บันทึกการเดินทาง
เมื่อผมลุยเดี่ยวเที่ยวเกาะเต่า แต่กลับพลาดท่าโดนขโมย...หัวใจ
3 คืน 2 วัน ที่ถูกบันทึกไว้ในสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ กับการเดินทางคนเดียวจากกรุงเทพฯไปเที่ยวเกาะเต่าที่อยากจะเอามาเล่าให้ฟัง
ในช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ก่อนการเดินทาง มีคำถามและคำพูดมากมายที่โหมกระหน่ำเข้ามาจนหูชา ส่วนใหญ่คนก็หาว่าเราอกหักแล้วจะหนีไปพักใจ ฮ่าฮ่าฮ่า จะเป็นไปได้ยังไงละในเมื่อแฟนยังไม่มีเป็นตัวเป็นตนเลย ที่จริงก็แค่อยากจะไปลองเที่ยวคนเดียวหาประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งก่อนเดินทางก็กลัวนะใจหายเหมือนกัน แต่ใครจะไปรู้ว่ามันกลับมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นมากมายที่บนเกาะเต่า ^^
คืนแรกของการเดินทาง
เวลา 19.00 น. @สถานีรถไฟหัวลำโพง
การเดินทางครั้งนี้เลือกเดินทางด้วยรถด่วน ขบวนที่ 85 เป็นรถนอนปรับอากาศ กะจะนอนยาวๆเลยเก็บแรงเที่ยวในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น รถออกจากกรุงเทพฯเวลา 19.30 น. และไปลงที่สถานีชุมพร ซึ่งตามกำหนดคือจะไปถึงชุมพรตอนตีสี่กว่าๆ
บนโบกี้รถไฟเต็มไปด้วยฝรั่ง และในช่วงหัวค่ำที่รถออกจากสถานีก็มีเสียงฝรั่งคุยกันตลอดทาง จนเวลาผ่านไปจะ 4 ทุ่มทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันนอน โบกี้รถไฟกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ผมจัดการตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตีสี่ เพื่อป้องกันการหลับเพลินไม่ยอมตื่นจะทำให้เลยสถานีไปแล้วมันจะยุ่ง ซึ่งก่อนจะนอนผมก็ยังกำชับพนักงานดูแลโบกี้ไว้แล้วว่า "พี่!! อย่าลืมปลุกผมนะ" หลังจากนั้นไม่นานผมก็เคลิ้มหลับไป
วันที่สองของการเดินทาง
เวลา 04.00 น. @ในโบกี้รถไฟ
กรี๊งงงงงงง!!! เสียดาฬิกาปลุกดังขึ้นตามเวลาที่ตั่งไว้ ผมเอื้มมือไปปิดมัน และลุกขึ้นนั่งเปิดม่านที่หน้าต่างออกดู ตอนนี้ขบวนรถยังวิ่งฝ่าความมืดทำให้มองไม่เห็นอะไร และอีกไม่นานก็คงจะถึงสถานีชุมพร ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แล้วหยิบเอามือถือขึ้นมาตอบไลน์เพื่อนๆที่ทักมาเมื่อคืนตอนที่ผมหลับไปแล้ว
"ผู้โดยสารครับ อีก 10 นาทีรถไฟจะเข้าจอดที่สถานีชุมพรแล้วครับ" เสียงพนักงานเรียกปลุกจากด้านนอก ผมจึงเปิดม่านออกเพื่อให้พนักงานทราบว่าผมตื่นแล้ว พนักงานเดินปลุกทุกๆเตียงที่จะลงที่ชุมพร และโบกี้รถไฟก็กลับมามีเสียงดังของฝรั่งอีกครั้ง ความรู้สึกราวกับว่าไม่ได้อยู่ในประเทศไทย
เวลา 04.20 น. @สถานีรถไฟชุมพร
ขบวนรถเข้าจอดที่สถานีรถไฟชุมพร มีคนลงที่สถานีนี้เป็นจำนวนมาก และเป็นฝรั่งเกือบจะทั้งหมด ที่สถานีมีร้านอาหารเช้าเปิดไว้รอสำหรับผู้โดยสารที่มารอรถเพื่อไปขึ้นเรือที่ท่าเรื่อ เลยทำให้ดูไม่เงียบเหงา บวกกับมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึงที่สถานี ก็คือต้องเช็คอินเรือที่เคาน์เตอร์บริษัทเรือเร็วลมพระยาที่ตั้งอยู่ในสถานีรถไฟ ลืมบอกไปว่าผมจองตั๋วเรือผ่านทางเว็บของลมพระยาไว้ก่อนเดินทาง เมื่อเช็คอินเสร็จพนักงานก็แจ้งว่าให้รอรถมารับจากสถานีไปท่าเรือตอนเวลา 05.30 น. ระหว่างนี้ก็หาอะไรทานเล่นๆไปก่อน
เวลา 05.30 น. @สถานีรถไฟชุมพร
เป็นเวลาชั่วโมงกว่าที่อยู่ที่สถานีรถไฟชุมพร แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่ออะไร เพราะระหว่างที่รอก็ไปล้างหน้าแปลงฟัน หาอะไรทาน แล้วก็เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ สักพักก็มีเสียงผู้หญิงตะโกนบอกนักท่องเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษ แปลได้ประมาณว่า "รถบัสที่จะไปท่าเรือมารับแล้ว ให้ไปขึ้นได้ที่ด้านหน้าสถานี" ผมก็เดินมาคว้ากระเป๋าแล้วเดินตามคนอื่นๆไปขึ้นรถ
รถบัสที่มารับเป็นรถสูงสองชั้น ถ้าสำหรับคนไทยตัวเล็กๆอย่างอย่าเราๆแล้วถือว่ากว้างนั่งสบาย แต่ถ้าเป็นคนไซส์ฝรั่งละก็คงจะนั่งเต็มเบาะพอดี เมื่อทุกอย่าพร้อมแล้วรถก็เคลื่อนออกจากหน้าสถานี ในช่วงเช้ามืดแบบนี้บนท้องถนนยังคงเงียบไร้ผู้คน มีเพียงถนนโล่งๆที่มีรถบัสคันใหญ่แล่นไปตามทาง ผมนั่งอยู่ริมหน้าต่างดูวิวข้างทางจนเคลิ้มหลับไป ........ zZ
รู้สึกตัวตื่นมาอีกครั้งตอนที่รถเกือบจะมาถึงที่ท่าเรือแล้ว ข้างทางที่รถวิ่งผ่านก็เป็นชายทะเลยามเช้า สวยเป็นบ้าเลย แต่คว้ากล้องออกมาถ่ายไม่ทัน ใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟมาถึงท่าเรือทุ่งมะข้ามน้อยประมาณ 40 นาทีเห็นจะได้ พอรถจอดสนิทผมก็คว้ากระเป๋าเดินลงจากรถ แล้วไปเข้าแถวติดสติ๊กเกอร์ที่หน้าอกก่อนขึ้นเรือ สติ๊กเกอร์ที่ติดจะบอกว่าจุดหมายปลายทางที่เราจะลงคือที่ไหน เพราะเรือนี้ไม่ได้ไปแค่เกาะเต่า แต่จะแวะส่งนักท่องเที่ยงทั่งหมด 4 เกาะ คือเกาะนางยวนที่แรก ตามด้วยเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย
เวลา 07.00 น. @ท่าเรือลมพระยา
จากที่ไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนนี้เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว เมื่อต้องเดินไปตามสะพานทอดยาวเพื่อไปขึ้นเรือที่จอดรออยู่ข้างหน้า ไม่ได้กลัวการนั่งเรือนะ แต่ว่ากลัวว่าข้างหน้าต่อไปเราจะเจออะไร ก็มาคนเดียวแบบนี้เลยไม่มีเพื่อนคุยให้รู้สึกสบายใจ แต่ก็มาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป ^^
เวลา 07.30 น. @บนเรือเรือเฟอร์รี่
เรื่อเคลื่อนออกจากท่าเรือที่ชุมพร ผมเดินขึ้นมานั่งบนชั้นสามของเรือ ซึ่งเป็นชั้นด่านฟ้าไว้สำหรับนั่งชมวิวและอาบแดด เช้านี้อากาสดีมาก สูดหายเข้าใจลึกรู้สึกดีเป็นบ้า
เรื่อแล่นออกไปกลางทะเล มองไปสุดลูกตามีแต่น้ำกับน้ำ ความกังวลที่รู้สึกอยู่ก่อนหน้า กลับกลายเป็นความรู้สึกดี(มาก) เหมือนสมองลืมเรื่องแย่ๆทุกอยากไป แล้วหลังสารความสุขออกมาให้ชีวิตอีกครั้ง อยากจะร้องตะโกนออกไปดังๆ แต่เดี๊ยวคนอื่นเค้าจะหาว่าบ้า เลยไม่ทำดีกว่า
เรื่อใช้เวลาเดินทางอยู่กลางทะเลที่กว่างใหญ่เกือบ 2 ชั่วโมง มองไปข้างหน้าตอนนี้ก็จะเห็นเกาะนางยวนแล้ว นักท่องเที่ยวเริ่มเดินขึ้นมาด่านฟ้าของเรือเยอะขึ้นเพื่อมาถ่ายรูปวิว มันสวยมากจริงๆ
แล้วเรือก็กำลังอ้อมไปทางด้านหน้าของเกาะนางยวน เพื่อจะเข้าเทียบท่าแวะส่งนังท่องเที่ยวเป็นเกาะแรก
หลังจากแวะส่งนั่งท่องเที่ยวที่เกาะนางยวนเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าไปยังเกาะเต่า
จากเกาะนางยวนไปเกาะเต่าใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที เพราะสองเกาะนี้อยู่ติดกันนิดเดียว ตอนนี้ก็เริ่มตื่นเต้นอีกครั้งเพราะเรือกำลังจะเข้าจอดเทียบที่ท่าเรือที่เกาะเต่าแล้ว ความรู้สึกเหมือนตอนนี้กำลังฝันไป นี่เรามาเดินทางถึงที่นี้คนเดียวได้จริงๆหรอเนี่ย
เวลา 09.30 น. @เกาะเต่า
เมื่อเท้าก้าวเยียบพื้นแผ่นดินเกาะเต่า ผมสูดหายใจลึกแล้วเดินแบกกระเป๋าเดินไปตามแผนที่เพื่อตามหาโรงแรมที่จองไว้ผ่านเว็บ Agoda ซึ่งก่อนมาผมได้โทรถามทางโรงแรมไว้แล้วว่าถ้ามาถึงตอนเช้าผมจะสามารถเช็คอินได้เลยหรือไม่ ทางเจ้าของโรงแรมก็บอกผมผ่านทาสายโทรศัพท์มาว่า"ได้" ผมก็โอเค ระหว่างทางที่เดินหาโรงแรมผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกมาบริษัททัวร์ดำน้ำเพื่อจะจองทริปดำน้ำแบบครึ่งวันที่ดูเอาไว้ในเว็บก่อนจะมา
ตื๊ดดดด ตื๊ดดดด ตื๊ดดดดดด
เสียงจากปลายสาย : สวัสดีค่ะ!!
ผม : อ่าาาาา.... oxygen tour รึเปล่าครับ ??
เสียงจากปลายสาย : ใช่ค่ะ?
ผม : คือผมต้องการซื้อทัวร์ดำน้ำแบบ Half day trip วันนี้ครับ
เสียงจากปลายสาย : ได้ค่ะ!! แล้วตอนนี้ลูกค้าอยู่ที่ไหนค่ะ
ผม : ตอนนี้ผมพึ่งมาถึงครับ กำลังจะเข้าที่พัก
เสียงจากปลายสาย : ลูกค้าพักที่ไหนค่ะ เดี๊ยว 11 โมงครึ่งจะให้รถไปรับที่หน้าโรงแรมค่ะ
ผม : โรงแรมบ้านสวนตาครับ
เสียงจากปลายสาย : อ้อออ ได้ค่ะ!! 11 โมงครึ่งลงมารอที่ล็อบบี้นะค่ะ เดี๊ยวมีรถไปรับถึงที่ค่ะ
ผม : อ่า!! โอเคครับ
เสียงจากปลายสาย : ขอบคุณค่ะ!! แล้วเจอกันนะค่ะ
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด .........
ระหว่างที่เดินไปคุยโทรศัพท์ไป ก็งงครับ หาโรงแรมไม่เจอ มองซ้ายมองขวา เจอพี่ผู้หญิงท่านนึงยืนอยู่ในร้านขายของเลยถามไป
ผม : "พี่ครับ!! โรงแรมบ้านสวนตาอยู่ทางไหนหรอครับ"
พี่ผู้หญิง : "น้องเดินเลยมาแล้วนะ ต้องเดินกลับไปแถวกำแพงสีๆตรงไปนั้นแล้วเลี้ยวขวาเข้าไปในซอย"
ผมก็มองตามมือที่พี่เค้าชี้ไป คิดในใจ (ไหนว่ะ!! กำแพงสีๆ??)
ผม : "ขอบคุณครับ"
ผมก็เดินย้อนกลับไปที่กำแพงสีๆไปตามที่พี่เค้าบอก "อันนี้ป่ะวะ กำแพงสีๆ" (พูดคนเดียวเบาๆ)
มองซ้ายมองขวาก็เจอป้าชื่อโรงแรม มันใหญ่มาก แต่ก็เดินผ่านไปได้ยังไง ไม่เข้าใจตัวเอง
ผมเช็คอินที่โรงแรม แล้วก็คุยกับน้าเจ้าของโรงแรมซักพักใหญ่ น้าเจ้าของโรงแรมน่ารักมาก ให้ข้อมูลสถานที่ และการเดินทางบนเกาะอย่างระเอียด และด้วยความที่คุณน้าผมมาเที่ยวคนเดียว แล้วคุณน้าก็บอกว่าสมัยสาวๆคุณน้าก็ชอบเที่ยวคนเดียวแบบผมนี่และ เหมือนได้เจอคนไลฟ์สไตล์เดียวกัน คุณน้าสุดสวยผู้ใจดีเลยอัพเกรดห้องให้ผม จากที่จองผ่านเว็บมาอีกราคานึง คุณน้าอัพให้ผมอยู่แพงกว่าที่ผมจองมา น้ำตาจะไหลครับ ณ จุดนี้ ฮ่าๆๆ
เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง ผมโยนเป้ออกจากหลัง แล้ววิ่งไปเปิดดูวิวที่ระเบียง มองออกไปไกลๆเห็นเป็นวิวสวนกับท้องฟ้า และทะเล ดีกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย ^^
ผมหันกลับแล้วเดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง แล้วจะกระโดนขึ้นนอนบนเตียง และหลับตาลงพร้อม สูดหายใจลึกๆอีกครั้ง "มาคนเที่ยวคนเดียวมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนี่หว่า!!" (พูดกับตัวเอง) พักให้หายเหนื่อยจากการเดินทางซักพัก แล้วลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว เตรียมออกลุย สนุกแน่ๆทริปนี้
[CR] เมื่อผมลุยเดี่ยวเที่ยว"เกาะเต่า" แต่กลับพลาดท่าโดนขโมย.....หัวใจ
ในช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ก่อนการเดินทาง มีคำถามและคำพูดมากมายที่โหมกระหน่ำเข้ามาจนหูชา ส่วนใหญ่คนก็หาว่าเราอกหักแล้วจะหนีไปพักใจ ฮ่าฮ่าฮ่า จะเป็นไปได้ยังไงละในเมื่อแฟนยังไม่มีเป็นตัวเป็นตนเลย ที่จริงก็แค่อยากจะไปลองเที่ยวคนเดียวหาประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งก่อนเดินทางก็กลัวนะใจหายเหมือนกัน แต่ใครจะไปรู้ว่ามันกลับมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นมากมายที่บนเกาะเต่า ^^
คืนแรกของการเดินทาง
เวลา 19.00 น. @สถานีรถไฟหัวลำโพง
การเดินทางครั้งนี้เลือกเดินทางด้วยรถด่วน ขบวนที่ 85 เป็นรถนอนปรับอากาศ กะจะนอนยาวๆเลยเก็บแรงเที่ยวในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น รถออกจากกรุงเทพฯเวลา 19.30 น. และไปลงที่สถานีชุมพร ซึ่งตามกำหนดคือจะไปถึงชุมพรตอนตีสี่กว่าๆ
บนโบกี้รถไฟเต็มไปด้วยฝรั่ง และในช่วงหัวค่ำที่รถออกจากสถานีก็มีเสียงฝรั่งคุยกันตลอดทาง จนเวลาผ่านไปจะ 4 ทุ่มทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันนอน โบกี้รถไฟกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ผมจัดการตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตีสี่ เพื่อป้องกันการหลับเพลินไม่ยอมตื่นจะทำให้เลยสถานีไปแล้วมันจะยุ่ง ซึ่งก่อนจะนอนผมก็ยังกำชับพนักงานดูแลโบกี้ไว้แล้วว่า "พี่!! อย่าลืมปลุกผมนะ" หลังจากนั้นไม่นานผมก็เคลิ้มหลับไป
วันที่สองของการเดินทาง
เวลา 04.00 น. @ในโบกี้รถไฟ
กรี๊งงงงงงง!!! เสียดาฬิกาปลุกดังขึ้นตามเวลาที่ตั่งไว้ ผมเอื้มมือไปปิดมัน และลุกขึ้นนั่งเปิดม่านที่หน้าต่างออกดู ตอนนี้ขบวนรถยังวิ่งฝ่าความมืดทำให้มองไม่เห็นอะไร และอีกไม่นานก็คงจะถึงสถานีชุมพร ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แล้วหยิบเอามือถือขึ้นมาตอบไลน์เพื่อนๆที่ทักมาเมื่อคืนตอนที่ผมหลับไปแล้ว
"ผู้โดยสารครับ อีก 10 นาทีรถไฟจะเข้าจอดที่สถานีชุมพรแล้วครับ" เสียงพนักงานเรียกปลุกจากด้านนอก ผมจึงเปิดม่านออกเพื่อให้พนักงานทราบว่าผมตื่นแล้ว พนักงานเดินปลุกทุกๆเตียงที่จะลงที่ชุมพร และโบกี้รถไฟก็กลับมามีเสียงดังของฝรั่งอีกครั้ง ความรู้สึกราวกับว่าไม่ได้อยู่ในประเทศไทย
เวลา 04.20 น. @สถานีรถไฟชุมพร
ขบวนรถเข้าจอดที่สถานีรถไฟชุมพร มีคนลงที่สถานีนี้เป็นจำนวนมาก และเป็นฝรั่งเกือบจะทั้งหมด ที่สถานีมีร้านอาหารเช้าเปิดไว้รอสำหรับผู้โดยสารที่มารอรถเพื่อไปขึ้นเรือที่ท่าเรื่อ เลยทำให้ดูไม่เงียบเหงา บวกกับมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึงที่สถานี ก็คือต้องเช็คอินเรือที่เคาน์เตอร์บริษัทเรือเร็วลมพระยาที่ตั้งอยู่ในสถานีรถไฟ ลืมบอกไปว่าผมจองตั๋วเรือผ่านทางเว็บของลมพระยาไว้ก่อนเดินทาง เมื่อเช็คอินเสร็จพนักงานก็แจ้งว่าให้รอรถมารับจากสถานีไปท่าเรือตอนเวลา 05.30 น. ระหว่างนี้ก็หาอะไรทานเล่นๆไปก่อน
เวลา 05.30 น. @สถานีรถไฟชุมพร
เป็นเวลาชั่วโมงกว่าที่อยู่ที่สถานีรถไฟชุมพร แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่ออะไร เพราะระหว่างที่รอก็ไปล้างหน้าแปลงฟัน หาอะไรทาน แล้วก็เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ สักพักก็มีเสียงผู้หญิงตะโกนบอกนักท่องเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษ แปลได้ประมาณว่า "รถบัสที่จะไปท่าเรือมารับแล้ว ให้ไปขึ้นได้ที่ด้านหน้าสถานี" ผมก็เดินมาคว้ากระเป๋าแล้วเดินตามคนอื่นๆไปขึ้นรถ
รถบัสที่มารับเป็นรถสูงสองชั้น ถ้าสำหรับคนไทยตัวเล็กๆอย่างอย่าเราๆแล้วถือว่ากว้างนั่งสบาย แต่ถ้าเป็นคนไซส์ฝรั่งละก็คงจะนั่งเต็มเบาะพอดี เมื่อทุกอย่าพร้อมแล้วรถก็เคลื่อนออกจากหน้าสถานี ในช่วงเช้ามืดแบบนี้บนท้องถนนยังคงเงียบไร้ผู้คน มีเพียงถนนโล่งๆที่มีรถบัสคันใหญ่แล่นไปตามทาง ผมนั่งอยู่ริมหน้าต่างดูวิวข้างทางจนเคลิ้มหลับไป ........ zZ
รู้สึกตัวตื่นมาอีกครั้งตอนที่รถเกือบจะมาถึงที่ท่าเรือแล้ว ข้างทางที่รถวิ่งผ่านก็เป็นชายทะเลยามเช้า สวยเป็นบ้าเลย แต่คว้ากล้องออกมาถ่ายไม่ทัน ใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟมาถึงท่าเรือทุ่งมะข้ามน้อยประมาณ 40 นาทีเห็นจะได้ พอรถจอดสนิทผมก็คว้ากระเป๋าเดินลงจากรถ แล้วไปเข้าแถวติดสติ๊กเกอร์ที่หน้าอกก่อนขึ้นเรือ สติ๊กเกอร์ที่ติดจะบอกว่าจุดหมายปลายทางที่เราจะลงคือที่ไหน เพราะเรือนี้ไม่ได้ไปแค่เกาะเต่า แต่จะแวะส่งนักท่องเที่ยงทั่งหมด 4 เกาะ คือเกาะนางยวนที่แรก ตามด้วยเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย
เวลา 07.00 น. @ท่าเรือลมพระยา
จากที่ไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนนี้เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว เมื่อต้องเดินไปตามสะพานทอดยาวเพื่อไปขึ้นเรือที่จอดรออยู่ข้างหน้า ไม่ได้กลัวการนั่งเรือนะ แต่ว่ากลัวว่าข้างหน้าต่อไปเราจะเจออะไร ก็มาคนเดียวแบบนี้เลยไม่มีเพื่อนคุยให้รู้สึกสบายใจ แต่ก็มาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป ^^
เวลา 07.30 น. @บนเรือเรือเฟอร์รี่
เรื่อเคลื่อนออกจากท่าเรือที่ชุมพร ผมเดินขึ้นมานั่งบนชั้นสามของเรือ ซึ่งเป็นชั้นด่านฟ้าไว้สำหรับนั่งชมวิวและอาบแดด เช้านี้อากาสดีมาก สูดหายเข้าใจลึกรู้สึกดีเป็นบ้า
เรื่อแล่นออกไปกลางทะเล มองไปสุดลูกตามีแต่น้ำกับน้ำ ความกังวลที่รู้สึกอยู่ก่อนหน้า กลับกลายเป็นความรู้สึกดี(มาก) เหมือนสมองลืมเรื่องแย่ๆทุกอยากไป แล้วหลังสารความสุขออกมาให้ชีวิตอีกครั้ง อยากจะร้องตะโกนออกไปดังๆ แต่เดี๊ยวคนอื่นเค้าจะหาว่าบ้า เลยไม่ทำดีกว่า
เรื่อใช้เวลาเดินทางอยู่กลางทะเลที่กว่างใหญ่เกือบ 2 ชั่วโมง มองไปข้างหน้าตอนนี้ก็จะเห็นเกาะนางยวนแล้ว นักท่องเที่ยวเริ่มเดินขึ้นมาด่านฟ้าของเรือเยอะขึ้นเพื่อมาถ่ายรูปวิว มันสวยมากจริงๆ
แล้วเรือก็กำลังอ้อมไปทางด้านหน้าของเกาะนางยวน เพื่อจะเข้าเทียบท่าแวะส่งนังท่องเที่ยวเป็นเกาะแรก
หลังจากแวะส่งนั่งท่องเที่ยวที่เกาะนางยวนเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าไปยังเกาะเต่า
จากเกาะนางยวนไปเกาะเต่าใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที เพราะสองเกาะนี้อยู่ติดกันนิดเดียว ตอนนี้ก็เริ่มตื่นเต้นอีกครั้งเพราะเรือกำลังจะเข้าจอดเทียบที่ท่าเรือที่เกาะเต่าแล้ว ความรู้สึกเหมือนตอนนี้กำลังฝันไป นี่เรามาเดินทางถึงที่นี้คนเดียวได้จริงๆหรอเนี่ย
เวลา 09.30 น. @เกาะเต่า
เมื่อเท้าก้าวเยียบพื้นแผ่นดินเกาะเต่า ผมสูดหายใจลึกแล้วเดินแบกกระเป๋าเดินไปตามแผนที่เพื่อตามหาโรงแรมที่จองไว้ผ่านเว็บ Agoda ซึ่งก่อนมาผมได้โทรถามทางโรงแรมไว้แล้วว่าถ้ามาถึงตอนเช้าผมจะสามารถเช็คอินได้เลยหรือไม่ ทางเจ้าของโรงแรมก็บอกผมผ่านทาสายโทรศัพท์มาว่า"ได้" ผมก็โอเค ระหว่างทางที่เดินหาโรงแรมผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกมาบริษัททัวร์ดำน้ำเพื่อจะจองทริปดำน้ำแบบครึ่งวันที่ดูเอาไว้ในเว็บก่อนจะมา
ตื๊ดดดด ตื๊ดดดด ตื๊ดดดดดด
เสียงจากปลายสาย : สวัสดีค่ะ!!
ผม : อ่าาาาา.... oxygen tour รึเปล่าครับ ??
เสียงจากปลายสาย : ใช่ค่ะ?
ผม : คือผมต้องการซื้อทัวร์ดำน้ำแบบ Half day trip วันนี้ครับ
เสียงจากปลายสาย : ได้ค่ะ!! แล้วตอนนี้ลูกค้าอยู่ที่ไหนค่ะ
ผม : ตอนนี้ผมพึ่งมาถึงครับ กำลังจะเข้าที่พัก
เสียงจากปลายสาย : ลูกค้าพักที่ไหนค่ะ เดี๊ยว 11 โมงครึ่งจะให้รถไปรับที่หน้าโรงแรมค่ะ
ผม : โรงแรมบ้านสวนตาครับ
เสียงจากปลายสาย : อ้อออ ได้ค่ะ!! 11 โมงครึ่งลงมารอที่ล็อบบี้นะค่ะ เดี๊ยวมีรถไปรับถึงที่ค่ะ
ผม : อ่า!! โอเคครับ
เสียงจากปลายสาย : ขอบคุณค่ะ!! แล้วเจอกันนะค่ะ
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด .........
ระหว่างที่เดินไปคุยโทรศัพท์ไป ก็งงครับ หาโรงแรมไม่เจอ มองซ้ายมองขวา เจอพี่ผู้หญิงท่านนึงยืนอยู่ในร้านขายของเลยถามไป
ผม : "พี่ครับ!! โรงแรมบ้านสวนตาอยู่ทางไหนหรอครับ"
พี่ผู้หญิง : "น้องเดินเลยมาแล้วนะ ต้องเดินกลับไปแถวกำแพงสีๆตรงไปนั้นแล้วเลี้ยวขวาเข้าไปในซอย"
ผมก็มองตามมือที่พี่เค้าชี้ไป คิดในใจ (ไหนว่ะ!! กำแพงสีๆ??)
ผม : "ขอบคุณครับ"
ผมก็เดินย้อนกลับไปที่กำแพงสีๆไปตามที่พี่เค้าบอก "อันนี้ป่ะวะ กำแพงสีๆ" (พูดคนเดียวเบาๆ)
มองซ้ายมองขวาก็เจอป้าชื่อโรงแรม มันใหญ่มาก แต่ก็เดินผ่านไปได้ยังไง ไม่เข้าใจตัวเอง
ผมเช็คอินที่โรงแรม แล้วก็คุยกับน้าเจ้าของโรงแรมซักพักใหญ่ น้าเจ้าของโรงแรมน่ารักมาก ให้ข้อมูลสถานที่ และการเดินทางบนเกาะอย่างระเอียด และด้วยความที่คุณน้าผมมาเที่ยวคนเดียว แล้วคุณน้าก็บอกว่าสมัยสาวๆคุณน้าก็ชอบเที่ยวคนเดียวแบบผมนี่และ เหมือนได้เจอคนไลฟ์สไตล์เดียวกัน คุณน้าสุดสวยผู้ใจดีเลยอัพเกรดห้องให้ผม จากที่จองผ่านเว็บมาอีกราคานึง คุณน้าอัพให้ผมอยู่แพงกว่าที่ผมจองมา น้ำตาจะไหลครับ ณ จุดนี้ ฮ่าๆๆ
เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง ผมโยนเป้ออกจากหลัง แล้ววิ่งไปเปิดดูวิวที่ระเบียง มองออกไปไกลๆเห็นเป็นวิวสวนกับท้องฟ้า และทะเล ดีกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย ^^
ผมหันกลับแล้วเดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง แล้วจะกระโดนขึ้นนอนบนเตียง และหลับตาลงพร้อม สูดหายใจลึกๆอีกครั้ง "มาคนเที่ยวคนเดียวมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนี่หว่า!!" (พูดกับตัวเอง) พักให้หายเหนื่อยจากการเดินทางซักพัก แล้วลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว เตรียมออกลุย สนุกแน่ๆทริปนี้