เรื่องที่เด็กผู้หญิงคนนึงมาระบายให้ฟัง

นี่เป็นเรื่องที่เด็กผู้หญิงคนนึงมาบ่นให้ฟังค่ะ เธอว่าบ้านเธออยู่ในฐานะกลางๆแต่หลายคนก็ต้องออกไปทำมาหากิน เธอว่าตัวเองอยู่ประมาณม.3 มีพี่ๆชชายคนนึงอยู่ปวส.2 พี่ชายเธอทำงานนอกบ้านทั้งฝึกงานทั้งพาร์ทไทม์ช่วงหลังๆไม่ค่อยกลับบ้าน เธอมีพ่อที่นานๆทีจะกลับบ้านเธอก็ไม่อะไรเพราะแต่ก่อนพ่อก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่แรก แค่ช่วงขึ้นม.ต้นมาอยู่ด้วย เธอมีย่าที่เลี้ยงตัวเองมากับปู่ที่เป็นอัมพฤกษ์ช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ ยิ่งหลังๆจะลุกจะนั่งจะยืนลำบากมากจนต้องใช้ที่ช่วยเดิน เธอมีอาที่มีลูกอายุประมาณ 3 ขวบครึ่ง อาเธอเพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยเมื่อเดือนตุลาปี 2558 อาเธอเป็นผู้หญิงและลูกก็เป็นลูกชาย
เธอเล่าว่าพักนี้ย่าเธอออกไปทำงานรับจ้างบ่อยตอนกลางจึงไม่ค่อยอยู่บ้าน ในวันหยุดที่เธอไม่ได้ไปเรียนเธอจะอยู่บ้านซึ่งส่วนใหญ่เวลานั้นนอกจากเธอ ปู่ที่เป็นอัมพฤกษ์ กับอาที่มีลูกชาย ก็ไม่มีใครอยู่ หน้าที่ในการดูแลปู่ในระหว่างวันจึงเป็นของเธอ
เธอบอกว่าบางครั้งธอก็เหนื่อยจนร้องไห้ ในตอนที่เธอพยายามจะช่วยปู่ลุกขึ้นนั่งจากการนอนพื้นเธอทำได้แค่ช่วยพยุงปู่ให้ลุกขึ้น มันใช้เวลานานมากกว่าจะช่วยให้ปู่ลุกนั่งแล้วพยุงให้ปู่ของเธอยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อนั่งเก้าอี้ เธอว่าเธอไม่ค่อยออกกำลังกาย ตัวก็ออกจะเล็กสูงไม่ถึง 150 เซนฯ น้ำหนักประมาณเกือบ 40 แต่หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นว่าเธอเป็นคนตัวเล็กพอควร ยิ่งถ้าจับหรือดูที่ต้นแขนจะรู้เลยว่ามันผอมบางขนาดไหน เธอเอารูปตอนที่เคยถ่ายภาพแล้วเห็นต้นแขนมาให้ดู เรานี่ใจสั่นเพราะแขนเล็กผอมบางมากเหมือนมีแค่กระดูกอ่ะ เธอว่าสาเหตุที่เธอร้องไห้เพราะเธอเจ็บกล้ามเนื้อแขนทุกครั้งที่พยายามช่วยให้ปู่ลุกขึ้น เธอว่าเธอไม่แน่ใจว่าปู่เธอหนักเท่าไหร่น่าจะ 70 กว่ากิโลฯได้ เธอว่าเธอปวดแขนถึงขนาด 2 วันก็ไม่หาย แต่เธอต้องคอยช่วยปู่ลุกในทุกวัน นอกจากนั้นเธอยังต้องทำงานบ้าน ซักเสื้อผ้าของเธอและของพ่อเธอและต้องเอาไปตาก แต่เวลาที่เธอช่วยปู่รู้ตัวอีกทีก็หมดไปชั่วโมงกว่า(กับการช่วยให้ปู่ลุกขึ้นนั่งเก้าอี้เพียงอย่างเดียว) เธอเล่าให้เราฟังและบอกว่าเธอเครียดและเหนื่อย แต่ละครั้งที่เธอช่วยปู่เธอเธอจะพยายามเบามือเพราะไม่อยากให้ปู่เจ็บแต่ถ้าเบาไปก็พยุงไม่ขึ้น บางครั้งเธอก็ต้องพักระหว่างนั้นและเอาใหม่เธอบอกเราว่าคิดในใจเรื่องที่ยกปู่ไม่ขึ้น เธอไม่รู้ว่าทำไมร้องไห้นอกจากเจ็บกล้ามเนื้อแขน เธอว่าเธอรู้สึกโทษตัวเองที่ทำไม่ดีพอ แต่เธอบอกว่าทุกครั้งเธอจะคิดเสมอ
ว่าทำไมอาของเธอที่เป็นลูกแท้ๆของปู่ถึงไม่คอยดูแลปู่ อาเธอเปิดร้านเสริมสวยแต่ในวันที่เธอต้องช่วยปู่อาเธอจะออกไปกับลูกเสมอและบอกให้เธอดูแลปู่ด้วย เธอพูดให้เราฟังว่า ทำไมทั้งที่อาเป็นลูกแท้ๆของปู่แต่ทำไมถึงไม่ดูแลพ่อตัวเองให้ดีๆ หรือเพราะมีลูกจึงอยากใช้เวลากับลูกมากกว่าพ่อที่เป็นอัมพฤกษ์ เธอว่านับวันเธอยิ่งคิดลบกับอาเธอ ผู้หญิงที่รักลูกรักหมาที่ถ้าเจ็บก็พาไปหาหมอแต่ไม่ดูแลพ่อที่ไปไหนไม่สะดวกของตัวเอง เศร้า

เห็นเด็กคนนั้นเล่าแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ใจนึงก็คิดถึงผู้หญิงที่เป็นอาคนนั้น อีกใจก็รู้สึกแปลกๆกับเด็กคนนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่