คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ผมเคยสงสัยเรื่องนี้เหมือนกันครับ
แต่ก็คิดว่า การเช็คอินมันคงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำกันมาอย่างยาวนานมากในวงการการบิน
คือสมัยก่อน ตั๋วเครื่องบินก็เหมือนตั๋วรถทัวร์หรือรถไฟ ซึ่งสมัยก่อนยังไม่มีระบบออนไลน์ข้อมูลระหว่างกัน ข้อมูลทุกอย่างจะพิมพ์ไว้บนหน้าตั๋ว
ตั๋วเองก็มีลักษณะเป็น flight coupon คือต้องเอาตั๋วใบนี้ไปแลกเพื่อรับสิทธิ์ในการให้บริการ ดังนั้นจึงต้องมีจุด Check in
เพื่อเปลี่ยน "ตั๋ว" ให้เป็น "บัตรขึ้นเครื่อง" นั่นเอง (และโหลดกระเป๋า, Verify document ด้วยกรณีไฟลต์บินต่างประเทศในสมัยนั้น)
มายุคที่คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตก้าวหน้า (น่าจะ 15-20 ปีที่แล้ว) ถึงได้เริ่มมีการใช้ e-ticket โดยข้อมูลตั๋วเก็บไว้ที่ส่วนกลางทั้งหมด และใช้ชื่อผู้โดยสารในการระบุตัวตนรับสิทธิ์แทน ตั๋วแบบ flight coupon ที่ว่าเพื่อเปลี่ยนเป็นตั๋วก็ไม่จำเป็นต้องมีแล้ว แต่เคาท์เตอร์เช็คอินก็ยังมีต่อไป เพื่อให้ boarding pass, รับโหลดกระเป่า และ verify document อยู่ดี
แต่หลังๆ มานี้โดยเฉพาะยุคโลว์คอส ผมมองว่าทางสายการบินเองก็รู้ตัวนะ ว่าระบบการเช็คอินแบบเดิมๆ มันยุ่งยากและเริ่มไม่จำเป็น ถึงได้เริ่มมี web check-in, mobile check-in รวมถึง kiosk check-in และพยายามลดบทบาทของเคาท์เตอร์เช็คอินลง เปลี่ยนมาเป็นช่องดร็อปกระเป๋าแทน ซึ่งเดี๋ยวนี้จองตั๋ว เช็คอินจากบ้าน ปรินท์ boarding pass มา ก็ใช้ขึ้นเครื่องได้แล้ว คำว่าตั๋วและเคาท์เตอร์เช็คอินนี่แทบไม่มีความหมายแล้ว
สำหรับการบินระหว่างประเทศ การ verify document ตรงนี้ก็ยังเป็นหน้าที่ของเคาท์เตอร์เช็คอิน แต่บางสายการบิน โดยเฉพาะสายที่บินภูมิภาคอย่าง AirAsia ที่บินภูมิภาคนี้ไม่เคร่งเรื่องวีซ่าอยู่แล้ว ก็จะลดขั้นตอนนี้ลงไปเลย คือมี boarding pass ก็ผ่านเข้า ตม. ไปได้เลย แล้ว จนท. หน้าเกตค่อยตรวจตัวเล่มพาสปอร์ตอีกทีว่ายัง valid หรือไม่ ตรงนี้ก็ลดขั้นตอนไปได้เยอะ
-----------------------------------------------
สำหรับคำถามของ จขกท
- ถ้าไม่โหลดกระเป๋า และบินในประเทศไม่จำเป็นต้องมาก่อน 45 นาทีครับ แต่ให้ดูเวลาบน boarding pass ที่เราปรินท์ไว้เป็นสำคัญ ว่าเวลา boarding กี่โมง และเกตจะปิดกี่โมงก่อนเวลาเครื่องออก และให้ประเมินเวลาที่เราจะเดินทางไปจนถึงหน้าเกทจะต้องให้ทันเวลา
- ถ้าบินต่างประเทศ ก็ต้องดูแต่ละสายการบินด้วยว่ามีวิธีปฏิบัติอย่างไร ต้อง verify document ที่เคาท์เตอร์หรือไม่ บางสายต้อง บางสายไม่ต้อง ดังนั้นถามเจ้าหน้าที่สายการบินจะดีที่สุด และควรเผื่อเวลาไว้ล่วงหน้าก่อนบิน 1 ชั่วโมงสำหรับการต่อ ตม. ด้วย
- ต่างประเทศ เช่นที่ญี่ปุ่น แก้สถานการณ์แบบนี้มานานแล้วโดยการใช้เครื่อง kiosk รับเช็คอินแทนกับไฟลต์บินในประเทศ และมีจุด drop กระเป๋าโดยเฉพาะ และช่วงเวลาของเค้าก็ยืดหยุ่นมาก ทำให้การบินมันเป็นเรื่องง่ายๆ ครับ ซึ่งหลังๆ หลายสายการบินนี้ก็มาแนวทางนี้กันหมดเลย
แต่ก็คิดว่า การเช็คอินมันคงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำกันมาอย่างยาวนานมากในวงการการบิน
คือสมัยก่อน ตั๋วเครื่องบินก็เหมือนตั๋วรถทัวร์หรือรถไฟ ซึ่งสมัยก่อนยังไม่มีระบบออนไลน์ข้อมูลระหว่างกัน ข้อมูลทุกอย่างจะพิมพ์ไว้บนหน้าตั๋ว
ตั๋วเองก็มีลักษณะเป็น flight coupon คือต้องเอาตั๋วใบนี้ไปแลกเพื่อรับสิทธิ์ในการให้บริการ ดังนั้นจึงต้องมีจุด Check in
เพื่อเปลี่ยน "ตั๋ว" ให้เป็น "บัตรขึ้นเครื่อง" นั่นเอง (และโหลดกระเป๋า, Verify document ด้วยกรณีไฟลต์บินต่างประเทศในสมัยนั้น)
มายุคที่คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตก้าวหน้า (น่าจะ 15-20 ปีที่แล้ว) ถึงได้เริ่มมีการใช้ e-ticket โดยข้อมูลตั๋วเก็บไว้ที่ส่วนกลางทั้งหมด และใช้ชื่อผู้โดยสารในการระบุตัวตนรับสิทธิ์แทน ตั๋วแบบ flight coupon ที่ว่าเพื่อเปลี่ยนเป็นตั๋วก็ไม่จำเป็นต้องมีแล้ว แต่เคาท์เตอร์เช็คอินก็ยังมีต่อไป เพื่อให้ boarding pass, รับโหลดกระเป่า และ verify document อยู่ดี
แต่หลังๆ มานี้โดยเฉพาะยุคโลว์คอส ผมมองว่าทางสายการบินเองก็รู้ตัวนะ ว่าระบบการเช็คอินแบบเดิมๆ มันยุ่งยากและเริ่มไม่จำเป็น ถึงได้เริ่มมี web check-in, mobile check-in รวมถึง kiosk check-in และพยายามลดบทบาทของเคาท์เตอร์เช็คอินลง เปลี่ยนมาเป็นช่องดร็อปกระเป๋าแทน ซึ่งเดี๋ยวนี้จองตั๋ว เช็คอินจากบ้าน ปรินท์ boarding pass มา ก็ใช้ขึ้นเครื่องได้แล้ว คำว่าตั๋วและเคาท์เตอร์เช็คอินนี่แทบไม่มีความหมายแล้ว
สำหรับการบินระหว่างประเทศ การ verify document ตรงนี้ก็ยังเป็นหน้าที่ของเคาท์เตอร์เช็คอิน แต่บางสายการบิน โดยเฉพาะสายที่บินภูมิภาคอย่าง AirAsia ที่บินภูมิภาคนี้ไม่เคร่งเรื่องวีซ่าอยู่แล้ว ก็จะลดขั้นตอนนี้ลงไปเลย คือมี boarding pass ก็ผ่านเข้า ตม. ไปได้เลย แล้ว จนท. หน้าเกตค่อยตรวจตัวเล่มพาสปอร์ตอีกทีว่ายัง valid หรือไม่ ตรงนี้ก็ลดขั้นตอนไปได้เยอะ
-----------------------------------------------
สำหรับคำถามของ จขกท
- ถ้าไม่โหลดกระเป๋า และบินในประเทศไม่จำเป็นต้องมาก่อน 45 นาทีครับ แต่ให้ดูเวลาบน boarding pass ที่เราปรินท์ไว้เป็นสำคัญ ว่าเวลา boarding กี่โมง และเกตจะปิดกี่โมงก่อนเวลาเครื่องออก และให้ประเมินเวลาที่เราจะเดินทางไปจนถึงหน้าเกทจะต้องให้ทันเวลา
- ถ้าบินต่างประเทศ ก็ต้องดูแต่ละสายการบินด้วยว่ามีวิธีปฏิบัติอย่างไร ต้อง verify document ที่เคาท์เตอร์หรือไม่ บางสายต้อง บางสายไม่ต้อง ดังนั้นถามเจ้าหน้าที่สายการบินจะดีที่สุด และควรเผื่อเวลาไว้ล่วงหน้าก่อนบิน 1 ชั่วโมงสำหรับการต่อ ตม. ด้วย
- ต่างประเทศ เช่นที่ญี่ปุ่น แก้สถานการณ์แบบนี้มานานแล้วโดยการใช้เครื่อง kiosk รับเช็คอินแทนกับไฟลต์บินในประเทศ และมีจุด drop กระเป๋าโดยเฉพาะ และช่วงเวลาของเค้าก็ยืดหยุ่นมาก ทำให้การบินมันเป็นเรื่องง่ายๆ ครับ ซึ่งหลังๆ หลายสายการบินนี้ก็มาแนวทางนี้กันหมดเลย
แสดงความคิดเห็น
ทำไมต้อง Check-in ก่อนขึ้นเครื่องครับ ?
แต่สำหรับคนที่ไม่ได้โหลดกระเป๋าอ่าครับ ขึ้นเครื่องตัวเปล่าหรือกระเป๋าติดตัวสักใบ หรือสาย Backpacker จำเป็นไหมที่ต้องไปเชคอินที่สนามบินก่อน 45 นาทีเหมือนปกติไหมอ่าครับ ผมสงสัย
หรือทางสายการบินแก้ปัญหานี้โดยการเช็คอินออนไลน์แล้วอ่าครับ ?
หรือในต่างประเทศมีวิธีการแก้สถานการณ์แบบนี้อย่างไรบ้างครับ