บ้านนอกเสียเมือง…(เสียที่ดิน ด้วยความไม่รู้)
นี่คือเรื่องจริงของผม ผมได้เสียที่ดินในเมือง(ซึ่งคือบ้านของครอบครัว) ให้คนที่ไม่รู้จัก!!! แบบไม่รู้ตัวกัน จนล่าสุด โดนไล่ที่ทุบกำแพงบ้านพังระเนระนาด ยิ่งได้ยินศักดิ์คนสั่งทุบก็ยศใหญ่เหลือเกิน คนในบ้านก็หมดแรงจนไม่รู้จะพูดอะไรจะสู้ยังไง มองหาความยุติธรรมก็มองไม่เห็นทางที่จะได้คืน ด้วยความไม่รู้กฎหมาย ไม่รู้ทางไป ไม่รู้ช่องทาง ทางไปสุดท้ายก็ตัน จึงอยากให้เป็นอุทาหรณ์ เตือนใจ ครอบครัวจะได้ไม่เสียใจแบบผม
คือว่า บ้านและที่ดิน(ที่ดิน2มีขนาดค่อนข้างใหญ่)หลังนี้อยู่ในเมืองใกล้ๆสนามบินของภาคอีสานติด สปป.ลาว เจริญและคมนาคมสะดวก (ราคาค่อนข้างแพงสำหรับตอนนี้) เป็นบ้านที่ตาผมสร้างขึ้นให้ลูกหลานได้เข้ามาเรียนในเมือง เพราะในเมืองมีโรงเรียนระดับชั้นที่สูง (เหล่ากอผมเป็นคนบ้านนอกต่างอำเภอ ห่างไกลจากตัวเมือง เลยต้องมีบ้านพักเพิ่มมาเล่าเรียนหนังสือ) ผ่านมาแล้วหลายรุ่น รุ่นของผมมี3คนพี่น้อง วัยไล่กัน เรียนยุมหาลัยในตัวเมืองด้วยกัน บ้านนี้มีป้าผมเป็นเจ้าของและดูแลบ้าน(ป้าโสดไม่มีลูกไม่มีสามี ก็เป็นผู้ปกครองดูแลเด็กๆที่มาเรียนหนังสือในบ้านหลังนี้) เพราะพ่อแม่ญาติพี่น้องอยู่บ้านต่างอำเภอ
มีวันหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว มีคนที่ไม่รู้จัก(ให้นามสมมุติว่านางA) นางAก็เดินมาบอกว่า ให้พากันย้ายออกจากบ้านนี้ เพราะได้เป็นเจ้าของในบ้านหลังนี้แล้ว โดยนางAมีโฉนด และได้เข้ามาเดินดูวัดที่แบบผมงงๆ นางAเล่าว่ามีคนบ้านเอาโฉนดไปจำนอง(100,000บาท) ไม่ได้มาชำระเงินตามกำหนด ที่ดินจึงเป็นของเค้า (รู้ทีหลังคือ คนเอาไปจำเป็นรุ่นก่อนหน้านี้มีศักดิ์เป็นพี่ แต่อายุห่างกันสิบกว่าปี) เหตุที่เค้าโอนได้คือป้าเป็นคนเซ็นโอนลอยบ้านหลังนี้ไว้ เอาไว้ให้หลานอีกคนเป็นคนดูแล(ป้าตั้งใจให้หลานดูแลต่อ เพราะป้าเริ่มมีอายุมากแล้วและก็ไม่มีลูกมีสามีให้ จึงเก็บหลักฐานทั้งหมดไว้พร้อมโฉนดทั้งหมดเพื่อเตรียมโอนให้)
เค้าไปแจ้งศาลให้เราออกจากบ้าน แต่เราก็ไม่ได้ออกจากบ้าน เพราะว่าเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจโอนให้ เราก็เลยแย้งคืน เพราะในใบโอน แจ้งโอน ด้วยความเสน่หา ไม่ใช่ซื้อขาย แต่นางA ได้โฉนดก็โดยที่เราไม่รู้จักเค้าซักนิดเลยและไม่ได้ซื้อขาย (สรูปคือใบโอน ตั้งใจโอนให้เป็นมรดก ไม่ได้ซื้อขาย แต่นางA ไม่ใช่คนในครอบครัว เราไม่รู้จักโดยที่เราไม่ได้ขายให้เค้า แต่เค้าได้ที่ดินเราไปสบายๆ) เย้ๆๆๆ!!! ฟังดูเหมือนเรื่องนี้จะจบและผมก็จะได้อยู่บ้านต่อแล้ว แต่ไม่เลย!!!!!!!
และแล้วเหมือนรู้ตัวว่านางจะแพ้หรืออย่างไร นางA ก็ได้โอนต่อไปให้นายB ตอนไหนเราก็ไม่รู้ (นามสมมุติคือนายB เป็นบริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยตรง แถมมียศจนเรากลัว กลัวเพราะเค้าคงจะเอาที่เราให้ได้แน่ๆทีนี้) แล้วก็จริง อย่าที่คิด!!! เหมือนกำลังสู้คดีกับนางAอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นสู้ต่อกับนายB ซึ่งป้าก็ขึ้นศาลเรื่อยมา และก็แพ้จริงๆ แต่ก็ยังไม่มีคำสั่งจากศาลเพื่อให้ผมออกจากบ้าน ผมก็อยู่ต่อ ก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน เรียนยังไม่จบ(ทนายทางผมก็บอกว่าเราอยู่บ้านได้ตามสิทธิ์เจ้าของบ้าน ทนายก็มาจากเพื่อนของน้าที่เคยอยู่บ้านหลังนี้มาก่อน คือครอบครัวขอความช่วยเหลือจากเค้า เพราะไม่รู้เรื่องกฎหมายและไม่รู้จะทำไงตอนโดนไล่แรกๆ)
วันเกิดเหตุทุบบ้าน!!! วันที่ 19 พ.ค. 59 เช้า ลุงข้างบ้านแกจะถ่มที่ดินของแก แต่หน้าบ้านของลุงแคบ รถถ่มที่เข้าลำบาก เลยมาขออนุญาติป้าผม เปิดประตูทางฝั่งบ้านผมให้รถขนดินผ่านทางได้(เพราะทางเข้าบ้านผมกว้าง) ก็ไม่ได้คิดอะไร บ้านใกล้เรือนเคียงช่วยกัน ป้าก็ออกไปข้างนอก ผมก็ไปเฝ้าแม่ที่ป่วยอยู่โรงบาล เลยไม่มีใครอยู่บ้าน มีแต่ลุงข้างบ้านอยู่เฝ้ารถขนดิน
ลุงเล่าว่า มีนายB และลูกน้องมาถามหาป้าผม แต่ไม่มีใครอยู่บ้าน มาต่อว่าประมาณว่า ใครเป็นคนอนุญาติให้มาใช้ที่ดินของเขาผ่านทาง รู้ไหมว่านี่เป็นที่ดินผมแล้ว (ด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก) แต่ลุงก็ขอโทษนายBไปด้วยความไม่รู้ และลุงก็พยายามโทรหาป้าตอนเค้าทุบบ้านและป้าก็โทบอกผม ผมก็มาจากโรงบาล แต่พอผมมาถึงก็เป็นแบบในภาพแล้ว ก็เลยบอกให้เค้าพอ คุยกันก่อน...............................................
(ผมมีคลิปคุยกับคนงานด้วย แต่ไม่กล้าเอาลง เพราะมันมีชื่อบริษัทของน้าเค้าติดมา)
คนงานก็ให้คุยโทรศัพท์กับนายB เพราะนายB สั่งมา
(โทรครั้งแรก เพราะคนงานโทรบอกว่าเจ้าของบ้านอยากคุยด้วย)
ผมเลยถามว่า = ทำไมได้ทุบแบบนี้ได้ครับ?
นายB ก็ว่า= เอ็งไม่รู้เรื่องหรอก ไปถามป้าเอ็ง ข้าบอกไปตั้งนานแล้ว เชิญไปแจ้งความตามสบายเลย แล้วก็วางไป
(โทรครั้ง2 คนงานก็ถามว่า เอาไงต่อให้ทำยังไงต่อครับ ทุบใกล้เสร็จหมดแล้ว แล้วเค้าก็ให้ผมคุยต่อกับนายB)
นายB บอกว่า = เอ็งรู้นะเอ็งต้องทำยังไง? ให้ขนข้าวขนของย้ายออกภายใน2วัน
โทรครั้ง3 คนงานคงโทรบอกกัน นายBคงสั่งให้กลับ เพราะผมบอกว่าอยู่ก่อนอย่ารีบกลับ รอคุยกับป้าหน่อย คนงานกลุ่มนี้ก็รีบขึ้นรถกะบะหนีกลับเลย
ป้าผมตอนนั้นอยู่โรงพัก ไปแจ้งความ แกเล่าว่าตำรวจก็เหมือนไม่อยากรับเรื่องไว้ มีแต่บอกว่าก็แพ้ศาลแล้วจะมาแจ้งทำไมก็เป็นที่ของเขาไปแล้ว แต่ป้าก็ขยั้นขยอให้เค้าลงบันทึกประจำวันไว้ได้ แต่ตำรวจก็ไม่ได้มาดูบ้าน ว่าเสียหายอะไร อย่างไรบ้าง
วันต่อมาผมก็เลยพาป้าไปปรึกษาทนายที่ออกวิทยุช่วยเหลือคนทางคดีความตามคำแนะนำของแม่เพื่อนผม ทนายทางวิทยุก็ดูหนังสือศาล ดูรูปดูคลิป)ก็บอกว่า เค้าตัดสินแล้ว ทำอะไรไม่ได้ แต่เค้าก็ไม่มีสิทธิทุบ รื้อถอน จนกว่าคำสั่งศาลจะมา ถ้ารื้อถอนต้องมีเจ้าหน้าที่กับคำสั่งมาด้วย แต่เราก็คงไม่ได้ที่คืนหรอก!!!
กลับบ้านมาเลยบอกป้าให้ไปศูนย์ดำรงธรรมดู คงเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะมีหวังขึ้น
วันถัดมาเป็นวันจันทร์ ป้าเลยไปแจ้งขอความช่วยเหลือจากศุนย์ดำรงธรรม ทางศูนย์ก็บอกคงทำไรไม่ได้ เพราะศาลขั้นสุดท้าย มาช้าไป ประมาณว่าหมดทางแล้ว นี่คงเป็นครั้งสุดท้าย ผมและครอบครัว คงหมดหวังแล้วครับ
ก็เป็นอย่างที่เห็นครับ หมดกัน บ้านที่อยู่แล้วรู้สึกปลอดภัย กลายเป็นบ้านที่อยู่แล้วหวาดระแวง!!!!
อาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เผื่อคนอื่นจะได้หาทางป้องกันไว้ดีกว่าแก้
ขอบคุณสำหรับความหวังทนายตั้งแต่ต้นจนจบและความจริงก็ไม่มีทางได้คืน

ป้าว่าตอนนี้ทำได้แค่อยู่รอกรมบังคับคดีมาให้ออกจากบ้านตัวเอง ก็ยังพอได้มีเวลาวางแผนนิดหน่อย ขอบคุณปฏิมากรรม กำแพงจากคนนั้น สุดยอดเกิ๊น!!!
บ้านนอกเสียเมือง…(เสียที่ดิน ด้วยความไม่รู้)
นี่คือเรื่องจริงของผม ผมได้เสียที่ดินในเมือง(ซึ่งคือบ้านของครอบครัว) ให้คนที่ไม่รู้จัก!!! แบบไม่รู้ตัวกัน จนล่าสุด โดนไล่ที่ทุบกำแพงบ้านพังระเนระนาด ยิ่งได้ยินศักดิ์คนสั่งทุบก็ยศใหญ่เหลือเกิน คนในบ้านก็หมดแรงจนไม่รู้จะพูดอะไรจะสู้ยังไง มองหาความยุติธรรมก็มองไม่เห็นทางที่จะได้คืน ด้วยความไม่รู้กฎหมาย ไม่รู้ทางไป ไม่รู้ช่องทาง ทางไปสุดท้ายก็ตัน จึงอยากให้เป็นอุทาหรณ์ เตือนใจ ครอบครัวจะได้ไม่เสียใจแบบผม
คือว่า บ้านและที่ดิน(ที่ดิน2มีขนาดค่อนข้างใหญ่)หลังนี้อยู่ในเมืองใกล้ๆสนามบินของภาคอีสานติด สปป.ลาว เจริญและคมนาคมสะดวก (ราคาค่อนข้างแพงสำหรับตอนนี้) เป็นบ้านที่ตาผมสร้างขึ้นให้ลูกหลานได้เข้ามาเรียนในเมือง เพราะในเมืองมีโรงเรียนระดับชั้นที่สูง (เหล่ากอผมเป็นคนบ้านนอกต่างอำเภอ ห่างไกลจากตัวเมือง เลยต้องมีบ้านพักเพิ่มมาเล่าเรียนหนังสือ) ผ่านมาแล้วหลายรุ่น รุ่นของผมมี3คนพี่น้อง วัยไล่กัน เรียนยุมหาลัยในตัวเมืองด้วยกัน บ้านนี้มีป้าผมเป็นเจ้าของและดูแลบ้าน(ป้าโสดไม่มีลูกไม่มีสามี ก็เป็นผู้ปกครองดูแลเด็กๆที่มาเรียนหนังสือในบ้านหลังนี้) เพราะพ่อแม่ญาติพี่น้องอยู่บ้านต่างอำเภอ
มีวันหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว มีคนที่ไม่รู้จัก(ให้นามสมมุติว่านางA) นางAก็เดินมาบอกว่า ให้พากันย้ายออกจากบ้านนี้ เพราะได้เป็นเจ้าของในบ้านหลังนี้แล้ว โดยนางAมีโฉนด และได้เข้ามาเดินดูวัดที่แบบผมงงๆ นางAเล่าว่ามีคนบ้านเอาโฉนดไปจำนอง(100,000บาท) ไม่ได้มาชำระเงินตามกำหนด ที่ดินจึงเป็นของเค้า (รู้ทีหลังคือ คนเอาไปจำเป็นรุ่นก่อนหน้านี้มีศักดิ์เป็นพี่ แต่อายุห่างกันสิบกว่าปี) เหตุที่เค้าโอนได้คือป้าเป็นคนเซ็นโอนลอยบ้านหลังนี้ไว้ เอาไว้ให้หลานอีกคนเป็นคนดูแล(ป้าตั้งใจให้หลานดูแลต่อ เพราะป้าเริ่มมีอายุมากแล้วและก็ไม่มีลูกมีสามีให้ จึงเก็บหลักฐานทั้งหมดไว้พร้อมโฉนดทั้งหมดเพื่อเตรียมโอนให้)
เค้าไปแจ้งศาลให้เราออกจากบ้าน แต่เราก็ไม่ได้ออกจากบ้าน เพราะว่าเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจโอนให้ เราก็เลยแย้งคืน เพราะในใบโอน แจ้งโอน ด้วยความเสน่หา ไม่ใช่ซื้อขาย แต่นางA ได้โฉนดก็โดยที่เราไม่รู้จักเค้าซักนิดเลยและไม่ได้ซื้อขาย (สรูปคือใบโอน ตั้งใจโอนให้เป็นมรดก ไม่ได้ซื้อขาย แต่นางA ไม่ใช่คนในครอบครัว เราไม่รู้จักโดยที่เราไม่ได้ขายให้เค้า แต่เค้าได้ที่ดินเราไปสบายๆ) เย้ๆๆๆ!!! ฟังดูเหมือนเรื่องนี้จะจบและผมก็จะได้อยู่บ้านต่อแล้ว แต่ไม่เลย!!!!!!!
และแล้วเหมือนรู้ตัวว่านางจะแพ้หรืออย่างไร นางA ก็ได้โอนต่อไปให้นายB ตอนไหนเราก็ไม่รู้ (นามสมมุติคือนายB เป็นบริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยตรง แถมมียศจนเรากลัว กลัวเพราะเค้าคงจะเอาที่เราให้ได้แน่ๆทีนี้) แล้วก็จริง อย่าที่คิด!!! เหมือนกำลังสู้คดีกับนางAอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นสู้ต่อกับนายB ซึ่งป้าก็ขึ้นศาลเรื่อยมา และก็แพ้จริงๆ แต่ก็ยังไม่มีคำสั่งจากศาลเพื่อให้ผมออกจากบ้าน ผมก็อยู่ต่อ ก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน เรียนยังไม่จบ(ทนายทางผมก็บอกว่าเราอยู่บ้านได้ตามสิทธิ์เจ้าของบ้าน ทนายก็มาจากเพื่อนของน้าที่เคยอยู่บ้านหลังนี้มาก่อน คือครอบครัวขอความช่วยเหลือจากเค้า เพราะไม่รู้เรื่องกฎหมายและไม่รู้จะทำไงตอนโดนไล่แรกๆ)
วันเกิดเหตุทุบบ้าน!!! วันที่ 19 พ.ค. 59 เช้า ลุงข้างบ้านแกจะถ่มที่ดินของแก แต่หน้าบ้านของลุงแคบ รถถ่มที่เข้าลำบาก เลยมาขออนุญาติป้าผม เปิดประตูทางฝั่งบ้านผมให้รถขนดินผ่านทางได้(เพราะทางเข้าบ้านผมกว้าง) ก็ไม่ได้คิดอะไร บ้านใกล้เรือนเคียงช่วยกัน ป้าก็ออกไปข้างนอก ผมก็ไปเฝ้าแม่ที่ป่วยอยู่โรงบาล เลยไม่มีใครอยู่บ้าน มีแต่ลุงข้างบ้านอยู่เฝ้ารถขนดิน
ลุงเล่าว่า มีนายB และลูกน้องมาถามหาป้าผม แต่ไม่มีใครอยู่บ้าน มาต่อว่าประมาณว่า ใครเป็นคนอนุญาติให้มาใช้ที่ดินของเขาผ่านทาง รู้ไหมว่านี่เป็นที่ดินผมแล้ว (ด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก) แต่ลุงก็ขอโทษนายBไปด้วยความไม่รู้ และลุงก็พยายามโทรหาป้าตอนเค้าทุบบ้านและป้าก็โทบอกผม ผมก็มาจากโรงบาล แต่พอผมมาถึงก็เป็นแบบในภาพแล้ว ก็เลยบอกให้เค้าพอ คุยกันก่อน...............................................
(ผมมีคลิปคุยกับคนงานด้วย แต่ไม่กล้าเอาลง เพราะมันมีชื่อบริษัทของน้าเค้าติดมา)
คนงานก็ให้คุยโทรศัพท์กับนายB เพราะนายB สั่งมา
(โทรครั้งแรก เพราะคนงานโทรบอกว่าเจ้าของบ้านอยากคุยด้วย)
ผมเลยถามว่า = ทำไมได้ทุบแบบนี้ได้ครับ?
นายB ก็ว่า= เอ็งไม่รู้เรื่องหรอก ไปถามป้าเอ็ง ข้าบอกไปตั้งนานแล้ว เชิญไปแจ้งความตามสบายเลย แล้วก็วางไป
(โทรครั้ง2 คนงานก็ถามว่า เอาไงต่อให้ทำยังไงต่อครับ ทุบใกล้เสร็จหมดแล้ว แล้วเค้าก็ให้ผมคุยต่อกับนายB)
นายB บอกว่า = เอ็งรู้นะเอ็งต้องทำยังไง? ให้ขนข้าวขนของย้ายออกภายใน2วัน
โทรครั้ง3 คนงานคงโทรบอกกัน นายBคงสั่งให้กลับ เพราะผมบอกว่าอยู่ก่อนอย่ารีบกลับ รอคุยกับป้าหน่อย คนงานกลุ่มนี้ก็รีบขึ้นรถกะบะหนีกลับเลย
ป้าผมตอนนั้นอยู่โรงพัก ไปแจ้งความ แกเล่าว่าตำรวจก็เหมือนไม่อยากรับเรื่องไว้ มีแต่บอกว่าก็แพ้ศาลแล้วจะมาแจ้งทำไมก็เป็นที่ของเขาไปแล้ว แต่ป้าก็ขยั้นขยอให้เค้าลงบันทึกประจำวันไว้ได้ แต่ตำรวจก็ไม่ได้มาดูบ้าน ว่าเสียหายอะไร อย่างไรบ้าง
วันต่อมาผมก็เลยพาป้าไปปรึกษาทนายที่ออกวิทยุช่วยเหลือคนทางคดีความตามคำแนะนำของแม่เพื่อนผม ทนายทางวิทยุก็ดูหนังสือศาล ดูรูปดูคลิป)ก็บอกว่า เค้าตัดสินแล้ว ทำอะไรไม่ได้ แต่เค้าก็ไม่มีสิทธิทุบ รื้อถอน จนกว่าคำสั่งศาลจะมา ถ้ารื้อถอนต้องมีเจ้าหน้าที่กับคำสั่งมาด้วย แต่เราก็คงไม่ได้ที่คืนหรอก!!!
กลับบ้านมาเลยบอกป้าให้ไปศูนย์ดำรงธรรมดู คงเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะมีหวังขึ้น
วันถัดมาเป็นวันจันทร์ ป้าเลยไปแจ้งขอความช่วยเหลือจากศุนย์ดำรงธรรม ทางศูนย์ก็บอกคงทำไรไม่ได้ เพราะศาลขั้นสุดท้าย มาช้าไป ประมาณว่าหมดทางแล้ว นี่คงเป็นครั้งสุดท้าย ผมและครอบครัว คงหมดหวังแล้วครับ
ก็เป็นอย่างที่เห็นครับ หมดกัน บ้านที่อยู่แล้วรู้สึกปลอดภัย กลายเป็นบ้านที่อยู่แล้วหวาดระแวง!!!!
อาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เผื่อคนอื่นจะได้หาทางป้องกันไว้ดีกว่าแก้
ขอบคุณสำหรับความหวังทนายตั้งแต่ต้นจนจบและความจริงก็ไม่มีทางได้คืน
ป้าว่าตอนนี้ทำได้แค่อยู่รอกรมบังคับคดีมาให้ออกจากบ้านตัวเอง ก็ยังพอได้มีเวลาวางแผนนิดหน่อย ขอบคุณปฏิมากรรม กำแพงจากคนนั้น สุดยอดเกิ๊น!!!