If Cats Disappeared from the World - ถ้าหากใครบางคนหายไปจากโลกนี้ (Spoil)

แม้เราจะค่อนข้างชื่นชอบหนังญี่ปุ่นเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นหน้าหนังเรื่องนี้ เราไม่ค่อยรู้สึกอยากดูซักเท่าไหร่ เราไม่ได้ชอบแมวและไม่ชอบหนังที่มีเรื่องเหนือจริงแบบนี้ แต่ก็ได้ยินกระแสที่ดีของหนังเรื่องนี้ เลยตัดสินใจเข้าไปดู และเราคงเสียใจมากๆหากเราตัดสินหนังเรื่องนี้ จากแค่พร็อตและหน้าหนังที่เราเห็นเท่านั้น เพราะหลังดูจบ เรารู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้มากๆ

หลังดูหนังจบ เราเดินเข้าร้านหน้งสือ จึงได้เห็นว่า นี่คือหนังที่สร้างมาจากหนังสือ แต่เราก็ไม่ได้อยากอ่านฉบับที่เป็นหนังสือนะ เรารู้สึกว่าเราพอดีแล้วจากการที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรง

นี่คือผลงานกำกับของ Akira Nagai ซึ่งเราไม่เคยได้ยินชื่อเค้ามาก่อนเลย แต่ต้องยอมรับว่า เค้าทำผลงานออกมาได้ดีทีเดียว แม้เราจะยังรู้สึกว่า มันยังขาดๆเกินๆไปอยู่บ้าง แต่โดยรวมเรารู้สึกว่าทำได้ดีและเราชอบ

การดำเนินเรื่องถือว่าทำได้ดีทีเดียว เล่าเรื่องได้ต่อเนื่อง แม้ว่าจะเล่าผสมความแฟนตาซีกับโลกแห่งความจริง รวมไปถึงการตัดสลับกับเหตุการณ์ปัจจุบันและเหตุการณ์ในความทรงจำ แต่ก็ทำได้ต่อเนื่อง ไม่รู้สึกสะดุดแต่อย่างใด ขณะเดียวกันก็เล่าให้เราเข้าใจลำดับเหตุการณ์และเรื่องราวได้อย่างดี

การแสดงของตัวเอกอย่าง Takeru Satoh ผมมีความรู้สึกขัดๆนิดหน่อย โดยเฉพาะซีนท้ายๆเรื่อง ช่วงไคล์แม็กซ์เรื่องครอบครัว หรือตอนฉากท้ายๆที่คุยกับ Devil ที่ริมทะเล เรารู้สึกไม่ค่อยเข้าใจในอารมณ์ที่เค้าสื่อสารในช่วงนั้น แต่ผมชอบในการแสดงที่เข้าซีนกับแฟนเก่ามากๆ เพราะเรารู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติของตัวละคร

นั่นก็ต้องชมการแสดงของ Aoi Miyazaki ที่เล่นได้ดีมาก เราชอบช่วงซีนต้นเรื่องที่เค้ากลับมาเจอพระเอก แล้วนั่งคุยกันในร้านกาแฟ เรารู้สึกชอบในช่วงที่ทั้งคู่เริ่มคุยถึงเรื่องในอดีต ในหนังมีตัดสลับกับภาพ Flashback ไปด้วย แต่เราชอบรีแอคที่ทั้งคู่มีต่อเรื่องในอดีตที่กำลังคุยกันอยู่ โดยเฉพาะช่วงที่คุยถึงเหตุที่ทั้งคู่ต้องเลิกกัน แล้วนางเอกลุกออกจากที่นั่งไป พระเอกถามว่าจะไปไหน นางเอกตอบกลับว่า ไปห้องน้ำ ซีนช่วงนั้นดีมากๆ ผมชอบมาก

ผมชอบงานด้านภาพและดนตรีประกอบของหนังเรื่องนี้มาก หนังเรื่องนี้ภาพสวยมากๆ ผมชอบภาพในช่วงที่พระเอกและนางเอกไปเที่ยวด้วยกันในอาเจนติน่ามากๆ (ผมไม่แน่ใจนักว่าเป็นอาเจนติน่าหรือบราซิล แต่เดาเอาจากชื่อหนังในเรื่อง ซึ่งมันชื่อ Buenos Aires) ภาพสวยสุดๆ และน้ำตกในเรื่องนี้ก็สวยมากๆ เราพยายามไปหาข้อมูล จนเจอชื่อน้ำตก Iguazu Falls ซึ่งคาดว่าจะเป็นน้ำตกในเรื่องนี้ มันสวยมากขนาดที่เราอยากไปเห็นด้วยตาตัวเองซักครั้งหนึ่งเลย ส่วนดนตรีประกอบหลักก็ไพเราะมากๆ ในหนังใช้เพลงนี้บ่อยมาก แต่เราก็ไม่รู้สึกเบื่อแต่อย่างใด รวมไปถึงเพลงประกอบตอน End Credit ก็เพราะและความหมายดีมากๆ

หากจะมีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบในหนังเรื่องนี้ ก็คงจะเป็นการเล่าเรื่องของครอบครัวในช่วงท้ายและตอนเฉลยเรื่อง Devil เรารู้สึกมันยืดยาวเกินไปและออกจะมีเรื่องน้ำเน่าหน่อยๆ มันเลยแทนที่จะอิมแพคมากๆ กลับกลายเป็นว่ามันดึงอารมณ์มากเกิน กลายเป็นอินแบบไม่สุด ไม่อิมแพคมากๆเหมือนตอนเล่าเรื่องแฟนเก่า เรื่องเพื่อน และช่วงเวลาที่ไปเที่ยวอาเจนติน่า

ถ้าวันหนึ่งเราหายไปจากโลกนี้ แล้วมันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหม และจะมีใครเสียใจบ้างไหม คือคำถามที่พระเอกสงสัย

พระเอกใช้ชีวิตทุกๆวันโดยปราศจากจุดหมาย ตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันและความทรงจำในอดีต ไม่มีเป้าหมายในอนาคต ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาวทั้งนั้น ซึ่งนั่นก็คงพอทำให้เค้าคิดว่า ถ้าวันหนึ่งเค้าต้องจากโลกนี้ไป มันคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปทั้งนั้น เพราะเค้าไม่ได้เป็นคนสำคัญของใครเลย

แต่เมื่อถึงวันที่เค้ารู้ตัวว่า ถึงเวลาที่เค้าจะต้องจากโลกนี้ไปจริงๆ เค้ากลับยังไม่อยากจากไป ใครบางคนพยายามที่จะช่วยให้เค้าได้มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ในความเป็นจริง มันกลับไม่ใช่การยืดอายุของเค้าแต่อย่างใด มันกลับเป็นการกลับไปค้นหาความทรงจำในอดีตที่ตัวเค้าเองมองว่า มันคืออดีตที่ไม่น่าจดจำซักเท่าไหร่

แล้วหนังก็เล่าให้เห็นว่า ในความทรงจำที่เราคิดว่าเลวร้ายและเจ็บปวดนั้น มันกลับมีแง่มุมที่สวยงามอยู่เหมือนกัน หรือบางความทรงจำที่เราอาจจะไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับมันมากนัก แต่จริงๆแล้วหากคิดให้ดี กลับจะมองเห็นมุมที่สวยงามของมันอยู่เช่นกัน

ประเด็นครอบครัวในหนังเรื่องนี้ ทำเอาน้ำตาซึมได้ง่ายๆ เราชอบความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกในครอบครัวนี้มากๆ ซีนที่เราน้ำตาซึม คือช่วงสุดท้ายที่แม่ป่วยหนักและแม่อยากไปเที่ยวแบบกะทันหัน พวกเค้าจึงไปเที่ยวกัน แต่หาที่พักไม่ได้ เราได้เห็นการแสดงออกของพ่อและตัวพระเอกที่พยายามจะวิ่งไปหาที่พักให้ได้ รวมไปถึงซีนต่อเนื่องในคืนนั้น ที่พระเอกนั่งคุยกับแม่ในที่พัก แล้วแม่ยื่นจดหมายให้พระเอก แต่พระเอกยังไม่ยอมรับจดหมายในวันนั้น เป็นช่วงซีนที่บีบหัวใจสุดๆ

ผมชอบซีนที่แฟนเก่าของพระเอกบอกพระเอกว่า เค้าไม่อยากให้โทรศัพท์หายไปจากโลก เพราะถ้าไม่มีโทรศัพท์ เค้าก็คงไม่ได้มารู้จักกับพระเอก นี่คือแง่มุมที่สวยงามของความรัก แม้เราจะไม่รู้ว่า อะไรที่ทำให้ทั้งคู่ไปต่อด้วยกันไม่ได้ แต่นั่นมันก็ไม่ได้ไปทำให้เรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นระหว่างเค้าทั้งคู่ได้เปลี่ยนแปลงไป ช่วงเวลาดีๆที่เคยเกิดขึ้นมันคือเรื่องจริง มันยังสวยงามอยู่ตรงนั้น มันยังสัมผัสได้เมื่อเราย้อนไปนึกถึงมัน

ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนสนิทมากมาย ขอแค่คนหนึ่งที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจพูดคุยได้ทุกเรื่องก็พอ เราชอบความสัมพันธ์ชองพระเอกกับเพื่อนที่ชอบดูหนังมากๆ สังเกตว่าในเรื่องแทบจะไม่มีซีนที่ทั้งคู่พูดคุยกันมากมายนัก แต่ทั้งคู่เชื่อมโยงกันด้วยเรื่องของหนัง สำหรับผมมันก็ไม่มีสูตรตายตัวนะว่า เพื่อนสนิทต้องมีรูปแบบอย่างไร ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันสนุกสนานเฮฮา แต่ก็สามารถสนิทกันได้ ผมชอบที่เพื่อนพูด "ถ้ายังมีการบอกเล่าอยู่ เรื่องราวก็จะไม่มีทางจบ" มันเหมือนการพูดถึงความสัมพันธ์กลายๆนะ หากเรายังใส่ใจกันและกัน พูดคุยกันบอกเล่าเรื่องราวต่างๆต่อกัน แม้เราอาจจะไม่ได้แสดงออกต่อกันมากมายนัก แต่มันก็จะไม่มีทางที่ความสัมพันธ์ของเราจะจบลงไปได้

ผมชอบช่วงเวลาที่หนังเล่าย้อนไปในช่วงที่พระเอกและแฟนเก่าไปเที่ยวด้วยกันที่อาเจนติน่า หนังเล่าช่วงเวลานี้สั้นๆไม่นานมากนัก แต่มันกลับเล่าได้อิมแพคสุดๆ หนังเล่าช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆของทั้งคู่ รวมไปถึงไปเจอเพื่อนใหม่ที่พูดคุยกันได้อย่างถูกคอ บทสนทนาที่พวกเค้าพูดคุยกันในช่วงนี้เกี่ยวกับเรื่อง "เวลา" คมคายเอามากๆ แต่ชีวิตก็มักจะไม่ได้มีแค่ความสุขเพียงอย่างเดียว เพื่อนของพวกเค้าถูกรถชน หลังร่ำลากับพวกเค้าไปได้ไม่ถึงนาที เรากังวลถึงสิ่งนี้มาตลอดในชีวิต ชีวิตไม่เคยมอบอะไรให้เราเพียงด้านเดียวหรอก ช่วงเวลาที่เรามีความสุขมากๆ เราก็ต้องเตรียมใจที่จะต้องรับกับความทุกข์ที่กำลังจะเข้ามา ขณะเดียวกัน ถ้าเรากำลังทุกข์มากๆ ก็เพียงแค่ให้อดทนรอ อีกไม่นานท้องฟ้าที่สดใสก็จะมาแทนที่ นี่คือชีวิตจริง

เราชอบฉากที่นางเอกตะโกนตอนไปเที่ยวที่น้ำตก ใจความประมาณว่า "ช่วงเวลาที่เรามีชีวิตอยู่ ให้ใช้ชีวิตให้เต็มที่ ให้คุ้มค่า" เราไม่รู้จริงๆว่าวินาทีถัดไปของชีวิตเราจะเป็นอย่างไร หากเราไม่ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้เต็มที่ ให้คุ้มค่าที่สุดแล้ว เราอาจไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีกเลยก็ได้

ทุกอย่างในโลกนี้มีความหมายด้วยกันหมด ทุกอย่างมีความสำคัญต่อกันทั้งนั้น แม้แต่ตัวเราที่รู้สึกว่าเป็นคนที่ไม่มีความสำคัญกับใครเลย ก็ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่รู้สึกว่าเราเป็นคนสำคัญสำหรับเค้า ถ้าหากแมวหายไปจากโลกนี้จริง มันก็คงต้องส่งผลกระทบต่อชีวิตใครหลายๆคนแน่ๆ และเช่นกัน ถ้าหากใครบางคนหายไปจากโลกนี้ ผมเชื่อว่าคงมีใครอีกคนที่ใจสลายอยู่ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งในโลกนี้อย่างแน่นอน

https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่