ถ้าบริษัทคุณเป็นแบบนี้ คุณจะลาออกไหม
1. ทำงานโดยใช้อารมณ์ บริหารงานแบบครอบครัว คนพี่ไม่พอใจ ให้คนน้องด่า ทำสีผมมาหรือตัดผมทรงใหม่มาไม่ถูกใจ โดนเข้าห้องเย็น
2. โบนัสไม่มี โอทีไม่ให้ ทำงานเลิกดึกเหมาเป็นค่าข้าว 50 บาทแทน เงินเดือนขึ้นปีละไม่เกิน 1000 บาท
3. ทำงานจันทร์ - เสาร์ แต่ต้องสแตนบายอ่านไลน์ และ รอโทรศัพท์ตลอด 24 ชม.ทุกวัน ทุกเวลา ถ้าโทรมาไม่รับจะถูกตำหนิว่างานของเราทำงานกับต่างประเทศต้องพร้อม 24 ชม. เวลามีปัญหาแก้ปัญหากันที่ออฟฟิศถึงตี 2-3 โทรไปรายงานผล เจ้านายกลับบอกว่าสมควรแล้วเพราะจะได้ฝึกไว้ เค้าตั้งใจให้เราทำงานกันดึกดื่น เจ้านายอย่างเค้ายังต้องออกไปพบลูกค้า ไปขายของ เราเองก็ควรทำงานถึงดึกเพื่อให้งานสมบูรณ์
4. งานทุกอย่าง ด่วนหมด กินข้าวอยู่ ก็ต้องให้มาทำก่อน เพราะเจ้านายเป็นมนุษย์บ้างาน perfectionist วันๆไม่เคยเห็นกินข้าว กินกาแฟ 2 แก้วอยู่ทั้งวัน (5555+)
แล้วทำไมยังทำอยู่?
1. ทั้งออฟฟิศมี 4 คน คนไทย 2 ต่างชาติ 3 ถ้าเราออกไป เพื่อนร่วมงานเดือดร้อน ต่างคนต่างเห็นใจกัน มีปัญหานั่งทำงานกัน 2 คนดึกดื่นก็นั่งร้องไห้กันที่ออฟฟิศ
2. กิจการส่วนตัวที่วางแผนจะทำไว้กันลาออก รายได้ไม่มั่นคง มีปัญหาตั้งแต่กลางปี 2558 มาจนถึงปัจจุบัน ต้องเอาเงินเดือนที่ทำมาได้มากันเป็นค่าใช้จ่ายในร้าน น้องชายที่ทำร้านด้วยก็มาเสียชีวิตเมื่อต้นปี
3. ร้านขายของทางเนต และตลาดนัด หลังๆไม่ได้ขายเพราะงานที่ออฟฟิศเยอะมาก เยอะจนนอนวันละ 5 ชม. ช่วงตี 1 -6 โมงเช้า และทำงานจันทร์ - อาทิตย์มาตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา จากได้ 4-6 หมื่น ก้เหลือเดือนละ 2-3 หมื่น
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน
1. ค่าผ่อนรถ 7,000 บาท เอารถเข้าไฟแนนซ์ไปรักษาแม่เมิ่อปีก่อน เหลือส่งอีก 6 งวด
2. ค่าเช่าร้านเดือนละ 16,000 บาท
3. ค่าน้ำไฟที่ร้านตกเดือนละ 3,000 บาท
4. ส่งเงินให้แม่ใช้เดือนละ 10,000 -20,000 บาท -- หลังๆกิจการไม่ดี เลยส่งให้น้อยลง
5. ค่าบัตรเครดิต 4,000 บาท ต่อเดือน
= 25,000 - 40,000 บาทต่อเดือน
จนเมื่อวันจันทร์ เราลองไปสัมภาษณ์งานอีกที่หนึ่งมา เราสัมภาษณ์ไม่ผ่าน เค้าบอกเราว่าเราดูโรยราไม่เหมือนคนอายุไม่ถึง 30 ปีเลย เราดูอ่อนแรง คนสัมภาาณ์ที่เป็นคนฮ่องกงนั้นบอกว่าให้เราช่วยเล่าชีวิตประจำวันในแต่ละวันมาให้ฟัง (งานที่สมัครคืองานแปลเอกสารทางภาษา) เค้าบอกว่าคุณเหมือนผ่านสงครามมาเลย 555+ ( คิดว่าคงใช้คำพูดไม่ค่อยเก่ง) และเค้าแนะนำว่า คุณควรพักเยอะๆ และคิดถึงตัวเองให้มาก มากกว่านี้ เราเลยมานั่งคิดทบทวนว่าจะทำอย่างไรดีกับชีวิตดี ใจกลัวออกมาขายของเต็มตัวจะไม่พอกินชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่ใจก็ทำงานที่นี่แทบจะไม่ไหวแล้วเช่นกัน
ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำล่วงหน้านะค่ะ
ลาออกไปขายของดีไหม?
1. ทำงานโดยใช้อารมณ์ บริหารงานแบบครอบครัว คนพี่ไม่พอใจ ให้คนน้องด่า ทำสีผมมาหรือตัดผมทรงใหม่มาไม่ถูกใจ โดนเข้าห้องเย็น
2. โบนัสไม่มี โอทีไม่ให้ ทำงานเลิกดึกเหมาเป็นค่าข้าว 50 บาทแทน เงินเดือนขึ้นปีละไม่เกิน 1000 บาท
3. ทำงานจันทร์ - เสาร์ แต่ต้องสแตนบายอ่านไลน์ และ รอโทรศัพท์ตลอด 24 ชม.ทุกวัน ทุกเวลา ถ้าโทรมาไม่รับจะถูกตำหนิว่างานของเราทำงานกับต่างประเทศต้องพร้อม 24 ชม. เวลามีปัญหาแก้ปัญหากันที่ออฟฟิศถึงตี 2-3 โทรไปรายงานผล เจ้านายกลับบอกว่าสมควรแล้วเพราะจะได้ฝึกไว้ เค้าตั้งใจให้เราทำงานกันดึกดื่น เจ้านายอย่างเค้ายังต้องออกไปพบลูกค้า ไปขายของ เราเองก็ควรทำงานถึงดึกเพื่อให้งานสมบูรณ์
4. งานทุกอย่าง ด่วนหมด กินข้าวอยู่ ก็ต้องให้มาทำก่อน เพราะเจ้านายเป็นมนุษย์บ้างาน perfectionist วันๆไม่เคยเห็นกินข้าว กินกาแฟ 2 แก้วอยู่ทั้งวัน (5555+)
แล้วทำไมยังทำอยู่?
1. ทั้งออฟฟิศมี 4 คน คนไทย 2 ต่างชาติ 3 ถ้าเราออกไป เพื่อนร่วมงานเดือดร้อน ต่างคนต่างเห็นใจกัน มีปัญหานั่งทำงานกัน 2 คนดึกดื่นก็นั่งร้องไห้กันที่ออฟฟิศ
2. กิจการส่วนตัวที่วางแผนจะทำไว้กันลาออก รายได้ไม่มั่นคง มีปัญหาตั้งแต่กลางปี 2558 มาจนถึงปัจจุบัน ต้องเอาเงินเดือนที่ทำมาได้มากันเป็นค่าใช้จ่ายในร้าน น้องชายที่ทำร้านด้วยก็มาเสียชีวิตเมื่อต้นปี
3. ร้านขายของทางเนต และตลาดนัด หลังๆไม่ได้ขายเพราะงานที่ออฟฟิศเยอะมาก เยอะจนนอนวันละ 5 ชม. ช่วงตี 1 -6 โมงเช้า และทำงานจันทร์ - อาทิตย์มาตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา จากได้ 4-6 หมื่น ก้เหลือเดือนละ 2-3 หมื่น
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน
1. ค่าผ่อนรถ 7,000 บาท เอารถเข้าไฟแนนซ์ไปรักษาแม่เมิ่อปีก่อน เหลือส่งอีก 6 งวด
2. ค่าเช่าร้านเดือนละ 16,000 บาท
3. ค่าน้ำไฟที่ร้านตกเดือนละ 3,000 บาท
4. ส่งเงินให้แม่ใช้เดือนละ 10,000 -20,000 บาท -- หลังๆกิจการไม่ดี เลยส่งให้น้อยลง
5. ค่าบัตรเครดิต 4,000 บาท ต่อเดือน
= 25,000 - 40,000 บาทต่อเดือน
จนเมื่อวันจันทร์ เราลองไปสัมภาษณ์งานอีกที่หนึ่งมา เราสัมภาษณ์ไม่ผ่าน เค้าบอกเราว่าเราดูโรยราไม่เหมือนคนอายุไม่ถึง 30 ปีเลย เราดูอ่อนแรง คนสัมภาาณ์ที่เป็นคนฮ่องกงนั้นบอกว่าให้เราช่วยเล่าชีวิตประจำวันในแต่ละวันมาให้ฟัง (งานที่สมัครคืองานแปลเอกสารทางภาษา) เค้าบอกว่าคุณเหมือนผ่านสงครามมาเลย 555+ ( คิดว่าคงใช้คำพูดไม่ค่อยเก่ง) และเค้าแนะนำว่า คุณควรพักเยอะๆ และคิดถึงตัวเองให้มาก มากกว่านี้ เราเลยมานั่งคิดทบทวนว่าจะทำอย่างไรดีกับชีวิตดี ใจกลัวออกมาขายของเต็มตัวจะไม่พอกินชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่ใจก็ทำงานที่นี่แทบจะไม่ไหวแล้วเช่นกัน
ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำล่วงหน้านะค่ะ