มาแชร์ ปสก. ครั้งแรก [แอโรบาร์ รองเท้าหมอบ คลีทหมอบ] ใช้ครั้งแรกในชีวิตพร้อมๆกัน เป้าหมายคือ "ต้องไม่ล้ม"

ท้าวความ
เดิมผมปั่นเสือหมอบ แต่ใส่รองเท้าและคลีทภูเขา ส่วนบันไดใช้แบบสองด้าน (ภูเขาด้าน อีกด้านรองเท้าแตะก็ปั่นได้)

ผมดันติดตั้งพร้อมกันทั้งบันไดหมอบ และแอโรบาร์ ออกไปลองครั้งแรก
อันที่จริงก็ได้ยินกิตติศัพท์มาว่า...
1 แอโรบาร์จะหน้าไวล้มง่าย
2 ใส่คลีทจะอันตรายล้มง่าย
ผมดันเจือกใส่พร้อมๆกันครั้งแรก แล้วจะล้มหรือไม่?
ดังนั้นเป้าหมายครั้งแรกคือ "ตูต้องไม่ล้ม" กลับมาถึงบ้านให้ได้

หลังจากออกไปปั่น
สรุปผลเลยละกันครับ...

ระยะทาง: ประมาณ 38 km.
ความเร็วเฉลี่ย: ประมาณ 21 km/hr.
ถนน: ส่วนใหญ่เรียบแต่ไม่ราบ (เป็นเนินเยอะ)
ลม: ค่อนข้างแรง (ใกล้ทะเล)
การจราจร: โล่ง เพราะเลือกออกตอนเที่ยงแดดเปรี้ยงๆ ในถนนต่างจังหวัดอันไกลโพ้น (เพื่อกันมะเร็ง จึงโบ๊ะครีมกันแดดหนาเตอะ)

ความรู้สึก:
1 แฮนแอโรบาร์ profile design T1 เอาไปติดกะแฮนหมอบ

1.1 ที่ว่าหน้าไวนั้นจริง
ตอนแรกๆเสียวล้มเลยครับ ถึงกับต้องเริ่มจากจับทีละมือ (อีกมือยังประคองแฮนหมอบตามเดิม)
ต่อมาก็ฝึกสลับกันทีละข้าง
พอจับความรู้สึกได้ก็จับแอโรบาร์มันทั้งสองข้าง
ค้นพบด้วยตนเองว่า เวลาจะเลี้ยว ต้องใช้การควบคุมทั้งมือและศอกข้างนั้นๆ (ไม่รู้ถูกหลักหรือเปล่า รอผู้รู้ช่วยเสริมครับ)
การรักษาสมดุลระหว่างน้ำหนักที่ท้าวศอกลงไปนั้น  ผมพบด้วยตนเองว่าสำคัญมาก เพราะมันจะทำให้รถเลี้ยวได้
้ถ้าฝึกๆไปสักระยะ จับความรู้สึกได้ ก็จะไม่ต้องใช้สมาธิมากเหมือนเดิมอีก แต่มันจะเริ่มเป็นอัตโนมัติมากขึ้น อธิบายไม่ถูกครับ

1.2 ก้มแล้วปวดหลังมั้ย ?
สำหรับผมแล้วไม่ครับ  แถมยังสบายด้วยเหมือนได้นอนคว่ำอ่านหนังสือบนเตียง
แถมยังลดการกดทับที่ตูดด้วยครับ เพราะน้ำหนักส่วนนึงถ่ายมาที่ศอก ตูดจึงสบายยิ่งขึ้นอีกด้วย
(ก่อนหน้านี้ฝึกเพิ่มความตัวอ่อนเตี๊ยมไว้ก่อน คงได้อานิสงส์ส่วนนึงจากตรงนั้น)
ถ้าจะเมื่อยก็มีเมื่อยคอนั่นแหละครับ เพราะต้องเงยหน้านานๆ


2 รองเท้าหมอบ 321 กะคลีท 105

2.1 เรื่องการใส่เข้าใส่ออกเสี่ยงล้มมั้ย
    เออผมว่ามีเสี่ยงอยู่บ้างเหมือนกันนะครับ โดยเฉพาะตอนจะออกตัว จากที่เรายืนคร่อมอยู่รอไฟเขียว
พอไฟเขียวเราก็ต้องรีบเปลี่ยนจากการยืนคร่อมแล้วขึ้นไปปั่นโดยไวเพื่อไปข้างหน้า รถใหญ่มันก็มาข้างหลังด้วย
ตอนขึ้นไปแล้วจะปั่นโดยไว จะยากนิดนึง เพราะเหยียบลงไปมันไม่ได้ติดกับบันไดได้ง่ายๆ
เพราะบางทีบันไดมันไม่ได้หันด้านที่จะติดคลีทขึ้น ก็ติดไม่ได้ต้องก้มหน้าลงไปดูแล้วเล็งใหม่
อ้าว... แต่รถมันเร่งมาข้างหลังแล้วทำไง ก็ต้องปั่นๆเหยียบๆมั่วๆไปก่อน บางทีก็กดแล้วลื่นวืด อันนี้ก็อันตรายได้เหมือนกันครับ
(ใครมีวิธีการดีๆฝากแนะนำด้วยนะครับ)

     ส่วนเรื่องการถอด ผมว่าไม่ยากเลย ง่ายมวกๆๆๆ  แค่บิดก็หลุดกริ๊กแล้ว
ไอ้เจ้ารองเท้าภูเขาและคลีทภูเขาเดิมของผมยังจะถอดยากกว่ามากๆ ไม่รู้ทำไมมันเหนียวจัง
พอมาใช้รองเท้าหมอบ คลีทหมอบ  พบว่าถอดเท้าออกจากบันไดโคตรง่ายเลย
ที่เขาว่าคลีทหมอบถอดยากกว่า ไม่จริงเลยครับ
อันตรายมั้ยในจุดนี้  ผมว่าไม่ครับ  ก็รีบถอดก่อนจะจอด  จำไว้เสมอ ถอดรอไว้ก่อนตั้งแต่ที่ชลอรถนั่นแหละ จะปลอดภัย

2.2 เรื่องการส่งกำลัง
โอ้โฮ...
นี่สินะ สิ่งที่เขาเรียกกันว่า stiff
ดึงได้เต็มทีน ผมได้ใช้กล้ามขาส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้แล้วครับ
เทียบกับตอนใช้รองเท้าภูเขาอันเก่าของผม โห.. อันนั้นมันย้วยมาก ดึงแล้วรองเท้าก็ย้วยๆ
ทั้งดึงทั้งกดทั้งไสทั้งปาด ผมว่ามันเป็นวงกลมได้ไม่ยากเลยครับ
แล้วฝึกดีๆมันก็จะทำทั้งสองขาได้ด้วยพร้อมๆกัน
ไอ้ที่เขาว่าพยายามส่งแรงให้ตั้งฉากกับขาจาน ควงเป็นวงกลม ผมว่ามันเป็นไปได้ง่ายๆเลยครับ
ความรู้สึกคือได้เปรียบรองเท้าที่ไม่ได้ติดคลีทมหาศาล
ผมปั่นด้วยความเหนื่อยล้าที่น้อยลงครับ มีมัดกล้ามเนื้อที่เรียกออกมาช่วยงานได้มากขึ้น
ร่างกายยังคงใช้พลังงานพอๆเดิม แต่กล้ามเนื้อขาก็กระจายงานกันไป
(จะได้ไม่เป็นภาระกับกล้ามมัดใดมัดหนึ่งมากเกินไป ไอ้ที่หลบอยู่อู้งานก็เรียกมันออกมาใช้บ้าง ดีจัง)


3 ตกลงสรุป...  แล้วล้มหรือป่าว ?
.
.
.
.
"รอดครับ..!!"

เย้..!!  ไม่ล้มเลย
แถมได้เก็บ exp อีกด้วย
เดินหน้าต่อหละครับงานนี้

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและเข้ามาแลกเปลี่ยนครับ __/][\__

อมยิ้ม17
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่