หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
แสงส่องใจ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 224 ค่ะ โดยสมเด็จพระสังฆราช (สกลมหาสังฆปริณายก)
กระทู้สนทนา
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ศาสนาพุทธ
ศาสนา
แสงส่องใจ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 224 ค่ะ
โดยสมเด็จพระสังฆราช (สกลมหาสังฆปริณายก)
แสงส่องใจให้เพียงพรหม
เทศนานิพนธ์
ใน
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ใจที่มีพรหมวิหารธรรมไม่บริบูรณ์ทั้ง ๔ ประการ เช่นมีเพียงเมตตากรุณา ก็ยังไม่เย็นจริง ยังร้อนอยู่ การขาดมุทิตาและอุเบกขาเป็นเหตุให้ร้อนได้ ขาดมากเพียงไรก็ยิ่งร้อนมากเพียงนั้น แต่เมตตากรุณาเพียงสองประการ ผู้ใดมีก็ยังช่วยให้เย็นช่วยให้ใจเป็นสุขได้มาก แต่ในเวลาที่ต้องใช้มุทิตาและอุเบกขา ถ้าไม่มีมุทิตาและอุเบกขา เมตตากรุณาก็ช่วยให้มีความเย็นความเป็นสุขไม่ได้ ความร้อนจะต้องเกิดจนได้ ผู้เคยประสบความรู้สึกเช่นนี้ด้วยตนเอง และพิจารณาจนเข้าใจแล้วว่าตนเป็นทุกข์เพราะมีเมตตากรุณาแต่ขาดมุทิตาและอุเบกขา ย่อมจะรู้ดีว่าไม่เพียงแต่เมตตากรุณาเท่านั้นที่จำเป็นสำหรับช่วยให้เป็นสุขเย็นใจ มุทิตาและอุเบกขาก็จำเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน แต่เมตตากรุณานั้นต้องนำหน้ามาก่อนเสมอ มีเมตตากรุณาก่อน แล้วจึงให้มุทิตาและอุเบกขาตาม
ใจเป็นสิ่งที่ฝึกได้อบรมได้ เพียงให้มั่นใจและมีความตั้งใจจริงที่จะฝึกอบรมใจตน มีความเพียรพยายามให้สม่ำเสมอในการฝึกอบรมใจตน และที่สำคัญที่สุดคือให้มีความเห็นชอบคือสัมมาทิฐิก่อนด้วย แม้ความเห็นชอบมั่นคง การปฏิบัติที่ตามมาจะเป็นการปฏิบัติในสายชอบ นำสู่จุดหมายปลายทางที่ชอบได้ สัมมาทิฐิในกรณีนี้คือให้เชื่อในเรื่องประโยชน์หรือคุณของพรหมวิหารธรรมที่จะเกิดแก่ตนก่อน ส่วนที่จะเกิดแก่ผู้อื่นเป็นเรื่องทีหลัง เมื่อเมตตาเกิดขึ้น กรุณาเกิดขึ้นในจิตใจ ใจตนเองนั้นแหละได้เสวยผลแล้วทันที จะอ่อนโยนเยือกเย็น เป็นความสุขที่เกิดแต่เมตตากรุณาโดยเฉพาะ ไม่มีความสุขใดที่เกิดแต่อื่นเปรียบเสมอ
การฝึกเมตตากรุณานั้นฝึกได้ทุกเวลานาที แผ่ไปได้ทั้งในคนในสัตว์ทั้งปวง จะคิดไปเรื่อย ๆ ก็สมควรนัก เห็นคนเห็นสัตว์ก็คิดให้เห็นความทุกข์ของเขา ซึ่งก็เหมือนความทุกข์ของเรานั่นเอง บางทีบางคนให้เมตตากรุณาแก่สัตว์ได้ง่าย เพราะคิดให้เห็นความน่าสงสารได้ชัด คือคิดว่าสัตว์แตกต่างกับคนเพียงรูปลักษณะเท่านั้น อย่างอื่นเหมือนกัน สัตว์เกิดจากธาตุน้ำธาตุดินคือเลือดเนื้อของแม่พ่อเช่นเดียวกับคน สัตว์มีส่วนประกอบคือธาตุดินน้ำไฟลมอากาศและวิญญาณเช่นเดียวกับคน ความรู้สึกนึกคิดของสัตว์อาจไม่แตกต่างจากคนมากนัก สัตว์นั้นอาจเคยมีความเป็นอยู่เหมือนคนในชาติหนึ่งภพหนึ่งมาแล้ว เมื่อเกิดชาตินี้ภพนี้ต้องเป็นเช่นนี้ ถ้ายังมีความรู้สึกนึกคิดที่พอจะเหมือนคนอยู่ด้วย ก็จะยิ่งน่าสงสารในความเดือดร้อนของสัตว์เป็นอันมาก มีผู้เคยกล่าวว่า คิดเช่นนี้แล้วเกิดความเมตตากรุณาในสัตว์ได้เสมอเมื่อพบเห็นหรือเมื่อนึกถึง ความคิดเช่นนี้เป็นคุณ เป็นทางอบรมปัญญาที่ไม่ผิด
การอบรมเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขานั้น ไม่มีข้อบังคับกฎเกณฑ์ว่าให้ทำอย่างไรเป็นที่แน่นอนลงไป เพียงให้ใช้ปัญญา คิดอย่างไรก็ได้ที่จะเกิดความรู้สึกเมตตาสงสารอย่างจริงใจ ไม่ใช่ปากพูดว่าสงสาร แต่ใจไม่เป็นเช่นปากพูด หรือไม่ใช่ปากพูดว่าอยากจะช่วยให้พ้นความทุกข์ความเดือดร้อน แต่ใจไม่ได้คิดเลยที่จะช่วย หรือปากพูดว่าดีใจด้วยแต่ใจมิได้พลอยยินดีด้วยหรืออาจจะกำลังริษยาอยู่ด้วยซ้ำ หรือปากพูดว่าอุเบกขาแต่ใจจืดใจดำไม่ใช่อุเบกขาเลย เรื่องของปากพูดกับเรื่องใจจริงเช่นนี้แตกต่างกันเหมือนสีดำกับสีขาว แม้มีเมตตากรุณาอยู่จริงในใจ ปากจะพูดหรือไม่ก็เป็นผู้มีเมตตาจริง ตรงกันข้าม แม้พูดแต่ปากไม่มีอยู่จริงในใจ ก็ไม่เป็นผู้มีเมตตาจริง
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ศาสนาพุทธ
ศาสนา
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
แสงส่องใจ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 224 ค่ะ โดยสมเด็จพระสังฆราช (สกลมหาสังฆปริณายก)
โดยสมเด็จพระสังฆราช (สกลมหาสังฆปริณายก)
เทศนานิพนธ์
ใน
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ใจที่มีพรหมวิหารธรรมไม่บริบูรณ์ทั้ง ๔ ประการ เช่นมีเพียงเมตตากรุณา ก็ยังไม่เย็นจริง ยังร้อนอยู่ การขาดมุทิตาและอุเบกขาเป็นเหตุให้ร้อนได้ ขาดมากเพียงไรก็ยิ่งร้อนมากเพียงนั้น แต่เมตตากรุณาเพียงสองประการ ผู้ใดมีก็ยังช่วยให้เย็นช่วยให้ใจเป็นสุขได้มาก แต่ในเวลาที่ต้องใช้มุทิตาและอุเบกขา ถ้าไม่มีมุทิตาและอุเบกขา เมตตากรุณาก็ช่วยให้มีความเย็นความเป็นสุขไม่ได้ ความร้อนจะต้องเกิดจนได้ ผู้เคยประสบความรู้สึกเช่นนี้ด้วยตนเอง และพิจารณาจนเข้าใจแล้วว่าตนเป็นทุกข์เพราะมีเมตตากรุณาแต่ขาดมุทิตาและอุเบกขา ย่อมจะรู้ดีว่าไม่เพียงแต่เมตตากรุณาเท่านั้นที่จำเป็นสำหรับช่วยให้เป็นสุขเย็นใจ มุทิตาและอุเบกขาก็จำเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน แต่เมตตากรุณานั้นต้องนำหน้ามาก่อนเสมอ มีเมตตากรุณาก่อน แล้วจึงให้มุทิตาและอุเบกขาตาม
ใจเป็นสิ่งที่ฝึกได้อบรมได้ เพียงให้มั่นใจและมีความตั้งใจจริงที่จะฝึกอบรมใจตน มีความเพียรพยายามให้สม่ำเสมอในการฝึกอบรมใจตน และที่สำคัญที่สุดคือให้มีความเห็นชอบคือสัมมาทิฐิก่อนด้วย แม้ความเห็นชอบมั่นคง การปฏิบัติที่ตามมาจะเป็นการปฏิบัติในสายชอบ นำสู่จุดหมายปลายทางที่ชอบได้ สัมมาทิฐิในกรณีนี้คือให้เชื่อในเรื่องประโยชน์หรือคุณของพรหมวิหารธรรมที่จะเกิดแก่ตนก่อน ส่วนที่จะเกิดแก่ผู้อื่นเป็นเรื่องทีหลัง เมื่อเมตตาเกิดขึ้น กรุณาเกิดขึ้นในจิตใจ ใจตนเองนั้นแหละได้เสวยผลแล้วทันที จะอ่อนโยนเยือกเย็น เป็นความสุขที่เกิดแต่เมตตากรุณาโดยเฉพาะ ไม่มีความสุขใดที่เกิดแต่อื่นเปรียบเสมอ
การฝึกเมตตากรุณานั้นฝึกได้ทุกเวลานาที แผ่ไปได้ทั้งในคนในสัตว์ทั้งปวง จะคิดไปเรื่อย ๆ ก็สมควรนัก เห็นคนเห็นสัตว์ก็คิดให้เห็นความทุกข์ของเขา ซึ่งก็เหมือนความทุกข์ของเรานั่นเอง บางทีบางคนให้เมตตากรุณาแก่สัตว์ได้ง่าย เพราะคิดให้เห็นความน่าสงสารได้ชัด คือคิดว่าสัตว์แตกต่างกับคนเพียงรูปลักษณะเท่านั้น อย่างอื่นเหมือนกัน สัตว์เกิดจากธาตุน้ำธาตุดินคือเลือดเนื้อของแม่พ่อเช่นเดียวกับคน สัตว์มีส่วนประกอบคือธาตุดินน้ำไฟลมอากาศและวิญญาณเช่นเดียวกับคน ความรู้สึกนึกคิดของสัตว์อาจไม่แตกต่างจากคนมากนัก สัตว์นั้นอาจเคยมีความเป็นอยู่เหมือนคนในชาติหนึ่งภพหนึ่งมาแล้ว เมื่อเกิดชาตินี้ภพนี้ต้องเป็นเช่นนี้ ถ้ายังมีความรู้สึกนึกคิดที่พอจะเหมือนคนอยู่ด้วย ก็จะยิ่งน่าสงสารในความเดือดร้อนของสัตว์เป็นอันมาก มีผู้เคยกล่าวว่า คิดเช่นนี้แล้วเกิดความเมตตากรุณาในสัตว์ได้เสมอเมื่อพบเห็นหรือเมื่อนึกถึง ความคิดเช่นนี้เป็นคุณ เป็นทางอบรมปัญญาที่ไม่ผิด
การอบรมเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขานั้น ไม่มีข้อบังคับกฎเกณฑ์ว่าให้ทำอย่างไรเป็นที่แน่นอนลงไป เพียงให้ใช้ปัญญา คิดอย่างไรก็ได้ที่จะเกิดความรู้สึกเมตตาสงสารอย่างจริงใจ ไม่ใช่ปากพูดว่าสงสาร แต่ใจไม่เป็นเช่นปากพูด หรือไม่ใช่ปากพูดว่าอยากจะช่วยให้พ้นความทุกข์ความเดือดร้อน แต่ใจไม่ได้คิดเลยที่จะช่วย หรือปากพูดว่าดีใจด้วยแต่ใจมิได้พลอยยินดีด้วยหรืออาจจะกำลังริษยาอยู่ด้วยซ้ำ หรือปากพูดว่าอุเบกขาแต่ใจจืดใจดำไม่ใช่อุเบกขาเลย เรื่องของปากพูดกับเรื่องใจจริงเช่นนี้แตกต่างกันเหมือนสีดำกับสีขาว แม้มีเมตตากรุณาอยู่จริงในใจ ปากจะพูดหรือไม่ก็เป็นผู้มีเมตตาจริง ตรงกันข้าม แม้พูดแต่ปากไม่มีอยู่จริงในใจ ก็ไม่เป็นผู้มีเมตตาจริง