-- ด้วยความที่อยากไหว้พระธาตุประจำปีเกิดมานานมากๆแล้ว "ว่าจะ ว่าจะ" อยู่หลายครั้ง แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้ไปสักที ... เอาฟะ ตอนนี้พร้อม ขอลุยแบบบ้าๆสักรอบละกัน ถือว่า หาเรื่องลองช่วงล่าง / ยางใหม่ ไปด้วยเลยละกัน
-- ที่บอกว่า “บ้าๆ” ก็เพราะ ระยะทางจาก นิคม 304 ไปถึง นครพนม เนี่ย มัน 675 กม.ครับ ก็พอๆกับ กทม. – เชียงใหม่ เลยล่ะ แต่ผมดันไปนอนแค่คืนเดียวแล้วก็กลับ ที่สำคัญ “ขับรถ” ไปด้วยสิ ... เออเอากะมันสิ !!!
4 มิถุนายน 2559
-- ใน google map บอกว่า ใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมง 45 นาที ครับ นั่งบวกๆๆๆๆ อืมมม งั้นถ้าอยากเที่ยวที่นครพนมทั้งวัน ก็ต้องออกสัก 3 – 4 ทุ่มอ่ะดิ เอาฟะ ออกก็ได้ กลัวอะไร
-- วันที่ 3 เลิกงานมา จัดการงานบ้านเรียบร้อย ก็นอนสลบอยู่ที่โซฟาสักชั่วโมงเศษครับ พอตื่นมาก็อาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ออกรถเลย ประมาณ 4 ทุ่มครับ เส้นทางก็ไม่มีอะไรมาก ออกถนน 304 ขึ้นเขาปักธงชัย ครับ ช่วงนี้มีทำทาง มีทางเบี่ยง หลายจุดเหมือนกัน การจราจรก็ติดตามรถใหญ่นี่แหละ
-- หลุดเขาปักมาได้ ก็เพิ่งรู้ว่า มีสะพานบายพาสใหม่ ขับเพลินๆ อ้าวววว ไหงป้ายไปสระบุรีหว่า เสียเวลายูเทิร์นไปซะ 1 รอบ เพราะป้ายเบี่ยงขึ้นสะพานมันเล็กมากๆครับ ... จากนั้นก็ออกบายพาส แล้วมาเข้ามิตรภาพ (ถนนหมายเลข 2) อีกครั้ง แล้วก็ยาวๆไปจนถึง อ.บ้านไผ่ ครับ ... แอบแปลกใจเล็กน้อยว่า รถเยอะมาก อย่างกะเทศกาลแน่ะ แต่ก็ดีครับ ไม่เหงา อาศัยวิ่งตามท้ายรถทัวร์นครชัย นี่แหละ ขับเรียบร้อย ไม่เร็ว
-- ก่อนถึงบ้านไผ่นิดนึง มีป้ายขวาไปจังหวัดมหาสารคาม (ถนนหมายเลข 23) ครับ ช่วงบ้านไผ่ – มหาสารคาม นี่ เปลี่ยวใช้ได้เลยครับ รถน้อยมาก แต่ถนนดีครับ ถึง มหาสารคาม แล้ว ต้องเลี้ยวเข้าขวา เข้าถนนหมายเลข 213 ตรงไปยาวๆจนถึง วงเวียนหอนาฬิกา ก็เลี้ยวซ้าย แล้วตรงไปอีกเกือบๆ 2 กม. มีป้ายขวาไปจังหวัดกาฬสินธ์ (ถนน213) ครับ ช่วงนี้ผมเปิด GPS แหละ ...
-- จากนั้น ก่อนเข้ากาฬสินธ์ มีทำถนนนะครับ ระวังบริเวณสะพานครับ ต้องเบาๆหน่อย ถ้าไม่อยากซ่อมช่วงล่างนะครับ แล้วผมก็จำผิด จำว่าต้องถึงตัวเมืองสกลนครก่อน ถึงจะขึ้นเขาภูพาน แล้วก็ไปเจอนครพนม ... ซึ่งอันที่จริงก็คือ เจอเขาภูพาน ก่อนน่ะครับ
-- อ้าวแล้วมีผลยังไง ? … มีสิครับ ก็ตอนนั้น ตี 3 – 4 แล้วครับ กำลังง่วงได้ที่เลย รถก็น้อย เลยขับเร็ว เจอเข้าไปเล่นเอาหายง่วงไปหลายโค้งเลยล่ะ ...
ขับเพลินๆ เห็นป้าย “โค้งปิ้งงู” ...
ไรฟะ งูไร ?
เฮ้ยย Fiesta นี่ จะขับให้เต่ากัดยางเล่นเหรอ ? ไหนว่าช่วงล่างแน่ ขับแค่นี้อ่ะนะ
-- ว่าแล้ว ก็แซงซะ จังหวะแซงได้พอดี แซงปุ๊บก็เจอโค้ง หักเข้าไป ... อ้าวเฮ้ยยยย เอี๊ยดดดดดดดด เสียงยาง B/S HP Sport ล้อหลัง ร้องลั่นถนนเลย (เข้าโค้งจนยางร้องนะ ไม่ใช่เบรค) ... รู้ละ “ปิ้งงู” เป็นไง (มาเร็ว / ง่วง / ไม่เห็นโค้งยาวๆ / อ่านโค้งไม่ออก) ดีนะไม่แหกโค้ง อ่ะ
-- พอเข้า สกลนคร มาได้ มองมาตรวัดน้ำมัน เหลืออยู่ 5 เม็ด กับระยะทางไป นครพนม อีกสัก 80 กม. ดูแล้วก็น่าจะพอนะ ตอนนั้นเวลาประมาณ ตี 5 ครับ ใจอยากลุ้น แต่ก็นะ สายอีสานนี่ พอดึกหน่อย ปั๊มปิดเรียบเลย นานๆจะเจอปั๊มน้ำมันที งั้นขอแวะเติมหน่อยแล้วกัน เผื่อไว้ก่อนครับ
-- ช่วงนี้ก็อัดเต็มๆ กดเต็มๆ กะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นริมโขงสักหน่อย ... แต่พอสัก ตี 5 ครึ่ง แสงก็เริ่มมา ... อ้าววว มาเร็วจัง ... ว้า ไม่ทันละ ... งั้นนอนละกัน ... จริงๆคือ อาการผมไม่ไหวแล้ว ฝืนต่อก็ไม่น่าทัน แถมอันตรายด้วย เลยเลี้ยวเข้าปั๊ม แล้วก็ shut down ตัวเอง อย่างว่องไวครับ
-- ฟื้นอีกที 7 โมงเช้าครับ แสงแยงตาพอดีเลย ... ลุกขึ้นมาเดินเพ่นพ่านในปั๊ม แล้วก็ไปต่อครับ เลี้ยวออกมาก็ตั้ง GPS ไป “ร้านพรเทพ” หามื้อเช้าทานกันครับ ... เส้นทางก็ไม่ยาก ถ้ามาจากสกลนคร เข้าเมืองมา ก็ แยกไฟแดงก่อนสุดท้าย ก่อนถึงเส้นที่จะเลียบแม่น้ำโขงล่ะครับ เลี้ยวขวาไปหน่อยเดียว ร้านอยู่ขวามือ ติดร้านขายของฝาก (เหรียญทอง) ครับ ... ที่จอดรถก็แอบๆในซอยข้างๆแถวนั้นก็ได้ครับ
ว่าแล้วก็สั่งเลยยย ...
ไข่กระทะ / กาแฟเย็น
นอกจากนี้ก็มีพวก ต้มเส้น / ข้าวต้ม ด้วยนะครับ ... มื้อนี้ 60 บาทครับ ถูกดี ... รสชาติเหรอ ผมเฉยๆแฮะ
-- อิ่มแล้วขับรถต่อดีกว่า ... วนออกมาเลียบแม่น้ำโขง (ถนน 212) มุ่งหน้าไปทาง อ.ธาตุพนม แค่เลี้ยวออกมาก็ตะลึงละ วิวสวยมาก แอบอิจฉาคนที่นี่แฮะ มีวิวสวยๆแบบนี้อยู่ในเมืองเลย แถมด้วย เลนจักรยาน อีกต่างหาก
มองดูนาฬิกา เกือบๆ 8 โมงเช้าละ ... งั้นไปวัดพระธาตุพนม ดีกว่า
วัดพระธาตุพนม
-- เส้นทางไม่ยากครับ ... ถ้ามาจาก สกลนคร วิ่งมาจนชนแม่น้ำโขงก็เลี้ยวขวา แล้ววิ่งตรงไปยาวๆเลยครับ มีป้ายบอกตลอดทาง ไปไม่ยากครับ ระยะทางจากตัวเมืองราวๆ 50 กว่ากม. ขับรถเองก็สัก 40 นาทีครับ
-- ผมถึงวัดราวๆ 9 โมงเช้าครับ สบายๆ หาที่จอดรถง่าย คนก็น้อย ถ่ายภาพสบายครับ
พระธาตุพนม เป็นพระธาตุประจำปีวอก และ ประจำวันอาทิตย์ นะครับ
วัดธาตุเรณู
-- ออกจากวัดพระธาตุพนมย้อนกลับทางเดิน มาได้หน่อย จะมีป้ายบอกให้แยกซ้ายไป อ.เรณูนคร ครับ ไปอีกสัก 7 กม. ก็เจอวัดธาตุเรณู ครับ เป็นพระธาตุประจำวันจันทร์ครับ
วัดมหาธาตุ
-- วัดนี้อยู่ในตัวเมืองครับ เป็นวัดประจำวันเสาร์ ครับ
-- ออกจากวัดมหาธาตุมา ก็มุ่งหน้าเข้าเมืองครับ ขับไปจนสุดทาง ก็จะโดนกั้น บังคับเลี้ยวซ้ายครับ จากนั้นก็เปิด GPS ให้พาไปพิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่า ท่านเพ่ ก็พาผมวนเล่นในเมืองเลย ขับไป ขับมา เหลือบไปเห็นศาลหลักเมือง อ้าว แวะสักหน่อยครับ
ศาลหลักเมือง
-- หลังจากโดนบังคับเลี้ยวซ้าย เจอแยกแรก ให้ตรงข้ามไปก่อน (ถ้าแยกแรก เลี้ยวซ้าย ก็ร้านพรเทพไง) ไปเลี้ยวขวาเอาแยกที่สอง จากนั้น ตรงสุดท้ายเจอสามแยก ก็เลี้ยวซ้ายครับ ก็จะเจอศาลหลักเมือง คู่กับ หอสมุด แหละ (แล้วก็ฮาตรงที่ ไหว้ศาลหลักเมืองเสร็จ ขับออกมา หันอีกที อ้าวววว หอสมุดนี่หว่า เลยไม่ได้แวะเลย)
-- จากศาลหลักเมือง ก็จะไปต่อที่ พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าหลังเก่าครับ ขับไปขับมา GPS บอกว่า ถึงแล้ว ... เอิ่มมม มองไปก็ 7-11 นี่หว่า เลยแวะจอดหาของกิน แล้วก็ถามทาง 7 -11 ซะเลย
พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าหลังเก่า
-- ทางก็ไม่มีอะไร จากหน้า รพ. ตรงไปเจอแยก ก็เลี้ยวขวา ตรงไปจนออกถนนเลียบแม่น้ำโขงนั่นแหละ อยู่ขวามือครับ เสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาทนะครับ
-- ผมเดินเลาะไปด้านหลังก่อนครับ เป็น “เฮือนเรือไฟ” อาคารนี้จะเป็นสถานที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาของเรือไฟครับ ว่าสร้างยังไง เกิดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
-- แล้วจึงเดินเข้าด้านหลังของ อาคารด้านหน้าครับ ซึ่งที่นี่เคยเป็นที่ประทับค้างแรมของในหลวงด้วยครับ
อาสนวิหารนักบุญอันนา
-- ใช้เวลาที่พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าไม่นานครับ ... มองนาฬิกา ยังไม่เที่ยงเลย ไปไหนดีล่ะ ? … เอ คุ้นๆว่า มีโบสถ์อยู่ใช่ไหม ? ว่าแล้วก็เลี้ยวซ้าย แล้ววิ่งเลาะแม่น้ำโขงเลย ขับมาหน่อยเดียวก็เจอครับ
วัดโอกาส / ตลาดอินโดจีน
-- ออกจากโบสถ์มา ก็ลืมครับ ลืมสะพานมิตรภาพ กับ บ้านลุงโฮ(จิมินห์) ไปซะสนิท เลยเลี้ยวขวาวิ่งย้อนกลับทางเดิม ขับไปขับมา อ๋ออออ หอนาฬิกา อยู่ตรงนี้เอง พอเลยมาอีกหน่อยก็ วัดโอกาส ครับ เลยเลี้ยวเข้าไปจอดในวัดนี่แหละ
-- ไหว้พระเรียบร้อย ก็ออกมาเดินเล่นตลาดอินโดจีน ที่อยู่ติดกันนั่นแหละ ส่วนมากจะเป็นพวกเสื้อผ้า / ของกิน / ของเล่น ทั้งหลายน่ะครับ
[CR] * * * ชวนเที่ยวนครพนม ฉบับเร่งรัด * * *
-- ที่บอกว่า “บ้าๆ” ก็เพราะ ระยะทางจาก นิคม 304 ไปถึง นครพนม เนี่ย มัน 675 กม.ครับ ก็พอๆกับ กทม. – เชียงใหม่ เลยล่ะ แต่ผมดันไปนอนแค่คืนเดียวแล้วก็กลับ ที่สำคัญ “ขับรถ” ไปด้วยสิ ... เออเอากะมันสิ !!!
4 มิถุนายน 2559
-- ใน google map บอกว่า ใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมง 45 นาที ครับ นั่งบวกๆๆๆๆ อืมมม งั้นถ้าอยากเที่ยวที่นครพนมทั้งวัน ก็ต้องออกสัก 3 – 4 ทุ่มอ่ะดิ เอาฟะ ออกก็ได้ กลัวอะไร
-- วันที่ 3 เลิกงานมา จัดการงานบ้านเรียบร้อย ก็นอนสลบอยู่ที่โซฟาสักชั่วโมงเศษครับ พอตื่นมาก็อาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ออกรถเลย ประมาณ 4 ทุ่มครับ เส้นทางก็ไม่มีอะไรมาก ออกถนน 304 ขึ้นเขาปักธงชัย ครับ ช่วงนี้มีทำทาง มีทางเบี่ยง หลายจุดเหมือนกัน การจราจรก็ติดตามรถใหญ่นี่แหละ
-- หลุดเขาปักมาได้ ก็เพิ่งรู้ว่า มีสะพานบายพาสใหม่ ขับเพลินๆ อ้าวววว ไหงป้ายไปสระบุรีหว่า เสียเวลายูเทิร์นไปซะ 1 รอบ เพราะป้ายเบี่ยงขึ้นสะพานมันเล็กมากๆครับ ... จากนั้นก็ออกบายพาส แล้วมาเข้ามิตรภาพ (ถนนหมายเลข 2) อีกครั้ง แล้วก็ยาวๆไปจนถึง อ.บ้านไผ่ ครับ ... แอบแปลกใจเล็กน้อยว่า รถเยอะมาก อย่างกะเทศกาลแน่ะ แต่ก็ดีครับ ไม่เหงา อาศัยวิ่งตามท้ายรถทัวร์นครชัย นี่แหละ ขับเรียบร้อย ไม่เร็ว
-- ก่อนถึงบ้านไผ่นิดนึง มีป้ายขวาไปจังหวัดมหาสารคาม (ถนนหมายเลข 23) ครับ ช่วงบ้านไผ่ – มหาสารคาม นี่ เปลี่ยวใช้ได้เลยครับ รถน้อยมาก แต่ถนนดีครับ ถึง มหาสารคาม แล้ว ต้องเลี้ยวเข้าขวา เข้าถนนหมายเลข 213 ตรงไปยาวๆจนถึง วงเวียนหอนาฬิกา ก็เลี้ยวซ้าย แล้วตรงไปอีกเกือบๆ 2 กม. มีป้ายขวาไปจังหวัดกาฬสินธ์ (ถนน213) ครับ ช่วงนี้ผมเปิด GPS แหละ ...
-- จากนั้น ก่อนเข้ากาฬสินธ์ มีทำถนนนะครับ ระวังบริเวณสะพานครับ ต้องเบาๆหน่อย ถ้าไม่อยากซ่อมช่วงล่างนะครับ แล้วผมก็จำผิด จำว่าต้องถึงตัวเมืองสกลนครก่อน ถึงจะขึ้นเขาภูพาน แล้วก็ไปเจอนครพนม ... ซึ่งอันที่จริงก็คือ เจอเขาภูพาน ก่อนน่ะครับ
-- อ้าวแล้วมีผลยังไง ? … มีสิครับ ก็ตอนนั้น ตี 3 – 4 แล้วครับ กำลังง่วงได้ที่เลย รถก็น้อย เลยขับเร็ว เจอเข้าไปเล่นเอาหายง่วงไปหลายโค้งเลยล่ะ ...
ขับเพลินๆ เห็นป้าย “โค้งปิ้งงู” ...
ไรฟะ งูไร ?
เฮ้ยย Fiesta นี่ จะขับให้เต่ากัดยางเล่นเหรอ ? ไหนว่าช่วงล่างแน่ ขับแค่นี้อ่ะนะ
-- ว่าแล้ว ก็แซงซะ จังหวะแซงได้พอดี แซงปุ๊บก็เจอโค้ง หักเข้าไป ... อ้าวเฮ้ยยยย เอี๊ยดดดดดดดด เสียงยาง B/S HP Sport ล้อหลัง ร้องลั่นถนนเลย (เข้าโค้งจนยางร้องนะ ไม่ใช่เบรค) ... รู้ละ “ปิ้งงู” เป็นไง (มาเร็ว / ง่วง / ไม่เห็นโค้งยาวๆ / อ่านโค้งไม่ออก) ดีนะไม่แหกโค้ง อ่ะ
-- พอเข้า สกลนคร มาได้ มองมาตรวัดน้ำมัน เหลืออยู่ 5 เม็ด กับระยะทางไป นครพนม อีกสัก 80 กม. ดูแล้วก็น่าจะพอนะ ตอนนั้นเวลาประมาณ ตี 5 ครับ ใจอยากลุ้น แต่ก็นะ สายอีสานนี่ พอดึกหน่อย ปั๊มปิดเรียบเลย นานๆจะเจอปั๊มน้ำมันที งั้นขอแวะเติมหน่อยแล้วกัน เผื่อไว้ก่อนครับ
-- ช่วงนี้ก็อัดเต็มๆ กดเต็มๆ กะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นริมโขงสักหน่อย ... แต่พอสัก ตี 5 ครึ่ง แสงก็เริ่มมา ... อ้าววว มาเร็วจัง ... ว้า ไม่ทันละ ... งั้นนอนละกัน ... จริงๆคือ อาการผมไม่ไหวแล้ว ฝืนต่อก็ไม่น่าทัน แถมอันตรายด้วย เลยเลี้ยวเข้าปั๊ม แล้วก็ shut down ตัวเอง อย่างว่องไวครับ
-- ฟื้นอีกที 7 โมงเช้าครับ แสงแยงตาพอดีเลย ... ลุกขึ้นมาเดินเพ่นพ่านในปั๊ม แล้วก็ไปต่อครับ เลี้ยวออกมาก็ตั้ง GPS ไป “ร้านพรเทพ” หามื้อเช้าทานกันครับ ... เส้นทางก็ไม่ยาก ถ้ามาจากสกลนคร เข้าเมืองมา ก็ แยกไฟแดงก่อนสุดท้าย ก่อนถึงเส้นที่จะเลียบแม่น้ำโขงล่ะครับ เลี้ยวขวาไปหน่อยเดียว ร้านอยู่ขวามือ ติดร้านขายของฝาก (เหรียญทอง) ครับ ... ที่จอดรถก็แอบๆในซอยข้างๆแถวนั้นก็ได้ครับ
ว่าแล้วก็สั่งเลยยย ...
ไข่กระทะ / กาแฟเย็น
นอกจากนี้ก็มีพวก ต้มเส้น / ข้าวต้ม ด้วยนะครับ ... มื้อนี้ 60 บาทครับ ถูกดี ... รสชาติเหรอ ผมเฉยๆแฮะ
-- อิ่มแล้วขับรถต่อดีกว่า ... วนออกมาเลียบแม่น้ำโขง (ถนน 212) มุ่งหน้าไปทาง อ.ธาตุพนม แค่เลี้ยวออกมาก็ตะลึงละ วิวสวยมาก แอบอิจฉาคนที่นี่แฮะ มีวิวสวยๆแบบนี้อยู่ในเมืองเลย แถมด้วย เลนจักรยาน อีกต่างหาก
มองดูนาฬิกา เกือบๆ 8 โมงเช้าละ ... งั้นไปวัดพระธาตุพนม ดีกว่า
วัดพระธาตุพนม
-- เส้นทางไม่ยากครับ ... ถ้ามาจาก สกลนคร วิ่งมาจนชนแม่น้ำโขงก็เลี้ยวขวา แล้ววิ่งตรงไปยาวๆเลยครับ มีป้ายบอกตลอดทาง ไปไม่ยากครับ ระยะทางจากตัวเมืองราวๆ 50 กว่ากม. ขับรถเองก็สัก 40 นาทีครับ
-- ผมถึงวัดราวๆ 9 โมงเช้าครับ สบายๆ หาที่จอดรถง่าย คนก็น้อย ถ่ายภาพสบายครับ
พระธาตุพนม เป็นพระธาตุประจำปีวอก และ ประจำวันอาทิตย์ นะครับ
วัดธาตุเรณู
-- ออกจากวัดพระธาตุพนมย้อนกลับทางเดิน มาได้หน่อย จะมีป้ายบอกให้แยกซ้ายไป อ.เรณูนคร ครับ ไปอีกสัก 7 กม. ก็เจอวัดธาตุเรณู ครับ เป็นพระธาตุประจำวันจันทร์ครับ
วัดมหาธาตุ
-- วัดนี้อยู่ในตัวเมืองครับ เป็นวัดประจำวันเสาร์ ครับ
-- ออกจากวัดมหาธาตุมา ก็มุ่งหน้าเข้าเมืองครับ ขับไปจนสุดทาง ก็จะโดนกั้น บังคับเลี้ยวซ้ายครับ จากนั้นก็เปิด GPS ให้พาไปพิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่า ท่านเพ่ ก็พาผมวนเล่นในเมืองเลย ขับไป ขับมา เหลือบไปเห็นศาลหลักเมือง อ้าว แวะสักหน่อยครับ
ศาลหลักเมือง
-- หลังจากโดนบังคับเลี้ยวซ้าย เจอแยกแรก ให้ตรงข้ามไปก่อน (ถ้าแยกแรก เลี้ยวซ้าย ก็ร้านพรเทพไง) ไปเลี้ยวขวาเอาแยกที่สอง จากนั้น ตรงสุดท้ายเจอสามแยก ก็เลี้ยวซ้ายครับ ก็จะเจอศาลหลักเมือง คู่กับ หอสมุด แหละ (แล้วก็ฮาตรงที่ ไหว้ศาลหลักเมืองเสร็จ ขับออกมา หันอีกที อ้าวววว หอสมุดนี่หว่า เลยไม่ได้แวะเลย)
-- จากศาลหลักเมือง ก็จะไปต่อที่ พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าหลังเก่าครับ ขับไปขับมา GPS บอกว่า ถึงแล้ว ... เอิ่มมม มองไปก็ 7-11 นี่หว่า เลยแวะจอดหาของกิน แล้วก็ถามทาง 7 -11 ซะเลย
พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าหลังเก่า
-- ทางก็ไม่มีอะไร จากหน้า รพ. ตรงไปเจอแยก ก็เลี้ยวขวา ตรงไปจนออกถนนเลียบแม่น้ำโขงนั่นแหละ อยู่ขวามือครับ เสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาทนะครับ
-- ผมเดินเลาะไปด้านหลังก่อนครับ เป็น “เฮือนเรือไฟ” อาคารนี้จะเป็นสถานที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาของเรือไฟครับ ว่าสร้างยังไง เกิดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
-- แล้วจึงเดินเข้าด้านหลังของ อาคารด้านหน้าครับ ซึ่งที่นี่เคยเป็นที่ประทับค้างแรมของในหลวงด้วยครับ
อาสนวิหารนักบุญอันนา
-- ใช้เวลาที่พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าไม่นานครับ ... มองนาฬิกา ยังไม่เที่ยงเลย ไปไหนดีล่ะ ? … เอ คุ้นๆว่า มีโบสถ์อยู่ใช่ไหม ? ว่าแล้วก็เลี้ยวซ้าย แล้ววิ่งเลาะแม่น้ำโขงเลย ขับมาหน่อยเดียวก็เจอครับ
วัดโอกาส / ตลาดอินโดจีน
-- ออกจากโบสถ์มา ก็ลืมครับ ลืมสะพานมิตรภาพ กับ บ้านลุงโฮ(จิมินห์) ไปซะสนิท เลยเลี้ยวขวาวิ่งย้อนกลับทางเดิม ขับไปขับมา อ๋ออออ หอนาฬิกา อยู่ตรงนี้เอง พอเลยมาอีกหน่อยก็ วัดโอกาส ครับ เลยเลี้ยวเข้าไปจอดในวัดนี่แหละ
-- ไหว้พระเรียบร้อย ก็ออกมาเดินเล่นตลาดอินโดจีน ที่อยู่ติดกันนั่นแหละ ส่วนมากจะเป็นพวกเสื้อผ้า / ของกิน / ของเล่น ทั้งหลายน่ะครับ