ก่อนอื่นเลยก่อนเดินทางก็ต้องหาที่พักก่อน อันนี้ตัวผมเองนั้นเริ่มหาโรงแรมที่พักจาก airbnb โดยที่ไปกับเพื่อนรวมแล้ว 6 คนแต่อยากอยู่ห้องเดียวกันหมดก็เลยต้องหาห้องใหญ่ หน่อย ตอนนั้นผมไปเจอกันห้องที่มี 2ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น พอดี เหมาะสำหรับ 6 คนพอดีเลย ใครที่ไปพักเป็นกรุ๊ป หาที่พักจาก airbnb ได้เลยอันนี้ผมแนะนำ พวกเรา
เดินทางด้วย Airasia โดยเดินทางในช่วงเวลาประมาณ 17.00 ไปถึงประมาณ 23.00(เซฟ cost เลยต้องบินถึงดึกหน่อยเน้นถูกครับโผมม) พอไปถึงปุ๊บอากาศที่นั้นหนาวมากทำให้ผมและเพื่อนๆ ต้องรีบเปลี่ยนเสื้อกันหนาวกัน แต่พอไปๆมาๆ เวลาก็เกือบจะเที่ยงคืน (ปกติแล้วรถบัสจะมีเที่ยวสุดท้ายไม่เกินเที่ยงคืน)
เวลานั้นก็ต้องรีบหารถบัสเพื่อไปยังที่พัก ซึ่งในตอนนั้นพวกผมก็ถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นเพื่อหาข้อมูลรถบัสที่เราต้องขึ้น แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ที่นั้นเค้าไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกันเลย พวกผมนั้นเลยต้องค้นหาข้อมูลกันจากในอินเตอร์เน็ต ซึ่งพวกเรานั้นได้เช่าไวฟายของ WIFIBANK ความรู้สึกส่วนตัวอันนี้ เป็นไวฟายที่ใช้งานง่ายดีนะเปิดปุ๊บก็ต่อเน็ตได้เลย แล้วลุยเลยไม่ยุ่งยากดี
หลังจากนั้นพวกเราก็หมดปัญหาแล้วล่ะถ้าคุยกับเจ้าหน้าที่ไม่รู้เรื่องก็ค้นมันเลยในเน็ต เค้าว่ากันว่า Google รู้ทุกอย่างผมเชื่อก็วันนี้แหละครับหาได้ทุกอย่างจริงๆ หลังจากที่เดินทางกันจนมาถึงที่พักพวกผมก็ต้องติดต่อโฮสที่เป็นเจ้าของที่พักที่พวกผมจะไปพักกัน เอ่อลืมบอกไปแหะ ในวันแรกพวกเราเดินทางไป Osaka กันในวันแรกนั้นไปถึงก็จัดหนักกันเลย
กินกันแบบไม่ยั้ง ก็ไหนๆก็มาประเทศที่ว่าอาหารอร่อยมาถึงแล้วก็ต้องกินกันก่อนเลย โดยมื้อแรกก็โฮสนี่แหละเป็นคนแนะนำร้านอาหารให้พวกเรา ถือว่า airbnb นี่ดีจริงๆ ทำให้พวกเราได้เจอกับโฮสที่ดีแถมห้องพักยังดีอีกด้วย แล้วก็นั้นแหละครับกินกันถึงเกือบเช้า แล้วตอนเดินกลับดีนะที่ผม ปักหมุดที่พักไว้ ก็เลยใช้อินเตอร์เน็ตจากที่เช่ามานั้นแหละคับ คนหาเส้นทางกลับที่พัก
วันแรกผ่านไป จริงๆก็อย่าเรียกว่าวันแรกเลย ไปถึงก็ดึกละ วันที่สอง พวกเราแพลนกันว่ามาญี่ปุ่นทั้งที Osaka ด้วย จะต้องลองไปเที่ยว Universal ซะหน่อยแล้ว ก็เลยหาข้อมูลกัน ก็อย่างที่บอกแหละครับเที่ยวด้วยตัวเอง ไม่ค่อยมีความรู้ ก็พึ่งอาจารย์ Google นี่แหละครับ หาวิธีจองตั๋ว Universal ทำให้ผมค้นเจอว่ามันจองง่ายมาก สามารถจองได้ใน minimart เลยถ้าจำไม่ผิดนี่น่าจะร้าน LAWSON ร้านสีฟ้าๆเลย โดยที่พวกผมก็ให้พนักงานช่วยกดจองให้จากตู้ในร้านเลย พวกเราซื้อแบบ express เลยเพราะไม่อยากต่อแถวยาวๆ เสียเวลาแน่ (express ticket จะเป็นบัตรที่จะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อไม่ต้องต่อแถวยาวๆให้เสียเวลา หรือเรียกง่ายๆว่า ซื้อแล้วไม่ต้องต่อแถวมันมีอีกช่องให้เดินเข้าไปเล่นได้เลย แอบเหมือนแซงคนอื่นเค้าเหมือนกันนะเอาจริง- -“) หลังจากจองเสร็จก็รออะไรละครับ มาถึงญี่ปุ่นแล้ว ถ้าไม่ได้กิน Sushi ถือว่าผิด ! หลังจากนั้นผมก็อีกเช่นเคย ค้นหาข้อมูลจนเจอร้านนึงชื่อว่า Endo ซูชิ 1000 ปี ที่เค้าว่ากันว่าใครมาที่ Osaka ก็ต้องมากินร้านนี้ ผมไม่รอช้า ออกเดินทางทันที ร้านอยู่ค่อนข้างลึกนิสนึง แบบอยู่ในตลาดปลาเลย พอมาถึงหน้าร้านเหลือบไปเห็นป้ายอันนึง บอกมันจะไปเปิดที่ไทยในเร็วๆนี้ - -“
แต่นาทีนั้นไม่สนละครับเดินเข้าร้านไปสั่งกินทันที ร้านค่อนข้างเล็ก แต่อาหารรสชาตินี่ไม่เล็กนะครับ พวกเราสั่งเกือบทุกอย่างในเมนู แน่นอนว่ามาทั้งทีอย่าให้เสียเที่ยว
รสชาติผมถือว่าอร่อยเลย ให้ 8/10 กับความสดของปลา แต่พอเช็คบิลมา ให้เป็น 9/10 เลยทันที ราคาถูกมาก ง่ายๆว่าถ้ากินที่ไทยนี่ เหยียบหมื่นแน่นอน (พวกเราเป็นคนกินจุ ง่ายๆคือเด็กอ้วนอ่าครับ) หลังจากกินเสร็จเรียบร้อย พวกเราได้มีโอกาสเจอกับเจ้าของร้านตัวเป็นๆเลยครับชื่อ Mr.Endo ก็ชื่อร้านเลยนี่แหละครับ เห็นแล้วร้านก็น่าจะเก่าแก่กันเลยทีเดียว ก็เจ้าของก็น่าจะอายุประมาณ 80 ได้แล้ว และพวกเรายังได้จับมือกับมือปั้นซูชิที่เรากินเลยรูว่าคนปั้นนั้นมือนุ่มจริงๆครับ แต่ว่ามีคนนึงในพวกเราไปจับมือเค้าแรง แอบได้ยินเสียงกร๊อบๆตอนจับ ก็ถ้าหลังจากนั้นถ้า Mr.Endo ไม่ได้ปั้นเองรสชาติดรอป ก็สาเหตุมาจากไอนี่แหละ หลังจากนั้นพวกผมจ่ายเงินก็รีบเผ่นเลยครับ หลังจากอิ่มท้องก็ต้องเดินย่อยสิครับ พวกเราก็เลยหาข้อมูลอีกเช่นเคย ไปเจอ สถานที่นึงชื่อ Umeda Skybuilding แค่ได้ยินชื่อก็น่าไปแล้ว หลังจากนั้นเดินทางก็รถไฟฟ้าเลยครับ ก็แน่นอนว่าพวกเราเที่ยวด้วยตัวเอง พอมาถึงเจอสายสถานี ช๊อคสิครับ *0*
เยอะกว่าของบ้านเราหลายเท่านึกว่าใยแมงมุมยั๊วเยี๊ยเต็มไปหมด ก็อีกเช่นเคยพวกเราค้นหาข้อมูลทันที เดินทางยังงัย บอกเลยว่าโลกสมัยใหม่นี่แค่มีอินเตอร์เน็ตก็ไปได้ทุกที่ไม่มีหลงแน่นอน จริงๆนี่อยากจะขอบคุณอาจารย์ Google มาก และ ไอไวฟาย WIFIBANK ที่ผมเช่ามาด้วยช่วยชีวิตไว้หลายทีเลย และหลังจากนั้นก็เดินทางกันเลยครับ คนญี่ปุ่นนี่เค้าเป็นคนมีระเบียบมากเค้าแบ่งฝั่งคนรีบไว้ให้เดินกับคนที่ไม่รีบให้ยืนรอ บันไดเลื่อนเลย (เรื่องการเดินทางยังงัยนี่ขอไม่พูดละกันเนอะ อย่างที่บอก พกอินเตอร์เน็ตไปด้วย ค้นข้อมูลเลยสิครับรออะรัย) และพอไปถึง Umeda Skybuilding บอกเลยว่าไม่เสียแรงที่เดินทางมา
วิวสวยมากเวลามองจากบนตึก และนอกจากวิวตัวตึกเองนี่ก็สวยมากไม่แพ้กัน ก็ไม่รอช้าถ่ายรูปกันมา ร้อยแปดพันล้านรูป ก็เรียกกันได้ว่า ถ่ายกันจนฟ้ามืดเลยทีเดียว ก็มาทั้งทีแน่นอนว่าเอาให้คุ้มสิครับ
หลังจากเสร็จก็ลองมาเดินเหมือนเป็นห้างที่อยู่แถวๆ Kakudacho บอกเลยวาอันนี้สวรรค์ของเด็กอ้วนอย่างพวกผมแน่นอน
ขายอาหารล้วนๆเลยครับ แล้วพวกผมก็ลองชิมกันไปหลายร้านเลยทีเดียว
พอเสร็จก็กลับมาแถวดงทนบุรี ชื่อนี่ผมนึกว่าอยู่ไทย - -“(จริงๆชื่อ Dotombori)
เหลือบไปเห็น Takoyaki ไม่รอช้ามาถึงประเทศมันแล้วก็ต้องลองสิครับ
ที่ญี่ปุ่นนั้นใส่ไส้ปลาหมึกกันเป็นตัวๆเลย เอาเป็นว่ากินเข้าไปนี่ถึงกับพูดไม่ออกแน่นอน เพราะคำใหญ่มากก....ถรุยยย ! อร่อยสิครับ ในระหว่างที่กินอยู่นั้นพวกเราก็ได้คุยกับเพื่อนที่เคยมาญี่ปุ่น โดย Call Line เลยบอกเลยว่าชัดอย่างกับโทรศัพท์ปกติโทรมาเลย เค้าก็ได้บอกผมว่า ตรงไอดงทนบุรีนั้นมีราเม็งเจ้านึงอร่อยมาก พวกผมก็อ่าเอาวะมันเคยมาแล้วบอกอร่อย ก็ต้องไปลองซะหน่อย (ทั้งๆที่พึ่งกิน หมาดๆเลย) ก็เลยไปเจอเจ้านึงเดินเข้าเลยครับไม่รอช้า(ร้านที่มีทีวีเปิดโชว์ราเม้งวนเรื่อยๆ เผื่อใครอยากลอง) เนื่องจากการที่พวกเรานั้นนั่งแล้วไม่ยอมสื่อสารกันสรุปสั่งคนละเซ็ทเลยครับ(เพราะเจ้ของร้านกันเองมากครับ เชียร์เก่งกว่าเด็กเชียร์เบียร์อีกขนาดฟังภาษาเค้าไม่ออกนะเนี่ยยังต้องยอมสั่งเลย ^^”) ทั้งที่อิ่มอยู่แล้วนะเนี่ย จริงๆก็ไม่คิดว่าจะเยอะมากหลอกน่าจะกินไหวแต่พอมาจริงเข้าให้
ใหญ่กว่าที่คิดเยอะ หลังจากนั้น ก็ชิมกันสิครับ ไปๆมาๆ อร่อยครับกินหมดเฉย - -“ หลังจากนั้นเสร็จกินคาวไม่กินหวานนี่ ไพร่ นะครับ โบราณเค้ากล่าวไว้ พวกเราเลย จัดไอติมกุลิโกะเลยครับ
ที่ว่าในไทยขายกันหมดเกลี้ยงหาซื้อยากมาก แต่ที่นี่มีเป็นตู้ให้ซื้อกันง่ายๆเลย หลังจากอิ่มท้องแน่นอนว่าอิ่มเสร็จต้องง่วงสิครับเดินมาทั้งวันแล้ว แล้ววันรุ่งขึ้นต้องไปเล่น Universal ก็ต้องพักเอาแรงกันหน่อยแล้วหล่ะ
เดี๋ยวมาต่ออีกทีนะเพื่อนๆ
ข้อมูลเพิ่มเติมครับเผื่อจะสนใจเที่ยวแบบพวกเรา
Endo Sushi
http://www.endo-sushi.com/english.html
Airbnb
https://th.airbnb.com/rooms/7264817?checkin=18-01-2016&checkout=22-01-2016&guests=6&s=LuhOTzvy
Ice cream glico
http://www.thaiglicoice.com/
Universal
https://www.usj.co.jp/e/
Wifi
http://www.wifi-bank.com/
[CR] **ประสบการณ์ไปเที่ยวญี่ปุ่นชิวๆครั้งแรกด้วยตัวเอง 10 วัน^0^**
เดินทางด้วย Airasia โดยเดินทางในช่วงเวลาประมาณ 17.00 ไปถึงประมาณ 23.00(เซฟ cost เลยต้องบินถึงดึกหน่อยเน้นถูกครับโผมม) พอไปถึงปุ๊บอากาศที่นั้นหนาวมากทำให้ผมและเพื่อนๆ ต้องรีบเปลี่ยนเสื้อกันหนาวกัน แต่พอไปๆมาๆ เวลาก็เกือบจะเที่ยงคืน (ปกติแล้วรถบัสจะมีเที่ยวสุดท้ายไม่เกินเที่ยงคืน)
เวลานั้นก็ต้องรีบหารถบัสเพื่อไปยังที่พัก ซึ่งในตอนนั้นพวกผมก็ถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นเพื่อหาข้อมูลรถบัสที่เราต้องขึ้น แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ที่นั้นเค้าไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกันเลย พวกผมนั้นเลยต้องค้นหาข้อมูลกันจากในอินเตอร์เน็ต ซึ่งพวกเรานั้นได้เช่าไวฟายของ WIFIBANK ความรู้สึกส่วนตัวอันนี้ เป็นไวฟายที่ใช้งานง่ายดีนะเปิดปุ๊บก็ต่อเน็ตได้เลย แล้วลุยเลยไม่ยุ่งยากดี
หลังจากนั้นพวกเราก็หมดปัญหาแล้วล่ะถ้าคุยกับเจ้าหน้าที่ไม่รู้เรื่องก็ค้นมันเลยในเน็ต เค้าว่ากันว่า Google รู้ทุกอย่างผมเชื่อก็วันนี้แหละครับหาได้ทุกอย่างจริงๆ หลังจากที่เดินทางกันจนมาถึงที่พักพวกผมก็ต้องติดต่อโฮสที่เป็นเจ้าของที่พักที่พวกผมจะไปพักกัน เอ่อลืมบอกไปแหะ ในวันแรกพวกเราเดินทางไป Osaka กันในวันแรกนั้นไปถึงก็จัดหนักกันเลย
กินกันแบบไม่ยั้ง ก็ไหนๆก็มาประเทศที่ว่าอาหารอร่อยมาถึงแล้วก็ต้องกินกันก่อนเลย โดยมื้อแรกก็โฮสนี่แหละเป็นคนแนะนำร้านอาหารให้พวกเรา ถือว่า airbnb นี่ดีจริงๆ ทำให้พวกเราได้เจอกับโฮสที่ดีแถมห้องพักยังดีอีกด้วย แล้วก็นั้นแหละครับกินกันถึงเกือบเช้า แล้วตอนเดินกลับดีนะที่ผม ปักหมุดที่พักไว้ ก็เลยใช้อินเตอร์เน็ตจากที่เช่ามานั้นแหละคับ คนหาเส้นทางกลับที่พัก
วันแรกผ่านไป จริงๆก็อย่าเรียกว่าวันแรกเลย ไปถึงก็ดึกละ วันที่สอง พวกเราแพลนกันว่ามาญี่ปุ่นทั้งที Osaka ด้วย จะต้องลองไปเที่ยว Universal ซะหน่อยแล้ว ก็เลยหาข้อมูลกัน ก็อย่างที่บอกแหละครับเที่ยวด้วยตัวเอง ไม่ค่อยมีความรู้ ก็พึ่งอาจารย์ Google นี่แหละครับ หาวิธีจองตั๋ว Universal ทำให้ผมค้นเจอว่ามันจองง่ายมาก สามารถจองได้ใน minimart เลยถ้าจำไม่ผิดนี่น่าจะร้าน LAWSON ร้านสีฟ้าๆเลย โดยที่พวกผมก็ให้พนักงานช่วยกดจองให้จากตู้ในร้านเลย พวกเราซื้อแบบ express เลยเพราะไม่อยากต่อแถวยาวๆ เสียเวลาแน่ (express ticket จะเป็นบัตรที่จะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อไม่ต้องต่อแถวยาวๆให้เสียเวลา หรือเรียกง่ายๆว่า ซื้อแล้วไม่ต้องต่อแถวมันมีอีกช่องให้เดินเข้าไปเล่นได้เลย แอบเหมือนแซงคนอื่นเค้าเหมือนกันนะเอาจริง- -“) หลังจากจองเสร็จก็รออะไรละครับ มาถึงญี่ปุ่นแล้ว ถ้าไม่ได้กิน Sushi ถือว่าผิด ! หลังจากนั้นผมก็อีกเช่นเคย ค้นหาข้อมูลจนเจอร้านนึงชื่อว่า Endo ซูชิ 1000 ปี ที่เค้าว่ากันว่าใครมาที่ Osaka ก็ต้องมากินร้านนี้ ผมไม่รอช้า ออกเดินทางทันที ร้านอยู่ค่อนข้างลึกนิสนึง แบบอยู่ในตลาดปลาเลย พอมาถึงหน้าร้านเหลือบไปเห็นป้ายอันนึง บอกมันจะไปเปิดที่ไทยในเร็วๆนี้ - -“
แต่นาทีนั้นไม่สนละครับเดินเข้าร้านไปสั่งกินทันที ร้านค่อนข้างเล็ก แต่อาหารรสชาตินี่ไม่เล็กนะครับ พวกเราสั่งเกือบทุกอย่างในเมนู แน่นอนว่ามาทั้งทีอย่าให้เสียเที่ยว
รสชาติผมถือว่าอร่อยเลย ให้ 8/10 กับความสดของปลา แต่พอเช็คบิลมา ให้เป็น 9/10 เลยทันที ราคาถูกมาก ง่ายๆว่าถ้ากินที่ไทยนี่ เหยียบหมื่นแน่นอน (พวกเราเป็นคนกินจุ ง่ายๆคือเด็กอ้วนอ่าครับ) หลังจากกินเสร็จเรียบร้อย พวกเราได้มีโอกาสเจอกับเจ้าของร้านตัวเป็นๆเลยครับชื่อ Mr.Endo ก็ชื่อร้านเลยนี่แหละครับ เห็นแล้วร้านก็น่าจะเก่าแก่กันเลยทีเดียว ก็เจ้าของก็น่าจะอายุประมาณ 80 ได้แล้ว และพวกเรายังได้จับมือกับมือปั้นซูชิที่เรากินเลยรูว่าคนปั้นนั้นมือนุ่มจริงๆครับ แต่ว่ามีคนนึงในพวกเราไปจับมือเค้าแรง แอบได้ยินเสียงกร๊อบๆตอนจับ ก็ถ้าหลังจากนั้นถ้า Mr.Endo ไม่ได้ปั้นเองรสชาติดรอป ก็สาเหตุมาจากไอนี่แหละ หลังจากนั้นพวกผมจ่ายเงินก็รีบเผ่นเลยครับ หลังจากอิ่มท้องก็ต้องเดินย่อยสิครับ พวกเราก็เลยหาข้อมูลอีกเช่นเคย ไปเจอ สถานที่นึงชื่อ Umeda Skybuilding แค่ได้ยินชื่อก็น่าไปแล้ว หลังจากนั้นเดินทางก็รถไฟฟ้าเลยครับ ก็แน่นอนว่าพวกเราเที่ยวด้วยตัวเอง พอมาถึงเจอสายสถานี ช๊อคสิครับ *0*
เยอะกว่าของบ้านเราหลายเท่านึกว่าใยแมงมุมยั๊วเยี๊ยเต็มไปหมด ก็อีกเช่นเคยพวกเราค้นหาข้อมูลทันที เดินทางยังงัย บอกเลยว่าโลกสมัยใหม่นี่แค่มีอินเตอร์เน็ตก็ไปได้ทุกที่ไม่มีหลงแน่นอน จริงๆนี่อยากจะขอบคุณอาจารย์ Google มาก และ ไอไวฟาย WIFIBANK ที่ผมเช่ามาด้วยช่วยชีวิตไว้หลายทีเลย และหลังจากนั้นก็เดินทางกันเลยครับ คนญี่ปุ่นนี่เค้าเป็นคนมีระเบียบมากเค้าแบ่งฝั่งคนรีบไว้ให้เดินกับคนที่ไม่รีบให้ยืนรอ บันไดเลื่อนเลย (เรื่องการเดินทางยังงัยนี่ขอไม่พูดละกันเนอะ อย่างที่บอก พกอินเตอร์เน็ตไปด้วย ค้นข้อมูลเลยสิครับรออะรัย) และพอไปถึง Umeda Skybuilding บอกเลยว่าไม่เสียแรงที่เดินทางมา
วิวสวยมากเวลามองจากบนตึก และนอกจากวิวตัวตึกเองนี่ก็สวยมากไม่แพ้กัน ก็ไม่รอช้าถ่ายรูปกันมา ร้อยแปดพันล้านรูป ก็เรียกกันได้ว่า ถ่ายกันจนฟ้ามืดเลยทีเดียว ก็มาทั้งทีแน่นอนว่าเอาให้คุ้มสิครับ
หลังจากเสร็จก็ลองมาเดินเหมือนเป็นห้างที่อยู่แถวๆ Kakudacho บอกเลยวาอันนี้สวรรค์ของเด็กอ้วนอย่างพวกผมแน่นอน
ขายอาหารล้วนๆเลยครับ แล้วพวกผมก็ลองชิมกันไปหลายร้านเลยทีเดียว
พอเสร็จก็กลับมาแถวดงทนบุรี ชื่อนี่ผมนึกว่าอยู่ไทย - -“(จริงๆชื่อ Dotombori)
เหลือบไปเห็น Takoyaki ไม่รอช้ามาถึงประเทศมันแล้วก็ต้องลองสิครับ
ที่ญี่ปุ่นนั้นใส่ไส้ปลาหมึกกันเป็นตัวๆเลย เอาเป็นว่ากินเข้าไปนี่ถึงกับพูดไม่ออกแน่นอน เพราะคำใหญ่มากก....ถรุยยย ! อร่อยสิครับ ในระหว่างที่กินอยู่นั้นพวกเราก็ได้คุยกับเพื่อนที่เคยมาญี่ปุ่น โดย Call Line เลยบอกเลยว่าชัดอย่างกับโทรศัพท์ปกติโทรมาเลย เค้าก็ได้บอกผมว่า ตรงไอดงทนบุรีนั้นมีราเม็งเจ้านึงอร่อยมาก พวกผมก็อ่าเอาวะมันเคยมาแล้วบอกอร่อย ก็ต้องไปลองซะหน่อย (ทั้งๆที่พึ่งกิน หมาดๆเลย) ก็เลยไปเจอเจ้านึงเดินเข้าเลยครับไม่รอช้า(ร้านที่มีทีวีเปิดโชว์ราเม้งวนเรื่อยๆ เผื่อใครอยากลอง) เนื่องจากการที่พวกเรานั้นนั่งแล้วไม่ยอมสื่อสารกันสรุปสั่งคนละเซ็ทเลยครับ(เพราะเจ้ของร้านกันเองมากครับ เชียร์เก่งกว่าเด็กเชียร์เบียร์อีกขนาดฟังภาษาเค้าไม่ออกนะเนี่ยยังต้องยอมสั่งเลย ^^”) ทั้งที่อิ่มอยู่แล้วนะเนี่ย จริงๆก็ไม่คิดว่าจะเยอะมากหลอกน่าจะกินไหวแต่พอมาจริงเข้าให้
ใหญ่กว่าที่คิดเยอะ หลังจากนั้น ก็ชิมกันสิครับ ไปๆมาๆ อร่อยครับกินหมดเฉย - -“ หลังจากนั้นเสร็จกินคาวไม่กินหวานนี่ ไพร่ นะครับ โบราณเค้ากล่าวไว้ พวกเราเลย จัดไอติมกุลิโกะเลยครับ
ที่ว่าในไทยขายกันหมดเกลี้ยงหาซื้อยากมาก แต่ที่นี่มีเป็นตู้ให้ซื้อกันง่ายๆเลย หลังจากอิ่มท้องแน่นอนว่าอิ่มเสร็จต้องง่วงสิครับเดินมาทั้งวันแล้ว แล้ววันรุ่งขึ้นต้องไปเล่น Universal ก็ต้องพักเอาแรงกันหน่อยแล้วหล่ะ
เดี๋ยวมาต่ออีกทีนะเพื่อนๆ
ข้อมูลเพิ่มเติมครับเผื่อจะสนใจเที่ยวแบบพวกเรา
Endo Sushi
http://www.endo-sushi.com/english.html
Airbnb
https://th.airbnb.com/rooms/7264817?checkin=18-01-2016&checkout=22-01-2016&guests=6&s=LuhOTzvy
Ice cream glico
http://www.thaiglicoice.com/
Universal
https://www.usj.co.jp/e/
Wifi
http://www.wifi-bank.com/