"ถ้าแค่บัตรใบเดียว แฟนถึงกับเอาตาย ก็เลิก ๆ มันไปเถอะค่ะ" นี่คือคำพูดที่คุณใช้กับคนที่คุณอยากให้เป็นลูกค้า แต่เค้าปฏิเสธรับบัตรเครดิตจากคุณเหรอคะ ธนาคารยูโอบี
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณวันที่ 27 พฤษภา เวลาเกือบหกโมงเย็น มีพนักงานของ UOB โทรมาเสนอบัตรเครดิตให้แฟนเราค่ะ
ซึ่งตอนนั้นแฟนกำลังขับรถอยู่แต่พอดีโทรศัพท์มันเชื่อม blutooth กับรถ ดังนั้นบทสนทนาทั้งหมดเราจึงได้ยินด้วยค่ะ
พนักงานก็โทรมาเสนอบัตรเคตรดิตทั่วไปค่ะ แฟนเราอ่ะเค้าไม่เอาหรอกค่ะ เพราะตอนนี้ก็กำลังพยายามปิดบัตรอื่น ๆ ที่มีอยู่
แต่ก็รอฟังพนักงานพูดจนจบนะคะ โดยปกติพวกเราไม่เคยปฏิเสธการฟังค่ะ เพราะเราเข้าใจว่ามันเป็นงานของเค้า เค้ามีหน้าที่โทรมาเสนอขาย ก็ให้เค้าทำงานของเค้าไป
แต่เมื่อพนักงานพูดจบ แฟนเราก็ปฏิเสธไปตรง ๆ ว่าบัตรผมมีเยอะแล้วครับ ตอนนี้กำลังทยอยปิด ขอเอาไว้ก่อนละกันนะครับ
พนักงานก็ยังเสนอต่อ แล้วก็บอกสิทธิประโยชน์ บลา ๆ ตรงนี้เราขอไม่พูดถึงเนาะ
แต่จุดหักมุมมันอยู่ตรงนี้ค่ะ...
เค้าก็ยังไม่ยอม ยังคงพูดโฆษณาอยู่ ไม่จบ เราเห็นว่าแฟนตัดบทสนทนาไม่ได้ เลยทำปากบอกแฟนไปว่า ให้บอกว่าถ้ามีบัตรอีก เดี๋ยวแฟนว่า
แฟนเราก็เลยบอกพนักงานคนนั้นไปว่า คือยังไงบัตรก็ต้องส่งมาที่บ้าน แล้วแฟนผมก็ต้องเห็นอยู่ดี ถ้าแฟนผมเห็น แฟนผมเอาตายแน่ ๆ
ตรงนี้ค่ะ... พนักงานไม่พอใจ เหวี่ยงใส่เลยค่ะ บอกว่า "โอ๊ย ถ้าแค่บัตรใบเดียว แฟนถึงกับเอาตาย ก็เลิก ๆ มันไปเถอะค่ะ"
ซึ่งจบประโยคนี้ เรากดตัดสายเลยค่ะ กลัวจะกลายเป็นด่าสาดกันไปมาเปล่า ๆ เพราะเรากับแฟนโมโหสุด ๆ เลยค่ะ
( คิด ๆ ไปแล้ว ถ้ารู้ว่าโทรมาร้องเรียนทาง UOB แล้วนิ่งเป็นเป่าสากแบบนี้ เราสองคนคงด่าไปแล้วค่ะ ไม่น่ามารยาทงาม โลกสวยเลย เสียดายมาก)
วางสายแล้ว เราอึ้งไปสักพัก เราก็โทรไปร้องเรียนเลยค่ะ call center รับเรื่องไว้แล้วหายไป
เราเลยโทรไปอีกเมื่อวันที่ 31 เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีเรื่องในระบบ สะดวกแจ้งใหม่อีกครั้งมั้ย เราก็เล่ารายละเอียดไปค่ะ
เจ้าหน้าที่รับปากเราว่าภายในสองวันนับจากวันที่รับเรื่องเค้าจะโทรมาขอโทษ แต่ก็หายไปอีกค่ะ
วันนี้เราให้เวลาคุณมามากพอแล้ว จริง ๆ เราโกรธจนตัวสั่นเลยนะคะ วันเกิดเหตุ แต่มาถึงวันนี้เราก็ใจเย็นลงแล้ว
แต่ไม่อยากให้เรื่องเงียบหาย เพราะคุณไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยอ่ะ ทั้งที่จริง เราต้องการให้คนที่โทรมาว่าเรา มาขอโทษเราเท่านั้นค่ะ ก็จบแล้ว
แต่นี่คุณเลือกที่จะเงียบหายไปเลย ทั้งที่เราแจ้งเรื่องไปสองรอบแล้ว และทั้งสองรอบคุณรับปากจะตามคนที่พูดจาไม่ดีกับเรามาขอโทษให้ได้
ที่สำคัญนะคะ เจ้าหน้าที่ call center ที่รับเรื่องรอบแรกไป บอกเราว่า เค้าไม่แน่ใจว่าเป็นพนักงานของเค้าหรือ outsource
ถ้าเป็น outsource เค้าไม่สามารถจัดการอะไรให้ได้ค่ะ <--- นี่คืออะไรคะ คุณ control outsource ของคุณไม่ได้
แปลว่ามันจะด่าอะไรใครก็ได้สินะ
ถึงวันนี้เราก็แอบคาใจค่ะ ที่เราทำอะไรไม่ได้เลย แล้วก็ไม่อยากให้คนอื่นเจอเหมือนที่เราเจอ มันเสียความรู้สึกมาก ๆ เลยค่ะ
คุณจะโทรมาคุกคาม แล้วก็จากไปง่าย ๆ แบบนี้ มันไม่ได้นะคะ!!!!
------------------------------------------------------------------------------------
Update ค่ะ !!! (9/6/2559 )
วันนี้ทางธนาคารโทรมาขอโทษพวกเรา และติดต่อขอมอบกระเป๋าเพื่อเป็นการขอโทษทางเราด้วยค่ะ
และแจ้งความคืบหน้าว่าพยายามตามหาเจ้าหน้าที่คนนั้นตั้งแต่เมื่อวานแล้วหลายครั้ง
แต่ว่าติดต่อไม่ได้ สุดท้ายก็ปิดเครื่องหนีไป (ส่วนตัวเราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะ pantip นี่แหล่ะค่ะ ที่ทำให้ธนาคารมี feedback กลับมา)
ทางธนาคารบอกว่าจะพยายามปิดเคสให้ ถ้าตามตัวได้ จะให้ออกเนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับการให้บริการ
ซึ่งทางธนาคารรู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเข้าใจความรู้สึกของเราดี ถ้าเป็นเค้า เค้าก็ไม่โอเคเหมือนกัน
อีกทั้งยังมั่นใจว่า ไม่น่าจะมีแค่เราคนเดียวที่โดน ดังนั้นเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ที่จะให้บุคคลดังกล่าวทำให้ทำงานกับธนาคารต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคน ๆ นั้น เป็น outsource ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของทางธนาคารด้วยแล้ว (จบค่า แบบย่อ ๆ)
ในส่วนนี้ เราขออนุญาติแชร์ข้อมูลเพิ่มเติมที่เราได้รับจากการพูดคุยกับทางธนาคารในวันนี้นะคะ เผื่อเป็นความรู้ค่ะ (รึเปล่า?)
เรื่อง outsource ค่ะ ที่เราบ่นไปว่าหากเป็น outsource ทางธนาคารไม่สามารถจัดการได้
เนื่องจากในส่วนของงานขายจะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่วนงานขายที่เป็นตัวแทนของธนาคาร อันนี้เหมือนจะต้องมีชื่อในระบบ
ซึ่งทางธนาคารจะสามารถแท็กได้ค่ะ และสามารถลงโทษได้ค่ะ
กับอีกส่วนนึงคือ outsource ที่อาจจะไม่ได้รับงานขายแค่ของธนาคารเดียว อาจจะขายให้ธนาคารอื่นด้วย ซึ่งตรงนี้เค้าจะแท็กไม่ได้
อย่างคนที่โทรมาหาเรา เค้าก็ใช้เบอร์แบบเติมเงิน ซึ่งถึงแม้จะลงทะเบียนซิมแต่เค้าไม่สามารถทราบชื่อได้ (อันนี้เราไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน)
เลยทำให้การติดตามค่อนข้างยากค่ะ
ทั้งนี้เราต้องขอขอบคุณเพื่อน ๆ ใน pantip มาก ๆ เลยนะคะ ที่ช่วยโหวตกระทู้ให้ จนเรื่องถึงมือคนที่พอจะจัดการเรื่องนี้ได้
ทุกคนมีส่วนในการช่วยให้ทางธนาคารมีความกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง กับการเข้ามาดูแลปัญหาดังกล่าวค่ะ ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ
หากมีอะไรอัพเดท เราจะมาอัพเดทให้อีกทีนะคะ
"ถ้าแค่บัตรใบเดียว แฟนถึงกับเอาตาย ก็เลิก ๆ มันไปเถอะค่ะ" ธนาคาร UOB เดี๋ยวนี้ใช้คำพูดกับคนที่อยากให้เป็นลูกค้าแบบนี้?
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณวันที่ 27 พฤษภา เวลาเกือบหกโมงเย็น มีพนักงานของ UOB โทรมาเสนอบัตรเครดิตให้แฟนเราค่ะ
ซึ่งตอนนั้นแฟนกำลังขับรถอยู่แต่พอดีโทรศัพท์มันเชื่อม blutooth กับรถ ดังนั้นบทสนทนาทั้งหมดเราจึงได้ยินด้วยค่ะ
พนักงานก็โทรมาเสนอบัตรเคตรดิตทั่วไปค่ะ แฟนเราอ่ะเค้าไม่เอาหรอกค่ะ เพราะตอนนี้ก็กำลังพยายามปิดบัตรอื่น ๆ ที่มีอยู่
แต่ก็รอฟังพนักงานพูดจนจบนะคะ โดยปกติพวกเราไม่เคยปฏิเสธการฟังค่ะ เพราะเราเข้าใจว่ามันเป็นงานของเค้า เค้ามีหน้าที่โทรมาเสนอขาย ก็ให้เค้าทำงานของเค้าไป
แต่เมื่อพนักงานพูดจบ แฟนเราก็ปฏิเสธไปตรง ๆ ว่าบัตรผมมีเยอะแล้วครับ ตอนนี้กำลังทยอยปิด ขอเอาไว้ก่อนละกันนะครับ
พนักงานก็ยังเสนอต่อ แล้วก็บอกสิทธิประโยชน์ บลา ๆ ตรงนี้เราขอไม่พูดถึงเนาะ
แต่จุดหักมุมมันอยู่ตรงนี้ค่ะ...
เค้าก็ยังไม่ยอม ยังคงพูดโฆษณาอยู่ ไม่จบ เราเห็นว่าแฟนตัดบทสนทนาไม่ได้ เลยทำปากบอกแฟนไปว่า ให้บอกว่าถ้ามีบัตรอีก เดี๋ยวแฟนว่า
แฟนเราก็เลยบอกพนักงานคนนั้นไปว่า คือยังไงบัตรก็ต้องส่งมาที่บ้าน แล้วแฟนผมก็ต้องเห็นอยู่ดี ถ้าแฟนผมเห็น แฟนผมเอาตายแน่ ๆ
ตรงนี้ค่ะ... พนักงานไม่พอใจ เหวี่ยงใส่เลยค่ะ บอกว่า "โอ๊ย ถ้าแค่บัตรใบเดียว แฟนถึงกับเอาตาย ก็เลิก ๆ มันไปเถอะค่ะ"
ซึ่งจบประโยคนี้ เรากดตัดสายเลยค่ะ กลัวจะกลายเป็นด่าสาดกันไปมาเปล่า ๆ เพราะเรากับแฟนโมโหสุด ๆ เลยค่ะ
( คิด ๆ ไปแล้ว ถ้ารู้ว่าโทรมาร้องเรียนทาง UOB แล้วนิ่งเป็นเป่าสากแบบนี้ เราสองคนคงด่าไปแล้วค่ะ ไม่น่ามารยาทงาม โลกสวยเลย เสียดายมาก)
วางสายแล้ว เราอึ้งไปสักพัก เราก็โทรไปร้องเรียนเลยค่ะ call center รับเรื่องไว้แล้วหายไป
เราเลยโทรไปอีกเมื่อวันที่ 31 เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีเรื่องในระบบ สะดวกแจ้งใหม่อีกครั้งมั้ย เราก็เล่ารายละเอียดไปค่ะ
เจ้าหน้าที่รับปากเราว่าภายในสองวันนับจากวันที่รับเรื่องเค้าจะโทรมาขอโทษ แต่ก็หายไปอีกค่ะ
วันนี้เราให้เวลาคุณมามากพอแล้ว จริง ๆ เราโกรธจนตัวสั่นเลยนะคะ วันเกิดเหตุ แต่มาถึงวันนี้เราก็ใจเย็นลงแล้ว
แต่ไม่อยากให้เรื่องเงียบหาย เพราะคุณไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยอ่ะ ทั้งที่จริง เราต้องการให้คนที่โทรมาว่าเรา มาขอโทษเราเท่านั้นค่ะ ก็จบแล้ว
แต่นี่คุณเลือกที่จะเงียบหายไปเลย ทั้งที่เราแจ้งเรื่องไปสองรอบแล้ว และทั้งสองรอบคุณรับปากจะตามคนที่พูดจาไม่ดีกับเรามาขอโทษให้ได้
ที่สำคัญนะคะ เจ้าหน้าที่ call center ที่รับเรื่องรอบแรกไป บอกเราว่า เค้าไม่แน่ใจว่าเป็นพนักงานของเค้าหรือ outsource
ถ้าเป็น outsource เค้าไม่สามารถจัดการอะไรให้ได้ค่ะ <--- นี่คืออะไรคะ คุณ control outsource ของคุณไม่ได้
แปลว่ามันจะด่าอะไรใครก็ได้สินะ
ถึงวันนี้เราก็แอบคาใจค่ะ ที่เราทำอะไรไม่ได้เลย แล้วก็ไม่อยากให้คนอื่นเจอเหมือนที่เราเจอ มันเสียความรู้สึกมาก ๆ เลยค่ะ
คุณจะโทรมาคุกคาม แล้วก็จากไปง่าย ๆ แบบนี้ มันไม่ได้นะคะ!!!!
------------------------------------------------------------------------------------
Update ค่ะ !!! (9/6/2559 )
วันนี้ทางธนาคารโทรมาขอโทษพวกเรา และติดต่อขอมอบกระเป๋าเพื่อเป็นการขอโทษทางเราด้วยค่ะ
และแจ้งความคืบหน้าว่าพยายามตามหาเจ้าหน้าที่คนนั้นตั้งแต่เมื่อวานแล้วหลายครั้ง
แต่ว่าติดต่อไม่ได้ สุดท้ายก็ปิดเครื่องหนีไป (ส่วนตัวเราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะ pantip นี่แหล่ะค่ะ ที่ทำให้ธนาคารมี feedback กลับมา)
ทางธนาคารบอกว่าจะพยายามปิดเคสให้ ถ้าตามตัวได้ จะให้ออกเนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับการให้บริการ
ซึ่งทางธนาคารรู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเข้าใจความรู้สึกของเราดี ถ้าเป็นเค้า เค้าก็ไม่โอเคเหมือนกัน
อีกทั้งยังมั่นใจว่า ไม่น่าจะมีแค่เราคนเดียวที่โดน ดังนั้นเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ที่จะให้บุคคลดังกล่าวทำให้ทำงานกับธนาคารต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคน ๆ นั้น เป็น outsource ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของทางธนาคารด้วยแล้ว (จบค่า แบบย่อ ๆ)
ในส่วนนี้ เราขออนุญาติแชร์ข้อมูลเพิ่มเติมที่เราได้รับจากการพูดคุยกับทางธนาคารในวันนี้นะคะ เผื่อเป็นความรู้ค่ะ (รึเปล่า?)
เรื่อง outsource ค่ะ ที่เราบ่นไปว่าหากเป็น outsource ทางธนาคารไม่สามารถจัดการได้
เนื่องจากในส่วนของงานขายจะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่วนงานขายที่เป็นตัวแทนของธนาคาร อันนี้เหมือนจะต้องมีชื่อในระบบ
ซึ่งทางธนาคารจะสามารถแท็กได้ค่ะ และสามารถลงโทษได้ค่ะ
กับอีกส่วนนึงคือ outsource ที่อาจจะไม่ได้รับงานขายแค่ของธนาคารเดียว อาจจะขายให้ธนาคารอื่นด้วย ซึ่งตรงนี้เค้าจะแท็กไม่ได้
อย่างคนที่โทรมาหาเรา เค้าก็ใช้เบอร์แบบเติมเงิน ซึ่งถึงแม้จะลงทะเบียนซิมแต่เค้าไม่สามารถทราบชื่อได้ (อันนี้เราไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน)
เลยทำให้การติดตามค่อนข้างยากค่ะ
ทั้งนี้เราต้องขอขอบคุณเพื่อน ๆ ใน pantip มาก ๆ เลยนะคะ ที่ช่วยโหวตกระทู้ให้ จนเรื่องถึงมือคนที่พอจะจัดการเรื่องนี้ได้
ทุกคนมีส่วนในการช่วยให้ทางธนาคารมีความกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง กับการเข้ามาดูแลปัญหาดังกล่าวค่ะ ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ
หากมีอะไรอัพเดท เราจะมาอัพเดทให้อีกทีนะคะ