YOU’RE BEAUTIFUL BAD
สวย เลว ร้าย อันตรายต่อหัวใจ






ถ้าเป็นคุณจะเลือกอะไรดีล่ะ?
ผู้ปฏิเสธความตาย VS ผู้รอดพ้นจากความตาย
CHAPTER 1
...I’m Karlipzo..
โปรดจำไว้ว่าฉันชื่อ ’คาร์ลิปโซ่’
ฉันเดินเข้าบ้านในสภาพที่เหนื่อยล้าเกินบรรยาย ร่างกายทรุดโทรมอย่างหนักหน่วงทำให้ฉันมีสภาพที่ไม่ต่างจากซอมบี้มากนัก ขอบตาที่ดำคล้ำมันดูน่าเกลียดและไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงที่ปาร์ตี้อย่างสุดเหวี่ยงทุกค่ำคืนหรือมั่วยาเสพติดตามประสาเด็กวันรุ่น แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นมันไม่ใช่ฉันไง !
ฉันเป็นนางแบบโฆษณาชื่อดังที่กำลังน่าจับตามองอย่างยิ่งในศตวรรษนี้นะ!.. ไม่ได้อยากจะอวดหรือว่าชมตัวเองว่าดีเด่นอะไรมากหรอก เพียงแต่พระเจ้าค่อนข้างรักฉันมากเลยประทานรูปร่างหน้าตาสุดเพอร์เฟ็กมาให้ จนหลายคนต้องอิจฉาต่ร้อนไปตาม ๆ กัน
รูปร่างที่ได้สัดส่วนแม้ว่าตอนนี้มันอาจจะดูผอมไปกว่าเดิมมากจนกระดูกไหปลาร้าของฉันเริ่มเด่นชัด แต่ทรวดทรงที่บ่งบอกความเป็นผู้หญิงนั้นมันไม่ได้ลดลงสักนิดเดียว อ่อ.ฉันหมายถึงหน้าอกหน้าใจอันกลมกลึงที่มีขนาดพอเหมาะกับตัวของฉัน ไม่ได้เล็กหรือใหญ่เกินไปและนั่นมันทำให้ฉันกลายเป็นสาวเซ็กซี่ขยี้ใจชายได้ไม่ยาก
และด้วยบุคลิกลักษณะที่ไม่ใช่สาวหวานตามแบบโบราณปั้นมา ออกจะห้าว เถื่อน และดิบเกินไปด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ได้รับความนิยมชมชอบไม่เคยตกนะ เพียงแต่ว่าไม่ใช่ผู้ชายไทยเท่านั้นเอง ส่วนใหญ่จะเป็นหนุ่มสุดฮอตที่เป็นลูกครึ่งและคนต่างชาติโดยตรง
“เหลวแหลกไม่เปลี่ยนแปลง เด็กใจแตกก็แบบนี้แหละนะ”
นี่มันก็ปาเข้าไปตีห้ากว่าแล้วและฉันยังไม่ได้นอน เพิ่งไปถ่ายโฆษณาเครื่องสำอางตัวใหม่และกว่าจะถ่ายเสร็จก็ตีสี่เกือบตีห้า ช่างเป็นการทำงานที่มาราธอนจริงๆ แถมกลับมาก็เจอตัวสาระแนอีก
ฉันตวัดตาคมไปที่เสียงกระแนะกระแหนนั่นทันทีและไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่จงใจพูดยั่วโมโหฉันแต่เช้านั่นเป็นใคร !
‘กาลณี’ ยัยนั่นชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตฉันไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่จำความได้ฉันไม่เคยถูกชะตากับยัยป้านี่เลย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแดดดี้ของฉันเกิดใจดีอะไรขึ้นมาถึงได้รับคนแบบนี้เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย
เชื่อมั๊ย? ฉันเคยถามแดดดี้เกี่ยวกับเรื่องนี้เกือบร้อยรอบได้ แต่คำตอบที่ได้มันกลับเป็นคำตอบเดิมๆ ที่มันช่างขัดใจและขัดหูขัดตาฉันเป็นที่สุด
แดดดี้ให้เหตุผลฉันว่ายัยกาลณีเคยช่วยชีวิตไว้ ดูสิ! มันใช่เหรอ?.. ฉันไม่เคยสัมผัสได้ถึงความมีเมตตา กรุณา ของยัยบ้านี่เลยสักครั้ง จะมีแต่ก็รังสีอำมหิตนี่แหละที่ฉันสัมผัสได้และได้มากขึ้นทุกวัน
“ยุ่งอะไรด้วย.” สายตาคมฉันมองแบบจิกกัดไปที่ยัยนั่นทันทีโดยปราศจากซึ่งความเรงกลัวใดๆ
“ดูแต่งตัวเข้าสิ..เด็กใจแตกไม่มีผิด กลับบ้านเกือบเช้า ขอบตาดำปี๋ขนาดนี้เล่นยามารึเปล่าก็ไม่รู้” รอยยิ้มเหยียดร้ายกับคำพูดที่ดูถูกนั่นมันทำให้ฉันเดือดดาลอย่างถึงที่สุด
แต่อย่างไรในตอนนี้ความเหนื่อยล้ามันมีมากกว่าที่จะลงมือทำร้ายกันโต้งๆ ฉันจึงกรอกตามองขึ้นบนอย่างเบื่อหน่าย ไม่มีวันไหนสินะ!ที่จะได้ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ต้องมานั่งเถียงกับคนแบบนี้
“เอาเวลาไปดูลูกตัวเองให้ดีเถอะ ป้า กา-ละ-กิ-ณี” ฉันเน้นย้ำคำสุดท้ายอย่างจงใจสร้างความเดือดดาลให้อีกฝ่ายบ้าง
..และแน่นอนว่ามันได้ผล...
ยัยป้านี่กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ อยู่กับที่อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับเด็กเหลือขออย่างฉันดี ปากน่าเกลียดของแกก็สั่นระริกราวกับต้องการพ่นคำด่าหยาบคายสารพัดใส่หน้าฉัน แต่คงไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาต่อว่าดี..จึงได้แต่เก็บอารมณ์เดือดจนหน้าแดงก่ำ
“อ่อ.ช่วยเตือนน้องโส-เพ-ณี ด้วยนะคะ ว่าอย่าทำตัวต่ำเกินเด็กมากนัก มันเสียหายมาถึงฉัน!” ฉันจงใจเน้นชื่อลูกสาวยัยป้าแก่นี่อีกรอบและพูดเรื่องจริงที่ฉันเพิ่งได้ยินมาสดๆ ร้อนๆ ก่อนเลิกงานนี่เอง
เด็กนรกนั่น! ฉันหมายถึง ‘โสพรรณณี’ น่ะ เป็นลูกสาวสุดที่รักของป้าแก่นี่..นางพยายามจะดันให้ยัยนี่เป็นน้องสาวของฉันอีกคน และเรียกร้องสิทธิ์ต่าง ๆ ได้อย่างทัดเทียมฉันกับน้องสาว
อันที่จริงไม่ใช่คิดจะดันลูกสาวเพียงอย่างเดียวหรอก หึ!! นางพยายามล้างสมองฉันกับน้องสาวมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ให้ยอมรับในฐานะภรรยาของแดดดี้ฉันอีกคน
และตอบเลยว่าฉันไม่ยอมรับยัยกาลกิณีนี่!!!
ทั้งเกลียดและขยะแขยงเข้าไส้ขนาดนี้..ทำใจไม่ได้หรอกนะ รู้ไว้เลย ต่อให้ฉันต้องบาปหนาเพราะ..ฆ่ายัยนี่แล้วต้องตกนรกขุมที่เลวร้ายที่สุดฉันก็ยอม ดีกว่าให้มาอยู่ขัดหูขัดตาในฐานะ ‘แม่อีกคน’ แค่นี้ฉันก็ปวดประสาทพอแล้ว
เพี๊ยะ!!!!!!
เพราะไม่รู้ว่าจะตอบโต้ฉันอย่างไรดีถึงจะสาสมล่ะมั้ง ยัยกาลณีจึงได้ตวัดมือหนาหยาบกร้านลงบนใบหน้าของฉันอย่างเต็มแรง
เพี๊ยะ!!!!!!!!!!!!!
แน่นอนว่าจะไม่มีการได้ตบฉันเป็นครั้งที่สองหรอก..เพราะครั้งนี้เป็นฉันเองที่ตวัดมือลงไปบนหน้ายัยนั่น แม้มือฉันจะเล็กกว่ามากแต่คิดว่าน้ำหนักที่จัดหนักลงไปมันคงไม่น้อยไปกว่ากัน มิหนำซ้ำมันก็น่าจะหนักหนาเอาการอยู่ ไม่อย่างนั้นยัยนั่นคงไม่เซถลาและล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นหรอก
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“บ้าเอ้ย!!”
ฉันต้องสบถออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ยัยนี่ส่งเสียงกรีดร้องแสบหุชะมัด ไม่รู้ว่าโดนตบไปทีเดียวผีออกจากร่างเลยหรือไง รู้งี้ตบไปนานแล้วนะ.. จะได้ไม่ต้องตามจิกกัดฉันตลอดเวลา
“ยัยโซ่ตรวณ.”
การณีเรียกชื่อเล่นฉันรอดไรฟัน ก่อนจะลุกขึ้นมาจากพื้นหินอ่อนของตัวบ้านด้วยท่าทางบ้าดีเดือดสุดพลัง และพุ่งตรงมายังฉันทันที
แต่การกระทำอย่างนั้นบอกเลยว่ามันจิ๊บมากสำหรับการรับมือ นี่เรียกว่าขั้นพื้นฐานได้เลย และอีกอย่างนางกำลังทำผิดร้ายแรงกับฉันโดยไม่รู้เลยว่าโทษของมันคือ
“โอ๊ยยยยยยย” เสียงกาลณีร้องโอญครวญ
ฉันกระชากคอย่นยานของยัยนั่นไว้ด้วยมือเดียวทันทีและมันก็ทันเวลาก่อนที่ยัยนั่นจะตบฉันอีกรอบ
“ฉันไม่อนุญาตให้เรียกชื่อเล่น รู้ไว้ซะด้วย”
ฉันตะโกนใส่หน้าอย่างบ้าดีเดือดไม่แพ้กัน ก่อนจะใช้ปลายเล็บแหลมคมของมืออีกข้างข่วนเข้าที่ใบหน้าอย่างไม่ใยดี และไม่ใช่การข่วนแค่ครั้งเดียวแน่!!
ฉันทำแบบนี้จนกว่าจะสาแก่ใจและสาสมกับโทษทัณฑ์ที่มันควรได้รับ ไม่เพียงแค่นั้นฉันเป็นพวกชอบเห็นความย่อยยับของศัตรูซะด้วยสิ ยิ่งเห็นมันทรมานมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งได้ใจและสะใจมากเท่านั้น มือของฉันที่บีบคอยัยนั่นมันเลยยิ่งเพิ่มพลังรัดแน่นกว่าเก่ามากขึ้นทุกที
“ทำไมทำหน้าเหมือนจะตายล่ะ” ฉันยิ้มเหยียดดูถูกด้วยสายตาคมกริบไม่ปิดบัง
มืออีกข้างก็ทำหน้าที่ลงโทษด้วยการข่วนอีกชุดใหญ่ จนใบหน้าหย่อนยานมีเลือดซิบออกมากอย่างเห็นได้ชัด มันน่าเสียดายตรงที่น่าจะมีเกลือยู่ใกล้ ๆ บริเวณนี้ ฉันจะได้เอามาทาบนหน้ายัยนี่และจัดหนักด้วยการข่วนชุดใหญ่ ก่อนจะตบล้างน้ำอีกสามที
“ฉันชื่อ คาร์ลิปโซ่..โปรดรับรู้ไว้ซะด้วย” ฉันข่มขู่ด้วยตาที่ถลึงออกมาแทบจะนอกเบ้า มือที่บีบคอก็ออกแรงหนักด้วยความโกรธแค้น
ขอบอกไว้ตรงนี้ว่าฉันไม่ใช่ชนเผ่าชั้นต่ำเหมือนยัยนี่ ฉันไม่อนุญาตให้ใครเรียกชื่อเล่นฉันถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว เพราะมันแสดงถึงการลามปลาม ไม่ให้เกกียรติและการรวมเป็นพวกเดียวกันอย่างน่ารังเกียจที่สุด
และสาบานได้ว่าการที่ยัยการณีเรียกชื่อเล่นฉันอย่างไม่มีเหตุผลแถมเติมคำลงท้ายได้ทุเรศเหมือนกำพืดของตัวเอง การที่เจ็บตัวแค่นี้ถือว่าเป็นการสั่งสอนขั้นพื้นฐานได้ฉันได้ร่ำเรียนมายังไม่ได้เศษหนึ่งส่วนสี่ของบทแรกด้วยซ้ำนะ
“รู้มั๊ย?!” ฉันขู่อีกรอบพร้อมเพิ่มแรงบีบระดับแปดเพราะต้องการคำตอบ
“ไม่!!” การณียังตอบเสียงดังฟังชัด จนฉันคิดว่าการทำร้ายร่างกายแค่นี้คงยังไม่สาแก่ใจเธอเท่าไหร่
ฉันจึงปล่อยร่างอวบอ้วนโยนลงพื้นอย่างไม่ใส่ใจว่าจะเจ็บหรือเปล่า ก่อนจะเริ่มมองหาอุปกรณ์ที่น่าจะทำเป็นบทลงโทษได้ในบริเวณนี้
เหมือนพระเจ้าเข้าข้าง..ฉันเจอเชือก!!
เชือกในลอนเส้นยาวและหนาพอสมควร ฉันรีบวิ่งไปหยิบด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวว่ายัยนั่นจะหยัดตัวลุกขึ้นและหนีไปซะก่อน
เมื่อได้เชือกแล้วฉันจึงไม่รอช้า รีบวิ่งกลับมาหาเป้าหมายด้วยความอาฆาตสุดขีดและรีบขมวดปมให้เป็นบ่วงที่จะพอสวมหัวยัยนี่ได้ทันที
การณีมองหน้าฉันด้วยความหวาดกลัวและคงไม่คิดว่าฉันจะโหดร้ายและป่าเถือนได้ขนาดนี้แน่ จึงพยายามหาทางดิ้นรนทั้งที่ไม่มีแรงแม้แต่จะคลานก็ตาม
ฉันรีบเร่งมือตัวเองผูกปมอะไรสักอย่างซึ่งฉันจำชื่อไม่ได้ แต่รู้ว่ามันสามารถใช้เงื่อนนี้สำหรับคนที่ตกน้ำและไม่มีแรงให้พ้นจากอันตรายได้ เพราะเพียงแค่คนที่กำลังตกน้ำเกาะห่วงนี้..เงื่อนก้จะทำหน้าทีของมันอย่างอัตโนมัติ ยิ่งคนบนฝั่งออกแรงดึงมากเท่าไหร่ เงือ่นก็จะรัดคนที่ตกน้ำแน่นมากขึ้นเท่านั้น และเราก็จะสามารถช่วยคนนั้นได้อย่างปลอดภัยและประหยัดแรงกายอีกด้วย
แต่เรื่องมีศีลธรรมแบบนั้นช่างมันเถอะ!
ตอนนี้ฉันกำลังจะใช้เงื่อนนี้ฆ่ายัยการณีผู้ไม่ใช่ญาติโกโหติกาอะไรกับฉันเลย ฉันรีบนึกวิธีการขมวดปมด้วยสมองอันชาญฉลาด หลังจากที่แก้มาแล้วสองรอบและยัยนั่นก็เริ่มมีแรงที่จะหนีแล้ว
สำเร็จ!
ฉันยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจในผลงานตัวเองที่พยายามผูกเงื่อนที่ว่าจนสำเร็จและไม่รอช้าที่จะเอาไปสวมหัวยัยนั่นและออกแรงดึงทันที
อั่ก.!!!
“โอ๊ยยยยยย” กาลณีกรีดร้องอีกรอบด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดกว่าเดิมหลายเท่า
“เรียกฉันว่า..คาร์ลิปโซ่เดี๋ยวนี้ !”
ฉันสั่งเด็ดขาดพร้อมออกแรงดึงเชือกจนตึง ยิ้มเยาะเย้ยหยันกับสภาพน่าสมเพชของป้าแก่ๆ คนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มีปลอกคอเป็นของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่จริงมันน่าจะเป็นภาพที่น่ารักนะ..เพราะมันคล้ายกับว่าฉันกำลังจะจูงสุนัขสักตัวไปเดินเล่นน่าบ้าน
แต่..ยัยกาลณีมันเดรฉานกว่านั้น!!!
มือสองข้างที่เหี่ยวย่นเริ่มพยายามเกาะกุมคอของตัวเองและพยายามแก้ปมอย่างสุดแรงเท่าที่จะทำได้ ฉันยิ้มให้กับความพยายามเหล่านั้นอย่างชื่นชม..แต่มือก็ยังคอกระตุกเชือกแรงๆ เป็นระยะ
“คุณ..คาร์ลิปโซ่ เรียกสิ! เรียกกกก!!!”
ฉันออกคำสั่งและแผดเสียงดังกว่าเดิม คาดว่าอีกไม่เกินสามนาทีแม่และแซนดร้า เอ่อ..น้องสาวของฉันน่ะ คงจะต้องรีบวิ่งลงมาดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นแน่
แต่จนแล้วจนรอดยัยบ้านี่ก็ไม่ยอมเอ่ยปากเรียกฉันอย่างที่ฉันอยากได้ยินซะที เอ๊ะ!..หรือว่าเชือกที่รัดคอนั่นมันจะแน่นจนทำให้ขยับปากไม่ได้กัน
ใบหน้าของกาลณีที่ก่อนหน้านี้มันเคยแดงก่ำเพราะเลือดคลั่งหรือเปล่าไม่รู้ แต่ปัจจุบันมันเริ่มกลายเป็นสีเขียวคล้ำอย่างน่ากลัว คาดว่าน่าจะเป็นการขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน เดี๋ยวก่อน..นังนี่ไม่ตายหรอก!!! อึดกว่าที่ทุกคนคิดไว้เยอะ..
“พี่โซ่ / ยัยโซ่”
เสียงแซนดร้าและแม่ของฉันดังขึ้นพร้อมกันราวกับว่าตกใจกัยสิ่งที่เกิดขึ้นนักหนา ก่อนยัยแซนดร้าจะรีบวิ่งลงบันไดและวิ่งมาหาฉันอย่างรวดเร็ว
“พี่โซ่หยุดเดี๋ยวนี้นะ พี่ทำอย่างนี้กับป้ากาลณีได้ยังไง”
“แล้วทียัยนี่ทำกับฉันล่ะ”
ฉันหันไปเถียงแซนดร้าทันทีและหลบไม้หลบมือของแซนดร้าที่พยายามจะแย่งเชือกในมือของฉันอย่าบ้าคลั่ง
เธอมันประเภทโลกสวยน่ะ..ภาพที่เห็นคงเป็นภาพที่กระทบกระเทือนจิตใจไม่น้อย เพราะมันดูค่อนข้างคล้ายหนังฆาตกรรมโรคจิตที่ฆาตกรเลือดเย็นกลายเป็นพี่สาวของเธอเอง ส่วนเหยื่อที่น่าสงสารกลับเป็นยัยป้ามหาภัยที่กำลังจะหมดลมตายนี่
ยิ่งยัยน้องสาวของฉันแย่งเชือกจากมือฉันมากเท่าไหร่ การหลบหลีกที่ดูมีทักษะของฉันมันก็สร้างความเจ็บปวดให้กาลณีมากเท่านั้น ถือว่าแซนดร้าคือหนึ่งในตัวช่วยของการทรมานครั้งนี้ล่ะกัน จะได้จบๆ ไป..
“ยัยโซ่หยุดเดี๋ยวนี้!”
แม่ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นานเดินมาอย่างเชื่องช้าและดูมีอำนาจเป็นบ้า หน้านิ่งราวกับว่าเธอต้องการจะต่อว่าต่
You're Beautiful Bad สวย เลว ร้าย อันตรายต่อหัวใจ
สวย เลว ร้าย อันตรายต่อหัวใจ
ผู้ปฏิเสธความตาย VS ผู้รอดพ้นจากความตาย
...I’m Karlipzo..
โปรดจำไว้ว่าฉันชื่อ ’คาร์ลิปโซ่’
ฉันเดินเข้าบ้านในสภาพที่เหนื่อยล้าเกินบรรยาย ร่างกายทรุดโทรมอย่างหนักหน่วงทำให้ฉันมีสภาพที่ไม่ต่างจากซอมบี้มากนัก ขอบตาที่ดำคล้ำมันดูน่าเกลียดและไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงที่ปาร์ตี้อย่างสุดเหวี่ยงทุกค่ำคืนหรือมั่วยาเสพติดตามประสาเด็กวันรุ่น แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นมันไม่ใช่ฉันไง !
ฉันเป็นนางแบบโฆษณาชื่อดังที่กำลังน่าจับตามองอย่างยิ่งในศตวรรษนี้นะ!.. ไม่ได้อยากจะอวดหรือว่าชมตัวเองว่าดีเด่นอะไรมากหรอก เพียงแต่พระเจ้าค่อนข้างรักฉันมากเลยประทานรูปร่างหน้าตาสุดเพอร์เฟ็กมาให้ จนหลายคนต้องอิจฉาต่ร้อนไปตาม ๆ กัน
รูปร่างที่ได้สัดส่วนแม้ว่าตอนนี้มันอาจจะดูผอมไปกว่าเดิมมากจนกระดูกไหปลาร้าของฉันเริ่มเด่นชัด แต่ทรวดทรงที่บ่งบอกความเป็นผู้หญิงนั้นมันไม่ได้ลดลงสักนิดเดียว อ่อ.ฉันหมายถึงหน้าอกหน้าใจอันกลมกลึงที่มีขนาดพอเหมาะกับตัวของฉัน ไม่ได้เล็กหรือใหญ่เกินไปและนั่นมันทำให้ฉันกลายเป็นสาวเซ็กซี่ขยี้ใจชายได้ไม่ยาก
และด้วยบุคลิกลักษณะที่ไม่ใช่สาวหวานตามแบบโบราณปั้นมา ออกจะห้าว เถื่อน และดิบเกินไปด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ได้รับความนิยมชมชอบไม่เคยตกนะ เพียงแต่ว่าไม่ใช่ผู้ชายไทยเท่านั้นเอง ส่วนใหญ่จะเป็นหนุ่มสุดฮอตที่เป็นลูกครึ่งและคนต่างชาติโดยตรง
“เหลวแหลกไม่เปลี่ยนแปลง เด็กใจแตกก็แบบนี้แหละนะ”
นี่มันก็ปาเข้าไปตีห้ากว่าแล้วและฉันยังไม่ได้นอน เพิ่งไปถ่ายโฆษณาเครื่องสำอางตัวใหม่และกว่าจะถ่ายเสร็จก็ตีสี่เกือบตีห้า ช่างเป็นการทำงานที่มาราธอนจริงๆ แถมกลับมาก็เจอตัวสาระแนอีก
ฉันตวัดตาคมไปที่เสียงกระแนะกระแหนนั่นทันทีและไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่จงใจพูดยั่วโมโหฉันแต่เช้านั่นเป็นใคร !
‘กาลณี’ ยัยนั่นชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตฉันไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่จำความได้ฉันไม่เคยถูกชะตากับยัยป้านี่เลย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแดดดี้ของฉันเกิดใจดีอะไรขึ้นมาถึงได้รับคนแบบนี้เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย
เชื่อมั๊ย? ฉันเคยถามแดดดี้เกี่ยวกับเรื่องนี้เกือบร้อยรอบได้ แต่คำตอบที่ได้มันกลับเป็นคำตอบเดิมๆ ที่มันช่างขัดใจและขัดหูขัดตาฉันเป็นที่สุด
แดดดี้ให้เหตุผลฉันว่ายัยกาลณีเคยช่วยชีวิตไว้ ดูสิ! มันใช่เหรอ?.. ฉันไม่เคยสัมผัสได้ถึงความมีเมตตา กรุณา ของยัยบ้านี่เลยสักครั้ง จะมีแต่ก็รังสีอำมหิตนี่แหละที่ฉันสัมผัสได้และได้มากขึ้นทุกวัน
“ยุ่งอะไรด้วย.” สายตาคมฉันมองแบบจิกกัดไปที่ยัยนั่นทันทีโดยปราศจากซึ่งความเรงกลัวใดๆ
“ดูแต่งตัวเข้าสิ..เด็กใจแตกไม่มีผิด กลับบ้านเกือบเช้า ขอบตาดำปี๋ขนาดนี้เล่นยามารึเปล่าก็ไม่รู้” รอยยิ้มเหยียดร้ายกับคำพูดที่ดูถูกนั่นมันทำให้ฉันเดือดดาลอย่างถึงที่สุด
แต่อย่างไรในตอนนี้ความเหนื่อยล้ามันมีมากกว่าที่จะลงมือทำร้ายกันโต้งๆ ฉันจึงกรอกตามองขึ้นบนอย่างเบื่อหน่าย ไม่มีวันไหนสินะ!ที่จะได้ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ต้องมานั่งเถียงกับคนแบบนี้
“เอาเวลาไปดูลูกตัวเองให้ดีเถอะ ป้า กา-ละ-กิ-ณี” ฉันเน้นย้ำคำสุดท้ายอย่างจงใจสร้างความเดือดดาลให้อีกฝ่ายบ้าง
..และแน่นอนว่ามันได้ผล...
ยัยป้านี่กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ อยู่กับที่อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับเด็กเหลือขออย่างฉันดี ปากน่าเกลียดของแกก็สั่นระริกราวกับต้องการพ่นคำด่าหยาบคายสารพัดใส่หน้าฉัน แต่คงไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาต่อว่าดี..จึงได้แต่เก็บอารมณ์เดือดจนหน้าแดงก่ำ
“อ่อ.ช่วยเตือนน้องโส-เพ-ณี ด้วยนะคะ ว่าอย่าทำตัวต่ำเกินเด็กมากนัก มันเสียหายมาถึงฉัน!” ฉันจงใจเน้นชื่อลูกสาวยัยป้าแก่นี่อีกรอบและพูดเรื่องจริงที่ฉันเพิ่งได้ยินมาสดๆ ร้อนๆ ก่อนเลิกงานนี่เอง
เด็กนรกนั่น! ฉันหมายถึง ‘โสพรรณณี’ น่ะ เป็นลูกสาวสุดที่รักของป้าแก่นี่..นางพยายามจะดันให้ยัยนี่เป็นน้องสาวของฉันอีกคน และเรียกร้องสิทธิ์ต่าง ๆ ได้อย่างทัดเทียมฉันกับน้องสาว
อันที่จริงไม่ใช่คิดจะดันลูกสาวเพียงอย่างเดียวหรอก หึ!! นางพยายามล้างสมองฉันกับน้องสาวมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ให้ยอมรับในฐานะภรรยาของแดดดี้ฉันอีกคน
และตอบเลยว่าฉันไม่ยอมรับยัยกาลกิณีนี่!!!
ทั้งเกลียดและขยะแขยงเข้าไส้ขนาดนี้..ทำใจไม่ได้หรอกนะ รู้ไว้เลย ต่อให้ฉันต้องบาปหนาเพราะ..ฆ่ายัยนี่แล้วต้องตกนรกขุมที่เลวร้ายที่สุดฉันก็ยอม ดีกว่าให้มาอยู่ขัดหูขัดตาในฐานะ ‘แม่อีกคน’ แค่นี้ฉันก็ปวดประสาทพอแล้ว
เพี๊ยะ!!!!!!
เพราะไม่รู้ว่าจะตอบโต้ฉันอย่างไรดีถึงจะสาสมล่ะมั้ง ยัยกาลณีจึงได้ตวัดมือหนาหยาบกร้านลงบนใบหน้าของฉันอย่างเต็มแรง
เพี๊ยะ!!!!!!!!!!!!!
แน่นอนว่าจะไม่มีการได้ตบฉันเป็นครั้งที่สองหรอก..เพราะครั้งนี้เป็นฉันเองที่ตวัดมือลงไปบนหน้ายัยนั่น แม้มือฉันจะเล็กกว่ามากแต่คิดว่าน้ำหนักที่จัดหนักลงไปมันคงไม่น้อยไปกว่ากัน มิหนำซ้ำมันก็น่าจะหนักหนาเอาการอยู่ ไม่อย่างนั้นยัยนั่นคงไม่เซถลาและล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นหรอก
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“บ้าเอ้ย!!”
ฉันต้องสบถออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ยัยนี่ส่งเสียงกรีดร้องแสบหุชะมัด ไม่รู้ว่าโดนตบไปทีเดียวผีออกจากร่างเลยหรือไง รู้งี้ตบไปนานแล้วนะ.. จะได้ไม่ต้องตามจิกกัดฉันตลอดเวลา
“ยัยโซ่ตรวณ.”
การณีเรียกชื่อเล่นฉันรอดไรฟัน ก่อนจะลุกขึ้นมาจากพื้นหินอ่อนของตัวบ้านด้วยท่าทางบ้าดีเดือดสุดพลัง และพุ่งตรงมายังฉันทันที
แต่การกระทำอย่างนั้นบอกเลยว่ามันจิ๊บมากสำหรับการรับมือ นี่เรียกว่าขั้นพื้นฐานได้เลย และอีกอย่างนางกำลังทำผิดร้ายแรงกับฉันโดยไม่รู้เลยว่าโทษของมันคือ
“โอ๊ยยยยยยย” เสียงกาลณีร้องโอญครวญ
ฉันกระชากคอย่นยานของยัยนั่นไว้ด้วยมือเดียวทันทีและมันก็ทันเวลาก่อนที่ยัยนั่นจะตบฉันอีกรอบ
“ฉันไม่อนุญาตให้เรียกชื่อเล่น รู้ไว้ซะด้วย”
ฉันตะโกนใส่หน้าอย่างบ้าดีเดือดไม่แพ้กัน ก่อนจะใช้ปลายเล็บแหลมคมของมืออีกข้างข่วนเข้าที่ใบหน้าอย่างไม่ใยดี และไม่ใช่การข่วนแค่ครั้งเดียวแน่!!
ฉันทำแบบนี้จนกว่าจะสาแก่ใจและสาสมกับโทษทัณฑ์ที่มันควรได้รับ ไม่เพียงแค่นั้นฉันเป็นพวกชอบเห็นความย่อยยับของศัตรูซะด้วยสิ ยิ่งเห็นมันทรมานมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งได้ใจและสะใจมากเท่านั้น มือของฉันที่บีบคอยัยนั่นมันเลยยิ่งเพิ่มพลังรัดแน่นกว่าเก่ามากขึ้นทุกที
“ทำไมทำหน้าเหมือนจะตายล่ะ” ฉันยิ้มเหยียดดูถูกด้วยสายตาคมกริบไม่ปิดบัง
มืออีกข้างก็ทำหน้าที่ลงโทษด้วยการข่วนอีกชุดใหญ่ จนใบหน้าหย่อนยานมีเลือดซิบออกมากอย่างเห็นได้ชัด มันน่าเสียดายตรงที่น่าจะมีเกลือยู่ใกล้ ๆ บริเวณนี้ ฉันจะได้เอามาทาบนหน้ายัยนี่และจัดหนักด้วยการข่วนชุดใหญ่ ก่อนจะตบล้างน้ำอีกสามที
“ฉันชื่อ คาร์ลิปโซ่..โปรดรับรู้ไว้ซะด้วย” ฉันข่มขู่ด้วยตาที่ถลึงออกมาแทบจะนอกเบ้า มือที่บีบคอก็ออกแรงหนักด้วยความโกรธแค้น
ขอบอกไว้ตรงนี้ว่าฉันไม่ใช่ชนเผ่าชั้นต่ำเหมือนยัยนี่ ฉันไม่อนุญาตให้ใครเรียกชื่อเล่นฉันถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว เพราะมันแสดงถึงการลามปลาม ไม่ให้เกกียรติและการรวมเป็นพวกเดียวกันอย่างน่ารังเกียจที่สุด
และสาบานได้ว่าการที่ยัยการณีเรียกชื่อเล่นฉันอย่างไม่มีเหตุผลแถมเติมคำลงท้ายได้ทุเรศเหมือนกำพืดของตัวเอง การที่เจ็บตัวแค่นี้ถือว่าเป็นการสั่งสอนขั้นพื้นฐานได้ฉันได้ร่ำเรียนมายังไม่ได้เศษหนึ่งส่วนสี่ของบทแรกด้วยซ้ำนะ
“รู้มั๊ย?!” ฉันขู่อีกรอบพร้อมเพิ่มแรงบีบระดับแปดเพราะต้องการคำตอบ
“ไม่!!” การณียังตอบเสียงดังฟังชัด จนฉันคิดว่าการทำร้ายร่างกายแค่นี้คงยังไม่สาแก่ใจเธอเท่าไหร่
ฉันจึงปล่อยร่างอวบอ้วนโยนลงพื้นอย่างไม่ใส่ใจว่าจะเจ็บหรือเปล่า ก่อนจะเริ่มมองหาอุปกรณ์ที่น่าจะทำเป็นบทลงโทษได้ในบริเวณนี้
เหมือนพระเจ้าเข้าข้าง..ฉันเจอเชือก!!
เชือกในลอนเส้นยาวและหนาพอสมควร ฉันรีบวิ่งไปหยิบด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวว่ายัยนั่นจะหยัดตัวลุกขึ้นและหนีไปซะก่อน
เมื่อได้เชือกแล้วฉันจึงไม่รอช้า รีบวิ่งกลับมาหาเป้าหมายด้วยความอาฆาตสุดขีดและรีบขมวดปมให้เป็นบ่วงที่จะพอสวมหัวยัยนี่ได้ทันที
การณีมองหน้าฉันด้วยความหวาดกลัวและคงไม่คิดว่าฉันจะโหดร้ายและป่าเถือนได้ขนาดนี้แน่ จึงพยายามหาทางดิ้นรนทั้งที่ไม่มีแรงแม้แต่จะคลานก็ตาม
ฉันรีบเร่งมือตัวเองผูกปมอะไรสักอย่างซึ่งฉันจำชื่อไม่ได้ แต่รู้ว่ามันสามารถใช้เงื่อนนี้สำหรับคนที่ตกน้ำและไม่มีแรงให้พ้นจากอันตรายได้ เพราะเพียงแค่คนที่กำลังตกน้ำเกาะห่วงนี้..เงื่อนก้จะทำหน้าทีของมันอย่างอัตโนมัติ ยิ่งคนบนฝั่งออกแรงดึงมากเท่าไหร่ เงือ่นก็จะรัดคนที่ตกน้ำแน่นมากขึ้นเท่านั้น และเราก็จะสามารถช่วยคนนั้นได้อย่างปลอดภัยและประหยัดแรงกายอีกด้วย
แต่เรื่องมีศีลธรรมแบบนั้นช่างมันเถอะ!
ตอนนี้ฉันกำลังจะใช้เงื่อนนี้ฆ่ายัยการณีผู้ไม่ใช่ญาติโกโหติกาอะไรกับฉันเลย ฉันรีบนึกวิธีการขมวดปมด้วยสมองอันชาญฉลาด หลังจากที่แก้มาแล้วสองรอบและยัยนั่นก็เริ่มมีแรงที่จะหนีแล้ว
สำเร็จ!
ฉันยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจในผลงานตัวเองที่พยายามผูกเงื่อนที่ว่าจนสำเร็จและไม่รอช้าที่จะเอาไปสวมหัวยัยนั่นและออกแรงดึงทันที
อั่ก.!!!
“โอ๊ยยยยยย” กาลณีกรีดร้องอีกรอบด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดกว่าเดิมหลายเท่า
“เรียกฉันว่า..คาร์ลิปโซ่เดี๋ยวนี้ !”
ฉันสั่งเด็ดขาดพร้อมออกแรงดึงเชือกจนตึง ยิ้มเยาะเย้ยหยันกับสภาพน่าสมเพชของป้าแก่ๆ คนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มีปลอกคอเป็นของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่จริงมันน่าจะเป็นภาพที่น่ารักนะ..เพราะมันคล้ายกับว่าฉันกำลังจะจูงสุนัขสักตัวไปเดินเล่นน่าบ้าน
แต่..ยัยกาลณีมันเดรฉานกว่านั้น!!!
มือสองข้างที่เหี่ยวย่นเริ่มพยายามเกาะกุมคอของตัวเองและพยายามแก้ปมอย่างสุดแรงเท่าที่จะทำได้ ฉันยิ้มให้กับความพยายามเหล่านั้นอย่างชื่นชม..แต่มือก็ยังคอกระตุกเชือกแรงๆ เป็นระยะ
“คุณ..คาร์ลิปโซ่ เรียกสิ! เรียกกกก!!!”
ฉันออกคำสั่งและแผดเสียงดังกว่าเดิม คาดว่าอีกไม่เกินสามนาทีแม่และแซนดร้า เอ่อ..น้องสาวของฉันน่ะ คงจะต้องรีบวิ่งลงมาดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นแน่
แต่จนแล้วจนรอดยัยบ้านี่ก็ไม่ยอมเอ่ยปากเรียกฉันอย่างที่ฉันอยากได้ยินซะที เอ๊ะ!..หรือว่าเชือกที่รัดคอนั่นมันจะแน่นจนทำให้ขยับปากไม่ได้กัน
ใบหน้าของกาลณีที่ก่อนหน้านี้มันเคยแดงก่ำเพราะเลือดคลั่งหรือเปล่าไม่รู้ แต่ปัจจุบันมันเริ่มกลายเป็นสีเขียวคล้ำอย่างน่ากลัว คาดว่าน่าจะเป็นการขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน เดี๋ยวก่อน..นังนี่ไม่ตายหรอก!!! อึดกว่าที่ทุกคนคิดไว้เยอะ..
“พี่โซ่ / ยัยโซ่”
เสียงแซนดร้าและแม่ของฉันดังขึ้นพร้อมกันราวกับว่าตกใจกัยสิ่งที่เกิดขึ้นนักหนา ก่อนยัยแซนดร้าจะรีบวิ่งลงบันไดและวิ่งมาหาฉันอย่างรวดเร็ว
“พี่โซ่หยุดเดี๋ยวนี้นะ พี่ทำอย่างนี้กับป้ากาลณีได้ยังไง”
“แล้วทียัยนี่ทำกับฉันล่ะ”
ฉันหันไปเถียงแซนดร้าทันทีและหลบไม้หลบมือของแซนดร้าที่พยายามจะแย่งเชือกในมือของฉันอย่าบ้าคลั่ง
เธอมันประเภทโลกสวยน่ะ..ภาพที่เห็นคงเป็นภาพที่กระทบกระเทือนจิตใจไม่น้อย เพราะมันดูค่อนข้างคล้ายหนังฆาตกรรมโรคจิตที่ฆาตกรเลือดเย็นกลายเป็นพี่สาวของเธอเอง ส่วนเหยื่อที่น่าสงสารกลับเป็นยัยป้ามหาภัยที่กำลังจะหมดลมตายนี่
ยิ่งยัยน้องสาวของฉันแย่งเชือกจากมือฉันมากเท่าไหร่ การหลบหลีกที่ดูมีทักษะของฉันมันก็สร้างความเจ็บปวดให้กาลณีมากเท่านั้น ถือว่าแซนดร้าคือหนึ่งในตัวช่วยของการทรมานครั้งนี้ล่ะกัน จะได้จบๆ ไป..
“ยัยโซ่หยุดเดี๋ยวนี้!”
แม่ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นานเดินมาอย่างเชื่องช้าและดูมีอำนาจเป็นบ้า หน้านิ่งราวกับว่าเธอต้องการจะต่อว่าต่