หนูอายุ 13 ถามหัวข้อกระทู้นั่นแหละค่ะอ่านถูกแล้ว
บอกก่อนเลยนะคะทางบ้านหนูมีฐานะ
หนูเป็นคนเรียนเก่งค่ะ
หน้าตาดีพอสมควร แต่อ้วนไปหน่อย
พ่อกับแม่ยังอยู่ค่ะ
เรียนโรงเรียนชื่อดังทางภาคตะวันออกค่ะ
มีมือถือสมาร์ทโฟนใช้
ผู้ใหญ่หลายๆคนอาจจะคิดตำหนิว่าเด็กอายุแค่นี้มีอะไรให้เหนื่อยนักหนา ขอให้ลองอ่านเรื่องราวของหนูก่อนนะคะ ถ้าท่านไม่พอใจประโยคใด กล่าวตำหนิติเตียนได้ตามสะดวกค่ะ
*ยืมไอดีของพี่สาวข้างบ้านมานะคะ
ตามที่เกริ่นไปข้างต้นค่ะ หนูเป็นคนหัวดี สอบเข้าโรงเรียนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงได้แต่ค่อนข้างไกลบ้านค่ะ เดินทางประมาณ 50 นาที
ในห้องเรียนหนูร่าเริงดีค่ะเพื่อนๆก็รัก รวมๆแล้วชีวิตที่โรงเรียนหนูเป็นไปได้สวยค่ะ พ้อขี้เมาค่ะชอบอาละวาดอารมณ์ร้อน เราได้พ่อตรงอ่ารมณ์ร้อนมาเต็มๆเลย ตั้งแต่เกิดมาเคยเที่ยวอยู่ 6 จังหวัดค่ะตั้งแต่ 3 ขวบซึ่งเราก็จำไม่ได้แล้วว่าเที่ยวอย่างมีความสุขครั้งสุดท้ายตอนไหน ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่ผ่านมา หนูไม่ได้เที่ยวเรียนพิเศษให้ครบ 7 วันอะไรประมาณนั้นนะคะ ถึงตอนนี้หลายๆคนคงสงสัยว่า อ้าว แล้วเหนื่อยอะไร? เหนื่อยหนักกว่าพวกไปเรียนพิเศษอีกค่ะ พ่อกับแม่เราไม่เห็นความสำคัญของการเรียนพิเศษซึ่งนั่นก็หมายความว่า หนูต้องอ่านหนังสือแล้วทำความเข้าใจบทเรียนล่วงหน้าเองทั้งหมด ซึ่งมันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับเด็กมัธยมศึกษาปีที่สองกับบทเรียนของห้องเรียนพิเศษ ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาค่ะ หนูรอไปทำความเข้าใจอีกรอบในห้องเรียนก็ได้ พอเปิดเทอม หนูเรียนวันละ 9 คาบค่ะ คาบละ 50 นาที (เข้าแถวตอนเช้าตากแดดเสร็จขึ้นเรียนคาบแรกก็หน้ามืดแล้ว) ครูบางคนก็เข้าช้าครึ่งชั่วโมง ปล่อยช้าอีกชั่วโมงครึ่ง ส่วนครูบางคนเข้าเร็ว ปล่อยช้า (ปกติเลิก 4 โมง 15 ค่ะ ครูเคยปล่อยช้าถึง 4 โมง 45 ) แน่นอนค่ะ ไม่เคยมีครูปล่อยก่อนเวลาซึ่งหนูไม่สงสัยเลยว่าทำไมคนไทยบางส่วนถึงไม่ตรงต่อเวลา แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะว่าชินแล้ว เรียนวันละ 9 คาบค่ะ ไดัเรียนกับครู 9 คน ได้การบ้านมาอย่างน้อย 6 วิชา ซึ่งก็ไม่มีสิทธิ์บ่นค่ะ แต่บางวิชาซึ่งเหลือทนจริงๆอย่างวิทยาศาสตร์ค่ะ คุณครูจะสอบเป็นภาษาอังกฤษ(เพื่อนหลายๆโรงเรียนในห้องพิเศษก็เป็นแบบหนูค่ะ) ซึ่งหนูก็ไม่มีปัญหาตรงจุดนี้ที่สอบเป็นภาษาอังกฤษ แต่หนูมีปัญหาตรงที่คุณครูสอนเป็นภาษาไทยทั้งหมดและคุณครูไม่ได้ภาษาอังกฤษเลยสักนิด ไม่มีความตั้งใจที่จะสอนเหมือนครูจับใบดำใบแดงได้มาเป็นครู ซึ่งสอบครั้งแรกหนูช็อคมากค่ะ ในข้อสอบไม่ตรงกับที่ครูสอนเลย แต่ถามเพื่อนแล้วเพื่อนทำได้เพราะเพื่อนเรียนพิเศษกับครูค่ะ ทนไม่ได้ก็ต้องทนค่ะหนูไม่มีทางเลือกต้องทำความเข้าใจเองทั้งหมดแล้วแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยแล้วก็ต้องมาทำความเข้าใจเป็นภาษาวิทย์อีกที เจอเพื่อนเห็นแก่ตัวเยอะค่ะงานกลุ่มไม่เคยทำเช้ามางานเดี่ยวเสร็จแล้ว ส่วนหนูหรอคะ นั่งปั่นงานกลุ่มวนไปค่ะ ปกติตื่นไปโรงเรียนตี 5 ค่ะ เคยนอนดึกที่สุดเพราะปั่นงานถึง ตี 3 (ไม่มีสมาธิเรียนไปทั้งวันจนเริ่มดื่มกาแฟ)พ่อแม่มองโลกในแง่ดีเสมอค่ะใครทำใครก็ได้ความรู้ จนหนูทำงานกลุ่มคนเดียวจนชิน นี่ยังแค่ส่วนหนึ่งนะคะ หนูเคยมีปัญหาด้านอารมณ์ค่ะ แบบว่าควบคุมไม่อยู่กรี๊ดและสติหลุดทำลายข้าวของรู้ตัวอีกทีวิ่งออกจากบ้านมาถนนใหญ่แล้วค่ะ คือมันเกินกว่าที่เด็กคนหนึ่งรับไหว พ่อแม่ไม่เคยเข้าใจเพราะคำว่าโรงเรียนนี้มันดีโดยไม่สนใจว่าหนูต้องพยายามขนาดไหน ในจุดๆนี้หนูมีสิทธิ์พูดว่าเหนื่อยได้หรือยังคะ😔
เด็กอายุ 13 จำเป็นต้องรู้สึกขนาดนี้มั้ย?
บอกก่อนเลยนะคะทางบ้านหนูมีฐานะ
หนูเป็นคนเรียนเก่งค่ะ
หน้าตาดีพอสมควร แต่อ้วนไปหน่อย
พ่อกับแม่ยังอยู่ค่ะ
เรียนโรงเรียนชื่อดังทางภาคตะวันออกค่ะ
มีมือถือสมาร์ทโฟนใช้
ผู้ใหญ่หลายๆคนอาจจะคิดตำหนิว่าเด็กอายุแค่นี้มีอะไรให้เหนื่อยนักหนา ขอให้ลองอ่านเรื่องราวของหนูก่อนนะคะ ถ้าท่านไม่พอใจประโยคใด กล่าวตำหนิติเตียนได้ตามสะดวกค่ะ
*ยืมไอดีของพี่สาวข้างบ้านมานะคะ
ตามที่เกริ่นไปข้างต้นค่ะ หนูเป็นคนหัวดี สอบเข้าโรงเรียนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงได้แต่ค่อนข้างไกลบ้านค่ะ เดินทางประมาณ 50 นาที
ในห้องเรียนหนูร่าเริงดีค่ะเพื่อนๆก็รัก รวมๆแล้วชีวิตที่โรงเรียนหนูเป็นไปได้สวยค่ะ พ้อขี้เมาค่ะชอบอาละวาดอารมณ์ร้อน เราได้พ่อตรงอ่ารมณ์ร้อนมาเต็มๆเลย ตั้งแต่เกิดมาเคยเที่ยวอยู่ 6 จังหวัดค่ะตั้งแต่ 3 ขวบซึ่งเราก็จำไม่ได้แล้วว่าเที่ยวอย่างมีความสุขครั้งสุดท้ายตอนไหน ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่ผ่านมา หนูไม่ได้เที่ยวเรียนพิเศษให้ครบ 7 วันอะไรประมาณนั้นนะคะ ถึงตอนนี้หลายๆคนคงสงสัยว่า อ้าว แล้วเหนื่อยอะไร? เหนื่อยหนักกว่าพวกไปเรียนพิเศษอีกค่ะ พ่อกับแม่เราไม่เห็นความสำคัญของการเรียนพิเศษซึ่งนั่นก็หมายความว่า หนูต้องอ่านหนังสือแล้วทำความเข้าใจบทเรียนล่วงหน้าเองทั้งหมด ซึ่งมันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับเด็กมัธยมศึกษาปีที่สองกับบทเรียนของห้องเรียนพิเศษ ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาค่ะ หนูรอไปทำความเข้าใจอีกรอบในห้องเรียนก็ได้ พอเปิดเทอม หนูเรียนวันละ 9 คาบค่ะ คาบละ 50 นาที (เข้าแถวตอนเช้าตากแดดเสร็จขึ้นเรียนคาบแรกก็หน้ามืดแล้ว) ครูบางคนก็เข้าช้าครึ่งชั่วโมง ปล่อยช้าอีกชั่วโมงครึ่ง ส่วนครูบางคนเข้าเร็ว ปล่อยช้า (ปกติเลิก 4 โมง 15 ค่ะ ครูเคยปล่อยช้าถึง 4 โมง 45 ) แน่นอนค่ะ ไม่เคยมีครูปล่อยก่อนเวลาซึ่งหนูไม่สงสัยเลยว่าทำไมคนไทยบางส่วนถึงไม่ตรงต่อเวลา แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะว่าชินแล้ว เรียนวันละ 9 คาบค่ะ ไดัเรียนกับครู 9 คน ได้การบ้านมาอย่างน้อย 6 วิชา ซึ่งก็ไม่มีสิทธิ์บ่นค่ะ แต่บางวิชาซึ่งเหลือทนจริงๆอย่างวิทยาศาสตร์ค่ะ คุณครูจะสอบเป็นภาษาอังกฤษ(เพื่อนหลายๆโรงเรียนในห้องพิเศษก็เป็นแบบหนูค่ะ) ซึ่งหนูก็ไม่มีปัญหาตรงจุดนี้ที่สอบเป็นภาษาอังกฤษ แต่หนูมีปัญหาตรงที่คุณครูสอนเป็นภาษาไทยทั้งหมดและคุณครูไม่ได้ภาษาอังกฤษเลยสักนิด ไม่มีความตั้งใจที่จะสอนเหมือนครูจับใบดำใบแดงได้มาเป็นครู ซึ่งสอบครั้งแรกหนูช็อคมากค่ะ ในข้อสอบไม่ตรงกับที่ครูสอนเลย แต่ถามเพื่อนแล้วเพื่อนทำได้เพราะเพื่อนเรียนพิเศษกับครูค่ะ ทนไม่ได้ก็ต้องทนค่ะหนูไม่มีทางเลือกต้องทำความเข้าใจเองทั้งหมดแล้วแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยแล้วก็ต้องมาทำความเข้าใจเป็นภาษาวิทย์อีกที เจอเพื่อนเห็นแก่ตัวเยอะค่ะงานกลุ่มไม่เคยทำเช้ามางานเดี่ยวเสร็จแล้ว ส่วนหนูหรอคะ นั่งปั่นงานกลุ่มวนไปค่ะ ปกติตื่นไปโรงเรียนตี 5 ค่ะ เคยนอนดึกที่สุดเพราะปั่นงานถึง ตี 3 (ไม่มีสมาธิเรียนไปทั้งวันจนเริ่มดื่มกาแฟ)พ่อแม่มองโลกในแง่ดีเสมอค่ะใครทำใครก็ได้ความรู้ จนหนูทำงานกลุ่มคนเดียวจนชิน นี่ยังแค่ส่วนหนึ่งนะคะ หนูเคยมีปัญหาด้านอารมณ์ค่ะ แบบว่าควบคุมไม่อยู่กรี๊ดและสติหลุดทำลายข้าวของรู้ตัวอีกทีวิ่งออกจากบ้านมาถนนใหญ่แล้วค่ะ คือมันเกินกว่าที่เด็กคนหนึ่งรับไหว พ่อแม่ไม่เคยเข้าใจเพราะคำว่าโรงเรียนนี้มันดีโดยไม่สนใจว่าหนูต้องพยายามขนาดไหน ในจุดๆนี้หนูมีสิทธิ์พูดว่าเหนื่อยได้หรือยังคะ😔