สวัสดีค่ะ
มีเรื่องอยากปรึกษาคุณหมอหรือผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับผู้ป่วยมะเร็งและซึมเศร้าดังนี้ค่ะ
เล่าพื้นฐานคุณแม่ก่อนนะคะ คุณแม่เป็นคนแข็งแรง ทำบุญทำทานเสมอ ไม่มีโรคประจำตัว เป็นคนที่มีระเบียบ ดูแลบ้านและครอบครัวเป็นอย่างดี เป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อนๆและญาติๆ ทำอะไรมักจะทำให้ดีและเรียบร้อยเสมอ ชอบทำสวน ทำขนม ทำอาหาร ทำอร่อยทุกคนชื่นชม (ด้วยลักษณะที่คุณแม่ค่อนข้างเป็น Perfectionist อาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและซึมเศร้าด้วยรึเปล่าไม่รู้ค่ะ)
แม่มีอาการท้องอืด เบื่ออาหาร ผอมลง ฉี่บ่อย นอนไม่หลับ (เสียใจมากที่ไม่ได้สังเกตคุณแม่ตัวเอง จะได้พบโรคเร็วๆ) เลยไปหาคุณหมอแถวบ้าน ให้ยาเกี่ยวกับกระเพราะอาหารมากิน 2 สัปดาห์ไม่หาย เลยไปตรวจที่ รพ.พบว่าคุณแม่เราเป็นมะเร็งรังไข่ ชนิด Serous cystadenocarcinoma ตรวจพบว่าเป็นระยะ 3c ตั้งแต่กลางเดือน ต.ค.58 ได้ทำการผ่าตัดรังไข่ มดลูก ออกปลายเดือนต.ค.58
หลังจากผ่าตัดแม่มีรูเชื่อมระหว่างลำไส้ใหญ่กับช่องคลอดทำให้อุจจาระออกทางช่องคลอด
และมีส่วนทำให้แม่เป็นโรคซึมเศร้าปนอารมณ์ หวาดกลัวทุกอย่าง และไม่ยอมออกจากบ้าน
การรักษาจึงได้ทำกันเองที่บ้าน โดยเน้นทานอาหารชีวจิต และออกกำลังกายตามกำลัง
แต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่เพราะมีโรคซึมเศร้าอยู่ซึ่งทานยาซึมเศร้าประคับประคองอยู่
แม่ไม่ยอมออกจากบ้านจึงไม่สามารถไปหาคุณหมอได้
จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 6 เม.ย.แม่มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ทำให้แม่ยอมไปรพ. พบว่าแม่มีน้ำท่วมปอดด้านขวา จึงเจาะน้ำออกและฉีดยาเข้าไปกันในช่องเยื่อหุ้มปอด นอน รพ.6 วัน ก็กลับบ้านไปรักษาตัวต่อ
ระหว่างนี้แม่มีอาการเท้าบวม และแน่นท้อง เหนื่อยง่าย แต่ยังสามารถเดินเข้าห้องน้ำได้ แต่ไม่สามารถเดินออกกำลังกายได้แล้ว จึงพาแม่ไปที่ รพ. ในระหว่างนี้ได้ปรึกษาคุณหมอคีโมว่าอยากให้แม่ลองทำคีโมดู เพราะก่อนหน้านี้แม่ไม่ยอมมารพ. เลยทำให้ไม่สามารถให้การรักษาได้คุณหมอให้ทำซีทีแสกนช่องท้อง พบว่าแม่มีภาวะลำไส้อุดตัน และมีก้อนที่อุ้งเชิงกรานขนาดประมาณ 6 ซม.เลยยังไม่ให้เคมีบำบัด
ในวันที่ 2 พ.ค.ผ่าตัดเปิดถ่ายทางหน้าท้อง คุณหมอศัลยกรรมเปิดลำไส้บางส่วนออกมา แต่ก็ยังมีอุจจาระออกจากช่องคลอดเหมือนเดิม ระหว่างพักฟื้นแม่มีอาการซึมเศร้ามากขึ้น ขาบวมเนื่องจากโปรตีนไข่ขาวต่ำ แต่ก็รักษาประคับประคองมา จนปัจจุบัน (ย้ายมาอยู่อีก รพ.หนึ่ง) ก็อยู่ระหว่างการพักฟื้นและฝึกให้คุณแม่นั่งและยืนได้ด้วยตัวเอง และรักษาสภาพทางจิตใจควบคู่กันไปด้วย (ยังทานยาซึมเศร้าอยู่)
ปัจจุบัน แม่บ่นเหมือนปวดถ่ายเวลานั่งตัวตรง หมอศัลยกรรมลองคลำดูที่รูทวารก็พบก้อนเนื้อที่ค่อนไปทางด้านบนน่าจะเป็นก้อนที่อุ้งเชิงกรานที่อาจจะโตขึ้น ซึ่งแน่นอนตัวโรคมะเร็งมันต้องดำเนินต่อไปแน่นอน ส่วนอาการทางจิตใจมีคุณหมอจิตเวชดูแลอยู่ และสแกนสมองแบบฉีดสีแล้วไม่พบก้อนเนื้อใดๆ
น่าจะเป็นสาเหตุจากทั้งโรคมะเร็ง และซึมเศร้า แม่ไม่ทานกับข้าวใดๆเลย ผัก ผลไม้ ไอติม โยเกิร์ต ซุปผัก ฯลฯ ก็ไม่ทาน ทานแต่ ข้าวต้มไข่ขาว กับเอ็นชัวร์ พยายามสรรหาเมนูมาหลายอย่าง ก็ไม่ทานให้เลยค่ะ
มีหลายคนพยายามบอกให้ท่านกิจกรรมเพื่อให้หายจากซึมเศร้า คือ ไม่มีอะไรที่แม่อยากทำเลยค่ะ แต่ก่อนแม่ชอบทำสวน แต่งสวน ทำอาหาร ทำขนมไทย ตอนนี้แค่ให้เล่าให้ฟังก็ไม่อยากเล่าค่ะ ไม่อยากไปไหน ไม่ชอบดูทีวี ไม่อ่านหนังสือ ไม่ฟังเพลงหรือบทสวดในอินเตอร์เน็ต ไม่เล่นไพ่ ไม่เล่นเกม ฯลฯ ไม่อยากให้ญาติ ให้เพื่อนฝูง มาเยี่ยม
ตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่แม่พบโรคมะเร็ง เราก็ดูแลแม่อยู่กับแม่แทบจะ 24 ชม.คอยล้างก้น อาบน้ำ เช็ดตัว ทำอาหาร ปรับอารมณ์ซึมเศร้า ฯลฯ ในสถานะที่เราเป็นลูก เราก็อยากให้แม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้และอยู่กับลูกหลานต่อไปได้นานๆ เราเลยอยากสอบถามเพื่อนๆ หรือคุณหมอที่มีประสบการณ์ว่า การที่เป็นมะเร็งระยะลุกลาม และผู้ป่วยมีภาวะซึมเศร้าอยู่เช่นนี้ ควรจะรักษาตามอาการดูการเติบโตของโรคไปแบบนี้ หรือ ลองเสี่ยงทำเคมีบำบัดดู (หากหมอเคมีมีความเห็นว่าทำได้)
ปัจจุบันยังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล มีแพทย์และพยาบาลดูแล และตัว จขกท.อยู่ด้วยตลอดเวลา
อาการซึมเศร้า : ไม่ชอบเสียงดัง อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากทำกิจกรรมอะไร หรือ ไม่ได้ชอบพูดชอบคุย
อาการทางกาย : ไม่เคยบ่นปวดหรือเจ็บแบบทรมาน ค่าตับ และไต ปกติ ปวดถ่ายเวลาลุกนั่ง นอนตลอดเวลา ยกเว้นตื่นมากิน และทำกายภาพบำบัด สามารถตะแคงตัวเองได้ ยกก้นได้ นั่งแบบหย่อนขาไม่พิงได้ 8-10 นาที ยืนได้ 15 วินาที ความดันปกติ ไม่มีไข้ ถ่ายและผายลมทางหน้าท้องได้ดี (แต่ยังมีอุจจาระออกทางช่องคลอดเรื่อยๆเหมือนเดิม)
เพราะเป็นทั้งโรคทางกายและโรคทางจิตใจการรักษาจึงยากมาก และพอจะทราบว่าผู้ป่วยมะเร็งต้องกำลังใจดีถึงจะหายหรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
แต่ก็เหนื่อยใจที่แม่มีโรคซึมเศร้าอยู่ด้วย มีใครที่พอจะมีเคส หรือ แนวทางการรักษา พอจะกรุณาเล่าสู่กันฟัง
หรือคุณหมอท่านใดมีข้อแนะนำอย่างไรมาเพื่อที่จะให้คุณแม่ดีขึ้นมาบ้างจะเป็นพระคุณมากค่ะ
เรียนถามหมอมะเร็ง และ ผู้มีประสบการณ์ผู้ป่วยมะเร็งและโรคซึมเศร้าปนอารมณ์
มีเรื่องอยากปรึกษาคุณหมอหรือผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับผู้ป่วยมะเร็งและซึมเศร้าดังนี้ค่ะ
เล่าพื้นฐานคุณแม่ก่อนนะคะ คุณแม่เป็นคนแข็งแรง ทำบุญทำทานเสมอ ไม่มีโรคประจำตัว เป็นคนที่มีระเบียบ ดูแลบ้านและครอบครัวเป็นอย่างดี เป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อนๆและญาติๆ ทำอะไรมักจะทำให้ดีและเรียบร้อยเสมอ ชอบทำสวน ทำขนม ทำอาหาร ทำอร่อยทุกคนชื่นชม (ด้วยลักษณะที่คุณแม่ค่อนข้างเป็น Perfectionist อาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและซึมเศร้าด้วยรึเปล่าไม่รู้ค่ะ)
แม่มีอาการท้องอืด เบื่ออาหาร ผอมลง ฉี่บ่อย นอนไม่หลับ (เสียใจมากที่ไม่ได้สังเกตคุณแม่ตัวเอง จะได้พบโรคเร็วๆ) เลยไปหาคุณหมอแถวบ้าน ให้ยาเกี่ยวกับกระเพราะอาหารมากิน 2 สัปดาห์ไม่หาย เลยไปตรวจที่ รพ.พบว่าคุณแม่เราเป็นมะเร็งรังไข่ ชนิด Serous cystadenocarcinoma ตรวจพบว่าเป็นระยะ 3c ตั้งแต่กลางเดือน ต.ค.58 ได้ทำการผ่าตัดรังไข่ มดลูก ออกปลายเดือนต.ค.58
หลังจากผ่าตัดแม่มีรูเชื่อมระหว่างลำไส้ใหญ่กับช่องคลอดทำให้อุจจาระออกทางช่องคลอด
และมีส่วนทำให้แม่เป็นโรคซึมเศร้าปนอารมณ์ หวาดกลัวทุกอย่าง และไม่ยอมออกจากบ้าน
การรักษาจึงได้ทำกันเองที่บ้าน โดยเน้นทานอาหารชีวจิต และออกกำลังกายตามกำลัง
แต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่เพราะมีโรคซึมเศร้าอยู่ซึ่งทานยาซึมเศร้าประคับประคองอยู่
แม่ไม่ยอมออกจากบ้านจึงไม่สามารถไปหาคุณหมอได้
จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 6 เม.ย.แม่มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ทำให้แม่ยอมไปรพ. พบว่าแม่มีน้ำท่วมปอดด้านขวา จึงเจาะน้ำออกและฉีดยาเข้าไปกันในช่องเยื่อหุ้มปอด นอน รพ.6 วัน ก็กลับบ้านไปรักษาตัวต่อ
ระหว่างนี้แม่มีอาการเท้าบวม และแน่นท้อง เหนื่อยง่าย แต่ยังสามารถเดินเข้าห้องน้ำได้ แต่ไม่สามารถเดินออกกำลังกายได้แล้ว จึงพาแม่ไปที่ รพ. ในระหว่างนี้ได้ปรึกษาคุณหมอคีโมว่าอยากให้แม่ลองทำคีโมดู เพราะก่อนหน้านี้แม่ไม่ยอมมารพ. เลยทำให้ไม่สามารถให้การรักษาได้คุณหมอให้ทำซีทีแสกนช่องท้อง พบว่าแม่มีภาวะลำไส้อุดตัน และมีก้อนที่อุ้งเชิงกรานขนาดประมาณ 6 ซม.เลยยังไม่ให้เคมีบำบัด
ในวันที่ 2 พ.ค.ผ่าตัดเปิดถ่ายทางหน้าท้อง คุณหมอศัลยกรรมเปิดลำไส้บางส่วนออกมา แต่ก็ยังมีอุจจาระออกจากช่องคลอดเหมือนเดิม ระหว่างพักฟื้นแม่มีอาการซึมเศร้ามากขึ้น ขาบวมเนื่องจากโปรตีนไข่ขาวต่ำ แต่ก็รักษาประคับประคองมา จนปัจจุบัน (ย้ายมาอยู่อีก รพ.หนึ่ง) ก็อยู่ระหว่างการพักฟื้นและฝึกให้คุณแม่นั่งและยืนได้ด้วยตัวเอง และรักษาสภาพทางจิตใจควบคู่กันไปด้วย (ยังทานยาซึมเศร้าอยู่)
ปัจจุบัน แม่บ่นเหมือนปวดถ่ายเวลานั่งตัวตรง หมอศัลยกรรมลองคลำดูที่รูทวารก็พบก้อนเนื้อที่ค่อนไปทางด้านบนน่าจะเป็นก้อนที่อุ้งเชิงกรานที่อาจจะโตขึ้น ซึ่งแน่นอนตัวโรคมะเร็งมันต้องดำเนินต่อไปแน่นอน ส่วนอาการทางจิตใจมีคุณหมอจิตเวชดูแลอยู่ และสแกนสมองแบบฉีดสีแล้วไม่พบก้อนเนื้อใดๆ
น่าจะเป็นสาเหตุจากทั้งโรคมะเร็ง และซึมเศร้า แม่ไม่ทานกับข้าวใดๆเลย ผัก ผลไม้ ไอติม โยเกิร์ต ซุปผัก ฯลฯ ก็ไม่ทาน ทานแต่ ข้าวต้มไข่ขาว กับเอ็นชัวร์ พยายามสรรหาเมนูมาหลายอย่าง ก็ไม่ทานให้เลยค่ะ
มีหลายคนพยายามบอกให้ท่านกิจกรรมเพื่อให้หายจากซึมเศร้า คือ ไม่มีอะไรที่แม่อยากทำเลยค่ะ แต่ก่อนแม่ชอบทำสวน แต่งสวน ทำอาหาร ทำขนมไทย ตอนนี้แค่ให้เล่าให้ฟังก็ไม่อยากเล่าค่ะ ไม่อยากไปไหน ไม่ชอบดูทีวี ไม่อ่านหนังสือ ไม่ฟังเพลงหรือบทสวดในอินเตอร์เน็ต ไม่เล่นไพ่ ไม่เล่นเกม ฯลฯ ไม่อยากให้ญาติ ให้เพื่อนฝูง มาเยี่ยม
ตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่แม่พบโรคมะเร็ง เราก็ดูแลแม่อยู่กับแม่แทบจะ 24 ชม.คอยล้างก้น อาบน้ำ เช็ดตัว ทำอาหาร ปรับอารมณ์ซึมเศร้า ฯลฯ ในสถานะที่เราเป็นลูก เราก็อยากให้แม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้และอยู่กับลูกหลานต่อไปได้นานๆ เราเลยอยากสอบถามเพื่อนๆ หรือคุณหมอที่มีประสบการณ์ว่า การที่เป็นมะเร็งระยะลุกลาม และผู้ป่วยมีภาวะซึมเศร้าอยู่เช่นนี้ ควรจะรักษาตามอาการดูการเติบโตของโรคไปแบบนี้ หรือ ลองเสี่ยงทำเคมีบำบัดดู (หากหมอเคมีมีความเห็นว่าทำได้)
ปัจจุบันยังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล มีแพทย์และพยาบาลดูแล และตัว จขกท.อยู่ด้วยตลอดเวลา
อาการซึมเศร้า : ไม่ชอบเสียงดัง อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากทำกิจกรรมอะไร หรือ ไม่ได้ชอบพูดชอบคุย
อาการทางกาย : ไม่เคยบ่นปวดหรือเจ็บแบบทรมาน ค่าตับ และไต ปกติ ปวดถ่ายเวลาลุกนั่ง นอนตลอดเวลา ยกเว้นตื่นมากิน และทำกายภาพบำบัด สามารถตะแคงตัวเองได้ ยกก้นได้ นั่งแบบหย่อนขาไม่พิงได้ 8-10 นาที ยืนได้ 15 วินาที ความดันปกติ ไม่มีไข้ ถ่ายและผายลมทางหน้าท้องได้ดี (แต่ยังมีอุจจาระออกทางช่องคลอดเรื่อยๆเหมือนเดิม)
เพราะเป็นทั้งโรคทางกายและโรคทางจิตใจการรักษาจึงยากมาก และพอจะทราบว่าผู้ป่วยมะเร็งต้องกำลังใจดีถึงจะหายหรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
แต่ก็เหนื่อยใจที่แม่มีโรคซึมเศร้าอยู่ด้วย มีใครที่พอจะมีเคส หรือ แนวทางการรักษา พอจะกรุณาเล่าสู่กันฟัง
หรือคุณหมอท่านใดมีข้อแนะนำอย่างไรมาเพื่อที่จะให้คุณแม่ดีขึ้นมาบ้างจะเป็นพระคุณมากค่ะ