คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
สำหรับนางฟ้าแล้ว คำว่าสลิ่มในห้องที่คุยเรื่องการเมือง มันแรงกว่าคำใดๆเสียอีก ถึงแม้จะเป็นเพียงคำพื้นๆและเป็นชื่อขนมไทยชนิดหนึ่งเท่านั้น
คนที่สนใจการเมืองทุกคนย่อมมีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองอยู่ในใจเป็นทุนเดิม
การเข้ามาสนทนาการเมืองในเวปบอร์ดจึงเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นว่านักการเมืองฝ่ายใดดีกว่า ทำเพื่อประชาชนมากกว่า มีผลงานอะไรบ้าง เพื่อให้อีกฝ่ายยอมรับและเปลี่ยนใจมาสนับสนุนฝ่ายที่ตัวเองเชียร์
จากอดีตที่ถกกันมายาวนาน ฝ่ายที่เป็นเสื้อแดงในวันนี้คงยืนหยัดอยู่ได้ ไม่เคยพลิกลิ้นเพราะสิ่งที่เคยแสดงความเห็นล้วนเป็นจริง เช่น
คนเสื้อแดงเชื่อว่าสนามบินสุวรรณภูมินั้นสร้างบนที่ลุ่มได้ แต่สลิ่มเวลานั้นเถียงคอเป็นเอ็นว่ารันเวย์ร้าว หลังคาจะถล่ม
คนเสื้อแดงเชื่อว่า30บาทรักษาทุกโรคนั้นดีต่อประชาชนที่ขัดสนเงินทอง แต่สลิ่มเชื่อว่านโยบายนี้หลอกลวงไม่มีทางทำได้ ขืนทำลงไปจะกลายเป็น30บาทตายทุกโรค
คนเสื้อแดงเชื่อว่ารัฐบาลที่มีอำนาจการตัดสินใจเด็ดขาดและมีวิสัยทัศน์เป็นเรื่องดี แต่สลิ่มเวลานั้นไม่พอใจเพราะอ้างว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา ตรวจสอบลำบาก ที่ไหนได้วันนี้กลับมาเชียร์รัฐบาล ม44 อย่างหน้าตาเฉย
การพลิกลิ้นปลิ้นปล้อนเปลี่ยนสียิ่งกว่าตุ๊กแกแบบนี้ สลิ่มที่ต้องประกอบไปด้วยสารพัดสีจึงเป็นคำสรรพนามที่เหมาะและตรงที่สุดแล้ว
ดังนั้นพอพูดถึงสลิ่มทีไร พวกตุ๊กแกเปลี่ยนสีจึงทำใจไม่ได้เพราะมันส่อให้คนกำพืดของคนสนใจการเมืองแบบไม่มีจุดยืนอะไรเลยนี่แหละฮ้า
คนที่สนใจการเมืองทุกคนย่อมมีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองอยู่ในใจเป็นทุนเดิม
การเข้ามาสนทนาการเมืองในเวปบอร์ดจึงเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นว่านักการเมืองฝ่ายใดดีกว่า ทำเพื่อประชาชนมากกว่า มีผลงานอะไรบ้าง เพื่อให้อีกฝ่ายยอมรับและเปลี่ยนใจมาสนับสนุนฝ่ายที่ตัวเองเชียร์
จากอดีตที่ถกกันมายาวนาน ฝ่ายที่เป็นเสื้อแดงในวันนี้คงยืนหยัดอยู่ได้ ไม่เคยพลิกลิ้นเพราะสิ่งที่เคยแสดงความเห็นล้วนเป็นจริง เช่น
คนเสื้อแดงเชื่อว่าสนามบินสุวรรณภูมินั้นสร้างบนที่ลุ่มได้ แต่สลิ่มเวลานั้นเถียงคอเป็นเอ็นว่ารันเวย์ร้าว หลังคาจะถล่ม
คนเสื้อแดงเชื่อว่า30บาทรักษาทุกโรคนั้นดีต่อประชาชนที่ขัดสนเงินทอง แต่สลิ่มเชื่อว่านโยบายนี้หลอกลวงไม่มีทางทำได้ ขืนทำลงไปจะกลายเป็น30บาทตายทุกโรค
คนเสื้อแดงเชื่อว่ารัฐบาลที่มีอำนาจการตัดสินใจเด็ดขาดและมีวิสัยทัศน์เป็นเรื่องดี แต่สลิ่มเวลานั้นไม่พอใจเพราะอ้างว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา ตรวจสอบลำบาก ที่ไหนได้วันนี้กลับมาเชียร์รัฐบาล ม44 อย่างหน้าตาเฉย
การพลิกลิ้นปลิ้นปล้อนเปลี่ยนสียิ่งกว่าตุ๊กแกแบบนี้ สลิ่มที่ต้องประกอบไปด้วยสารพัดสีจึงเป็นคำสรรพนามที่เหมาะและตรงที่สุดแล้ว
ดังนั้นพอพูดถึงสลิ่มทีไร พวกตุ๊กแกเปลี่ยนสีจึงทำใจไม่ได้เพราะมันส่อให้คนกำพืดของคนสนใจการเมืองแบบไม่มีจุดยืนอะไรเลยนี่แหละฮ้า
สุดยอดความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
ผมไม่เข้าใจทำไมถูกเรียกว่า “สลิ่ม” จึงเดือดเนื้อร้อนใจกันนัก---------ทวดเอง
“สลิ่ม” เป็นกลุ่มคนที่ “รักชาติ”เหนือกว่าคนอื่นๆอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทวงคืนเขาพระวิหารก็ดี ทวงคืน ปตท.ก็ดี ไม่ว่าจะเป็นการขับไล่คุณทักษิณที่อยากเป็นประธานาธิบดีก็ดี หรือจะเป็นเรื่องการขับไล่ทูตอเมริกาที่ต้องการให้คนไทยมีสิทธิ เสรีภาพเหมือนนานาชาติก็ดี สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่พิสูจน์ให้เราเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า “สลิ่ม”นี่รักชาติจริงๆนะครับ
“สลิ่ม” เป็นกลุ่มคนที่มีวิสัยทัศน์ พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ณ. ห้วงเวลานั้น ดังที่พวกเราได้เห็น
ในอดีตใส่เสื้อเหลือง เพื่อกู้ชาติ
ต่อมาปรับเปลี่ยนเป็นเสื้อหลากสี เพื่อความสมานฉันท์
แล้วกลับกลายเป็นใส่หน้ากากขาว เพื่อปิดประเทศ
จนกลายพันธุ์มาเป็นพวกเป่านกหวีด เพื่อปฏิรูปประเทศ
เห็นไหมครับ ทำแต่เรื่องดีๆกันทั้งนั้น แล้วเดือดเนื้อร้อนใจกันทำไมกันเล่าครับ
“สลิ่ม” เป็นกลุ่มคนที่พยายามต่อสู้เพื่อให้คอรัปชั่นหมดไปจากประเทศ ยอมสละทั้งแรงกายแรงใจทุกครั้ง ที่มีคนออกมาพูดถึงเรื่องการทุจริตของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และเพื่อให้ทุจริตหมดไป “สลิ่ม”จึงต้องการมี “กลุ่มคนดี”มาช่วยกำหนดทิศทางของประเทศ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ใช่ “สลิ่ม” ถ้าปล่อยให้มีการเลือกกันเอง ย่อมได้แต่คนไม่ดีอยู่ร่ำไป เห็นมะ “สลิ่ม”กำหนดอนาคตให้คนทั้งชาติกันเลยนะเนี่ย
“สลิ่ม” เป็นกลุ่มคนที่รู้ทันระบอบทักษิณ รู้ว่าระบอบนี้จะทำให้ประเทศล้มละลาย ดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะยึดเอ็นบีที บุกสถานที่ราชการ ปิดสนามบิน ปิดถนน ชัดดาวน์กรุงเทพ ขัดขวางการเลือกตั้ง ลงทุนขนาดฆ่าคนที่ยังไม่รู้เท่าทัน จนประสบความสำเร็จล้มล้างระบอบทักษิณออกไป แล้วได้ประชาธิปไตย 99.99 เปอร์เซ็นต์กลับคืนมา
“สลิ่ม” ยังเป็นกลุ่มคนที่รังเกียจ “นักการเมือง”ที่ชั่วร้าย มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตนเหนือประโยชน์ส่วนรวม แต่ถ้าจะมี “นักการเมือง”น้ำดีหลงเหลืออยู่บ้างในสายตา “สลิ่ม” ก็ต้องเป็นนักการเมืองที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง อย่างคุณชวน คนที่ยังไม่ได้รับรายงาน อย่างคุณอภิสิทธิ์ คนที่นายกฯรู้คนเดียว แต่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ หรือแม้กระทั่งคุณสุเทพ นักการเมืองที่ไม่เคยโกงชาติแม้แต่บาทเดียว เป็นต้น
“สลิ่ม” เป็นกลุ่มคนที่หวงแหน “สิทธิ์”มากกว่าคนอื่นๆทั้งประเทศ เพราะในขณะที่คนอื่นๆต้องการเพียงแค่ “สิทธิ์”ๆเดียว แต่ถ้าเป็น “สลิ่ม” สิทธิ์เดียงคงไม่พอ ดังนั้นพวกเราจึงได้เห็น “สลิ่ม”ทั้งหลายต้องการ “สิทธิ์”มากกว่าคนอื่น นั่นเป็นเพราะ “สลิ่ม”นั้น ล้วนแต่เป็นพวกคนมีการศึกษา เป็นพวกคนมีคุณภาพกันทั้งนั้นไงล่ะครับ
“สลิ่ม”ยังเป็นกลุ่มคนที่รักพวกพ้องอย่างที่สุดหาที่เปรียบไม่ได้ พวกเราจึงได้เห็น “สลิ่ม”เชื่อข่าวทุกเรื่องที่พรรคพวกส่งมา แล้วไม่ลืมที่จะกดไลค์แสดงความขอบคุณ พร้อมทั้งแบ่งปันข่าวสารด้วยการส่งต่อให้กับ “สลิ่ม”อื่นๆที่อาจตกข่าวสำคัญไป ดังนั้นความเป็นเอกภาพและเอกลักษณ์ของ “สลิ่ม” จึงเป็นอะไรที่คนอื่นยากลอกเลียนแบบได้จริงๆนะครับ
“สลิ่ม” ยังเป็นกลุ่มคนที่รู้จักการจุดประเด็นใหม่ขึ้นได้เรื่อยๆ เรื่องนี้ไม่เวิร์ค ก็จุดประเด็นเรื่องใหม่ ถ้ายังไม่ใช่ ก็ไปหาอีกประเด็นมากลบประเด็นเก่า ถ้ายังไม่ประสบผล ก็ไปหาประเด็นเก่ามาเป็นประเด็นใหม่อีกที แต่ท้ายสุดยังไม่สำเร็จล่ะก้อ ก็ยกเอา “ผีทักษิณ”ออกมาเล่น แค่นี้แหละครับ เรียบร้อยโรงเรียน “สลิ่ม”กันแล้วล่ะครับ
“สลิ่ม” เป็นกลุ่มคนที่ไม่เคย “เงิบ”มาก่อนเลยนะครับ ถ้าข้อมูลผิดพลาด ก็จะมีเพื่อนๆมาช่วย “เถียง” แต่ถ้าเถียงไม่ขึ้น ก็จะช่วยกัน “แถ” แต่ถ้ายังแถไม่ออก ก็งัดไม้ตายเอา “ทักษิณ”ออกมาเล่นอีก แค่นี้ก็ฟินกันไปตามๆกันแล้วล่ะครับ น่าภูมิใจออก ว่าไหม
“สลิ่ม” ยังเป็นกลุ่มคนที่รู้จักประชาธิปไตยเหนือคนอื่นๆ “สลิ่ม”รู้ว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง “สลิ่ม”รู้ว่า เสียงส่วนใหญ่ไม่ใช่ถูกต้องเสมอไป “สลิ่ม”รู้ว่าสามแสนเสียงของคนกรุงมีคุณภาพมากกว่าสิบห้าล้านเสียงของคนต่างจังหวัด “สลิ่ม”ยังรู้อีกว่าถ้าอยากได้ประชาธิปไตย ต้องรู้จักคอยให้พร้อม ต้องรอให้คู่ควร และเมื่อถึงเวลา เขาก็จะมอบประชาธิปไตยให้เองแหละน่ะ รอมาแค่ 80 ปียังรอได้นี่นา
“สลิ่ม”ยังเป็นกลุ่มคนที่รู้จักแยกแยะ สามารถแยกเหตุผลมาตอบได้ทุกเรื่องเลยนะครับ
อย่างสงสัยเรื่องความยุติธรรมสองมาตรฐาน
“สลิ่ม”ก็จะยกเรื่องถุงขนมมาเปรียบ
อย่างสงสัยเรื่องคนบริสุทธิ์ที่ตายคาราชประสงค์
“สลิ่ม”ก็จะยกเรื่องเผาบ้านเผาเมืองมาโต้
อย่างสงสัยเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างที่แพงเกินจริง
“สลิ่ม”ก็จะอธิบายถึงความผิดพลาดของส่วนต่างราคา
อย่างสงสัยเรื่องของหัวคิว
“สลิ่ม”ก็จะชี้แจงเป็นเรื่องของค่าปรึกษา
อย่างสงสัยเรื่องการแต่งตั้งพวกพ้องเข้ารับตำแหน่ง
“สลิ่ม”ก็จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ใครๆเขาก็ทำกัน
และสุดท้ายสถานการณ์สร้างวีรบุรุษยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย เราจึงเห็น วีรสตรีสลิ่ม ที่ออกไปชี้นิ้วด่าทักษิณ เราจึงเห็นวีรทอม ที่ออกไปเป่านกหวีดใส่คุณยิ่งลักษณ์ แล้วก็ได้เห็นเป็นบุญตากับวีรบุรุษป๊อบคอร์นที่เก่งกล้า สามารถใช้อาวุธสงครามยิงตาแก่คนหนึ่งที่ไร้อาวุธต่อสู้ และที่จะไม่กล่าวถึงคงไม่ได้สำหรับวีรบุรุษพ่อกำนันที่เป็นผู้นำจิตวิญญาณในการพามวลชนออกมาขับไล่รัฐบาลที่ทุจริต
ด้วยคุณูปการที่ “สลิ่ม”ทำให้กับประเทศนี้ ได้ทั้งความสงบ ได้ทั้งรัฐธรรมนูญใหม่ เศรษฐกิจก็กำลังฟื้นตัว นักลงทุนต่างชาติก็พากันเข้ามาลงทุน ปีหน้าก็ได้เลือกตั้ง อย่างนี้แล้วผมจึงไม่เข้าใจ “สลิ่ม”จะโกรธทำไม จะเขินทำไม เมื่อมีคนเรียกพวกคุณว่า “สลิ่ม”