สวัสดีค่ะ เราขอใช้นามสมมุติว่าเบย์นะคะ คือเราเนี่ยเป็นลูกข้าราชครูค่ะ โดยพ่อเป็นครูศิลปะและแม่เป็นผอ.โรงเรียนอนุบาล - ประถมแห่งหนึ่งในภาคใต้ ครั้งแรกที่เราพบเห็นประสบการณ์ขนหัวลุกเนี่ยประมาณตอนอนุบาล คือตอนอนุบาลเราเรียนที่โรงเรียนที่แม่เป็นผอ.เนี่ยแหละค่ะ โดยตอนเรียนอนุบาลจะมีนอนกลางวันใช่ไหมคะ ซึ่งที่เรานอนจะอยู่ตรงมุมขวาของห้องคนละฝั่งกับโต๊ะคุณครูเรื่องนี้เราจำรายละเอียดไม่ค่อยได้มากนัก ตอนเด็กๆเราจะเป็นเด็กขี้แงโดนแกล้งนิดหน่อยก็จะร้องค่ะ คือตอนที่เรากำลังนอนกลางวันอยู่เนี่ยจะมีเด็กคนนึงมาคอยกวนเราตลอดจำได้คร่าวๆว่าเป็นเด็กผู้หญิงปากกว้างมากๆ น่ากลัวค่ะ เขาจะมาเปิดกระโปรงบ้างแกล้งดึงผมบ้างทุกครั้งที่เรานอนกลางวัน พอเราร้องไห้เขาก็จะหัวเราะและกระโดดออกทางหน้าต่างไป(ลืมบอกค่ะห้องเรียนของเราอยู่ชั้น 2) แต่ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็กก็ไม่รู้ รู้อย่างเดียวว่ามีคนมาแกล้ง ก็ร้องไห้ไปตามระเบียบค่ะ ทีนี้พอตอนเย็นคุณแม่ของเราจะมารับที่ห้องเรียนครูก็บอกคุณแม่เสมอว่าเราร้องอีกแล้วนะ อยู่ๆก็ร้อง พลอยทำเอาเด็กคื่นตื่นไปด้วย ไอเราได้ยินก็เถียงเลยค่ะ น่าจะประมาณมีคนแกล้ง ทำไมไม่ว่าคนนั้น ทำนองนี้แหละค่ะ แต่คุณครูประจำชั้นก็ยืนยันว่าไม่มีคนแกล้งอยู่ดีๆเราก็ลุกขึ้นมาร้องเอง เลยโดนแม่ตีที่เถียงผู้ใหญ่และทำให้แม่ขายหน้าที่พูดแทรกขึ้นมา แม่เราเป็นคนที่มีเนี้ยบมาก ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ เราต้องทำแบบนี้ เป๊ะๆ ตั้งแต่เด็กจนโตเราแทบไม่ได้ทำอะไรตามใจเลยค่ะ และเวลาเราทำผิดจากที่ท่านคาดไว้ท่านจะลงโทษค่อนข้างรุนแรง วันนั้นจึงโดนตีและสั่งห้ามพูดโกหกไปตามระเบียบ หลังจากนั้นก็ยังโดนแกล้งอยู่นะคะ แต่จะพยายามไม่ร้องหรือไม่ก็ร้องเก็บเสียงค่ะ กลัวโดนแม่ตีอีก
ก็มีเหตุการณมาเป็นระยะๆนะคะแต่พอลองนึกย้อนไปก็จะจำรายละเอียดไม่ค่อยได้ อีกเหตุการณ์ที่จำแม่นคือตอนโตขึ้นมาหน่อย ตอนนั้นเรียนอยู่ประถม 3 ค่ะ คืออย่างที่บอกไปตอนต้นว่าแม่เราเป็นผอ.ซึ่งหลังเลิกเรียนเนี่ยเราต้องเอาการบ้านไปทำที่ห้องคุณแม่รอคุณแม่เลิกงาน แล้ววันนั้นมันใกล้กิจกรรมอะไรสักอย่างของโรงเรียนกว่าคุณแม่จะประชุมเสร็จก็ 5 – 6 โมงแล้ว ยังต้องกลับมาทำเอกสารที่ห้องต่ออีก(โรงเรียนแม่เราไม่ใช่โรงเรียนใหญ่ค่ะ บุคลากรมีน้อยจึงค่อนข้างทำงานกันหนัก) แม่ก็นั่งทำเอกสารที่โต๊ะทำงานไป ส่วนเรานั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ตรงโต๊ะรับแขก ตอนนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้แล้วค่ะ แสงสว่างเริ่มหมดแล้ว ตอนนั้นเราเล่นตุ๊กตาเสียงดังเลยโดนคุณแม่ดุว่าให้เงียบ เราก็เงียบค่ะ แต่ไอเงาคนสองคนตรงมุมห้องนี่ไม่หยุดพูดสิคะ ยิ่งมืดเราก็ยิ่งเห็นเงานี่ชัดขึ้น มันไม่ได้เป็นคนรูปร่างชัดเจนอะไรนะคะ เป็นแค่เงาสองเงาถัดจากที่ที่เรานั่ง ไอเราเนี่ยก็กลัวแม่ด่าอีกค่ะ เลยบอกเงียบๆหน่อยแม่ทำงาน แม่เราก็หันขวับมาถามเลยค่ะพูดกับใคร เราก็บอกไปว่าเนี่ยพูดกับเงาตรงนี้ ยืนพูดกันเสียงดังเลย แม่เราก็โกรธค่ะตอนนั้นไม่เข้าใจนะแม่โกรธอะไร แม่บอกอย่าโกหกแม่ไม่ชอบคนโกหก เราก็ยืนยันว่ามีจริงๆ เถียงกันสักพักแม่เดินมาบีบคอเราเลยค่ะ บอกอย่ามาโกหก ฉันไม่ชอบคนโกหกตอนนั้นกลัวมากค่ะ ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ ก็เลยขอโทษที่บอกหนูผิดเอง หนูโกหก หนูผิดเองพูดไปมาอยู่หลายรอบจนแม่ปล่อย ตั้งแต่นั้นก็เห็นนะคะ เห็นเรื่อยๆ แต่ไม่กล้าบอกใครละค่ะ มันเหมือนเป็นปม เจอก็เก็บไว้ ตั้งแต่นั้นไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลย ขอพื้นที่ระบายหน่อยนะคะ
ผีผิดหรือแม่ผิด
ก็มีเหตุการณมาเป็นระยะๆนะคะแต่พอลองนึกย้อนไปก็จะจำรายละเอียดไม่ค่อยได้ อีกเหตุการณ์ที่จำแม่นคือตอนโตขึ้นมาหน่อย ตอนนั้นเรียนอยู่ประถม 3 ค่ะ คืออย่างที่บอกไปตอนต้นว่าแม่เราเป็นผอ.ซึ่งหลังเลิกเรียนเนี่ยเราต้องเอาการบ้านไปทำที่ห้องคุณแม่รอคุณแม่เลิกงาน แล้ววันนั้นมันใกล้กิจกรรมอะไรสักอย่างของโรงเรียนกว่าคุณแม่จะประชุมเสร็จก็ 5 – 6 โมงแล้ว ยังต้องกลับมาทำเอกสารที่ห้องต่ออีก(โรงเรียนแม่เราไม่ใช่โรงเรียนใหญ่ค่ะ บุคลากรมีน้อยจึงค่อนข้างทำงานกันหนัก) แม่ก็นั่งทำเอกสารที่โต๊ะทำงานไป ส่วนเรานั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ตรงโต๊ะรับแขก ตอนนั้นเป็นเวลาโพล้เพล้แล้วค่ะ แสงสว่างเริ่มหมดแล้ว ตอนนั้นเราเล่นตุ๊กตาเสียงดังเลยโดนคุณแม่ดุว่าให้เงียบ เราก็เงียบค่ะ แต่ไอเงาคนสองคนตรงมุมห้องนี่ไม่หยุดพูดสิคะ ยิ่งมืดเราก็ยิ่งเห็นเงานี่ชัดขึ้น มันไม่ได้เป็นคนรูปร่างชัดเจนอะไรนะคะ เป็นแค่เงาสองเงาถัดจากที่ที่เรานั่ง ไอเราเนี่ยก็กลัวแม่ด่าอีกค่ะ เลยบอกเงียบๆหน่อยแม่ทำงาน แม่เราก็หันขวับมาถามเลยค่ะพูดกับใคร เราก็บอกไปว่าเนี่ยพูดกับเงาตรงนี้ ยืนพูดกันเสียงดังเลย แม่เราก็โกรธค่ะตอนนั้นไม่เข้าใจนะแม่โกรธอะไร แม่บอกอย่าโกหกแม่ไม่ชอบคนโกหก เราก็ยืนยันว่ามีจริงๆ เถียงกันสักพักแม่เดินมาบีบคอเราเลยค่ะ บอกอย่ามาโกหก ฉันไม่ชอบคนโกหกตอนนั้นกลัวมากค่ะ ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ ก็เลยขอโทษที่บอกหนูผิดเอง หนูโกหก หนูผิดเองพูดไปมาอยู่หลายรอบจนแม่ปล่อย ตั้งแต่นั้นก็เห็นนะคะ เห็นเรื่อยๆ แต่ไม่กล้าบอกใครละค่ะ มันเหมือนเป็นปม เจอก็เก็บไว้ ตั้งแต่นั้นไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลย ขอพื้นที่ระบายหน่อยนะคะ