1 คืนใน St. Moritz ฟินกับสระน้ำอุ่น ที่ Ovaverva Spa แถม review Chesa Albris Bed and Breakfast

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะคะ ไปสวิสมาเมื่อวันที่ 17 -26 พ.ค. ที่ผ่านมา ขอนำอะไรเล็กๆน้อยๆมารีวิว เพื่อเป็นการขอบคุณห้องบลู ที่มีคุณูปการอย่างมากในการไปเที่ยวแบ็คแพ็คของเราทุกครั้ง (ก็พึ่งพากระทู้ห้องบลูเรื่อยมา และคงจะพึ่งต่อๆๆไป ) ก็เลยอยากเอาอะไรมาแชร์บ้างเล็กน้อยๆค่ะ เพื่อแลกกันบ้าง (จะแชร์สิ้นทุกสิ่งอัน ก็ขยันเหลื๊อเกิน !!! )

อันนี้ไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่จะไปค้างคืน St. Moritz สัก 1 คืน (เหมือนเรา / คาดว่าน่าจะเป็นคนที่หมายมั่นปั้นมือจะนั่ง Glacier Express ไปจนสุดสาย) ในช่วงเวลาประมาณ 16 ช.ม. ที่นี่  ปรากฎว่าเราฟินมากกกก ทีเดียวเชียวล่ะค่ะ เพราะว่าเป็นคนชอบเล่นน้ำ (อาจจะเป็นความฟินส่วนตัวก็ได้นะคะ เหอ เหอ)

คำชี้แจง ภาพในกระทู้ ส่วนหนึ่งถ่ายจากกล้องมือถือ (ที่คนถ่ายฝีมือธรรมดามากๆ) และส่วนนึงนำมาจากเว็บ (เพราะมัวแต่เล่นน้ำไม่ได้ถ่ายค่ะ เกรงใจคนอื่นๆในสระด้วยค่ะ  แต่อยากให้ผู้อ่านได้เห็นภาพเลยพยายามไปเซิร์ซมา) ผิดพลาดแต่ประการใด ก็ขออำไพไว้ก่อนนะคะ  ยังไงก็ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ



วันที่ 24 พ.ค. 59 เรากับเพื่อนนั่ง Glacier Express จาก Andermatt ไปถึง  St. Moritz เวลาประมาณสี่โมง(เย็น)กว่าๆค่ะ เดินทางเอากระเป๋าไปเก็บที่พักก่อนนะคะ  เรานั่งรถบัสสาย 4 ไปค่ะ ไปลงที่ป้าย St. Moritz Bad,  Giand ' Alva มีบอร์ดแสดงชื่อป้ายบนรถบัสค่ะ นั่งไปประมาณ 8 หรือ 9 นาทีก็ถึง (อันนี้เซิร์ซการเดินทางจากกูเกิ้ลนะคะ แต่ละช่วงเวลาอาจจะไม่เหมือนกัน) ลงรถบัสแล้วเดินขึ้นเนินไปประมาณ 1 นาที มองทางซ้ายมือจะเห็นที่พัก พอเข้าไปถึง มีชื่อเราพร้อมระบุหมายเลขห้องและแขวนกุญแจไว้ให้พร้อม เรากับเพื่อนได้พักห้องเบอร์ 1  ราคา 1 คืน พัก 2 คน เพื่อนเราจองได้ 110 CHF ค่ะ (หารกันเหลือคนละ 55 CHF) ราคามีขึ้นมีลงนะคะ แล้วแต่ช่วงระยะเวลาการจอง

ขอพักไว้ก่อน เดี๋ยวรีวิวที่พักทีหลัง ถามคนเฝ้าเรื่องร้านอาหารและสปา(สระว่ายน้ำ) เขาก็แนะนำมาอยู่ใกล้กันเลย และไม่ไกลที่พักด้วย (จริงๆสปานี้เราเคยอ่านรีวิวใน Trip Adviser แล้วค่ะ รู้สึกสนใจตั้งแต่ตอนนั้น ตอนคนเฝ้าฯแนะนำไม่ชัวร์เท่าไหร่ว่าที่เดียวกันไหม ปรากฎว่าใช่จริงๆค่ะ เป็นอันที่คนโหวตให้เยอะสุดของเมืองนี้) เขาบอกว่าเดินไปจากที่พัก 5 นาทีถึง (จริงๆน่าจะเกิน 5 นะคะ ) ก็จัดกันเลยสิคะ  เรายัดชุดว่ายน้ำที่เตรียมมาลงเป้ใบเล็ก พร้อมผ้าขนหนู สบู่ ยาสระผมต่างๆ ของพวกนี้ถ้าไปใช้ของสปาจะต้องซื้อเซ็ทเพิ่ม มีค่าใช้จ่ายค่ะ เลยเตรียมไปเองดีกว่าเซฟๆ แล้วคุยกับเพื่อนว่าไปกินมื้อเย็นกันก่อน แล้วเราแยกไปสระว่ายน้ำ ส่วนเพื่อน นางจะไปเดินชิลล์ชมวิวริมทะเลสาป เพราะอยู่ในช่วงลงน้ำไม่ได้พอดี (แต่ไม่ต้องสงสารนางหรอกนะคะ เดี๋ยวอีก 2 วันจากนี้นางจะไปลอยล่องใน Blue lagoon ที่ Iceland แทนค่ะ)

เราเดินลงเนินย้อนลงไปตามทางที่รถบัสแล่นมา แล้วตรงๆๆไปเรื่อยๆ ตรงอย่างเดียวห้ามเลี้ยวไปไหน ประมาณ 7-8 นาที (800) เมตร  ก่อนถึงสปาจะเจอทางแยกเล็ก มีป้ายบอกทางไป โรงแรม Laudinella เลี้ยวซ้ายไปตามป้าย ลงไปที่ชั้นใต้ดินจะมีร้านพิซซา ที่คนเฝ้าที่พักแนะนำให้มาลองชิม ในร้านก็ว่อนไปด้วยภาษาอิตาเลียน หึ หึ แน่นอนค่ะ ว่าฟังไม่ออก (แถบนี้เค้าพูดอิตาเลียนกัน ) แต่ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ สั่งพิซซามา 1 ถาด ราคา 19 CHF แบ่งกันกินสองคน (ไม่หมดค่ะ ห่อกลับ ได้กินบนรถไฟวันถัดมา) เพื่อนสั่งซุปมา 1 ถ้วยเป็นซุปแอสพารากัส  นางอยากซดซุปร้อนๆ ส่วนเราอยากลองเบียร์ของที่นี่ สั่งมาแบ่งกัน 1 แก้ว  แบบว่าเน้นชิม ไม่เน้นเมา (เสียดายลืมถ่ายเบียร์มา)



พิซซาอร่อยนะคะ แต่กินร้านดีๆในบ้านเรา ก็ไม่แพ้เค้าค่ะ เลยประทับใจเบียร์  เบียร์มันเบาสบายท้องอย่างบอกไม่ถูกค่ะ (เบียร์นะ ไม่ใช่ Slim Drink) ก่อนจะสั่งเบียร์ พนักงานเสิร์ฟโม้ให้ฟังว่าน้ำเปล่าของ St. Moritz เป็นน้ำดื่มที่ดีที่สุดในโลก (อะโหววววว) จริงรึเปล่าไม่รู้ค่ะ ตื่นเต้นไว้ก่อน คือไม่ต้องที่สุดในโลกก็ได้ ไม่คาดหวังสูง แค่ดีติดอันดับต้นๆก็ซึ้งแล้ว ก็เป็นน้ำเปล่าที่สดชื่นนนนน บริสุทธิ์จริงค่ะ พออิ่มกันแล้ว ก็ไปลงน้ำซะทีนะคะ  ออกมาจากร้านอาหารเดินย้อนกลับมาที่สี่แยกเล็กเหมือนเดิม เดินตรงไปเบาๆ 10-20 เมตรก็เจอแล้วค่ะ หน้าตาแบบนี้



เดินลงไปที่ชั้นล่างผ่านประตูหมุน ไปหาพนักงานที่เคาน์เตอร์ด่วนๆค่ะ ถามว่าเค้ามีแพ็คเกจอะไรบ้าง เค้าก็ให้คำแนะนำอย่างดี อันนี้รายละเอียด และเวลาเปิดปิด



แพ็คเกจและราคาค่ะ



ครั้งนี้เราไม่ใช้บริการสปานะคะ เน้นสระน้ำเท่านั้น แต่นอกจากสระน้ำ เขายังมี Fun Tower  คือพวกสไลเดอร์ให้เล่นด้วย ราคาสำหรับสระน้ำกับ Fun Tower (ถึงไม่เล่นสไลเดอร์ก็ราคานี้) 14 CHF  (อยากรู้ราคาเมืองไทย คูณด้วย 37 โดยประมาณ)  พอจ่ายตังค์ไปแล้วก็จะได้สายรัดข้อมือ ที่มีปุ่มนูนตรงกลาง พร้อมเบอร์ล็อคเกอร์ พนักงานจะสอนวิธีใช้ (อันแสนง่าย) ว่าให้เอาปุ่มนูนตรงกลางสายรัดกดไปที่ปุ่มบนล็อคเกอร์ ประตูล็อคเกอร์จะเปิดออก ยัดข้าวของใส่เข้าไป เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำเสร็จสรรพ ก็ไปสำรวจสระของเขากันเลยค่ะ


ที่มีสปริงบอร์ดคือสระน้ำลึก 25 เมตร สำหรับกระโดดน้ำค่ะ เห็นในสระใหญ่โซน indoor มีสาวๆหลายคนมาฝึกว่ายน้ำ ตอนที่เราไปเหมือนแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย คนเอเซียก็มีเราหัวดำอยู่คนเดียว  โซนนี้เราเดินเล่นสำรวจที่ทางแต่ไม่ลงเล่น ไปมุดลงสระนี้!ค่ะ



ฟินมากกกกกกสระน้ำอุ่น ควันลอยจางๆ ณ อุณหภูมิภายนอกประมาณ 10 องศา เห็นวิวภูเขาแบบนี้เลย   นอนแช่ให้ฟองจากุชชี่นวดตัวเพลินไปเลยค่ะ ต้องยอมรับเลยว่าวัสดุอุปกรณ์เขาดีจริง สระนี้ทำแนวจากุชชี่ไว้สองแนว ตรงริมสระที่เห็นวิวชัดๆ กับตรงกลางสระ และสลับกันเปิดให้ใช้งาน พรายฟองที่นี่จะแน่นและนวดตัวมันส์มาก ดีกว่าที่เคยแช่จากุชชี่ที่อื่นมา ที่มักจะเบาๆ รู้สึกไม่ได้นวดสักเท่าไหร่ อันนี้นวดดีมากค่ะ แล้วก็มีท่อให้น้ำไหลลงมานวดคอ บ่า ไหล่อีกคู่หนึ่งด้วย อยู่ตรงนี้นานเลย พอฟินได้ระดับ ต้องไปลองของอีกอย่างแล้วค่ะ ออกจากสระกลางแจ้ง ย้อนกลับเข้ามา indoor เดินไปทางด้านหลังจะมีป้ายบอกทางไป Fun Tower (ใกล้ๆกันจะมีห้องน้ำอยู่ค่ะ) พอเดินเข้าไปตามป้าย จะเจอภาพตามด้านล่างนี้ เวลาจะลื่นไถลลงไปให้สังเกตปุ่มสีๆด้านบน ถ้าแดงให้หยุดอยู่ก่อน พอเขียวค่อยลงค่ะ เขาจะมีป้ายบอกวิธีการเล่นอยู่ค่ะ




จากที่เล่นมาครบทุกอัน ชอบรางใหญ่สีแดงที่สุดค่ะ



สไลเดอร์อันใหญ่สุดของที่นี่ อาจจะไม่ใหญ่โตเท่าสวนน้ำใหญ่ๆนะคะ แต่สำหรับสระน้ำประมาณนี้ถือว่าดีงามเกินคาดแล้วค่ะ เมื่อลื่นลงไปแล้ว จะสนุกยิ่งขึ้นถ้าคว้าห่วงยางมารองนั่งด้วย ด้านล่างจะมีห่วงยางเตรียมไว้ให้ค่ะ คว้ามาเลย แล้วขึ้นบันไดไปไวๆ ไถลไปอีกกี่รอบแล้วแต่แรงเหลือ เสร็จแล้วเราก็ขอไปจบสวยๆกับสระ outdoor อีกรอบค่ะ จนท้องฟ้าเริ่มจะมืด (น่าจะสักสองทุ่มได้แล้ว ) ก็บิดขี้เกียจลุกขึ้นจากน้ำ ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้อบอุ่น  ในโซนห้องอาบน้ำ และล็อคเกอร์ มีบริการไดร์เป่าผมพร้อม ไม่ต้องกลัวหัวเปียกออกไป  เดินออกมาสบายๆ ชมวิวระหว่างกลับที่พักค่ะ



คุณเพื่อนกลับมาก่อนเป็นที่เรียบร้อย (เราไปว่ายน้ำก็ต้องนานกว่าแหละเนอะ) กำลังเม้ามอยกับคู่สามีภรรยาญี่ปุ่น  (หนุ่มเท่ห์ สาวสวย)เพื่อนร่วมที่พัก ที่นอนห้องเบอร์ 3 ค่ะ (เหมือนทั้งหมดจะมีแค่ 3 ห้องนะคะ ไม่ค่อยแน่ใจ) คืนนี้มีแค่เราสี่คน ก็เม้ากันเป็นชั่วโมงเลย ไปเที่ยวคราวนี้ได้เปิดหูเปิดตาเจอชาวญี่ปุ่นกับเกาหลีที่มาเที่ยวยุโรปทั้งที่พูดภาษาอังกฤษได้น้อยมาก (เราว่าเราพูดได้น้อยแล้ว เขายังน้อยกว่าอีก แต่ก็ไม่กลัวการเดินทางในต่างแดนกันเลย  อันนี้คือทึ่งนะคะ)  คือเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ช่วยนักเดินทางได้มากจริงๆ คนต่างชาติต่างภาษาอาศัยซิมการ์ดอินเตอร์เน็ตเดินทางไปได้ทั่ว ไม่ชี้นำนะคะว่าการไปแบบสปึคได้มากหรือน้อย อันไหนจะดีกว่า แต่ละวิธีก็เหมาะกับแต่ละคนและมีข้อดีข้อเสียต่างๆกันไปค่ะ อ้าว! แล้วถ้าเขาพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ แล้วเม้าอะไรกัน! ก็มีเทคนิคค่ะ เอารูปมาแบ่งกันดู งูๆปลาๆกันไปค่ะ เพลินดี  อ้อ เข้าที่พักแล้ว จะรีวิวที่พักซะทีนะคะ  เท่าที่เห็น มีสามห้องค่ะ และมีห้องน้ำสองห้อง เราเลยแบ่งห้องน้ำกันคู่ละห้องโดยอัตโนมัติ ตอนใช้ห้องน้ำจึงไม่จ๊ะเอ๋กับคู่ญี่ปุ่นนี้เลยค่ะ ห้องนอนที่เห็นด้วยตาตัวเองนี่ดูดีกว่ารูปในเว็บนะคะ พูดเลย



ห้องน้ำค่ะ



ส่วนกลาง  มีประตูเปิดออกไปเป็นระเบียง พร้อมเก้าอี้ถ้าใครอยากนั่งเล่น และมีที่ให้ตากผ้าด้วยค่ะ



วิวจากระเบียง และอุณหภูมิเช้าวันต่อมา



สำรวจอาหารเช้ากันสักเล็กน้อย ราคาที่แจ้งไว้ด้านบนรวมอาหารเช้า 1 มื้อ คุณภาพและปริมาณดังนี้ค่ะ (อันนี้เขาจัดไว้ให้สำหรับ 4 คน) รู้สึกจะมีขนมปังอีก 1 ตระกร้านะคะ (ในรูปเหมือนจะเห็นไม่ชัด)



ภาพรวม และอุปกรณ์การกินต่างๆ



วัตถุดิบดีค่ะ เรื่องอิ่มไม่ต้องพูดถึง กินไม่หมดเลยแหละ  เราชอบแยมแอปริคอตสุด!!! หม่ำเสร็จแล้วก็รีบโกยข้าวของออกไป จบทริปสั๊น สั้นที่ St. Moritz อย่างจับใจเราค่ะ

สำหรับพี่ๆเพื่อนๆ น้องๆที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอบคุณมากเลยนะคะ   ถ้าใครมีอะไรสงสัย  แล้วเรารู้และตอบได้ ก็จะแวะมาตอบน๊า





แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่