สวัสดีค่ะ หลังจากที่อ่านกระทู้ความรักมุ้งมิ้งๆของเพื่อนๆชาวพันทิปไปหลายต่อหลายกระทู้ จึงนึกถึงเรื่องราวความน่ารักของตัวเองกับแฟนคนปัจจุบัน ที่มาเจอกันได้เพราะพรมลิขิตจริงๆค่ะ จึงอยากเล่าสู่กันฟังและเก็บบันทึกความรู้สึกดีๆไว้ในพันทิปที่รัก เริ่มจากเจ้าของกระทู้ก็เป็นสาวโสดบ้านๆธรรมดานี่แหละค่ะ อายุอานามก็ 26 ปี ครองโสดมาหลายปีดีดัก ก็ยังไม่มีวี่แววจะมีแฟน จนแม่เริ่มกังวลว่าลูกสาวจะหาสามีไม่ได้ หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ค่ะ ไม่ถึงขั้นสวยแต่ก็ควงไปไหนไม่อาย เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณเดือนมกราคม ขอแทนตัวเองว่า น่าหลาน แล้วกันนะคะ เป็นชื่อภาษาจีนสมัยเรียนมัธยม เรามีเพื่อนสนิทซี๊ปึ้กคนหนึ่งนามว่า อ้ายหลิง ตอนนี้นางกำลังศึกษาป.โทอยู่ที่ประเทศจีนค่ะ ความรู้ความสามารถของนางก็ระดับอาจารย์เลยทีเดียว ในช่วงมกราคมที่กล่าวถึงข้างต้น คือช่วงที่นางบินกลับมาพักที่บ้านเนื่องจากปิดภาคเรียนค่ะ ถ้าอ้ายหลิงอยู่เมืองไทยเราก็จะตัวติดกันค่ะ ไปไหนไปกัน เพราะบ้านของเราสองคนอยู่ไม่ไกลกันมาก มีวันหนึ่งนางโทรศัพท์มาหาเรา
อ้ายหลิง : "เมิงอยู่ไหน เย็นนี้ว่างไหม ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ่ กุนัดคนจีนสองคนไปกินข้าว กุไม่กล้าไปคนเดียวว่ะ"
เรา : "กุไม่ว่าง เหมือนจะมีนัด กลัวแล้วเมิงจะนัดเค้าทำไม นี่ไปเจอกันทางไหนเนี่ย เพื่อนมาจากจีนเหรอ" .....ในใจตอนนั้นไม่ได้มีธุระหรอก ค่ะแต่ไม่อยากไป เพราะมีอคติกับคนจีนพอสมควรจากสื่อต่างๆในเรื่องความไร้มารยาท แต่ก็แอบงงนะคะ เพราะเพื่อนเราคนนี้ไม่เคยนัดผู้ชายเลย นางก้มหน้าก้มตาเรียนมาตลอด ไม่มีประวัติเสื่อมเสียเรื่องผู้ชาย
อ้ายหลิง : " ป่าวๆ เจอกันในวีแชท ไปเป็นเพื่อนหน่อยนะ กินข้าวฟรี เผื่อจะได้ผัวไง มีสองคนเลือกเอาสักคน 5555 ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวชวนไอ้หวั่นหวันไปด้วยอีกคน จะได้ไม่เหงา" .....น่านน เอาผู้ชายมาล่อกุอีก แต่เอ๊ เดี๋ยวนี้เพื่อนกุพัฒนาขึ้นเยอะมีนัดผู้ชายกินข้าว
เรา : " ไปก็ได้" .....ช้านชอบของฟรี หุหุ
ประมาณหกโมงเย็นเราก็รวมตัวกันค่ะ เราขับรถไปรับอ้ายหลิงก่อน แล้วแวะรับหวั่นหวันในตลาด จุดมุ่งหมายของเราคือการไปรับคนจีนสองคนจากโรงแรมชื่อดังในจังหวัด เพื่อไปทานอาหารค่ำ คอยดูนะ ชั้นจะกระหน่ำสั่งให้เลี้ยงไม่ไหวเลยทีเดียว สามคนเรานี่สายกินโดยเฉพาะ คิดผิดแล้วที่เอาพวกเราไปด้วย ระหว่างเดินทางไปรับคนจีนก็เม้าท์มอยด์กันตามประสา
อ้ายหลิง : "มันมากันสองคน อายุ 25 คนนึง อีกคน 30 พวกเมิงสองคนอย่าแย่งกันนะ เลือกเอาคนละคน 555"
หวั่นหวัน : "งั้นกุเอา 25 แล้วกันนะ กุไม่ชอบคนแก่ 30 ให้น่าหลานมัน"..... เราก็คิดไว้แล้วว่ามันต้องเลือกคนที่อายุ 25 เพราะมันมีแฟนเด็กมาตลอด ส่วนเราน่ะเหรอ ชอบผู้ชายแก่กว่าค่ะ ยิ่งแก่ยิ่งมัน พูดแล้วน้ำลายจะไหล
เรา : "พวกเมิงปากดีกันเข้าไป เดี๋ยวไม่หล่อขึ้นมากุจะไม่ให้ขึ้นรถเลย คอยดู"
คุยกันสนุกสนานสักพักก็ถึงหน้าโรงแรมค่ะ อ้ายหลิงก็เริ่มโทรวีแชทส่งสัญญาณกับชาวจีนว่าอยู่หน้าโรงแรม สักพักสองหนุ่มเดินมาขึ้นรถค่ะ เรามองสำรวจคร่าวๆ ก็ดูรุ่นราวคราวเดียวกัน มองไม่ออกว่าคนไหนอ่อนกว่ากัน เพราะดูไม่หนุ่มทั้งคู่ คนนึงหน้าตาธรรมดามากๆแถมมีพุง คนนี้มองผ่านๆไปค่ะ ไม่อยู่ในเป้าหมาย ถึงชั้นไม่สวยแต่ช้านก็ชอบคนหล่อนะ อีกคนน่ะเหรอดูดี สมาร์ท สูง ขาว ดูดีตั้งแต่แวบแรกที่สัมผัสด้วยสายตา ถึงกับหันไปมองที่เบาะหลัง ตั้งแต่เกิดมาพึ่งอยากจะใช้คำว่า handsome กับผู้ชายคนนี้คนแรก กรี๊ดดดดดด บาดใจ เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออก ดาวก็แนะนำเพื่อนๆเป็นชื่อภาษาจีนที่พวกเรามีมาตั้งแต่เรียนห้องศิลป์จีนตอน ม.ปลายค่ะ เราก็แต่ได้ทักทายไปว่า "หนีห่าว" แล้วยิ้มละไมสไตล์ไทยแลนด์ค่ะ เพราะพูดไม่ได้เลย 3 ปีในคาบเรียนภาษาจีนตอน ม.ปลาย หมดไปกับการเล่นไพ่ใต้โต๊ะ เพราะครูสอนเป็นชาวจีนแท้ๆ เราจึงไม่ค่อยเกรงใจเท่าไหร่ ผิดกับอ้ายหลิงที่ตั้งใจเรียนภาษาจีนมากๆจนต่อยอดไปถึง ป.ตรีและ ป.โท จนได้ดิบได้ดี เมื่อแนะนำตัวกันเสร็จ หูแทบแตกค่ะ ทั้งอ้ายหลิงและคนจีนสองคนคุยกันเสียงดังอย่างออกรสออกชาติประหนึ่งว่ารู้จักกันมานานแสนนาน คุยกันแบบไม่มีช่องว่าง หวั่นหวันก็พอสื่อสารได้นิดๆหน่อย ส่วนเราน่ะเหรอ เอ๋อค่ะ เรียนภาษาจีนมา 3 ปี พร้อมเพื่อน ทำไมกุพูดไม่ได้เลยวะ ตอนนั้นรำคาญมากๆทำไมต้องเสียงดังวะ สมคำร่ำลือจริงๆ
หวั่นหวัน : " คนนี้ใช่ไหมอายุ 25 คนที่ไม่หล่ออ่ะ กุไม่เอาแล้วนะ ให้น่าหลานไป ส่วน 30 ของกุ หล่อดี " .....อ้าวอีนี่ เมื่อกี๊บอกชอบเด็ก เราก็ได้แต่ขำๆไม่คิดอะไรมาก แต่คนที่อายุ 25 ก็ไม่หล่อจริงๆแหละ แถมเสียงดังโวยวายกว่าอีกคนมาก
อ้ายหลิง : "ฟ้าแกอยากกินอะไรไปเลยนะ เต็มที่" .....น่านนนน ตามใจเราอีก ดีสิเพื่อนรัก
เรา : " งั้นกินลาบส้มตำแล้วกัน มาเมืองไทยต้องกินส้มตำ ใกล้ดีด้วย รีบกิน รีบกลับ " .....ไม่กล้ากินแพงมากค่ะ ได้ข่าวมาว่าคนจีนขี้เหนียว เดี๋ยวมันไม่จ่ายขึ้นมา จะลำบากกระเป๋าสตางค์น้อยๆของเรา
เมื่อถึงร้านลาบ เรานั่งตรงข้ามคนอายุ 30 ค่ะ จงใจนิดๆ สั่งอาหารชุดใหญ่ค่ะ คนจีนสั่งเบียร์มากินด้วย 2 ขวด คนอายุ 25 ขอแทนชื่อว่า "เทียนอี" ตามชื่อของเขา ส่วนคนอายุ 30 น่ะเหรอ ขอเเทนว่า "ที่รัก" แล้วกันค่ะ เพราะปัจจุบันก็เรียกกันแบบนี้
เมื่อฉันตกหลุมรักชาวจีนตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แผนการอ่อยข้ามชาติจึงเริ่มขึ้น
อ้ายหลิง : "เมิงอยู่ไหน เย็นนี้ว่างไหม ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ่ กุนัดคนจีนสองคนไปกินข้าว กุไม่กล้าไปคนเดียวว่ะ"
เรา : "กุไม่ว่าง เหมือนจะมีนัด กลัวแล้วเมิงจะนัดเค้าทำไม นี่ไปเจอกันทางไหนเนี่ย เพื่อนมาจากจีนเหรอ" .....ในใจตอนนั้นไม่ได้มีธุระหรอก ค่ะแต่ไม่อยากไป เพราะมีอคติกับคนจีนพอสมควรจากสื่อต่างๆในเรื่องความไร้มารยาท แต่ก็แอบงงนะคะ เพราะเพื่อนเราคนนี้ไม่เคยนัดผู้ชายเลย นางก้มหน้าก้มตาเรียนมาตลอด ไม่มีประวัติเสื่อมเสียเรื่องผู้ชาย
อ้ายหลิง : " ป่าวๆ เจอกันในวีแชท ไปเป็นเพื่อนหน่อยนะ กินข้าวฟรี เผื่อจะได้ผัวไง มีสองคนเลือกเอาสักคน 5555 ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวชวนไอ้หวั่นหวันไปด้วยอีกคน จะได้ไม่เหงา" .....น่านน เอาผู้ชายมาล่อกุอีก แต่เอ๊ เดี๋ยวนี้เพื่อนกุพัฒนาขึ้นเยอะมีนัดผู้ชายกินข้าว
เรา : " ไปก็ได้" .....ช้านชอบของฟรี หุหุ
ประมาณหกโมงเย็นเราก็รวมตัวกันค่ะ เราขับรถไปรับอ้ายหลิงก่อน แล้วแวะรับหวั่นหวันในตลาด จุดมุ่งหมายของเราคือการไปรับคนจีนสองคนจากโรงแรมชื่อดังในจังหวัด เพื่อไปทานอาหารค่ำ คอยดูนะ ชั้นจะกระหน่ำสั่งให้เลี้ยงไม่ไหวเลยทีเดียว สามคนเรานี่สายกินโดยเฉพาะ คิดผิดแล้วที่เอาพวกเราไปด้วย ระหว่างเดินทางไปรับคนจีนก็เม้าท์มอยด์กันตามประสา
อ้ายหลิง : "มันมากันสองคน อายุ 25 คนนึง อีกคน 30 พวกเมิงสองคนอย่าแย่งกันนะ เลือกเอาคนละคน 555"
หวั่นหวัน : "งั้นกุเอา 25 แล้วกันนะ กุไม่ชอบคนแก่ 30 ให้น่าหลานมัน"..... เราก็คิดไว้แล้วว่ามันต้องเลือกคนที่อายุ 25 เพราะมันมีแฟนเด็กมาตลอด ส่วนเราน่ะเหรอ ชอบผู้ชายแก่กว่าค่ะ ยิ่งแก่ยิ่งมัน พูดแล้วน้ำลายจะไหล
เรา : "พวกเมิงปากดีกันเข้าไป เดี๋ยวไม่หล่อขึ้นมากุจะไม่ให้ขึ้นรถเลย คอยดู"
คุยกันสนุกสนานสักพักก็ถึงหน้าโรงแรมค่ะ อ้ายหลิงก็เริ่มโทรวีแชทส่งสัญญาณกับชาวจีนว่าอยู่หน้าโรงแรม สักพักสองหนุ่มเดินมาขึ้นรถค่ะ เรามองสำรวจคร่าวๆ ก็ดูรุ่นราวคราวเดียวกัน มองไม่ออกว่าคนไหนอ่อนกว่ากัน เพราะดูไม่หนุ่มทั้งคู่ คนนึงหน้าตาธรรมดามากๆแถมมีพุง คนนี้มองผ่านๆไปค่ะ ไม่อยู่ในเป้าหมาย ถึงชั้นไม่สวยแต่ช้านก็ชอบคนหล่อนะ อีกคนน่ะเหรอดูดี สมาร์ท สูง ขาว ดูดีตั้งแต่แวบแรกที่สัมผัสด้วยสายตา ถึงกับหันไปมองที่เบาะหลัง ตั้งแต่เกิดมาพึ่งอยากจะใช้คำว่า handsome กับผู้ชายคนนี้คนแรก กรี๊ดดดดดด บาดใจ เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออก ดาวก็แนะนำเพื่อนๆเป็นชื่อภาษาจีนที่พวกเรามีมาตั้งแต่เรียนห้องศิลป์จีนตอน ม.ปลายค่ะ เราก็แต่ได้ทักทายไปว่า "หนีห่าว" แล้วยิ้มละไมสไตล์ไทยแลนด์ค่ะ เพราะพูดไม่ได้เลย 3 ปีในคาบเรียนภาษาจีนตอน ม.ปลาย หมดไปกับการเล่นไพ่ใต้โต๊ะ เพราะครูสอนเป็นชาวจีนแท้ๆ เราจึงไม่ค่อยเกรงใจเท่าไหร่ ผิดกับอ้ายหลิงที่ตั้งใจเรียนภาษาจีนมากๆจนต่อยอดไปถึง ป.ตรีและ ป.โท จนได้ดิบได้ดี เมื่อแนะนำตัวกันเสร็จ หูแทบแตกค่ะ ทั้งอ้ายหลิงและคนจีนสองคนคุยกันเสียงดังอย่างออกรสออกชาติประหนึ่งว่ารู้จักกันมานานแสนนาน คุยกันแบบไม่มีช่องว่าง หวั่นหวันก็พอสื่อสารได้นิดๆหน่อย ส่วนเราน่ะเหรอ เอ๋อค่ะ เรียนภาษาจีนมา 3 ปี พร้อมเพื่อน ทำไมกุพูดไม่ได้เลยวะ ตอนนั้นรำคาญมากๆทำไมต้องเสียงดังวะ สมคำร่ำลือจริงๆ
หวั่นหวัน : " คนนี้ใช่ไหมอายุ 25 คนที่ไม่หล่ออ่ะ กุไม่เอาแล้วนะ ให้น่าหลานไป ส่วน 30 ของกุ หล่อดี " .....อ้าวอีนี่ เมื่อกี๊บอกชอบเด็ก เราก็ได้แต่ขำๆไม่คิดอะไรมาก แต่คนที่อายุ 25 ก็ไม่หล่อจริงๆแหละ แถมเสียงดังโวยวายกว่าอีกคนมาก
อ้ายหลิง : "ฟ้าแกอยากกินอะไรไปเลยนะ เต็มที่" .....น่านนนน ตามใจเราอีก ดีสิเพื่อนรัก
เรา : " งั้นกินลาบส้มตำแล้วกัน มาเมืองไทยต้องกินส้มตำ ใกล้ดีด้วย รีบกิน รีบกลับ " .....ไม่กล้ากินแพงมากค่ะ ได้ข่าวมาว่าคนจีนขี้เหนียว เดี๋ยวมันไม่จ่ายขึ้นมา จะลำบากกระเป๋าสตางค์น้อยๆของเรา
เมื่อถึงร้านลาบ เรานั่งตรงข้ามคนอายุ 30 ค่ะ จงใจนิดๆ สั่งอาหารชุดใหญ่ค่ะ คนจีนสั่งเบียร์มากินด้วย 2 ขวด คนอายุ 25 ขอแทนชื่อว่า "เทียนอี" ตามชื่อของเขา ส่วนคนอายุ 30 น่ะเหรอ ขอเเทนว่า "ที่รัก" แล้วกันค่ะ เพราะปัจจุบันก็เรียกกันแบบนี้