แต่ว่าต้องเรียนไวยากรณ์, คำศัพท์พื้นฐาน, และการออกเสียงให้ครบสมบูรณ์ก่อนนะครับ หมายความว่าต้องให้มีพื้นฐานที่ดีอยู่กับตัวก่อนอะ แล้วทีนี้ก็นำสิ่งนั้นแหละมาพัฒนาให้ดีขึ้นพร้อมทั้งได้เข้าใจการนึกคิดซึ่งอันนี้ก็สำคัญโคตรจากการทำอะไรหลายอย่าง แต่ผมคิดว่าการมีเพื่อนหรือคนรักเนี่ยเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะมันได้ทุกอย่างไปพร้อมกัน ทั้งไวยากรณ์, คำศัพท์, การออกเสียง, และการนึกคิด จากทั้ง 4 ทักษะ อันได้แก่ การฟัง, การอ่าน, การพูด, และการเขียน อย่างไวมาก มันมีค่ามากทุกวินาทีครับ
ผมก็สังเกตจากตัวเองเนี่ยล่ะครับ ครั้งภาษาอังกฤษ ผมเห็นไม่ค่อยชัด เพราะความที่ได้เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ตอนที่เกิดมาอยู่บนโลกได้ไม่กี่ปี, แล้วผมคิดว่าคุณครูทุกท่านเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่ดีที่ช่วยกันประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาให้แก่นักเรียนและนิสิตคนนี้, และผมมีโอกาสได้เจอฝรั่งจากหลายชาติมาตั้งแต่ยังเด็ก ในจุดจุดนั้นถึงต่อให้ขี้เกียจ มันก็ยังไม่เป็นอะไรมากเลย เพราะมันก็จะค่อยๆหล่อหลอมเราไปเรื่อยๆอยู่ดีช้าบ้างหรือเร็วบ้างตามแต่สถานการณ์ แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าภาษาอังกฤษของเราถูกกระชากให้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากที่มันเหมือนถูกซ่อนไว้ก็ตอนที่ได้เพื่อนชาวแคนาดากับชาวสหรัฐอเมริกา
สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนคือครั้งภาษาฝรั่งเศส อันนี้ผมว่าผมเจอของจริง เพราะต้องเรียนใหม่และทำความเข้าใจใหม่ทั้งหมด ภาษาฝรั่งเศสไม่เหมือนและซับซ้อนกว่าภาษาอังกฤษมากเลย มีอย่างเดียวที่ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมคือการเขียนตัวอักษรแต่ก็ยังไม่วายจะต้องมาจำการออกเสียงใหม่ของแต่ละตัวอักษรอยู่ดี ผมเคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาตั้งแต่ตอนที่ยังมีอายุไม่เท่าไรครับ เรียนอยู่ตั้ง 3 ปี คุณครูก็สอนดีมาก แล้วผมก็ตั้งใจเรียน แต่เพราะความที่ตอนนั้นรู้สึกว่าภาษาฝรั่งเศสมันยาก ก็เลยตัดสินใจหยุดเรียน หยุดอยู่หลายปีจนลืมไปถึง 3 ใน 4 ที่เคยเรียนมา แต่ภายหลังเกิดคิดใหม่ครับ อยากจะกลับมาเรียนอีกครั้ง ก็เลยเรียนแต่ครั้งหลังนี้ตั้งใจเรียนกว่าครั้งแรกมาก แล้วคุณครูก็สอนดีมากเหมือนกัน
สิ่งที่ผมขอบคุณมาตลอดคือเพื่อนชาวฝรั่งเศสทุกคนที่ผมมี, เพื่อนชาวต่างชาติทุกคนที่เราต้องมาใช้ภาษาฝรั่งเศสสื่อสารกัน, และชาวฝรั่งเศสทุกคนที่ผมมีโอกาสได้ใช้ภาษาฝรั่งเศสด้วยไม่ว่าจะทางตรงก็ดีหรือทางอ้อมก็ดี ที่ช่วยทำให้คนคนหนึ่งพูดภาษาฝรั่งเศสดีขึ้นเรื่อยๆ
ผมซึ้งแจ้งกับตัวเองเลยนะครับว่าภาษาฝรั่งเศสของเราถูกกระชากให้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากตรงนี้เลยแหละ ตอนนั้นผมก็ซ่าอยู่เพราะกล้าที่จะปีกกล้าตั้งแต่ตอนที่ยังมีแค่พื้นฐานเฉยๆแต่ยังไม่ใช่พื้นฐานที่ดี ฟังยังแทบจะไม่รู้เรื่อง แต่ตอนนั้นอยากมีเพื่อนและคนรักชาวฝรั่งเศสมาก ความกล้ามันเลยมาครับ นึกสภาพดูแล้วกันว่า เที่ยวกับเพื่อนฝรั่งเศส ต้องไปนั่งคุยอยู่กับชาวฝรั่งเศสยกกลุ่ม กดดันมาก ตอนทำใหม่ๆนี่ทรมาณอะ เขาคุยอะไรกัน แถมผมต้องตอบด้วยไง ความรู้สึกนั้นมันสุดยอดจริงๆ แต่ใจสู้มากครับ แล้วคนฝรั่งเศสอะ เราพูดภาษาอังกฤษกับเขาแล้วมันไม่ได้ใจกันเท่าภาษาฝรั่งเศสครับ
ผลจากการชอบทำอย่างนั้น ภาษาฝรั่งเศสของผมเลยดีขึ้นมากและเร็วกว่าที่คาดไว้มาก ผมว่าวิธีนี้ได้ผลดีกว่าและไวกว่าเรียนในห้องห้าเท่าเลยอะ ได้อะไรเยอะมาก แต่การเรียนในห้องก็สำคัญมากครับ จะตัดออกก็ไม่ได้ เพราะคุณครูมีหน้าที่สอนโดยตรงครับ ถ้าไม่มีขั้นตอนนี้ก็คงทำขั้นตอนอื่นไม่ได้เหมือนกัน ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เก่งเหมือนเดิมแต่ภาษาฝรั่งเศสไม่เคยอยู่ที่ระดับเท่าเดิมครับ
ต้องการมายืนยันว่าวิธีนี้ดีจริงครับ
การมีเพื่อนหรือคนรักเป็นชาวต่างประเทศ ทำให้ภาษาต่างประเทศดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด สำคัญอย่างแท้ครับ
ผมก็สังเกตจากตัวเองเนี่ยล่ะครับ ครั้งภาษาอังกฤษ ผมเห็นไม่ค่อยชัด เพราะความที่ได้เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ตอนที่เกิดมาอยู่บนโลกได้ไม่กี่ปี, แล้วผมคิดว่าคุณครูทุกท่านเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่ดีที่ช่วยกันประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาให้แก่นักเรียนและนิสิตคนนี้, และผมมีโอกาสได้เจอฝรั่งจากหลายชาติมาตั้งแต่ยังเด็ก ในจุดจุดนั้นถึงต่อให้ขี้เกียจ มันก็ยังไม่เป็นอะไรมากเลย เพราะมันก็จะค่อยๆหล่อหลอมเราไปเรื่อยๆอยู่ดีช้าบ้างหรือเร็วบ้างตามแต่สถานการณ์ แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าภาษาอังกฤษของเราถูกกระชากให้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากที่มันเหมือนถูกซ่อนไว้ก็ตอนที่ได้เพื่อนชาวแคนาดากับชาวสหรัฐอเมริกา
สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนคือครั้งภาษาฝรั่งเศส อันนี้ผมว่าผมเจอของจริง เพราะต้องเรียนใหม่และทำความเข้าใจใหม่ทั้งหมด ภาษาฝรั่งเศสไม่เหมือนและซับซ้อนกว่าภาษาอังกฤษมากเลย มีอย่างเดียวที่ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมคือการเขียนตัวอักษรแต่ก็ยังไม่วายจะต้องมาจำการออกเสียงใหม่ของแต่ละตัวอักษรอยู่ดี ผมเคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาตั้งแต่ตอนที่ยังมีอายุไม่เท่าไรครับ เรียนอยู่ตั้ง 3 ปี คุณครูก็สอนดีมาก แล้วผมก็ตั้งใจเรียน แต่เพราะความที่ตอนนั้นรู้สึกว่าภาษาฝรั่งเศสมันยาก ก็เลยตัดสินใจหยุดเรียน หยุดอยู่หลายปีจนลืมไปถึง 3 ใน 4 ที่เคยเรียนมา แต่ภายหลังเกิดคิดใหม่ครับ อยากจะกลับมาเรียนอีกครั้ง ก็เลยเรียนแต่ครั้งหลังนี้ตั้งใจเรียนกว่าครั้งแรกมาก แล้วคุณครูก็สอนดีมากเหมือนกัน
สิ่งที่ผมขอบคุณมาตลอดคือเพื่อนชาวฝรั่งเศสทุกคนที่ผมมี, เพื่อนชาวต่างชาติทุกคนที่เราต้องมาใช้ภาษาฝรั่งเศสสื่อสารกัน, และชาวฝรั่งเศสทุกคนที่ผมมีโอกาสได้ใช้ภาษาฝรั่งเศสด้วยไม่ว่าจะทางตรงก็ดีหรือทางอ้อมก็ดี ที่ช่วยทำให้คนคนหนึ่งพูดภาษาฝรั่งเศสดีขึ้นเรื่อยๆ
ผมซึ้งแจ้งกับตัวเองเลยนะครับว่าภาษาฝรั่งเศสของเราถูกกระชากให้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากตรงนี้เลยแหละ ตอนนั้นผมก็ซ่าอยู่เพราะกล้าที่จะปีกกล้าตั้งแต่ตอนที่ยังมีแค่พื้นฐานเฉยๆแต่ยังไม่ใช่พื้นฐานที่ดี ฟังยังแทบจะไม่รู้เรื่อง แต่ตอนนั้นอยากมีเพื่อนและคนรักชาวฝรั่งเศสมาก ความกล้ามันเลยมาครับ นึกสภาพดูแล้วกันว่า เที่ยวกับเพื่อนฝรั่งเศส ต้องไปนั่งคุยอยู่กับชาวฝรั่งเศสยกกลุ่ม กดดันมาก ตอนทำใหม่ๆนี่ทรมาณอะ เขาคุยอะไรกัน แถมผมต้องตอบด้วยไง ความรู้สึกนั้นมันสุดยอดจริงๆ แต่ใจสู้มากครับ แล้วคนฝรั่งเศสอะ เราพูดภาษาอังกฤษกับเขาแล้วมันไม่ได้ใจกันเท่าภาษาฝรั่งเศสครับ
ผลจากการชอบทำอย่างนั้น ภาษาฝรั่งเศสของผมเลยดีขึ้นมากและเร็วกว่าที่คาดไว้มาก ผมว่าวิธีนี้ได้ผลดีกว่าและไวกว่าเรียนในห้องห้าเท่าเลยอะ ได้อะไรเยอะมาก แต่การเรียนในห้องก็สำคัญมากครับ จะตัดออกก็ไม่ได้ เพราะคุณครูมีหน้าที่สอนโดยตรงครับ ถ้าไม่มีขั้นตอนนี้ก็คงทำขั้นตอนอื่นไม่ได้เหมือนกัน ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เก่งเหมือนเดิมแต่ภาษาฝรั่งเศสไม่เคยอยู่ที่ระดับเท่าเดิมครับ
ต้องการมายืนยันว่าวิธีนี้ดีจริงครับ