ตอนปีที่แล้วที่ผมเดาว่า ถัดจากนี้คงไม่ใช่ช่วงเวลาที่ตลาดจะให้ผลตอบแทนง่ายๆเหมือนเดิม
คนในตลาดคงต้องทำงานหนักขึ้น ปวดหัว เหนื่อยมากขึ้น
ยิ่งโดยเฉพาะนักเก็งกำไร เดย์เทรดเดอร์ด้วยยิ่งลำบาก
ต้องต่อสู้รบรากับบรรดา AI ทั้งหลายที่สร้างขึ้นมาเพื่อกินเงินกันง่ายๆ
ซึ่งทางที่ง่ายที่สุดคือ ดักกินกลุ่มคนที่ใช้ระบบสัญญาณซื้อขายที่ไม่ซับซ้อน
(ที่ช่วงหลังๆ ถูกเผยแพร่ และความรู้หาได้ง่าย ใช้ได้ง่าย ยังไม่นับที่มีเปิดสอนทั้งที่ฟรี และไม่ฟรีอีกเยอะแยะ)
สิ่งนึงที่ผมคิดว่า มันใช้ได้ตลอด คือ เมื่ออะไรที่คนส่วนใหญ่รู้ มีโอกาสสูงที่จะเจ๊ง
ส่วนภาพในระยะยาว
มันเป็นภาพที่พูดยากฮะ คือ ด้วยภาวะดอกเบี้ยต่ำติดดิน ฝากไว้ก็มีแต่แพ้เงินเฟ้อ
มันเลยเป็นการบีบให้คนนำเงินออกมาหาผลตอบแทนโดยยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่ก็ขอดีกว่าเงินฝาก
บรรดาหุ้นที่ดูเหมือนว่า ยังไงก็ไม่เจ๊ง และสามารถคาดการณ์รายได้ และกำไรได้ง่าย (Secured revenue) จะเป็นที่น่าสนใจ
ซึ่งแน่นอน หุ้นพวกนี้ตลาดในสภาวะปกติก็ให้พรี่เมี่ยมสูงอยู่แล้ว ราคาแพง เรียกว่า ถ้าดูพื้นฐาน ราคาเหมาะสม มันก็แทบไม่เหลือ upside
ดังนั้น หุ้นกลุ่มนี้ ด้วยความที่มันมีต้องการเยอะ ลงมันก็เลยลงยาก downside ก็เลยน้อย
นอกจากจะเจอเหตุการณ์ไม่ปกติ panic sell ซึ่งเอาจริงๆ มันจะเป็นจังหวะซื้อของคนที่รออยู่
ถ้าให้ยกตัวอย่าง หุ้นพวกนี้ก็เช่น cpall ที่ก่อนนี้โดนเรื่อง cg ดราม่ากันพักนึง
หุ้นอย่าง mint ที่เจอระเบิดราชประสงค์
สรุปคือ เล่นยากอะตลาดแบบนี้ เหนื่อยจุงเบย
ใครทนไหว เล่นจังหวะเป็น ก็เล่นสั้นๆรออย่างเหนื่อยๆ เพื่อหาจังหวะ panic ที่ไม่รู้เมื่อไรกันไป
ไม่งั้นก็ถือหุ้นดีๆยาวๆ ที่จะเห็นมันขึ้นแบบเนิบๆน่าเบื่อไป แต่ถ้าเจอ panic ก็ต้องทำใจว่า บางทีถือมา 1 ปี กำไร 10% วันดีคืนดี กลายเป็นติดลบได้เช่นกัน
ซึ่งก็นะห้ามเสียใจ และตกใจขายตอนมันติดลบไปพร้อมตลาดละกันฮะ
ตลาดหุ้นจะอยู่ยาก ไม่นึกว่าจะมาเร็วขนาดนี้
คนในตลาดคงต้องทำงานหนักขึ้น ปวดหัว เหนื่อยมากขึ้น
ยิ่งโดยเฉพาะนักเก็งกำไร เดย์เทรดเดอร์ด้วยยิ่งลำบาก
ต้องต่อสู้รบรากับบรรดา AI ทั้งหลายที่สร้างขึ้นมาเพื่อกินเงินกันง่ายๆ
ซึ่งทางที่ง่ายที่สุดคือ ดักกินกลุ่มคนที่ใช้ระบบสัญญาณซื้อขายที่ไม่ซับซ้อน
(ที่ช่วงหลังๆ ถูกเผยแพร่ และความรู้หาได้ง่าย ใช้ได้ง่าย ยังไม่นับที่มีเปิดสอนทั้งที่ฟรี และไม่ฟรีอีกเยอะแยะ)
สิ่งนึงที่ผมคิดว่า มันใช้ได้ตลอด คือ เมื่ออะไรที่คนส่วนใหญ่รู้ มีโอกาสสูงที่จะเจ๊ง
ส่วนภาพในระยะยาว
มันเป็นภาพที่พูดยากฮะ คือ ด้วยภาวะดอกเบี้ยต่ำติดดิน ฝากไว้ก็มีแต่แพ้เงินเฟ้อ
มันเลยเป็นการบีบให้คนนำเงินออกมาหาผลตอบแทนโดยยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่ก็ขอดีกว่าเงินฝาก
บรรดาหุ้นที่ดูเหมือนว่า ยังไงก็ไม่เจ๊ง และสามารถคาดการณ์รายได้ และกำไรได้ง่าย (Secured revenue) จะเป็นที่น่าสนใจ
ซึ่งแน่นอน หุ้นพวกนี้ตลาดในสภาวะปกติก็ให้พรี่เมี่ยมสูงอยู่แล้ว ราคาแพง เรียกว่า ถ้าดูพื้นฐาน ราคาเหมาะสม มันก็แทบไม่เหลือ upside
ดังนั้น หุ้นกลุ่มนี้ ด้วยความที่มันมีต้องการเยอะ ลงมันก็เลยลงยาก downside ก็เลยน้อย
นอกจากจะเจอเหตุการณ์ไม่ปกติ panic sell ซึ่งเอาจริงๆ มันจะเป็นจังหวะซื้อของคนที่รออยู่
ถ้าให้ยกตัวอย่าง หุ้นพวกนี้ก็เช่น cpall ที่ก่อนนี้โดนเรื่อง cg ดราม่ากันพักนึง
หุ้นอย่าง mint ที่เจอระเบิดราชประสงค์
สรุปคือ เล่นยากอะตลาดแบบนี้ เหนื่อยจุงเบย
ใครทนไหว เล่นจังหวะเป็น ก็เล่นสั้นๆรออย่างเหนื่อยๆ เพื่อหาจังหวะ panic ที่ไม่รู้เมื่อไรกันไป
ไม่งั้นก็ถือหุ้นดีๆยาวๆ ที่จะเห็นมันขึ้นแบบเนิบๆน่าเบื่อไป แต่ถ้าเจอ panic ก็ต้องทำใจว่า บางทีถือมา 1 ปี กำไร 10% วันดีคืนดี กลายเป็นติดลบได้เช่นกัน
ซึ่งก็นะห้ามเสียใจ และตกใจขายตอนมันติดลบไปพร้อมตลาดละกันฮะ