับ รายละเอียดเรื่องวีซ่าเพิ่มเติม ลองเข้าไปดูเว็บของสถานทูตละกันนะครับ
อีกเรื่องที่ต้องเตรียมคือ Swiss Pass ซึ่งก็ได้ส่องๆดูหลายที่ ราคามาตรฐานคือ 3 วัน 210 CHF แต่แฟนผมหาได้ของ T.V. Air Bookings ในราคา 191 CHF แอบคิดๆก็เสียดาย ได้ใช้แค่สองวันเอง แต่ทำไงได้ฮะ น่าจะคุ้มสุดละครับ
มี Swiss Pass แล้ว ก็ต้องมีตารางรถไฟครับ เพื่อความสะดวก ถ้าใช้เครื่องข่าย iOS ก็นี่เลยครับ SSB Mobile รถเมล์ รถไฟ แทรม เวลาค่อนข้างแม่นยำครับ ใช้ง่าย รายละเอียดดีงาม
เรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆครับ คือตรวจเช็คอากาศครับ เพื่อจะได้วางแผนได้อย่างคร่าวๆ อย่างช่วงที่ผมไป พยากรณ์อากาศล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ บอกว่า ช่วงที่ผมไป ฝนตกตลอดครับ ทำให้ต้องมีการวางแผนสองไว้ เผื่ออากาศไม่เป็นใจ จะได้มีแผนสำรอง ไม่เศร้ามาก นอกจากนี้ยังสามารถเช็คกล้อง live cam จากที่ที่เราจะไปได้อีกด้วย ง่ายๆเลยครับ พิมพ์กูเกิ้ลคำว่า live cam ตามด้วยสถานที่ที่เราต้องการจะดู ก็จะมีขึ้นมาให้ดูกันสดๆเลยครับ วิธีนี้ถ้ามีอินเตอร์เน็ตหรือไวไฟขณะอยู่ที่สวิสจะสะดวกมากครับ ดูก่อนขึ้นรถไฟไปได้เลย แต่ถ้าไม่มีสัญญาณ ก็ไปดูจอทีวีตรงทางขึ้นเขาได้ครับ มีถ่ายทอดให้ดูสดๆเหมือนกัน
มาถึงวันเดินทางละครับ เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG 970 เวลาตี 1 ของคืนวันที่ 7 และถึงสนามบินซูริค เช้าวันที่ 8 เวลา ประมาณ 08.00 Local time (ช้ากว่าเวลาไทย 5 ชั่วโมง) ผู้โดยสารและลูกเรือ เดินออกประตูหน้าอาคารผู้โดยสารเดียวกันครับ ก็นัดสถานที่กันให้เรียบร้อย เป็นประตูทางออกก็ได้ หรือเป็นสายพานกระเป๋าก็ได้ครับ เมื่อเดินทางมาถึงโรงแรม movenpick zurich airport ซึ่งเป็นโรงแรมที่พักของลูกเรือ ก็รีบอาบน้ำ จัดกระเป๋า แล้วออกเดินทางเลยครับ จะได้ไม่เสียเวลา
ที่แรกที่จะมุ่งหน้าไปคือ Zermatt เพื่อที่จะไปชม Matterhorn โดยเดินทางจากโรงแรม ติดรถ shuttle bus ออกไปสนามบิน แล้วก็ขึ้นรถไฟตาม App ที่ให้ไว้เลยครับ ของผมก็ไปทาง Bern ครับ ไม่ต้องลงจากรถ แล้วไปเปลี่ยนขบวนที่ Visp เพื่อต่อไปยัง Zermatt ครับ อีกเส้นทางอาจนั่งรถไฟไปทาง Luzern ก็ได้ครับ การเดินทางรอบนี้ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งครับ
วิวระหว่างทางขึ้น Zermatt ครับ ส่วนผม ... ขอเก็บแรงก่อนครับ
ถึง Zermatt แล้วครับ มาถึงที่นี่ประมาณ บ่าย 2 ฟ้าปิด ฝนตกตั้งแต่เครื่องแลนด์ที่ซูริค หนีมา zermatt ฝนก็ยังตกไม่หยุด
ปกติแล้ว จากหมู่บ้านนี้ จะมองเห็น ยอดเขา Matterhorn ได้เลย แต่ดูสิครับ
อุณหภูมิ ประมาณ 13 องศา และฝนตกปรอยๆ
อารมณ์เศร้าสิครับ ฟ้าปิด อดยลโฉมเจ้า Matterhorn จากตรงนี้เลย
เมือง Zermatt สวย น่ามาพักมากครับ
นี่ไงครับ Matterhorn ของผม
เกร็ดเล็กๆน้อยๆครับ โลโก้ของช็อคโกแล็ตยี่ห้อนี้คือ ยอดเขา Matterhorn นี่หละครับ
สถานีปลายทาง เดินทางสู่ Gornergrat ครับ ซึ่งเป็นจุดชมวิว Matterhorn ที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง
บนรถไฟ ประมาณ 4 โมงเย็น คนไม่ค่อยเยอะ ถ่ายรูปกันเพลินเลยครับ
รถไฟกำลังขึ้นสู่ Gornergrat มองลงมาเห็นหมู่บ้าน Zermatt อยู่ด้านล่าง
เห็นทางรถไฟที่เราจะขึ้นอยู่ข้างหน้า สวยมากครับ ที่สำคัญฟ้าเริ่มเปิด แต่ทว่า...
ไม่นะ!!! ฟ้าจะปิดอีกแล้วหรอเนี่ย
ขึ้นมาสูงขึ้นก็เจอกับหิมะเยอะขึ้น
ขั้นมาถึง Gornergrat แล้วครับ มองเห็นสีฟ้าของท้องฟ้า เหมือนฟ้าจะเปิด แต่.....
มองไม่เห็นอะไรเลยครับ Matterhorn อยู่ตรงไหน
ไม่มีภูเขาให้ถ่าย ทะเลสาบตรงภูเขาเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าวันนี้ไปไม่ได้ ก็เก็บรูปบรรยากาศแถวนั้นแทนครับ
หลังจากผิดหวังจาก Matterhorn เราก็ตัดสินใจนั่งรถไฟกลับ และตรงสู่ที่พักที่เมือง Grindelwald