You're Beautiful Bad สวย เลว ร้าย อันตรายต่อหัวใจ

YOU’RE BEAUTIFUL BAD

สวย เลว ร้าย  อันตรายต่อหัวใจ






อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08

ถ้าเป็นคุณจะเลือกอะไรดีล่ะ?
ผู้ปฏิเสธความตาย VS ผู้รอดพ้นจากความตาย

นานาเรียนนานาเรียนนานาเรียนนานาเรียนนานาเรียน


CHAPTER 1
...I’m Karlipzo..


โปรดจำไว้ว่าฉันชื่อ ’คาร์ลิปโซ่’





  ฉันเดินเข้าบ้านในสภาพที่เหนื่อยล้าเกินบรรยาย  ร่างกายทรุดโทรมอย่างหนักหน่วงทำให้ฉันมีสภาพที่ไม่ต่างจากซอมบี้มากนัก  ขอบตาที่ดำคล้ำมันดูน่าเกลียดและไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงที่ปาร์ตี้อย่างสุดเหวี่ยงทุกค่ำคืนหรือมั่วยาเสพติดตามประสาเด็กวันรุ่น  แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นมันไม่ใช่ฉันไง !



ฉันเป็นนางแบบโฆษณาชื่อดังที่กำลังน่าจับตามองอย่างยิ่งในศตวรรษนี้นะ!..  ไม่ได้อยากจะอวดหรือว่าชมตัวเองว่าดีเด่นอะไรมากหรอก  เพียงแต่พระเจ้าค่อนข้างรักฉันมากเลยประทานรูปร่างหน้าตาสุดเพอร์เฟ็กมาให้  จนหลายคนต้องอิจฉาต่ร้อนไปตาม ๆ กัน



รูปร่างที่ได้สัดส่วนแม้ว่าตอนนี้มันอาจจะดูผอมไปกว่าเดิมมากจนกระดูกไหปลาร้าของฉันเริ่มเด่นชัด  แต่ทรวดทรงที่บ่งบอกความเป็นผู้หญิงนั้นมันไม่ได้ลดลงสักนิดเดียว  อ่อ.ฉันหมายถึงหน้าอกหน้าใจอันกลมกลึงที่มีขนาดพอเหมาะกับตัวของฉัน  ไม่ได้เล็กหรือใหญ่เกินไปและนั่นมันทำให้ฉันกลายเป็นสาวเซ็กซี่ขยี้ใจชายได้ไม่ยาก



และด้วยบุคลิกลักษณะที่ไม่ใช่สาวหวานตามแบบโบราณปั้นมา  ออกจะห้าว  เถื่อน  และดิบเกินไปด้วยซ้ำ  แต่ฉันก็ได้รับความนิยมชมชอบไม่เคยตกนะ  เพียงแต่ว่าไม่ใช่ผู้ชายไทยเท่านั้นเอง  ส่วนใหญ่จะเป็นหนุ่มสุดฮอตที่เป็นลูกครึ่งและคนต่างชาติโดยตรง



“เหลวแหลกไม่เปลี่ยนแปลง  เด็กใจแตกก็แบบนี้แหละนะ”



นี่มันก็ปาเข้าไปตีห้ากว่าแล้วและฉันยังไม่ได้นอน  เพิ่งไปถ่ายโฆษณาเครื่องสำอางตัวใหม่และกว่าจะถ่ายเสร็จก็ตีสี่เกือบตีห้า ช่างเป็นการทำงานที่มาราธอนจริงๆ  แถมกลับมาก็เจอตัวสาระแนอีก



ฉันตวัดตาคมไปที่เสียงกระแนะกระแหนนั่นทันทีและไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่จงใจพูดยั่วโมโหฉันแต่เช้านั่นเป็นใคร !



‘กาลณี’   ยัยนั่นชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตฉันไม่หยุดหย่อน   ตั้งแต่จำความได้ฉันไม่เคยถูกชะตากับยัยป้านี่เลย  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแดดดี้ของฉันเกิดใจดีอะไรขึ้นมาถึงได้รับคนแบบนี้เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย



เชื่อมั๊ย?  ฉันเคยถามแดดดี้เกี่ยวกับเรื่องนี้เกือบร้อยรอบได้  แต่คำตอบที่ได้มันกลับเป็นคำตอบเดิมๆ  ที่มันช่างขัดใจและขัดหูขัดตาฉันเป็นที่สุด



แดดดี้ให้เหตุผลฉันว่ายัยกาลณีเคยช่วยชีวิตไว้  ดูสิ! มันใช่เหรอ?.. ฉันไม่เคยสัมผัสได้ถึงความมีเมตตา  กรุณา ของยัยบ้านี่เลยสักครั้ง   จะมีแต่ก็รังสีอำมหิตนี่แหละที่ฉันสัมผัสได้และได้มากขึ้นทุกวัน



“ยุ่งอะไรด้วย.” สายตาคมฉันมองแบบจิกกัดไปที่ยัยนั่นทันทีโดยปราศจากซึ่งความเรงกลัวใดๆ



“ดูแต่งตัวเข้าสิ..เด็กใจแตกไม่มีผิด  กลับบ้านเกือบเช้า  ขอบตาดำปี๋ขนาดนี้เล่นยามารึเปล่าก็ไม่รู้”  รอยยิ้มเหยียดร้ายกับคำพูดที่ดูถูกนั่นมันทำให้ฉันเดือดดาลอย่างถึงที่สุด



  แต่อย่างไรในตอนนี้ความเหนื่อยล้ามันมีมากกว่าที่จะลงมือทำร้ายกันโต้งๆ  ฉันจึงกรอกตามองขึ้นบนอย่างเบื่อหน่าย  ไม่มีวันไหนสินะ!ที่จะได้ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ต้องมานั่งเถียงกับคนแบบนี้



“เอาเวลาไปดูลูกตัวเองให้ดีเถอะ  ป้า กา-ละ-กิ-ณี”  ฉันเน้นย้ำคำสุดท้ายอย่างจงใจสร้างความเดือดดาลให้อีกฝ่ายบ้าง



..และแน่นอนว่ามันได้ผล...



ยัยป้านี่กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ อยู่กับที่อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับเด็กเหลือขออย่างฉันดี  ปากน่าเกลียดของแกก็สั่นระริกราวกับต้องการพ่นคำด่าหยาบคายสารพัดใส่หน้าฉัน  แต่คงไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาต่อว่าดี..จึงได้แต่เก็บอารมณ์เดือดจนหน้าแดงก่ำ



“อ่อ.ช่วยเตือนน้องโส-เพ-ณี  ด้วยนะคะ  ว่าอย่าทำตัวต่ำเกินเด็กมากนัก  มันเสียหายมาถึงฉัน!”  ฉันจงใจเน้นชื่อลูกสาวยัยป้าแก่นี่อีกรอบและพูดเรื่องจริงที่ฉันเพิ่งได้ยินมาสดๆ ร้อนๆ ก่อนเลิกงานนี่เอง



เด็กนรกนั่น! ฉันหมายถึง ‘โสพรรณณี’ น่ะ   เป็นลูกสาวสุดที่รักของป้าแก่นี่..นางพยายามจะดันให้ยัยนี่เป็นน้องสาวของฉันอีกคน  และเรียกร้องสิทธิ์ต่าง ๆ ได้อย่างทัดเทียมฉันกับน้องสาว



อันที่จริงไม่ใช่คิดจะดันลูกสาวเพียงอย่างเดียวหรอก  หึ!! นางพยายามล้างสมองฉันกับน้องสาวมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว   ให้ยอมรับในฐานะภรรยาของแดดดี้ฉันอีกคน



และตอบเลยว่าฉันไม่ยอมรับยัยกาลกิณีนี่!!!



ทั้งเกลียดและขยะแขยงเข้าไส้ขนาดนี้..ทำใจไม่ได้หรอกนะ  รู้ไว้เลย   ต่อให้ฉันต้องบาปหนาเพราะ..ฆ่ายัยนี่แล้วต้องตกนรกขุมที่เลวร้ายที่สุดฉันก็ยอม   ดีกว่าให้มาอยู่ขัดหูขัดตาในฐานะ   ‘แม่อีกคน’   แค่นี้ฉันก็ปวดประสาทพอแล้ว



เพี๊ยะ!!!!!!



เพราะไม่รู้ว่าจะตอบโต้ฉันอย่างไรดีถึงจะสาสมล่ะมั้ง  ยัยกาลณีจึงได้ตวัดมือหนาหยาบกร้านลงบนใบหน้าของฉันอย่างเต็มแรง



เพี๊ยะ!!!!!!!!!!!!!



แน่นอนว่าจะไม่มีการได้ตบฉันเป็นครั้งที่สองหรอก..เพราะครั้งนี้เป็นฉันเองที่ตวัดมือลงไปบนหน้ายัยนั่น  แม้มือฉันจะเล็กกว่ามากแต่คิดว่าน้ำหนักที่จัดหนักลงไปมันคงไม่น้อยไปกว่ากัน  มิหนำซ้ำมันก็น่าจะหนักหนาเอาการอยู่  ไม่อย่างนั้นยัยนั่นคงไม่เซถลาและล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นหรอก



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



“บ้าเอ้ย!!”



ฉันต้องสบถออกมาอย่างช่วยไม่ได้  ยัยนี่ส่งเสียงกรีดร้องแสบหุชะมัด  ไม่รู้ว่าโดนตบไปทีเดียวผีออกจากร่างเลยหรือไง  รู้งี้ตบไปนานแล้วนะ.. จะได้ไม่ต้องตามจิกกัดฉันตลอดเวลา



“ยัยโซ่ตรวณ.”



การณีเรียกชื่อเล่นฉันรอดไรฟัน  ก่อนจะลุกขึ้นมาจากพื้นหินอ่อนของตัวบ้านด้วยท่าทางบ้าดีเดือดสุดพลัง  และพุ่งตรงมายังฉันทันที



แต่การกระทำอย่างนั้นบอกเลยว่ามันจิ๊บมากสำหรับการรับมือ  นี่เรียกว่าขั้นพื้นฐานได้เลย   และอีกอย่างนางกำลังทำผิดร้ายแรงกับฉันโดยไม่รู้เลยว่าโทษของมันคือ



“โอ๊ยยยยยยย”  เสียงกาลณีร้องโอญครวญ



ฉันกระชากคอย่นยานของยัยนั่นไว้ด้วยมือเดียวทันทีและมันก็ทันเวลาก่อนที่ยัยนั่นจะตบฉันอีกรอบ



“ฉันไม่อนุญาตให้เรียกชื่อเล่น  รู้ไว้ซะด้วย”



ฉันตะโกนใส่หน้าอย่างบ้าดีเดือดไม่แพ้กัน  ก่อนจะใช้ปลายเล็บแหลมคมของมืออีกข้างข่วนเข้าที่ใบหน้าอย่างไม่ใยดี  และไม่ใช่การข่วนแค่ครั้งเดียวแน่!!



ฉันทำแบบนี้จนกว่าจะสาแก่ใจและสาสมกับโทษทัณฑ์ที่มันควรได้รับ  ไม่เพียงแค่นั้นฉันเป็นพวกชอบเห็นความย่อยยับของศัตรูซะด้วยสิ  ยิ่งเห็นมันทรมานมากเท่าไหร่  ฉันก็ยิ่งได้ใจและสะใจมากเท่านั้น  มือของฉันที่บีบคอยัยนั่นมันเลยยิ่งเพิ่มพลังรัดแน่นกว่าเก่ามากขึ้นทุกที



“ทำไมทำหน้าเหมือนจะตายล่ะ”  ฉันยิ้มเหยียดดูถูกด้วยสายตาคมกริบไม่ปิดบัง



มืออีกข้างก็ทำหน้าที่ลงโทษด้วยการข่วนอีกชุดใหญ่  จนใบหน้าหย่อนยานมีเลือดซิบออกมากอย่างเห็นได้ชัด  มันน่าเสียดายตรงที่น่าจะมีเกลือยู่ใกล้ ๆ บริเวณนี้  ฉันจะได้เอามาทาบนหน้ายัยนี่และจัดหนักด้วยการข่วนชุดใหญ่  ก่อนจะตบล้างน้ำอีกสามที



“ฉันชื่อ  คาร์ลิปโซ่..โปรดรับรู้ไว้ซะด้วย”  ฉันข่มขู่ด้วยตาที่ถลึงออกมาแทบจะนอกเบ้า   มือที่บีบคอก็ออกแรงหนักด้วยความโกรธแค้น



ขอบอกไว้ตรงนี้ว่าฉันไม่ใช่ชนเผ่าชั้นต่ำเหมือนยัยนี่   ฉันไม่อนุญาตให้ใครเรียกชื่อเล่นฉันถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว   เพราะมันแสดงถึงการลามปลาม  ไม่ให้เกกียรติและการรวมเป็นพวกเดียวกันอย่างน่ารังเกียจที่สุด



และสาบานได้ว่าการที่ยัยการณีเรียกชื่อเล่นฉันอย่างไม่มีเหตุผลแถมเติมคำลงท้ายได้ทุเรศเหมือนกำพืดของตัวเอง  การที่เจ็บตัวแค่นี้ถือว่าเป็นการสั่งสอนขั้นพื้นฐานได้ฉันได้ร่ำเรียนมายังไม่ได้เศษหนึ่งส่วนสี่ของบทแรกด้วยซ้ำนะ



“รู้มั๊ย?!”  ฉันขู่อีกรอบพร้อมเพิ่มแรงบีบระดับแปดเพราะต้องการคำตอบ



“ไม่!!”  การณียังตอบเสียงดังฟังชัด  จนฉันคิดว่าการทำร้ายร่างกายแค่นี้คงยังไม่สาแก่ใจเธอเท่าไหร่



ฉันจึงปล่อยร่างอวบอ้วนโยนลงพื้นอย่างไม่ใส่ใจว่าจะเจ็บหรือเปล่า   ก่อนจะเริ่มมองหาอุปกรณ์ที่น่าจะทำเป็นบทลงโทษได้ในบริเวณนี้



เหมือนพระเจ้าเข้าข้าง..ฉันเจอเชือก!!



เชือกในลอนเส้นยาวและหนาพอสมควร  ฉันรีบวิ่งไปหยิบด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวว่ายัยนั่นจะหยัดตัวลุกขึ้นและหนีไปซะก่อน



เมื่อได้เชือกแล้วฉันจึงไม่รอช้า  รีบวิ่งกลับมาหาเป้าหมายด้วยความอาฆาตสุดขีดและรีบขมวดปมให้เป็นบ่วงที่จะพอสวมหัวยัยนี่ได้ทันที



การณีมองหน้าฉันด้วยความหวาดกลัวและคงไม่คิดว่าฉันจะโหดร้ายและป่าเถือนได้ขนาดนี้แน่   จึงพยายามหาทางดิ้นรนทั้งที่ไม่มีแรงแม้แต่จะคลานก็ตาม

ฉันรีบเร่งมือตัวเองผูกปมอะไรสักอย่างซึ่งฉันจำชื่อไม่ได้  แต่รู้ว่ามันสามารถใช้เงื่อนนี้สำหรับคนที่ตกน้ำและไม่มีแรงให้พ้นจากอันตรายได้  เพราะเพียงแค่คนที่กำลังตกน้ำเกาะห่วงนี้..เงื่อนก้จะทำหน้าทีของมันอย่างอัตโนมัติ  ยิ่งคนบนฝั่งออกแรงดึงมากเท่าไหร่   เงือ่นก็จะรัดคนที่ตกน้ำแน่นมากขึ้นเท่านั้น  และเราก็จะสามารถช่วยคนนั้นได้อย่างปลอดภัยและประหยัดแรงกายอีกด้วย



แต่เรื่องมีศีลธรรมแบบนั้นช่างมันเถอะ!



ตอนนี้ฉันกำลังจะใช้เงื่อนนี้ฆ่ายัยการณีผู้ไม่ใช่ญาติโกโหติกาอะไรกับฉันเลย  ฉันรีบนึกวิธีการขมวดปมด้วยสมองอันชาญฉลาด  หลังจากที่แก้มาแล้วสองรอบและยัยนั่นก็เริ่มมีแรงที่จะหนีแล้ว



สำเร็จ!



ฉันยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจในผลงานตัวเองที่พยายามผูกเงื่อนที่ว่าจนสำเร็จและไม่รอช้าที่จะเอาไปสวมหัวยัยนั่นและออกแรงดึงทันที



อั่ก.!!!



“โอ๊ยยยยยย” กาลณีกรีดร้องอีกรอบด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดกว่าเดิมหลายเท่า



“เรียกฉันว่า..คาร์ลิปโซ่เดี๋ยวนี้ !”



ฉันสั่งเด็ดขาดพร้อมออกแรงดึงเชือกจนตึง  ยิ้มเยาะเย้ยหยันกับสภาพน่าสมเพชของป้าแก่ๆ  คนหนึ่ง  ซึ่งตอนนี้มีปลอกคอเป็นของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ที่จริงมันน่าจะเป็นภาพที่น่ารักนะ..เพราะมันคล้ายกับว่าฉันกำลังจะจูงสุนัขสักตัวไปเดินเล่นน่าบ้าน



แต่..ยัยกาลณีมันเดรฉานกว่านั้น!!!



มือสองข้างที่เหี่ยวย่นเริ่มพยายามเกาะกุมคอของตัวเองและพยายามแก้ปมอย่างสุดแรงเท่าที่จะทำได้  ฉันยิ้มให้กับความพยายามเหล่านั้นอย่างชื่นชม..แต่มือก็ยังคอกระตุกเชือกแรงๆ เป็นระยะ



“คุณ..คาร์ลิปโซ่  เรียกสิ!  เรียกกกก!!!”



ฉันออกคำสั่งและแผดเสียงดังกว่าเดิม  คาดว่าอีกไม่เกินสามนาทีแม่และแซนดร้า  เอ่อ..น้องสาวของฉันน่ะ  คงจะต้องรีบวิ่งลงมาดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นแน่
แต่จนแล้วจนรอดยัยบ้านี่ก็ไม่ยอมเอ่ยปากเรียกฉันอย่างที่ฉันอยากได้ยินซะที  เอ๊ะ!..หรือว่าเชือกที่รัดคอนั่นมันจะแน่นจนทำให้ขยับปากไม่ได้กัน



ใบหน้าของกาลณีที่ก่อนหน้านี้มันเคยแดงก่ำเพราะเลือดคลั่งหรือเปล่าไม่รู้  แต่ปัจจุบันมันเริ่มกลายเป็นสีเขียวคล้ำอย่างน่ากลัว  คาดว่าน่าจะเป็นการขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน   เดี๋ยวก่อน..นังนี่ไม่ตายหรอก!!!  อึดกว่าที่ทุกคนคิดไว้เยอะ..



“พี่โซ่ / ยัยโซ่”
เสียงแซนดร้าและแม่ของฉันดังขึ้นพร้อมกันราวกับว่าตกใจกัยสิ่งที่เกิดขึ้นนักหนา  ก่อนยัยแซนดร้าจะรีบวิ่งลงบันไดและวิ่งมาหาฉันอย่างรวดเร็ว
“พี่โซ่หยุดเดี๋ยวนี้นะ   พี่ทำอย่างนี้กับป้ากาลณีได้ยังไง”  
“แล้วทียัยนี่ทำกับฉันล่ะ”
ฉันหันไปเถียงแซนดร้าทันทีและหลบไม้หลบมือของแซนดร้าที่พยายามจะแย่งเชือกในมือของฉันอย่าบ้าคลั่ง
เธอมันประเภทโลกสวยน่ะ..ภาพที่เห็นคงเป็นภาพที่กระทบกระเทือนจิตใจไม่น้อย  เพราะมันดูค่อนข้างคล้ายหนังฆาตกรรมโรคจิตที่ฆาตกรเลือดเย็นกลายเป็นพี่สาวของเธอเอง  ส่วนเหยื่อที่น่าสงสารกลับเป็นยัยป้ามหาภัยที่กำลังจะหมดลมตายนี่
ยิ่งยัยน้องสาวของฉันแย่งเชือกจากมือฉันมากเท่าไหร่  การหลบหลีกที่ดูมีทักษะของฉันมันก็สร้างความเจ็บปวดให้กาลณีมากเท่านั้น  ถือว่าแซนดร้าคือหนึ่งในตัวช่วยของการทรมานครั้งนี้ล่ะกัน  จะได้จบๆ ไป..
“ยัยโซ่หยุดเดี๋ยวนี้!”
แม่ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นานเดินมาอย่างเชื่องช้าและดูมีอำนาจเป็นบ้า  หน้านิ่งราวกับว่าเธอต้องการจะต่อว่าต่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่