พิลึก! ปรับค่าทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ไม่อิงเงินเฟ้อ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1464752964

(1 มิ.ย.) นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ และรองผู้ว่าฯกทม.โพสต์ข้อความลงเฟสบุ๊กแฟนเพจกรณีค่าปรับทางด่วนระบุว่า พิลึก! ปรับค่าทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกไม่อิงเงินเฟ้อ
ขณะนี้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยกำลังให้บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็มรับสัมปทานก่อสร้างและบริหารทางด่วนสายศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2)-วงแหวนรอบนอก ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในอีกไม่นาน ทางด่วนสายนี้มีจุดเริ่มต้นจากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก) บริเวณใกล้กับโรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์ วิ่งตามแนวเส้นทางรถไฟสายใต้ ไปจนสุดปลายทางที่ชุมทางรถไฟบางซื่อ บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต 2 ระยะทางประมาณ 16.7 กิโลเมตร ผู้ใช้ทางด่วนขั้นที่ 2 ที่ผ่านบริเวณนี้คงสังเกตเห็นว่ามีการก่อสร้างอยู่ในเวลานี้
การทางพิเศษฯ ใช้วิธีการใหม่ในการปรับค่าผ่านทางสำหรับทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก กล่าวคือที่ผ่านมาการทางพิเศษฯ ปรับค่าผ่านทางในกรณีทางด่วนขั้นที่ 2 โดยอิงดัชนีผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไปทุกๆ 5 ปี ตามที่ระบุไว้ในสัญญาสัมปทานระหว่างการทางพิเศษฯ กับบีอีเอ็ม ซึ่งมีการลงนามกันเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2531 ดังนี้
ข้อ 11.3 (1) “…คู่สัญญาจะคำนวณปรับอัตราค่าผ่านทางบนพื้นฐานอัตราเพิ่มของดัชนีผู้บริโภคสำหรับกรุงเทพมหานคร…”
ข้อ 11.3 (2) “…แต่จำนวนค่าผ่านทางที่เพิ่มขึ้นแต่ละครั้งจะคำนวณปรับเป็นจำนวนเต็มช่วงละ 5 บาท..”
การที่สัญญากำหนดการปรับค่าผ่านทางไว้เช่นนี้ทำให้เกิดข้อโต้แย้งระหว่างการทางพิเศษฯ กับบีอีเอ็มทุกครั้งที่มีการขอปรับค่าผ่านทาง เนื่องจากการสรุปผลการคำนวณค่าผ่านทางที่เพิ่มขึ้นระหว่างการทางพิเศษฯ และบีอีเอ็มต่างกันแม้ว่าใช้สูตรการคำนวณเหมือนกันก็ตาม กล่าวคือถ้าการคำนวณให้ผลว่าควรปรับค่าผ่านทางเป็นจำนวน 5.30 บาท การทางพิเศษฯ จะปรับลงเป็น 5 บาท ส่วนบีอีเอ็มจะปรับขึ้นเป็น 10 บาท เป็นเช่นนี้ตลอดมาตั้งแต่ปี 2541, 2546, 2551, และ 2556
พอมาถึงทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ที่จะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ ได้มีการทำสัญญาสัมปทานระหว่างการทางพิเศษฯกับบีอีเอ็ม โดยมีการลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2555 และได้มีการระบุการปรับค่าผ่านทางไว้อย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือเหมือนกับทางด่วนขั้นที่ 2 ดังนี้
ข้อ 11.4 "อัตราค่าผ่านทางสำหรับทางพิเศษจะใช้บังคับนับแต่วันที่เปิดดำเนินการโครงการเป็นต้นไปเป็นระยะเวลา 5 ปี จากนั้นอัตราค่าผ่านทางซึ่งรวมอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 แล้วจะมีการปรับเพิ่มขึ้นทุกระยะเวลา 5 ปี ในอัตรา 15 บาท, 25 บาท และ 35 บาท สำหรับรถ 4 ล้อ, รถ 6-10 ล้อ และรถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ…"
นั่นหมายความว่า เมื่อเปิดใช้ทางด่วนสายนี้ในอีกไม่นาน จะมีการเก็บค่าผ่านทาง 50 บาท, 80 บาท และ 115 บาท สำหรับรถ 4 ล้อ, รถ 6-10 ล้อ และรถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ ต่อจากนั้นในอีก 5 ปีข้างหน้าคือในปี 2564 จะปรับค่าผ่านทางเป็น 65 บาท, 105 บาท และ 150 บาท สำหรับรถ 4 ล้อ, รถ 6-10 ล้อ และรถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ เป็นการปรับโดยไม่คำนึงถึงดัชนีผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อเลย ซึ่งถ้าปรับโดยอิงดัชนีผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อตามที่การทางพิเศษฯ ใช้ในกรณีทางด่วนขั้นที่ 2 จะปรับได้ครั้งละ 5-10 บาท สำหรับรถ 4 ล้อ (ส่วนใหญ่ปรับ 5 บาท หรือในบางครั้งไม่ปรับเลย)
อนึ่ง ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นโครงการทางด่วนหรือโครงการรถไฟฟ้าจะมีการปรับค่าผ่านทางหรือค่าโดยสารโดยอิงดัชนีผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อกันทั้งนั้น
เรื่องนี้จึงต้องเสาะหากันว่าเหตุใดการทางพิเศษฯ จึงเลือกใช้วิธีการปรับค่าผ่านทางสำหรับทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าผู้บริหารและพนักงานของการทางพิเศษฯ ส่วนมาก ไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้
แล้วใครล่ะที่ทำให้เป็นเช่นนี้
พิลึก! ปรับค่าทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ไม่อิงเงินเฟ้อ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1464752964
(1 มิ.ย.) นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ และรองผู้ว่าฯกทม.โพสต์ข้อความลงเฟสบุ๊กแฟนเพจกรณีค่าปรับทางด่วนระบุว่า พิลึก! ปรับค่าทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกไม่อิงเงินเฟ้อ
ขณะนี้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยกำลังให้บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็มรับสัมปทานก่อสร้างและบริหารทางด่วนสายศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2)-วงแหวนรอบนอก ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในอีกไม่นาน ทางด่วนสายนี้มีจุดเริ่มต้นจากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก) บริเวณใกล้กับโรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์ วิ่งตามแนวเส้นทางรถไฟสายใต้ ไปจนสุดปลายทางที่ชุมทางรถไฟบางซื่อ บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต 2 ระยะทางประมาณ 16.7 กิโลเมตร ผู้ใช้ทางด่วนขั้นที่ 2 ที่ผ่านบริเวณนี้คงสังเกตเห็นว่ามีการก่อสร้างอยู่ในเวลานี้
การทางพิเศษฯ ใช้วิธีการใหม่ในการปรับค่าผ่านทางสำหรับทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก กล่าวคือที่ผ่านมาการทางพิเศษฯ ปรับค่าผ่านทางในกรณีทางด่วนขั้นที่ 2 โดยอิงดัชนีผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไปทุกๆ 5 ปี ตามที่ระบุไว้ในสัญญาสัมปทานระหว่างการทางพิเศษฯ กับบีอีเอ็ม ซึ่งมีการลงนามกันเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2531 ดังนี้
ข้อ 11.3 (1) “…คู่สัญญาจะคำนวณปรับอัตราค่าผ่านทางบนพื้นฐานอัตราเพิ่มของดัชนีผู้บริโภคสำหรับกรุงเทพมหานคร…”
ข้อ 11.3 (2) “…แต่จำนวนค่าผ่านทางที่เพิ่มขึ้นแต่ละครั้งจะคำนวณปรับเป็นจำนวนเต็มช่วงละ 5 บาท..”
การที่สัญญากำหนดการปรับค่าผ่านทางไว้เช่นนี้ทำให้เกิดข้อโต้แย้งระหว่างการทางพิเศษฯ กับบีอีเอ็มทุกครั้งที่มีการขอปรับค่าผ่านทาง เนื่องจากการสรุปผลการคำนวณค่าผ่านทางที่เพิ่มขึ้นระหว่างการทางพิเศษฯ และบีอีเอ็มต่างกันแม้ว่าใช้สูตรการคำนวณเหมือนกันก็ตาม กล่าวคือถ้าการคำนวณให้ผลว่าควรปรับค่าผ่านทางเป็นจำนวน 5.30 บาท การทางพิเศษฯ จะปรับลงเป็น 5 บาท ส่วนบีอีเอ็มจะปรับขึ้นเป็น 10 บาท เป็นเช่นนี้ตลอดมาตั้งแต่ปี 2541, 2546, 2551, และ 2556
พอมาถึงทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ที่จะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ ได้มีการทำสัญญาสัมปทานระหว่างการทางพิเศษฯกับบีอีเอ็ม โดยมีการลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2555 และได้มีการระบุการปรับค่าผ่านทางไว้อย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือเหมือนกับทางด่วนขั้นที่ 2 ดังนี้
ข้อ 11.4 "อัตราค่าผ่านทางสำหรับทางพิเศษจะใช้บังคับนับแต่วันที่เปิดดำเนินการโครงการเป็นต้นไปเป็นระยะเวลา 5 ปี จากนั้นอัตราค่าผ่านทางซึ่งรวมอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 แล้วจะมีการปรับเพิ่มขึ้นทุกระยะเวลา 5 ปี ในอัตรา 15 บาท, 25 บาท และ 35 บาท สำหรับรถ 4 ล้อ, รถ 6-10 ล้อ และรถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ…"
นั่นหมายความว่า เมื่อเปิดใช้ทางด่วนสายนี้ในอีกไม่นาน จะมีการเก็บค่าผ่านทาง 50 บาท, 80 บาท และ 115 บาท สำหรับรถ 4 ล้อ, รถ 6-10 ล้อ และรถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ ต่อจากนั้นในอีก 5 ปีข้างหน้าคือในปี 2564 จะปรับค่าผ่านทางเป็น 65 บาท, 105 บาท และ 150 บาท สำหรับรถ 4 ล้อ, รถ 6-10 ล้อ และรถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ เป็นการปรับโดยไม่คำนึงถึงดัชนีผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อเลย ซึ่งถ้าปรับโดยอิงดัชนีผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อตามที่การทางพิเศษฯ ใช้ในกรณีทางด่วนขั้นที่ 2 จะปรับได้ครั้งละ 5-10 บาท สำหรับรถ 4 ล้อ (ส่วนใหญ่ปรับ 5 บาท หรือในบางครั้งไม่ปรับเลย)
อนึ่ง ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นโครงการทางด่วนหรือโครงการรถไฟฟ้าจะมีการปรับค่าผ่านทางหรือค่าโดยสารโดยอิงดัชนีผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อกันทั้งนั้น
เรื่องนี้จึงต้องเสาะหากันว่าเหตุใดการทางพิเศษฯ จึงเลือกใช้วิธีการปรับค่าผ่านทางสำหรับทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าผู้บริหารและพนักงานของการทางพิเศษฯ ส่วนมาก ไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้
แล้วใครล่ะที่ทำให้เป็นเช่นนี้