.
หลังจากเมื่อวันก่อนที่ หม่อมหลวงหม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ “ปลื้ม” พิธีกรผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ได้เขียนบทความเรื่อง “สำรวม สุภาพ สุขุม ท่วงทำนองที่ผู้นำไทยไม่มี” เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาไท เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนจะถูกตอบโต้จาก พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยในเนื่อหาที่ตอบโต้หม่อมปลื้มมีใจความว่า
“ประชาชนในสังคมไทยคงตัดสินได้ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ที่ผ่านมา บุคคลนี้ได้ทำประโยชน์อะไรให้บ้านเมืองบ้าง ซึ่งในบทความเขาอธิบายแล้วว่าเขาได้รับการสั่งสอนอบรมมาอย่างดีเพียงไร
ดังนั้น ความเห็นที่แสดงออกมาคงได้รับการกลั่นกรองมาแล้ว ตนเองคงไม่ไปก้าวล่วงวิพากษ์วิจารณ์ส่วนนั้น
สำหรับตนนั้น ก็ได้รับการอบรมมาจากบุพการี ครูบาอาจารย์ให้รู้จักความมีสัมมาคารวะ รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ มารยาท มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่พูดจาก้าวร้าวสามหาว ไม่ยกตนข่มท่าน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติผู้ดีของสังคมไทย
แต่การที่คนไทยบางคน หรือบางกลุ่มขาดซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ มาวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น ขณะที่ยอมรับได้ในความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่คนบางกลุ่มสร้างขึ้น และไม่เคยปริปากวิจารณ์เลย เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากกว่า”
วันนี้ก็ถึงคิวของน.ส.ลักขณา ปันวิชัย เจ้าของนามปากกา “คำ ผกา” คอลัมนิสต์ชื่อดัง ซึ่งเธอก็ได้โพสต์แสดงความเห็นกรณีดังกล่าวบ้าง โดยระบุว่า
“เห็นด้วยกับความเห็นของคุณเต่านา ว่า บทความของคุณปลื้ม mislead ในคอนเซ็ปต์ของประชาธิปไตย"
จำได้ไหมคะ เราเคยล้อคุณบรรรหารแค่ไหน ตอนคุณบรรหารเป็นนายกฯ
คนชั้นกลางมีการศึกษาเคยล้อสำเนียงภาษาอังกฤษของคุณทักษิณหนักมาก
ไม่ต้องพูดถึงว่าในสายตาของคนชั้นกลางมีการศึกษาในกรุงเทพฯ ใช้ความเหนือกว่าเชิงอุดมการณ์ทางวัฒนธรรมเหยียดหยามคุณยิ่งลักษณ์ ทั้งภาษา สำเนียง อากัปกิริยา ท่วงท่า การพูด การหัวเราะ คอลัมนิสต์ชายคนหนึ่งถึงกับวิจารณ์ว่าเธอเสียงไม่เพราะ ผลแห่งการล้อเลียนความ “เปิ่น” ความ “บ้านนอก” ความ “ภูธร” ของนักการเมืองนำมาสู่การสร้างความชอบธรรมให้กับการกำจัดนักการเมืองและระบอบประชาธิปไตยออกจากสังคมไทยมาจนถึงทุกวันนี้
แขกอยากจะบอกว่า การเอามารยาทแบบ
“คนชั้นกลางในเมือง” เป็นตัวตั้งในการวิจารณ์คนการเมืองมันอันตราย และส่งผลลึกซึ้งต่อการทำงานเชิงอุดมการณ์ในสังคมลึกมาก
การพูดจา ท่วงท่า ภาษา อะไรทั้งหมดที่คุณปลื้มวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ยืนอยู่บนการให้คุณค่าของ “คน” บนมาตรฐานของ “ผู้ดีมีการศึกษา” คุณฝันอยากมีนายกฯ มีความสุขุม ลุ่มลึก พูดจาไพเราะ บุคลิกดี คำถามคือ ถ้าคุณได้คนแบบนี้ตามจินตนาการของคุณ แต่เป็นนายกฯที่มาจากการรัฐประหาร คุณรับได้ไหม?
อย่าลืมว่านะคะ ว่า นายกฯที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้คนแบบนั้น
คุณอาจจะได้คนแบบทรัมป์ คุณอาจจะได้คนแบบ ปธน.ฟิลิปปินส์คนปัจจุบันที่พูดจา “ป่วง” มาตรฐานทางสิทธิมนุษยชนโลกทุกวัน
คุณอาจได้นักการเมืองเหยียดเพศหนักมากแบบนักการเมืองชายญี่ปุ่น
คุณอาจได้คนที่น่าขันกว่า แต่ทั้งหมดนั้นที่เรา embrace เพราะเขามาจากการเลือกตั้ง..
เรื่องมันก็เท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น หากจะมีอะไรที่ “ไม่ชอบ” ในขณะนี้ ก็เป็นเรื่องที่มาของอำนาจเท่านั้น
ปล.ไม่ได้แปลว่าเราไม่ควรวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์นะคะ แต่สิ่งที่ต้องวิจารณ์คุณปลื้มในที่นี้คือ การ misleading เกี่ยวกับคุณสมบัติของนายกฯ ว่า ต้องพูดดี ต้องไม่เป็นตัวตลกหรืออะไร ประเด็นคือ ต่อให้เรามีนายกฯที่ดูตลกแค่ไหน ทว่าเขามาจากการโหวตของคนส่วนใหญ่ในประเทศ เราก็ต้องยอมรับ และสิ่งที่เราต้องทำหากเราไม่ชอบคือ โน้มน้าวสังคมให้เห็นว่า นายกฯที่มาจากการเลือกตั้งคนนี้ไม่ดีอย่างไร และคราวหน้าคนจะได้ไม่เลือกเขาอีก
ในทางกลับกัน ทุกอย่างที่คุณปลื้มวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ แขกกลับเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ ปชช.ไม่ต้อง decode ลองเทียบกับความพยายามที่เราต้อง decode คนแบบหมอประเวศ หรือนักสิทธิมนุษยชนบางคน…”
ที่มา :
“วีรชน” สอน “ปลื้ม” ควรมีสัมมาคารวะ หลังวิจารณ์นายกฯ ฉะทำอะไรให้ชาติบ้าง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9590000056261
คำ ผกา วิจารณ์’ปลื้ม’ อย่าเอามารยาทแบบคนชั้นกลางเมือง วิจารณ์’พล.อประยุทธ์’
http://www.matichon.co.th/news/162729
…………………………………………………………………………………………………..............................
ดูเอาเถิดครับทั่น หากตัดคำว่ายศ ตำแหน่ง หรือหน้าที่ ( ที่ต้องปกป้องนาย ) ออกไปให้เหลือแต่ความเป็นปุถุชนคนธรรมดาทีออกมาวิพากษ์ ( หม่อมปลื้ม )ซ้อนวิพากษ์ ( พล.อ.ประยุทธ )ในเรื่องเดียวกัน แต่ไฉนมุมมองช่างแตกต่างกันนัก
ก็เลยอยากถามเพื่อนสมาชิกฯเล่นๆพอเป็นกษัยว่าคิดอย่างไร.. บทวิพากษ์แบบไหนให้เนื้อหาสาระ หรือเป็นเหตุเป็นผลมากน้อยกว่ากัน
ว่ากันสนุกๆอย่าเครียดก็แล้วกันครับ
ขอแสดงความทึ่งแต่พอสมควร
นกเค้าแมวสีคราม
ปล.ขอความกรุณาเมนท์ในเนื้อหาสาระน่ะครับ ประเภทเแม้วๆ ปูๆ หรือเรื่องส่วนตัวเฃิญผ่านไปป้ายหน้าน่ะครับ
.
ต้องขออภัยที่ขอแก้ไขเพิ่มข้อความ เพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้นครับ
มุมมองของ “ วีรชน “ จนมาถึง “คำผกา” ว่าด้วยเรื่อง “ หม่อมปลื้ม”..ใครคมคาย ใครมีสาระมากกว่ากัน..?
หลังจากเมื่อวันก่อนที่ หม่อมหลวงหม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ “ปลื้ม” พิธีกรผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ได้เขียนบทความเรื่อง “สำรวม สุภาพ สุขุม ท่วงทำนองที่ผู้นำไทยไม่มี” เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาไท เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนจะถูกตอบโต้จาก พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยในเนื่อหาที่ตอบโต้หม่อมปลื้มมีใจความว่า
“ประชาชนในสังคมไทยคงตัดสินได้ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ที่ผ่านมา บุคคลนี้ได้ทำประโยชน์อะไรให้บ้านเมืองบ้าง ซึ่งในบทความเขาอธิบายแล้วว่าเขาได้รับการสั่งสอนอบรมมาอย่างดีเพียงไร
ดังนั้น ความเห็นที่แสดงออกมาคงได้รับการกลั่นกรองมาแล้ว ตนเองคงไม่ไปก้าวล่วงวิพากษ์วิจารณ์ส่วนนั้น
สำหรับตนนั้น ก็ได้รับการอบรมมาจากบุพการี ครูบาอาจารย์ให้รู้จักความมีสัมมาคารวะ รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ มารยาท มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่พูดจาก้าวร้าวสามหาว ไม่ยกตนข่มท่าน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติผู้ดีของสังคมไทย
แต่การที่คนไทยบางคน หรือบางกลุ่มขาดซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ มาวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น ขณะที่ยอมรับได้ในความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่คนบางกลุ่มสร้างขึ้น และไม่เคยปริปากวิจารณ์เลย เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากกว่า”
วันนี้ก็ถึงคิวของน.ส.ลักขณา ปันวิชัย เจ้าของนามปากกา “คำ ผกา” คอลัมนิสต์ชื่อดัง ซึ่งเธอก็ได้โพสต์แสดงความเห็นกรณีดังกล่าวบ้าง โดยระบุว่า
“เห็นด้วยกับความเห็นของคุณเต่านา ว่า บทความของคุณปลื้ม mislead ในคอนเซ็ปต์ของประชาธิปไตย"
จำได้ไหมคะ เราเคยล้อคุณบรรรหารแค่ไหน ตอนคุณบรรหารเป็นนายกฯ
คนชั้นกลางมีการศึกษาเคยล้อสำเนียงภาษาอังกฤษของคุณทักษิณหนักมาก
ไม่ต้องพูดถึงว่าในสายตาของคนชั้นกลางมีการศึกษาในกรุงเทพฯ ใช้ความเหนือกว่าเชิงอุดมการณ์ทางวัฒนธรรมเหยียดหยามคุณยิ่งลักษณ์ ทั้งภาษา สำเนียง อากัปกิริยา ท่วงท่า การพูด การหัวเราะ คอลัมนิสต์ชายคนหนึ่งถึงกับวิจารณ์ว่าเธอเสียงไม่เพราะ ผลแห่งการล้อเลียนความ “เปิ่น” ความ “บ้านนอก” ความ “ภูธร” ของนักการเมืองนำมาสู่การสร้างความชอบธรรมให้กับการกำจัดนักการเมืองและระบอบประชาธิปไตยออกจากสังคมไทยมาจนถึงทุกวันนี้
แขกอยากจะบอกว่า การเอามารยาทแบบ “คนชั้นกลางในเมือง” เป็นตัวตั้งในการวิจารณ์คนการเมืองมันอันตราย และส่งผลลึกซึ้งต่อการทำงานเชิงอุดมการณ์ในสังคมลึกมาก
การพูดจา ท่วงท่า ภาษา อะไรทั้งหมดที่คุณปลื้มวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ยืนอยู่บนการให้คุณค่าของ “คน” บนมาตรฐานของ “ผู้ดีมีการศึกษา” คุณฝันอยากมีนายกฯ มีความสุขุม ลุ่มลึก พูดจาไพเราะ บุคลิกดี คำถามคือ ถ้าคุณได้คนแบบนี้ตามจินตนาการของคุณ แต่เป็นนายกฯที่มาจากการรัฐประหาร คุณรับได้ไหม?
อย่าลืมว่านะคะ ว่า นายกฯที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้คนแบบนั้น
คุณอาจจะได้คนแบบทรัมป์ คุณอาจจะได้คนแบบ ปธน.ฟิลิปปินส์คนปัจจุบันที่พูดจา “ป่วง” มาตรฐานทางสิทธิมนุษยชนโลกทุกวัน
คุณอาจได้นักการเมืองเหยียดเพศหนักมากแบบนักการเมืองชายญี่ปุ่น
คุณอาจได้คนที่น่าขันกว่า แต่ทั้งหมดนั้นที่เรา embrace เพราะเขามาจากการเลือกตั้ง..
เรื่องมันก็เท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น หากจะมีอะไรที่ “ไม่ชอบ” ในขณะนี้ ก็เป็นเรื่องที่มาของอำนาจเท่านั้น
ปล.ไม่ได้แปลว่าเราไม่ควรวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์นะคะ แต่สิ่งที่ต้องวิจารณ์คุณปลื้มในที่นี้คือ การ misleading เกี่ยวกับคุณสมบัติของนายกฯ ว่า ต้องพูดดี ต้องไม่เป็นตัวตลกหรืออะไร ประเด็นคือ ต่อให้เรามีนายกฯที่ดูตลกแค่ไหน ทว่าเขามาจากการโหวตของคนส่วนใหญ่ในประเทศ เราก็ต้องยอมรับ และสิ่งที่เราต้องทำหากเราไม่ชอบคือ โน้มน้าวสังคมให้เห็นว่า นายกฯที่มาจากการเลือกตั้งคนนี้ไม่ดีอย่างไร และคราวหน้าคนจะได้ไม่เลือกเขาอีก
ในทางกลับกัน ทุกอย่างที่คุณปลื้มวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ แขกกลับเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ ปชช.ไม่ต้อง decode ลองเทียบกับความพยายามที่เราต้อง decode คนแบบหมอประเวศ หรือนักสิทธิมนุษยชนบางคน…”
ที่มา :
“วีรชน” สอน “ปลื้ม” ควรมีสัมมาคารวะ หลังวิจารณ์นายกฯ ฉะทำอะไรให้ชาติบ้าง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9590000056261
คำ ผกา วิจารณ์’ปลื้ม’ อย่าเอามารยาทแบบคนชั้นกลางเมือง วิจารณ์’พล.อประยุทธ์’
http://www.matichon.co.th/news/162729
…………………………………………………………………………………………………..............................
ดูเอาเถิดครับทั่น หากตัดคำว่ายศ ตำแหน่ง หรือหน้าที่ ( ที่ต้องปกป้องนาย ) ออกไปให้เหลือแต่ความเป็นปุถุชนคนธรรมดาทีออกมาวิพากษ์ ( หม่อมปลื้ม )ซ้อนวิพากษ์ ( พล.อ.ประยุทธ )ในเรื่องเดียวกัน แต่ไฉนมุมมองช่างแตกต่างกันนัก
ก็เลยอยากถามเพื่อนสมาชิกฯเล่นๆพอเป็นกษัยว่าคิดอย่างไร.. บทวิพากษ์แบบไหนให้เนื้อหาสาระ หรือเป็นเหตุเป็นผลมากน้อยกว่ากัน
ว่ากันสนุกๆอย่าเครียดก็แล้วกันครับ
ขอแสดงความทึ่งแต่พอสมควร
นกเค้าแมวสีคราม
ปล.ขอความกรุณาเมนท์ในเนื้อหาสาระน่ะครับ ประเภทเแม้วๆ ปูๆ หรือเรื่องส่วนตัวเฃิญผ่านไปป้ายหน้าน่ะครับ
.
ต้องขออภัยที่ขอแก้ไขเพิ่มข้อความ เพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้นครับ