สนข.ทุ่มพันล้าน ทำระบบตั๋วร่วม เสร็จ ส.ค. คาดสิ้นปี 59 เปิดใช้นำร่องรถไฟฟ้า
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งฯ ทุ่ม 1 พันล้านบาท ทำระบบตั๋วร่วมเสร็จ ส.ค. คาดสิ้นปี 59 เปิดใช้นำร่องรถไฟฟ้า
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าจัดโครงการระบบตั๋วร่วมว่า ขณะนี้ทาง สนข. ได้จัดทำระบบบริหารจัดการรายได้กลาง หรือ CCH เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบระบบคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม หลังจากทดสอบระบบ และมีความมั่นใจว่ามีความถูกต้อง ก็จะเชิญชวนผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำการเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับ
มาตรฐานระบบตั๋วใหม่ ซึ่งกลุ่มแรกจะนำร่องระบบรถไฟฟ้า คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีแดง แอร์พอร์ตลิงค์ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีม่วง และรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งผู้ที่ใช้บริการรถไฟฟ้าจะใช้เดินทางเชื่อมต่อในระบบรถไฟฟ้าได้ภายในปลายปีนี้ ก่อนขยายระบบไปยังรถเมล์และทางด่วน ส่วนสำหรับงบประมาณที่ใช้ในการลงทุนนั้น ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะลงทุนในรูปแบบเอกชนร่วมลงทุน แบบ PPP ด้วยการจัดตั้งระบบตั๋วร่วม โดยรัฐถือหุ้นและเอกชนเป็นผู้ลงุทน
อย่างไรก็ตามจะต้องนำเสนอหลักการและผลการศึกษาโครงสร้างพื้นฐานการบริหารจัดการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบในหลักการทั้งหมด จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการเชิญชวนให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนต่อไป
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=705189 
สนข.ทุ่มพันล้าน ทำระบบตั๋วร่วม เสร็จ ส.ค. คาดสิ้นปี 59 เปิดใช้นำร่องรถไฟฟ้า
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งฯ ทุ่ม 1 พันล้านบาท ทำระบบตั๋วร่วมเสร็จ ส.ค. คาดสิ้นปี 59 เปิดใช้นำร่องรถไฟฟ้า
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าจัดโครงการระบบตั๋วร่วมว่า ขณะนี้ทาง สนข. ได้จัดทำระบบบริหารจัดการรายได้กลาง หรือ CCH เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบระบบคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม หลังจากทดสอบระบบ และมีความมั่นใจว่ามีความถูกต้อง ก็จะเชิญชวนผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำการเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับ
มาตรฐานระบบตั๋วใหม่ ซึ่งกลุ่มแรกจะนำร่องระบบรถไฟฟ้า คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีแดง แอร์พอร์ตลิงค์ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีม่วง และรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งผู้ที่ใช้บริการรถไฟฟ้าจะใช้เดินทางเชื่อมต่อในระบบรถไฟฟ้าได้ภายในปลายปีนี้ ก่อนขยายระบบไปยังรถเมล์และทางด่วน ส่วนสำหรับงบประมาณที่ใช้ในการลงทุนนั้น ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะลงทุนในรูปแบบเอกชนร่วมลงทุน แบบ PPP ด้วยการจัดตั้งระบบตั๋วร่วม โดยรัฐถือหุ้นและเอกชนเป็นผู้ลงุทน
อย่างไรก็ตามจะต้องนำเสนอหลักการและผลการศึกษาโครงสร้างพื้นฐานการบริหารจัดการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบในหลักการทั้งหมด จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการเชิญชวนให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนต่อไป
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=705189