ตอนพิเศษ ภูเคียงดาว
เทียมภพนั่งดูภรรยารื้อของออกจากกล่องพัสดุใบใหญ่มาแผ่บนเตียง ข้าวของข้างในล้วนเป็นเสื้อผ้าเด็ก ของเล่น ของใช้ที่ปลายเดือนส่งมาให้หลังจากรับรู้ว่าพี่สะใภ้กำลังจะมีหลาน เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าครอบครัวทวีกิจไพศาลจะตื่นเต้นและออกอาการ ‘เห่อ’ สมาชิกใหม่ที่กำลังจะเกิดมา ทั้งคุณปู่ คุณย่าและคุณทวดต่างก็ตระเตรียมทุกอย่างไว้รอรับหลานน้อย คุณพ่อมือใหม่อย่างเทียมภพที่ว่าเห่อลูกมากแล้วก็ยังไม่เท่าคุณอาอย่างแทนดาวที่เห่อเสียยิ่งกว่า พอรับรู้ว่าพี่สะใภ้ตั้งครรภ์ก็จัดแจงออกแบบห้องนอนให้หลาน วางแผนสร้างสนามเด็กเล่น ถึงขนาดเตรียมตั้งชื่อรอ
“ถ้าเป็นผู้ชายชื่อให้ชื่อน้องปูนแดง ผู้หญิงชื่อน้องพิมเสน จะได้ครบเครื่อง”
“คุณผึ้งส่งของมาเยอะแยะไปหมด เธอว่า...ไม่รู้ว่าหลานจะเป็นหญิงหรือชายก็เลยซื้อปน ๆ กันมา ของครบขนาดนี้...เราแทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยค่ะ” รมย์นลินแยกของใช้เด็กเป็นประเภทต่าง ๆ วางเรียงรายบนที่นอน ซึ่งมีครบอย่างจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ถุงมือ ถุงเท้า ของเล่น ขวดนม หรือแม้กระทั่งเครื่องปั๊มนม
“แล้วคุณอยากให้ลูกคนแรกเป็นชายหรือหญิงล่ะ” เทียมภพขยับเข้ามานั่งข้าง ๆ ภรรยา วางมือบนท้องน้อยอย่างทะนุถนอม
“ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ”
“ผมน่ะ...อยากให้คนแรกเป็นผู้ชาย จะได้ดูแลน้อง ๆ อีกสามสี่คน...เหมือนผมไง”
“หือ...อีกสามสี่คนเชียวหรือคะ” รมย์นลินทำท่าตกอกตกใจ
“ผมอยากมีลูกหลาย ๆ คน ทวีกิจของเราจะได้มีคนมาช่วยดูแลเยอะ ๆ”
ชายหนุ่มกอดภรรยาแนบแน่น จนสักครู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาเดินไปเปิดแล้วก็ยิ้มกว้างเมื่อน้องสาวคนเล็กยืนอมยิ้มอยู่ข้างนอก ถ้าเป็นเมื่อก่อน แทนดาวก็ไม่ต้องรอให้ใครมาเปิดประตู แต่ในเวลานี้พี่ชายไม่ใช่คนโสดตัวเปล่า หญิงสาวจึงเกรงใจที่จะเข้ามารบกวนถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น
“โห...ของเยอะแยะเลย” แทนดาวดูพี่สะใภ้จัดข้าวของด้วยความตื่นตาตื่นใจ อดไม่ได้ที่จะหยิบถุงเท้าคู่เล็กมาดู
“คุณผึ้งส่งมาให้ค่ะ ดูสิ...พี่แทบจะไม่ต้องซื้ออะไรเลย”
“เดี๋ยวรอดูของอาพลูบ้างนะ...ไม่น้อยหน้าอาผึ้งแน่นอน”
หญิงสาววางถุงเท้าคู่เล็กจิ๋วลงอย่างเดิมแล้วเอื้อมมือไปลูบหน้าท้องที่เริ่มป่องนูนนิด ๆ ดูเหมือนการกระทำนี้จะเป็นกิจวัตรของแทนดาวไปเสียแล้ว ในทุก ๆ วัน หล่อนจะต้องมาลูบคลำท้องแล้วพูดคุยกับเจ้าตัวน้อย ๆ บางวันก็เล่นเพลงให้ฟัง รู้สึกว่ารักเด็กคนนี้มากจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตัวเองมีลูกบ้าง...จะมีความรู้สึกรักได้มากเท่านี้หรือไม่
“ชุดเมื่อวาน พี่จะให้แป๋มส่งซักแห้งพรุ่งนี้นะคะ สิ้นเดือนนี้พี่กับกับคุณหมากจะไประยอง น้องพลูจะไปด้วยกันไหมคะ...พี่จะให้เด็กจัดกระเป๋า”
รมย์นลินรามือจากงานที่ทำอยู่มาพูดกับน้องสามี ตั้งแต่รมย์นลินแต่งเข้ามาก็รับหน้าที่แม่บ้านเต็มตัวซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่องสมกับที่ได้รับความไว้วางใจ นอกจากจะดูแลสามีแล้ว หล่อนยังมาดูแลแทนดาวในบางเรื่องแทนคุณดวงทิพย์ที่ได้โอนกิจการงานทุกอย่างภายในบ้านให้อยู่ภายใต้การดูแลของศรีสะใภ้คนนี้ทั้งหมด ท่านกับคุณเที่ยงธรรมจึงใช้เวลาหลังเกษียณท่องเที่ยวไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำอย่างสบายใจ
“น้องพลูไปไม่ได้หรอกค่ะ ห่วงงาน...”
“งานที่โรงเรียน...ให้คนอื่นสอนแทนก็ได้นี่” เทียมภพร้องบอกมาจากมุมหนึ่งของห้อง
“ไม่ใช่งานที่โรงเรียนหรอกค่ะ”
แทนดาวยิ้มอย่างเป็นปริศนาแล้วเดินเข้าไปหาพี่ชายที่นั่งเอนหลังบนเก้าอี้นวม ร่างเล็กนั่งลงบนเท้าแขนเอามือกอดรอบคอหนาอย่างประจบแล้วยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ เทียมภพรับมาคลี่อ่านสักเดี๋ยวก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมา
“เก่งนะเรา สมใจแล้วล่ะสิ ทีนี้...พี่ก็จะได้มีน้องสาวเป็นนักเปียโนระดับโลกแล้ว”
เทียมภพหอมแก้มน้องสาวอย่างรักใคร่ ทั้งดีใจและภูมิใจไปพร้อม ๆ กัน เขาโบกจดหมายฉบับนั้นไปมาในอากาศให้ภรรยาดูแต่เหมือนหล่อนจะไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรนักจนเขาต้องป่าวประกาศเสียงดัง
“คุณแฟง...น้องพลูได้เป็นนักเปียโนประจำวงสยาม ออเคสตร้าแล้วนะ วงนี้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยเลยนะ...คุณไม่ดีใจเหรอ”
“พี่แฟงรู้ก่อนพี่หมากอีกค่ะ” แทนดาวตอบแทนพี่สะใภ้ที่นั่งยิ้มอยู่บนเตียง
“อ้าว...ไหงงั้นล่ะ นึกว่าพี่จะได้เป็นคนแรกที่รู้นะนี่” เนื้อเสียงมีความงอนซ่อนอยู่ เขารู้ตัวว่าตั้งแต่มีรมย์นลินเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็ดูเหมือนทุกคนจะให้ความเกรงใจสะใภ้ใหญ่มากกว่าตัวเขาเสียอีก ยิ่งน้องสาวด้วยแล้ว เดี๋ยวนี้มีอะไรก็จะบอกกล่าวพี่สะใภ้ก่อนเป็นคนแรก
“แหม...ก็ต้องบอกคุณครูก่อนสิคะ”
แทนดาวคว้าจดหมายจากมือพี่ชายมาดูอีกครั้ง รู้สึกหายเหนื่อยกับการที่ต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อฝึกซ้อมนานนับเดือนเพื่อให้ผ่านรอบออดิชั่น ตอนนี้หล่อนก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักเปียโนตัวสำรองประจำวงออร์เคสตร้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย เป็นตัวแทนไปจัดแสดงคอนเสิร์ตมาแล้วทั่วโลก ถึงหนทางข้างหน้ายังยาวไกลกว่าที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นตัวจริง แต่แค่นี้ก็เป็นที่พอใจของหญิงสาวมากมายนักที่สามารถก้าวมายืน ณ จุดนี้ได้
“แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่” พี่ชายถามต่อ
“ต้นเดือนหน้าค่ะ หลังจากนั้นก็ต้องไปซ้อมกับวงสัปดาห์ละสี่วัน ถ้ามีคอนเสิร์ตก็ต้องไปซ้อมทุกวัน น้องพลูจะพยายามให้ได้เลื่อนเป็นตัวจริงให้เร็วที่สุด”
“พี่เชื่อว่าหนูทำได้” เทียมภพให้กำลังใจน้องสาว แทนดาวอมยิ้มกับตัวเองที่ความฝันกำลังจะเป็นจริง
ถึงเรื่องราวต่าง ๆ จะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่นิสัยหวงน้องสาวของเทียมภพดูจะไม่ใคร่ ‘คลี่คลาย’ ไปกับเขาด้วย ชลธีเพื่อนคู่หูยังคงถูกจัดอยู่ในหมวด ‘ชายแปลกหน้า’ อย่างเดิม อาการกันท่าที่เป็นมาตั้งแต่แรกอย่างไร ถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่ แม้จะมีสะพานเชื่อมอย่างรมย์นลินศรีภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ อาจจะมีผ่อนผันบ้างถ้าตัวไม่ว่างไปรับ-ส่งน้องจริง ๆ ก็จะมอบหมายหน้าที่นี้ให้เพื่อนซี้หรืออีกตำแหน่งหนึ่งคือ ‘พี่เขย’ ซึ่งถ้าวันไหนแดดร่มลมดี ชลธีก็มีกิจกรรมใหม่มาให้แทนดาวทำ นั่นคือการเรียนขับรถ
เมื่อวันเกิดครบรอบยี่สิบสี่ปีของแทนดาว เทียมภพได้ซื้อรถยนต์คันเล็กน่ารักสมชื่อยี่ห้อของมันให้เป็นของขวัญรวบยอดเนื่องในวันคล้ายวันเกิดและเนื่องในโอกาสสำเร็จการศึกษา แทนดาวดีใจมากแต่ก็ยังไม่เคยได้เอารถออกไปใช้เสียทีเพราะยังขับไม่เก่ง ตัวพี่ชายก็ยุ่งกับเรื่องสร้างโรงงานใหม่ที่อยุธยาเลยไม่มีเวลาสอนให้ ไอ้เรื่องจะไปลงเรียนนี่อย่าได้คิด เทียมภพไม่อนุญาตเด็ดขาดด้วยเหตุผลที่ไม่ค่อยจะฟังขึ้นนัก
“ให้คนอื่นสอนรึ...มันจะได้หลอกแต๊ะอั๋งเราสบายไป เอาไว้ว่าง ๆ พี่จะสอนให้เอง ตอนนี้ก็เตรียมตัวไปอบรมสอบใบขับขี่ก่อน”
ไอ้คำว่า ‘ว่าง ๆ ’ ที่พี่ชายบอกดูจะยังไม่มาถึงเสียทีเพราะธุระรัดตัวจนแทบกระดิกไม่ได้จริง ๆ ยิ่งกำลังจะได้เป็นคุณพ่อแบบนี้ก็ยิ่งต้องเตรียมตัวนู่นนี่ร้อยแปด ด้วยเหตุนี้ก็ต้องยอมให้ชลธีมาช่วยสอน ไม่เช่นนั้นก็เห็นน้องได้แต่ลูบ ๆ คลำ ๆ รถอยู่นั่น จนตอนนี้ถือว่าคล่องมือระดับหนึ่งแต่ยังไม่กล้าวิ่งถนนใหญ่เสียที พอเจอรถมาก ๆ ทีไรก็ถอดใจเปลี่ยนให้ชลธีขับดีกว่า อย่างวันนี้ทั้งคู่ก็พากันไปหัดขับตั้งแต่ช่วงสาย แทนดาวนั่งตัวตรง ตาจับจ้องบนถนนแทบไม่กระพริบ สองมือจับพวงมาลัยมั่นในอาการที่เรียกว่าเกร็งเต็มที่ ถึงจะมีชลธีคอยกำกับอยู่ใกล้ชิดและช่วยประคองพวงมาลัยให้ตรงทาง แต่มือใหม่ก็ยังอดตื่นเต้นและเป็นกังวลไม่ได้
“เหนื่อยหรือยัง ? ก่อนกลับบ้านไปหาอะไรกินกันก่อนไหม”
“ดีค่ะ งั้น...กินเสร็จแล้วไปโยนโบว์ลิงกันนะคะ น้องพลูไม่ได้ไปนานแล้ว”
“ถ้างั้นให้พี่ขับดีกว่า ถ้าให้น้องพลูขับต่อ...วันนี้สองทุ่มก็คงไม่ได้โยน”
ห้างสรรพสินค้าในกลางกรุงในวันหยุดอย่างนี้ย่อมพลุกพล่านจอแจเป็นปรกติวิสัย ยิ่งมีพวกทัวร์มาลงด้วยก็เหมือนกำลังเดินผ่านฝูงนกกระจอก ทั้งคู่ไปรับประทานอาหารกันก่อน แทนดาวอาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงตอบแทนที่เขามาช่วยสอนขับรถให้
“เรามาแข่งกันไหมคะ ใครชนะ..คนนั้นจะได้เป็นเจ้านายคนแพ้หนึ่งวัน” จู่ ๆ แทนดาวก็นึกสนุกชวนแข่งโบว์ลิง
“เอาสิ แต่บอกก่อนนะว่าพี่เนี่ย...แม่นยังกับจับวาง ไม่เคยเก็บสแปร์นะครับ...สไตรค์อย่างเดียว” ชลธีคุยโอ่
“เหรอคะ...งั้นน้องพลูก็ต้องบอกก่อนว่า เคยเป็นตัวแทนโรงเรียนนะจะบอกให้ เหรียญทองระดับเขตยังอยู่ในตู้โชว์...ไปดูได้เลย” คนตัวเล็กเกทับแล้วเปิดกระเป๋าหยิบนามบัตรเก่า ๆ ใบหนึ่งออกมาก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างลงไป
“นี่คือคูปองรางวัล ถ้าใครชนะก็จะได้คูปองนี้ไป คนที่แพ้ก็ต้องยอมเป็นคนรับใช้เป็นเวลาแปดชั่วโมงเต็ม โดยจะเรียกใช้ให้ทำอะไรก็ได้ห้ามขัดคำสั่ง มีอายุหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้”
แทนดาวยื่นกระดาษที่ใช้เป็นคูปองที่ว่าให้ดู ชลธีไล่อ่านข้อความบนนั้นแล้วก็พยักหน้าขำ ๆ สักพักทั้งคู่ก็พากันไปยังลานโบว์ลิงที่อยู่บนชั้นเดียวกับโรงภาพยนตร์ แทนดาวเปิดสองเลนติดกันจะได้ประลองฝีมือกันให้รู้ไปเลยว่าตัวแทนโรงเรียนกับมือแม่นราวจับวาง ใครจะคว้าชัยศึกทอยพินครั้งนี้
“เชิญสุภาพสตรีเปิดเกมปฐมฤกษ์ก่อนเลยครับ”
ชลธีถือลูกรอแล้วเชื้อเชิญให้หญิงสาวเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แทนดาวก้าวไปยืนประจำตำแหน่งอย่างมั่นใจแล้วกลิ้งลูกแรงและเร็วไปกระทบพินล้มระเนระนาดทั้งสิบอัน เป็นการเปิดเกมที่สวยงามนัก หญิงสาวหันมามองด้วยสายตาแห่งความสมหวังและท้าทายไปในตัว
“นี่แค่อุ่นเครื่องนะ”
“ไม่เลวนี่ เอาน่า...คนเราบางทีก็มีฟลุ๊คกันบ้าง” ชลธีปรามาสแล้วเริ่มโยนของตัวเองบ้าง แต่ครั้งแรกของเขาเรียกเสียงหัวเราะร่วนจากคู่แข่งเพราะพินยังเหลือสองอัน
“น้องพลูขอไปนั่งจิบน้ำหวานรอระหว่างที่พี่ชลต้องเสียเวลาเก็บสแปร์นะคะ” แทนดาวพูดเยาะเย้ยแล้วเดินอย่างวางมาดไปนั่งดูอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ชายหนุ่มไม่ว่าอะไรนอกจากเล่นต่อไปอย่างใจเย็น ในใจก็คิดขำ ๆ
“เดี๋ยวก็รู้...แม่นักทอยพินชั้นมัธยม”
ปลูกรักในรั้วใจ โดย อิสวารายา (ตอนพิเศษสุดริมรั้ว) ภูเคียงดาว
เทียมภพนั่งดูภรรยารื้อของออกจากกล่องพัสดุใบใหญ่มาแผ่บนเตียง ข้าวของข้างในล้วนเป็นเสื้อผ้าเด็ก ของเล่น ของใช้ที่ปลายเดือนส่งมาให้หลังจากรับรู้ว่าพี่สะใภ้กำลังจะมีหลาน เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าครอบครัวทวีกิจไพศาลจะตื่นเต้นและออกอาการ ‘เห่อ’ สมาชิกใหม่ที่กำลังจะเกิดมา ทั้งคุณปู่ คุณย่าและคุณทวดต่างก็ตระเตรียมทุกอย่างไว้รอรับหลานน้อย คุณพ่อมือใหม่อย่างเทียมภพที่ว่าเห่อลูกมากแล้วก็ยังไม่เท่าคุณอาอย่างแทนดาวที่เห่อเสียยิ่งกว่า พอรับรู้ว่าพี่สะใภ้ตั้งครรภ์ก็จัดแจงออกแบบห้องนอนให้หลาน วางแผนสร้างสนามเด็กเล่น ถึงขนาดเตรียมตั้งชื่อรอ
“ถ้าเป็นผู้ชายชื่อให้ชื่อน้องปูนแดง ผู้หญิงชื่อน้องพิมเสน จะได้ครบเครื่อง”
“คุณผึ้งส่งของมาเยอะแยะไปหมด เธอว่า...ไม่รู้ว่าหลานจะเป็นหญิงหรือชายก็เลยซื้อปน ๆ กันมา ของครบขนาดนี้...เราแทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยค่ะ” รมย์นลินแยกของใช้เด็กเป็นประเภทต่าง ๆ วางเรียงรายบนที่นอน ซึ่งมีครบอย่างจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ถุงมือ ถุงเท้า ของเล่น ขวดนม หรือแม้กระทั่งเครื่องปั๊มนม
“แล้วคุณอยากให้ลูกคนแรกเป็นชายหรือหญิงล่ะ” เทียมภพขยับเข้ามานั่งข้าง ๆ ภรรยา วางมือบนท้องน้อยอย่างทะนุถนอม
“ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ”
“ผมน่ะ...อยากให้คนแรกเป็นผู้ชาย จะได้ดูแลน้อง ๆ อีกสามสี่คน...เหมือนผมไง”
“หือ...อีกสามสี่คนเชียวหรือคะ” รมย์นลินทำท่าตกอกตกใจ
“ผมอยากมีลูกหลาย ๆ คน ทวีกิจของเราจะได้มีคนมาช่วยดูแลเยอะ ๆ”
ชายหนุ่มกอดภรรยาแนบแน่น จนสักครู่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาเดินไปเปิดแล้วก็ยิ้มกว้างเมื่อน้องสาวคนเล็กยืนอมยิ้มอยู่ข้างนอก ถ้าเป็นเมื่อก่อน แทนดาวก็ไม่ต้องรอให้ใครมาเปิดประตู แต่ในเวลานี้พี่ชายไม่ใช่คนโสดตัวเปล่า หญิงสาวจึงเกรงใจที่จะเข้ามารบกวนถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น
“โห...ของเยอะแยะเลย” แทนดาวดูพี่สะใภ้จัดข้าวของด้วยความตื่นตาตื่นใจ อดไม่ได้ที่จะหยิบถุงเท้าคู่เล็กมาดู
“คุณผึ้งส่งมาให้ค่ะ ดูสิ...พี่แทบจะไม่ต้องซื้ออะไรเลย”
“เดี๋ยวรอดูของอาพลูบ้างนะ...ไม่น้อยหน้าอาผึ้งแน่นอน”
หญิงสาววางถุงเท้าคู่เล็กจิ๋วลงอย่างเดิมแล้วเอื้อมมือไปลูบหน้าท้องที่เริ่มป่องนูนนิด ๆ ดูเหมือนการกระทำนี้จะเป็นกิจวัตรของแทนดาวไปเสียแล้ว ในทุก ๆ วัน หล่อนจะต้องมาลูบคลำท้องแล้วพูดคุยกับเจ้าตัวน้อย ๆ บางวันก็เล่นเพลงให้ฟัง รู้สึกว่ารักเด็กคนนี้มากจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตัวเองมีลูกบ้าง...จะมีความรู้สึกรักได้มากเท่านี้หรือไม่
“ชุดเมื่อวาน พี่จะให้แป๋มส่งซักแห้งพรุ่งนี้นะคะ สิ้นเดือนนี้พี่กับกับคุณหมากจะไประยอง น้องพลูจะไปด้วยกันไหมคะ...พี่จะให้เด็กจัดกระเป๋า”
รมย์นลินรามือจากงานที่ทำอยู่มาพูดกับน้องสามี ตั้งแต่รมย์นลินแต่งเข้ามาก็รับหน้าที่แม่บ้านเต็มตัวซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่องสมกับที่ได้รับความไว้วางใจ นอกจากจะดูแลสามีแล้ว หล่อนยังมาดูแลแทนดาวในบางเรื่องแทนคุณดวงทิพย์ที่ได้โอนกิจการงานทุกอย่างภายในบ้านให้อยู่ภายใต้การดูแลของศรีสะใภ้คนนี้ทั้งหมด ท่านกับคุณเที่ยงธรรมจึงใช้เวลาหลังเกษียณท่องเที่ยวไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำอย่างสบายใจ
“น้องพลูไปไม่ได้หรอกค่ะ ห่วงงาน...”
“งานที่โรงเรียน...ให้คนอื่นสอนแทนก็ได้นี่” เทียมภพร้องบอกมาจากมุมหนึ่งของห้อง
“ไม่ใช่งานที่โรงเรียนหรอกค่ะ”
แทนดาวยิ้มอย่างเป็นปริศนาแล้วเดินเข้าไปหาพี่ชายที่นั่งเอนหลังบนเก้าอี้นวม ร่างเล็กนั่งลงบนเท้าแขนเอามือกอดรอบคอหนาอย่างประจบแล้วยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ เทียมภพรับมาคลี่อ่านสักเดี๋ยวก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมา
“เก่งนะเรา สมใจแล้วล่ะสิ ทีนี้...พี่ก็จะได้มีน้องสาวเป็นนักเปียโนระดับโลกแล้ว”
เทียมภพหอมแก้มน้องสาวอย่างรักใคร่ ทั้งดีใจและภูมิใจไปพร้อม ๆ กัน เขาโบกจดหมายฉบับนั้นไปมาในอากาศให้ภรรยาดูแต่เหมือนหล่อนจะไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรนักจนเขาต้องป่าวประกาศเสียงดัง
“คุณแฟง...น้องพลูได้เป็นนักเปียโนประจำวงสยาม ออเคสตร้าแล้วนะ วงนี้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยเลยนะ...คุณไม่ดีใจเหรอ”
“พี่แฟงรู้ก่อนพี่หมากอีกค่ะ” แทนดาวตอบแทนพี่สะใภ้ที่นั่งยิ้มอยู่บนเตียง
“อ้าว...ไหงงั้นล่ะ นึกว่าพี่จะได้เป็นคนแรกที่รู้นะนี่” เนื้อเสียงมีความงอนซ่อนอยู่ เขารู้ตัวว่าตั้งแต่มีรมย์นลินเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็ดูเหมือนทุกคนจะให้ความเกรงใจสะใภ้ใหญ่มากกว่าตัวเขาเสียอีก ยิ่งน้องสาวด้วยแล้ว เดี๋ยวนี้มีอะไรก็จะบอกกล่าวพี่สะใภ้ก่อนเป็นคนแรก
“แหม...ก็ต้องบอกคุณครูก่อนสิคะ”
แทนดาวคว้าจดหมายจากมือพี่ชายมาดูอีกครั้ง รู้สึกหายเหนื่อยกับการที่ต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อฝึกซ้อมนานนับเดือนเพื่อให้ผ่านรอบออดิชั่น ตอนนี้หล่อนก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักเปียโนตัวสำรองประจำวงออร์เคสตร้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย เป็นตัวแทนไปจัดแสดงคอนเสิร์ตมาแล้วทั่วโลก ถึงหนทางข้างหน้ายังยาวไกลกว่าที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นตัวจริง แต่แค่นี้ก็เป็นที่พอใจของหญิงสาวมากมายนักที่สามารถก้าวมายืน ณ จุดนี้ได้
“แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่” พี่ชายถามต่อ
“ต้นเดือนหน้าค่ะ หลังจากนั้นก็ต้องไปซ้อมกับวงสัปดาห์ละสี่วัน ถ้ามีคอนเสิร์ตก็ต้องไปซ้อมทุกวัน น้องพลูจะพยายามให้ได้เลื่อนเป็นตัวจริงให้เร็วที่สุด”
“พี่เชื่อว่าหนูทำได้” เทียมภพให้กำลังใจน้องสาว แทนดาวอมยิ้มกับตัวเองที่ความฝันกำลังจะเป็นจริง
ถึงเรื่องราวต่าง ๆ จะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่นิสัยหวงน้องสาวของเทียมภพดูจะไม่ใคร่ ‘คลี่คลาย’ ไปกับเขาด้วย ชลธีเพื่อนคู่หูยังคงถูกจัดอยู่ในหมวด ‘ชายแปลกหน้า’ อย่างเดิม อาการกันท่าที่เป็นมาตั้งแต่แรกอย่างไร ถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่ แม้จะมีสะพานเชื่อมอย่างรมย์นลินศรีภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ อาจจะมีผ่อนผันบ้างถ้าตัวไม่ว่างไปรับ-ส่งน้องจริง ๆ ก็จะมอบหมายหน้าที่นี้ให้เพื่อนซี้หรืออีกตำแหน่งหนึ่งคือ ‘พี่เขย’ ซึ่งถ้าวันไหนแดดร่มลมดี ชลธีก็มีกิจกรรมใหม่มาให้แทนดาวทำ นั่นคือการเรียนขับรถ
เมื่อวันเกิดครบรอบยี่สิบสี่ปีของแทนดาว เทียมภพได้ซื้อรถยนต์คันเล็กน่ารักสมชื่อยี่ห้อของมันให้เป็นของขวัญรวบยอดเนื่องในวันคล้ายวันเกิดและเนื่องในโอกาสสำเร็จการศึกษา แทนดาวดีใจมากแต่ก็ยังไม่เคยได้เอารถออกไปใช้เสียทีเพราะยังขับไม่เก่ง ตัวพี่ชายก็ยุ่งกับเรื่องสร้างโรงงานใหม่ที่อยุธยาเลยไม่มีเวลาสอนให้ ไอ้เรื่องจะไปลงเรียนนี่อย่าได้คิด เทียมภพไม่อนุญาตเด็ดขาดด้วยเหตุผลที่ไม่ค่อยจะฟังขึ้นนัก
“ให้คนอื่นสอนรึ...มันจะได้หลอกแต๊ะอั๋งเราสบายไป เอาไว้ว่าง ๆ พี่จะสอนให้เอง ตอนนี้ก็เตรียมตัวไปอบรมสอบใบขับขี่ก่อน”
ไอ้คำว่า ‘ว่าง ๆ ’ ที่พี่ชายบอกดูจะยังไม่มาถึงเสียทีเพราะธุระรัดตัวจนแทบกระดิกไม่ได้จริง ๆ ยิ่งกำลังจะได้เป็นคุณพ่อแบบนี้ก็ยิ่งต้องเตรียมตัวนู่นนี่ร้อยแปด ด้วยเหตุนี้ก็ต้องยอมให้ชลธีมาช่วยสอน ไม่เช่นนั้นก็เห็นน้องได้แต่ลูบ ๆ คลำ ๆ รถอยู่นั่น จนตอนนี้ถือว่าคล่องมือระดับหนึ่งแต่ยังไม่กล้าวิ่งถนนใหญ่เสียที พอเจอรถมาก ๆ ทีไรก็ถอดใจเปลี่ยนให้ชลธีขับดีกว่า อย่างวันนี้ทั้งคู่ก็พากันไปหัดขับตั้งแต่ช่วงสาย แทนดาวนั่งตัวตรง ตาจับจ้องบนถนนแทบไม่กระพริบ สองมือจับพวงมาลัยมั่นในอาการที่เรียกว่าเกร็งเต็มที่ ถึงจะมีชลธีคอยกำกับอยู่ใกล้ชิดและช่วยประคองพวงมาลัยให้ตรงทาง แต่มือใหม่ก็ยังอดตื่นเต้นและเป็นกังวลไม่ได้
“เหนื่อยหรือยัง ? ก่อนกลับบ้านไปหาอะไรกินกันก่อนไหม”
“ดีค่ะ งั้น...กินเสร็จแล้วไปโยนโบว์ลิงกันนะคะ น้องพลูไม่ได้ไปนานแล้ว”
“ถ้างั้นให้พี่ขับดีกว่า ถ้าให้น้องพลูขับต่อ...วันนี้สองทุ่มก็คงไม่ได้โยน”
ห้างสรรพสินค้าในกลางกรุงในวันหยุดอย่างนี้ย่อมพลุกพล่านจอแจเป็นปรกติวิสัย ยิ่งมีพวกทัวร์มาลงด้วยก็เหมือนกำลังเดินผ่านฝูงนกกระจอก ทั้งคู่ไปรับประทานอาหารกันก่อน แทนดาวอาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงตอบแทนที่เขามาช่วยสอนขับรถให้
“เรามาแข่งกันไหมคะ ใครชนะ..คนนั้นจะได้เป็นเจ้านายคนแพ้หนึ่งวัน” จู่ ๆ แทนดาวก็นึกสนุกชวนแข่งโบว์ลิง
“เอาสิ แต่บอกก่อนนะว่าพี่เนี่ย...แม่นยังกับจับวาง ไม่เคยเก็บสแปร์นะครับ...สไตรค์อย่างเดียว” ชลธีคุยโอ่
“เหรอคะ...งั้นน้องพลูก็ต้องบอกก่อนว่า เคยเป็นตัวแทนโรงเรียนนะจะบอกให้ เหรียญทองระดับเขตยังอยู่ในตู้โชว์...ไปดูได้เลย” คนตัวเล็กเกทับแล้วเปิดกระเป๋าหยิบนามบัตรเก่า ๆ ใบหนึ่งออกมาก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างลงไป
“นี่คือคูปองรางวัล ถ้าใครชนะก็จะได้คูปองนี้ไป คนที่แพ้ก็ต้องยอมเป็นคนรับใช้เป็นเวลาแปดชั่วโมงเต็ม โดยจะเรียกใช้ให้ทำอะไรก็ได้ห้ามขัดคำสั่ง มีอายุหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้”
แทนดาวยื่นกระดาษที่ใช้เป็นคูปองที่ว่าให้ดู ชลธีไล่อ่านข้อความบนนั้นแล้วก็พยักหน้าขำ ๆ สักพักทั้งคู่ก็พากันไปยังลานโบว์ลิงที่อยู่บนชั้นเดียวกับโรงภาพยนตร์ แทนดาวเปิดสองเลนติดกันจะได้ประลองฝีมือกันให้รู้ไปเลยว่าตัวแทนโรงเรียนกับมือแม่นราวจับวาง ใครจะคว้าชัยศึกทอยพินครั้งนี้
“เชิญสุภาพสตรีเปิดเกมปฐมฤกษ์ก่อนเลยครับ”
ชลธีถือลูกรอแล้วเชื้อเชิญให้หญิงสาวเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แทนดาวก้าวไปยืนประจำตำแหน่งอย่างมั่นใจแล้วกลิ้งลูกแรงและเร็วไปกระทบพินล้มระเนระนาดทั้งสิบอัน เป็นการเปิดเกมที่สวยงามนัก หญิงสาวหันมามองด้วยสายตาแห่งความสมหวังและท้าทายไปในตัว
“นี่แค่อุ่นเครื่องนะ”
“ไม่เลวนี่ เอาน่า...คนเราบางทีก็มีฟลุ๊คกันบ้าง” ชลธีปรามาสแล้วเริ่มโยนของตัวเองบ้าง แต่ครั้งแรกของเขาเรียกเสียงหัวเราะร่วนจากคู่แข่งเพราะพินยังเหลือสองอัน
“น้องพลูขอไปนั่งจิบน้ำหวานรอระหว่างที่พี่ชลต้องเสียเวลาเก็บสแปร์นะคะ” แทนดาวพูดเยาะเย้ยแล้วเดินอย่างวางมาดไปนั่งดูอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ชายหนุ่มไม่ว่าอะไรนอกจากเล่นต่อไปอย่างใจเย็น ในใจก็คิดขำ ๆ
“เดี๋ยวก็รู้...แม่นักทอยพินชั้นมัธยม”