ผู้จัด "น้อง-พรสุดา" เผยสาเหตุที่เลือก "ทายาทอสูร" มาทำละครว่า "เรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั้งสองเวอร์ชั่นคนไทยชอบละครสไตล์นี้ เรื่องวิญญาณ ความเชื่อ รู้สึกอยู่ใกล้ตัว เลยคิดว่าถ้าเอามาทำอีกหวังว่าคนคงให้การต้อนรับอีก"
"ทายาทอสูรเป็นเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งที่โดนอสูรเข้าสิงและพยายามหาทายาทรุ่นต่อๆ ไป แต่จริงๆ มีเหตุการณ์ว่าทำไมอสูรถึงต้องอยู่ในตัวผู้หญิงคนนี้ ตัวอสูรก่อนหน้านี้คือเจ้าโขน ช่างปั้นสมัยนั้น ตระกูลคุณยายวรนาฏเป็นเจ้า มีเรื่องเข้าใจผิดไปทำโทษเขา เขารู้สึกไม่ยุติธรรม แค้นตระกูลนี้จึงยอมให้ความชั่วร้ายเข้าครอบงำสาปแช่งโดยการบูชายัญตัวเองให้เป็นปีศาจจะมาคอยทำลายตระกูลนี้ การเล่าเรื่องเวอร์ชั่นนี้จะมีที่มาที่ไป เดินเรื่องให้เคลียร์ว่าทำไมคุณยายวรนาฏถึงต้องมาอยู่แบบนี้ คนดูจะเข้าใจมากขึ้น"
เวอร์ชั่นนี้จะมีมุมเล่าเรื่องคุณยายวรนาฏมากขึ้น "ค่ะ นักแสดงทั้งเบนซ์และณัฐต้องเล่นสามเจเนอเรชั่น ยุคศรีสัชนาลัย ยุคซิกตี้ และยุคปัจจุบัน ต้องเล่นย้อนไปในอดีตว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ที่ผ่านมาไม่ได้เล่าความรักของคุณยายวรนาฏชัดเท่าไหร่ ใส่รายละเอียดตรงนี้เข้าไปเพื่ออธิบายเหตุผลของคุณยายวรนาฏที่ต้องการหาทายาทสืบทอดอสูร"
ตัวละครสำคัญ "คุณยายวรนาฏ" ทำไมเลือก "เบนซ์-พรชิตา" ผู้จัดให้เหตุผลว่า "ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ จังหวะเวลา ออร่าออก ถ่ายทอดความสง่างาม ความเหี้ยมโหดดุดันในขณะที่ตัวเองกลายเป็นอสูรได้ดีมาก เห็นแล้วสบายใจมั่นใจมาก น้องเบนซ์ถ่ายทอดความเป็นคุณยายวรนาฏออกมาได้ดีในสไตล์ของเขา เอาอยู่แน่นอน"
แล้ว "ณัฐรัฐ" กับ "ไหยหยา" เหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับยังไง ผู้จัดสาวแง้ม "ณัฐ รับบท สนทรรศน์ ซึ่งน้องๆ ทุกคนทุ่มเทและศึกษาบทเป็นอย่างดี เขารู้ตัวว่าไม่ได้เล่นบทเป็นสนทรรศน์อย่างเดียว ต้องเล่นในยุคศรีสัชนาลัยเล่นเป็นคนรักคุณวรนาฏในอีกยุค ฉะนั้นต้องพยายามทำความเข้าใจทั้ง 3 คาแร็กเตอร์ให้ดี ถึงแม้คาแร็กเตอร์หลักจะเป็นสนทรรศน์ก็เถอะ"
"ส่วนตัวไหยหยาเล่นสองพาร์ต ยุคศรีสัชนาลัยเป็นน้องคนสุดท้ายวรนาฎ พอปัจจุบันมาเป็นหลาน น้องไหยหยาตั้งใจ ทำการบ้านมาดี ส่วนที่เขาต้องกลายมาเป็นอสูรในช่วงหลังเขาถ่ายทอดออกมาได้ดี ความโหดร้ายของสายตาสามารถถ่ายทอดความรู้สึกตรงนั้นออกมาได้ดูแล้วเชื่อว่าเด็กคนนี้โดนสิง"
เรื่องนี้ใช้ซีจีเยอะไหม "พอเป็นเรื่องผีจิตวิญญาณความน่ากลัวต้องใช้ตรงนี้เข้ามา ให้คนดูได้รับอรรถรสในการชมมากที่สุด ส่วนฉากไฮไลต์ คุณยายปล่อยตะขาบ ไม่ได้ใช้ซีจีธรรมดา แต่เป็น 3D ให้รู้สึกว่ามันออกมาเหมือนจริง นั่งดูแล้วมันลอยออกมาหาเรา นอกจากนั้นยังใช้เทคนิคการถ่ายทำตะขาบตัวจริงๆ เอามาประสานลงไปด้วย ในส่วนคุณยายวรนาฏตอนแก่ใช้เมกอัพผสมสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์ ม็อกอัพทำโมหน้าให้รู้สึกถึงความแก่ ให้ผู้เชี่ยวชาญการทำโมสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์มาทำ"
ข้อคิดที่ได้จากการชม ผู้จัดเผยว่า "มนุษย์ทุกคนมีด้านมืด ตัวอสูรเหมือนเป็นตัวแทนด้านมืด เราจะใช้ด้านมืดออกมาหรือจะกดมันไว้ ถ้าพ่ายแพ้กับกิเลสตัณหาและความเคียดแค้นต่างๆ นั่นหมายถึงเราปลุกอสูรในหัวใจออกมา ถ้าโดนอสูรในจิตใจครอบงำก็จะทำให้ทำชั่ว แต่ถ้าชนะกิเลสตัณหาที่อยู่ในใจได้ ก็สามารถเอาชนะอสูรในหัวใจเราได้"
เป็นละครที่ประสบความสำเร็จมาตลอด กดดันมากน้อยแค่ไหน ผู้จัดยอมรับ "ทั้งตื่นเต้น กดดัน กังวลทุกอย่าง เพราะไม่รู้ว่าออกมาจะถูกจริตคนไทยแค่ไหน เราทุกคนทุ่มเทกันเต็มที่ ก็หวังว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีค่ะ"
ผู้จัด"ทายาทอสูร"เผยตะขาบเวอร์ชั่นนี้ใช้ 3D และ ของจริง // ตีความใหม่คุณยายวรนาฏมีมิติมากขึ้น//เหตุผลที่เลือกเบนซ์
"ทายาทอสูรเป็นเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งที่โดนอสูรเข้าสิงและพยายามหาทายาทรุ่นต่อๆ ไป แต่จริงๆ มีเหตุการณ์ว่าทำไมอสูรถึงต้องอยู่ในตัวผู้หญิงคนนี้ ตัวอสูรก่อนหน้านี้คือเจ้าโขน ช่างปั้นสมัยนั้น ตระกูลคุณยายวรนาฏเป็นเจ้า มีเรื่องเข้าใจผิดไปทำโทษเขา เขารู้สึกไม่ยุติธรรม แค้นตระกูลนี้จึงยอมให้ความชั่วร้ายเข้าครอบงำสาปแช่งโดยการบูชายัญตัวเองให้เป็นปีศาจจะมาคอยทำลายตระกูลนี้ การเล่าเรื่องเวอร์ชั่นนี้จะมีที่มาที่ไป เดินเรื่องให้เคลียร์ว่าทำไมคุณยายวรนาฏถึงต้องมาอยู่แบบนี้ คนดูจะเข้าใจมากขึ้น"
เวอร์ชั่นนี้จะมีมุมเล่าเรื่องคุณยายวรนาฏมากขึ้น "ค่ะ นักแสดงทั้งเบนซ์และณัฐต้องเล่นสามเจเนอเรชั่น ยุคศรีสัชนาลัย ยุคซิกตี้ และยุคปัจจุบัน ต้องเล่นย้อนไปในอดีตว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ที่ผ่านมาไม่ได้เล่าความรักของคุณยายวรนาฏชัดเท่าไหร่ ใส่รายละเอียดตรงนี้เข้าไปเพื่ออธิบายเหตุผลของคุณยายวรนาฏที่ต้องการหาทายาทสืบทอดอสูร"
ตัวละครสำคัญ "คุณยายวรนาฏ" ทำไมเลือก "เบนซ์-พรชิตา" ผู้จัดให้เหตุผลว่า "ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ จังหวะเวลา ออร่าออก ถ่ายทอดความสง่างาม ความเหี้ยมโหดดุดันในขณะที่ตัวเองกลายเป็นอสูรได้ดีมาก เห็นแล้วสบายใจมั่นใจมาก น้องเบนซ์ถ่ายทอดความเป็นคุณยายวรนาฏออกมาได้ดีในสไตล์ของเขา เอาอยู่แน่นอน"
แล้ว "ณัฐรัฐ" กับ "ไหยหยา" เหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับยังไง ผู้จัดสาวแง้ม "ณัฐ รับบท สนทรรศน์ ซึ่งน้องๆ ทุกคนทุ่มเทและศึกษาบทเป็นอย่างดี เขารู้ตัวว่าไม่ได้เล่นบทเป็นสนทรรศน์อย่างเดียว ต้องเล่นในยุคศรีสัชนาลัยเล่นเป็นคนรักคุณวรนาฏในอีกยุค ฉะนั้นต้องพยายามทำความเข้าใจทั้ง 3 คาแร็กเตอร์ให้ดี ถึงแม้คาแร็กเตอร์หลักจะเป็นสนทรรศน์ก็เถอะ"
"ส่วนตัวไหยหยาเล่นสองพาร์ต ยุคศรีสัชนาลัยเป็นน้องคนสุดท้ายวรนาฎ พอปัจจุบันมาเป็นหลาน น้องไหยหยาตั้งใจ ทำการบ้านมาดี ส่วนที่เขาต้องกลายมาเป็นอสูรในช่วงหลังเขาถ่ายทอดออกมาได้ดี ความโหดร้ายของสายตาสามารถถ่ายทอดความรู้สึกตรงนั้นออกมาได้ดูแล้วเชื่อว่าเด็กคนนี้โดนสิง"
เรื่องนี้ใช้ซีจีเยอะไหม "พอเป็นเรื่องผีจิตวิญญาณความน่ากลัวต้องใช้ตรงนี้เข้ามา ให้คนดูได้รับอรรถรสในการชมมากที่สุด ส่วนฉากไฮไลต์ คุณยายปล่อยตะขาบ ไม่ได้ใช้ซีจีธรรมดา แต่เป็น 3D ให้รู้สึกว่ามันออกมาเหมือนจริง นั่งดูแล้วมันลอยออกมาหาเรา นอกจากนั้นยังใช้เทคนิคการถ่ายทำตะขาบตัวจริงๆ เอามาประสานลงไปด้วย ในส่วนคุณยายวรนาฏตอนแก่ใช้เมกอัพผสมสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์ ม็อกอัพทำโมหน้าให้รู้สึกถึงความแก่ ให้ผู้เชี่ยวชาญการทำโมสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์มาทำ"
ข้อคิดที่ได้จากการชม ผู้จัดเผยว่า "มนุษย์ทุกคนมีด้านมืด ตัวอสูรเหมือนเป็นตัวแทนด้านมืด เราจะใช้ด้านมืดออกมาหรือจะกดมันไว้ ถ้าพ่ายแพ้กับกิเลสตัณหาและความเคียดแค้นต่างๆ นั่นหมายถึงเราปลุกอสูรในหัวใจออกมา ถ้าโดนอสูรในจิตใจครอบงำก็จะทำให้ทำชั่ว แต่ถ้าชนะกิเลสตัณหาที่อยู่ในใจได้ ก็สามารถเอาชนะอสูรในหัวใจเราได้"
เป็นละครที่ประสบความสำเร็จมาตลอด กดดันมากน้อยแค่ไหน ผู้จัดยอมรับ "ทั้งตื่นเต้น กดดัน กังวลทุกอย่าง เพราะไม่รู้ว่าออกมาจะถูกจริตคนไทยแค่ไหน เราทุกคนทุ่มเทกันเต็มที่ ก็หวังว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีค่ะ"