คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ช่วงหลังๆผมว่าครีเอเตอร์ญี่ปุ่นความคิดเค้าแคบลง พอจะคิดไรแปลกใหม่ทำมาขายมันก็ขายไม่ออกเพราะมันคือ ไม่ใช่การ์ตูนอ่ะ
บางทีไปลอกพวกซีรีย์ตะวันตก หรือบทหนังแล้วมันไม่เวิร์ค เพราะยังไงการ์ตูนมันไม่ใช่หนัง มันต้องใช้เรื่องเสริมจินตนาการลงไป
หรือพวกขายแนวคิดต่อยอดจากออริเรื่องเดิม แต่ไม่ดีเท่าของเก่า หรือของเก่าทำมาตราฐานไว้ดีมาก
อย่างแองเจิลบิท กะชาล็อตนี่ก็ชัดเจน
ก็ต้องหันมาใช้วัตถุดิบที่คนคิดมาก่อนอย่างนิยาย หรือมังงะน่ะแหล่ะ
บางทีไปลอกพวกซีรีย์ตะวันตก หรือบทหนังแล้วมันไม่เวิร์ค เพราะยังไงการ์ตูนมันไม่ใช่หนัง มันต้องใช้เรื่องเสริมจินตนาการลงไป
หรือพวกขายแนวคิดต่อยอดจากออริเรื่องเดิม แต่ไม่ดีเท่าของเก่า หรือของเก่าทำมาตราฐานไว้ดีมาก
อย่างแองเจิลบิท กะชาล็อตนี่ก็ชัดเจน
ก็ต้องหันมาใช้วัตถุดิบที่คนคิดมาก่อนอย่างนิยาย หรือมังงะน่ะแหล่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
เขาทำธุรกิจ ไม่ได้เอาเงินไปละลายเล่น อะไรลดความเสี่ยงได้ก็ลดไว้ก่อนครับ
วิธีที่ลดความเสี่ยงหลักๆก็คือ... ทำให้คนดูเยอะ ซึ่งวิธีที่ง่ายก็คือเอาเรื่องที่ดังอยู่แล้วมาทำ ซึ่งเรื่องพวกนี้ มีน้อยเรื่องที่จบแล้วค่อยมาทำ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเกมมากกว่า เช่น Grisaia, Higurashi, Steins;Gate หรือนิยาย (ที่ไม่ใช่ LN) เช่น Another, Shin Sekai Yori
ทำไมถึงน้อย? เพราะมันมีการ์ตูนหรือ LN น้อยเรื่องมาก ที่จบแล้วยังคงกระแสสุดยอดได้ เช่น FMA Brotherhood ส่วนเรื่องอื่นๆแค่มีกระแสเขาก็ทำแล้ว ไม่รอจนจบหรอกครับ จึงเป็นเรื่องทั่วไปที่จะอนิเมะจะตัดจบตรงกลาง เพราะต้นฉบับมันไม่จบ (หรือไม่ก็ฉีกไปเลยแบบ FMA ภาคแรก)
ยิ่งเมะออริจินอลยิ่งแล้วใหญ่... ไม่มีอะไรการันตีว่าคนจะดูเยอะเลย (นอกเสียจากจะเอาชื่อคนแต่งบทหรือบุคลากรที่มีเชื่อเสียงมาเรียก) มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำกันน้อย เพราะงั้นส่วนมากเขาต้องคิดเผื่อไว้หารายได้เสริมทางอื่น เช่น อนิเมะออริจินอลแนวไอดอล การ์ดเกม หรือของเล่น เป็นต้น
ส่วนเมะออริจินอลแนวอื่นๆ ทำให้รอดยากมาก!! เพราะต่อให้ทำดีขนาดไหน ก็ใช่ว่าจะมีคนดู เมะออริจินอลที่ดังๆส่วนมากจะมีกระแสมาก่อน เช่น Madoka, Guilty Crown, Psycho Pass, Kill la Kill, Alnoah Zero, Charlotte ซึ่งต่างเรื่องต่างมีปัจจัยสร้างกระแสแต่งต่างกันไป และใช่ว่าจะจบได้ดีทุกเรื่อง และกระแสที่ว่า ใช่ว่ามันจะเล่นซ้ำได้ อย่างที่ผ่านมาก็มี ชมรมผู้กล้า ที่เนื้อเรื่องผมว่าดาร์กยิ่งกว่า Madoka เสียอีก แต่ก็กลายเป็นม้ามืดเพราะกระแสไม่ถึง (หลังจากยุค Madoka แนวสาวน้อยปวดตับก็มีเยอะขึ้นมาก แม้จะดีกว่า แต่ก็สร้างกระแสได้ไม่เท่า)
แล้วก็... ด้วยความที่เมะมันมีเยอะมาก... คุณคิดว่าจะมีซักกี่คนที่ซื้อแผ่นเรื่องที่ตัวเองไม่เคยดูเพื่อมาดูจริงๆ?? เพราะงั้นเขาเลยปรับแผนการตลาด คือ แทนที่จะขายแผ่นเพื่อคนที่ไม่เคยดู ก็เปลี่ยนเป็นฉายฟรีและขายแผ่นเพื่อคนที่ดูมาแล้ว... แน่นอนว่าขายแผ่นเปล่าๆกลุ่มคนที่ดูมาแล้วคงไม่ซื้อ จึงต้องมีการทำแพคเกจและของแถม เพื่อให้คนซื้อมาเป็นของสะสม... พูดง่ายๆก็คือมันคือความต้องการของผู้บริโภคครับ
สุดท้าย.. ย้ำคำเดิม มันเป็นธุรกิจ การจะทำอะไรสวนทางกับแนวทางการบริโภค... มันก็ไม่ถึงขั้นเป็นไปไม่ได้หรอก แต่บอกเลยว่ายากมาก
วิธีที่ลดความเสี่ยงหลักๆก็คือ... ทำให้คนดูเยอะ ซึ่งวิธีที่ง่ายก็คือเอาเรื่องที่ดังอยู่แล้วมาทำ ซึ่งเรื่องพวกนี้ มีน้อยเรื่องที่จบแล้วค่อยมาทำ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเกมมากกว่า เช่น Grisaia, Higurashi, Steins;Gate หรือนิยาย (ที่ไม่ใช่ LN) เช่น Another, Shin Sekai Yori
ทำไมถึงน้อย? เพราะมันมีการ์ตูนหรือ LN น้อยเรื่องมาก ที่จบแล้วยังคงกระแสสุดยอดได้ เช่น FMA Brotherhood ส่วนเรื่องอื่นๆแค่มีกระแสเขาก็ทำแล้ว ไม่รอจนจบหรอกครับ จึงเป็นเรื่องทั่วไปที่จะอนิเมะจะตัดจบตรงกลาง เพราะต้นฉบับมันไม่จบ (หรือไม่ก็ฉีกไปเลยแบบ FMA ภาคแรก)
ยิ่งเมะออริจินอลยิ่งแล้วใหญ่... ไม่มีอะไรการันตีว่าคนจะดูเยอะเลย (นอกเสียจากจะเอาชื่อคนแต่งบทหรือบุคลากรที่มีเชื่อเสียงมาเรียก) มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำกันน้อย เพราะงั้นส่วนมากเขาต้องคิดเผื่อไว้หารายได้เสริมทางอื่น เช่น อนิเมะออริจินอลแนวไอดอล การ์ดเกม หรือของเล่น เป็นต้น
ส่วนเมะออริจินอลแนวอื่นๆ ทำให้รอดยากมาก!! เพราะต่อให้ทำดีขนาดไหน ก็ใช่ว่าจะมีคนดู เมะออริจินอลที่ดังๆส่วนมากจะมีกระแสมาก่อน เช่น Madoka, Guilty Crown, Psycho Pass, Kill la Kill, Alnoah Zero, Charlotte ซึ่งต่างเรื่องต่างมีปัจจัยสร้างกระแสแต่งต่างกันไป และใช่ว่าจะจบได้ดีทุกเรื่อง และกระแสที่ว่า ใช่ว่ามันจะเล่นซ้ำได้ อย่างที่ผ่านมาก็มี ชมรมผู้กล้า ที่เนื้อเรื่องผมว่าดาร์กยิ่งกว่า Madoka เสียอีก แต่ก็กลายเป็นม้ามืดเพราะกระแสไม่ถึง (หลังจากยุค Madoka แนวสาวน้อยปวดตับก็มีเยอะขึ้นมาก แม้จะดีกว่า แต่ก็สร้างกระแสได้ไม่เท่า)
แล้วก็... ด้วยความที่เมะมันมีเยอะมาก... คุณคิดว่าจะมีซักกี่คนที่ซื้อแผ่นเรื่องที่ตัวเองไม่เคยดูเพื่อมาดูจริงๆ?? เพราะงั้นเขาเลยปรับแผนการตลาด คือ แทนที่จะขายแผ่นเพื่อคนที่ไม่เคยดู ก็เปลี่ยนเป็นฉายฟรีและขายแผ่นเพื่อคนที่ดูมาแล้ว... แน่นอนว่าขายแผ่นเปล่าๆกลุ่มคนที่ดูมาแล้วคงไม่ซื้อ จึงต้องมีการทำแพคเกจและของแถม เพื่อให้คนซื้อมาเป็นของสะสม... พูดง่ายๆก็คือมันคือความต้องการของผู้บริโภคครับ
สุดท้าย.. ย้ำคำเดิม มันเป็นธุรกิจ การจะทำอะไรสวนทางกับแนวทางการบริโภค... มันก็ไม่ถึงขั้นเป็นไปไม่ได้หรอก แต่บอกเลยว่ายากมาก
แสดงความคิดเห็น
ทำไมรู้สึกว่าวงการอนิเมะญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้เหมือนเป็นลูกไล่ให้วงการนิยาย โนเวลหรือวงการหนังสือการ์ตูนแล้วครับ
ปล. เดี๋ยวมาแก้ไข รู้สึกตอนแรกคิดไว้เยอะกว่านี้แต่พิมพ์ไปพิมพ์มาลืมซะงั้น