ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก พาไปโดยสาร ทางรถไฟสายมรณะ
วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2558 เวลา 05.30 น. นั่งรถปอ. 26 จากรัชโยธิน ไปลงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คนละ 13 บาท แล้วต่อปอ.509 ใกล้ๆ หน้าโรงพยาบาลโรคผิวหนัง ข้ามสะพานบางกอกน้อยไปลงป้ายที่ป้ายแรกก่อนข้ามทางรถไฟ บ้านสวนบางขุนนนท์ ความจริงตรงทางรถไฟจากป้ายแยกบางขุนนนท์ถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นสถานีจรัลสนิทวงศ์ เป็นสถานีถัดจากสถานีธนบุรี แต่ต้นทางของรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก เริ่มต้นที่สถานีธนบุรี จึงเดินข้ามทางรถไฟแล้วเลี้ยวซ้ายต่อรถ 2 แถวสีแดงที่เขียนหลังคาหน้าว่ารถไฟ คนละ 7 บาท
จากป้ายที่ขึ้นรถสองแถวไปถึงสถานีธนบุรี ระยะทางประมาณ 500 เมตร ถ้าเรารู้ก่อนหน้านั้นเราคงไม่นั่งรถสองแถว เพราะแค่ครึ่งกม. สำหรับนักเดินทางไม่ใช่เรื่องใหญ่
ระหว่างทางไปสถานีรถไฟธนบุรีเป็นตลาดเช้า มีของสดและอาหารการกินขายมากมาย รวมทั้งตรงข้ามกับสถานีธนบุรีด้วย เป็นตลาดสด 2-3 ตลาดต่อกัน เป็นของสดเป็นส่วนใหญ่
การขอตั๋วที่สถานีธนบุรี แค่ยื่นบัตร และบอกจำนวนคน เจ้าหน้าที่ก็พริ้นท์ตั๋วให้ โดยใช้เวลาไม่นาน รถไฟเข้าที่ชานชาลาที่ 1 เที่ยวแรกออกเวลา 07.50 น. ถึงสถานีน้ำตกเวลา 12.40 น. กลับเวลา 13.00 น. ถึงสถานีธนบุรีเวลา 17.40 น. แต่ขากลับวันนี้ มีปัญหาที่ระบบห้ามล้อ ต้องจอดซ่อมที่สถานีคลองมหาสวัสดิ์ครึ่งชั่วโมง
เที่ยวที่ 2 ออกจากสถานีธนบุรี เวลา 13.55 น. ถึงสถานีน้ำตก เวลา 18.00 น. รถที่ออกจากสถานีน้ำตก เที่ยวแรกออกเวลา 05.20 ถึงสถานีธนบุรี เวลา 10.25 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากสถานีน้ำตกเวลา 15.00 น. แต่ปลายทางอยู่ที่สถานีชุมทางหนองปลาดุก
สำหรับสถานีธนบุรี แต่เดิมชื่อสถานีบางกอกน้อย สร้างในปี 2446 อยู่บริเวณรพ.ศิริราชปัจจุบัน ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (2484-2488) ญี่ปุ่นใช้เป็นกองบัญชาการใหญ่ ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรถล่มจนไม่เหลือซาก ปี 2493 ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ที่เดิม ปี 2542 ได้สร้างสถานีสำรองอยู่ห่างจากสถานีเดิม 886 เมตร ต่อมาปี 2546 ได้ยกสถานีเดิมให้โรงพยาบาลศิริราช แล้วเปลี่ยนชื่อสถานีบางกอกน้อยสำรองเป็นสถานีธนบุรี ปัจจุบันนี้สถานีธนบุรีเป็นสถานีต้นทางของรถไฟชานเมืองและรถไฟสายใต้หลายสาย
สถานีต่อจากสถานีธนบุรี คือ สถานีจรัลสนิทวงศ์ สถานีที่ 3 คือ สถานีบางระมาด ก่อนถึงสถานีบางระมาดเป็นตลาดน้ำตลิ่งชัน ซึ่งเปิดตลาดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ของขายส่วนใหญ่เป็นอาหารกับของที่ระลึก ซึ่งมีทั้งอาหารทั่วไป และอาหารท้องถิ่นดั้งเดิม สถานีที่ 4 คือสถานีชุมทางตลิ่งชันซึ่งเป็นทางแยกไปสายใต้กับสายตะวันตก สำหรับสายตะวันตกไปแยกที่สถานีชุมทางหนองปลาดุก แยกหนึ่งไปกาญจนบุรี อีกแยกหนึ่งไปสุพรรณบุรี
ตั้งแต่สถานีจรัลสนิทวงศ์ ไปจนถึงสถานีชุมทางตลิ่งชัน มีชุมชนแออัดอยู่ติดขอบเลาะทางรถไฟไปเกือบตลอดทาง ช่วงที่ไม่มีชุมชนแออัดเป็นสวนผลไม้ที่มีความเขียวชอุ่มไปตลอด
https://www.youtube.com/watch?v=yToMcNSNzwA&index=23&list=PLNNEpgjidh3ojsD23JJ053PuRKfcn5RAL
นอกจากที่สถานีธนบุรีซึ่งเป็นสถานีต้นทางแล้ว สถานีนครปฐมก็เป็นอีกสถานีหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขึ้นลงมาก รถไฟท่องเที่ยวในวันหยุดซึ่งมีค่าโดยสารคนละ 100 บาท เท่ากับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจ่ายในวันทำงาน จะจอดให้นักท่องเที่ยวลงไปถ่ายรูปองค์พระปฐมเจดีย์เป็นเวลา 30 นาที วันที่เราไปเป็นวันทำงาน เรานั่งตู้โดยสารตู้สุดท้ายก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ 8 คนเป็นชาวตะวันตก 6 คน และเวียดนาม 2 คน นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องจ่ายค่าโดยสารคนละ 100 บาท ตลอดสาย ส่วนคนไทยฟรี
https://www.youtube.com/watch?v=ExU9EKaiQlI&index=24&list=PLNNEpgjidh3ojsD23JJ053PuRKfcn5RAL
นักท่องเที่ยวที่ไม่มีเวลาเตรียมอาหารไม่ต้องกังวลว่าจะขาดอาหาร เพราะบนรถมีข้าวเหนียวหมู ไก่ทอด ผลไม้ กล้วยฉาบ และขนมทอดอย่างอื่น ส่วนน้ำมีทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมแช่เย็น พ่อค้าหนุ่มหน้าเข้มขายแพนเค้กกับโดนัทนมสดน่ารักมาก ก่อนถึงจุดชมวิวถ้ำกระแซ เขาบอกนักท่องเที่ยวให้เตรียมถ่ายภาพทิวทัศน์สวยงาม ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เขาช่วยปิดเปิดหน้าต่างให้นักท่องเที่ยวด้วย มีคนบอกว่า น่าให้ติ๊บจัง เขาบอกว่า แค่ช่วยซื้อขนมก็ขอบคุณแล้ว
จากสถานีถ้ำกระแซไปสถานีวังโพ สถานีเกาะมหามงคล แล้วก็ถึงสถานีน้ำตก คนลงที่สถานีถ้ำกระแซจำนวนมาก ที่นั่นมีทั้งร้านค้า และที่พักมากมาย ในแม่น้ำแควมีเรือและแพไว้บริการ สถานีเกาะมหามงคลเป็นอีกที่หนึ่งที่มีคนลงมาก คนที่ลงสถานีนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางไปปฏิบัติธรรมกับแม่ชีบงกช
ที่สถานีแควใหญ่รถเลื้อยผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแควช้าๆ ให้ผู้โดยสารถ่ายรูปสะพาน แพสองฝั่งแม่น้ำ และทัศนียภาพ เช่นเดียวกันตอนที่เลื้อยผ่านสะพานถ้ำกระแซ ก็ได้ถ่ายภาพหน้าผาหิน สะพานไม้ และทัศนียภาพ
การขอตั๋วที่สถานีน้ำตกง่ายมาก แค่ยื่นบัตรและบอกจำนวนจนท.ก็จะฉีกตั๋วให้ทันที แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องจ่ายค่าโดยสารด้วย ขากลับมีขบวนรถท่องเที่ยวพ่วงไปด้วย รถท่องเที่ยวสีสวย ติดราคาว่า ตู้พิเศษ 100 บาท
วันนี้เราได้พบนักเดินทางที่เรียกตัวเองว่า เพื่อนเลิฟตะลอนทัวร์ แต่ส่วนใหญ่เป็นทัวร์ที่ไปกับบริษัท พวกเธอถ่ายรูปร่วมกับเราด้วย และแนะนำทางโค้งที่ถ่ายรูปแล้วเห็นหัว หรือ ท้ายรถไฟ
ตั้งแต่บ้านโป่งไปจนถึงสถานีน้ำตก มีฝุ่นฟุ้งกระจายเข้าไปในตัวรถไฟตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงสถานีช่องเขาปูนไปถึงสถานีท่ากิเลน มีฝุ่นฟุ้งกระจายจนย้อมสีรถไฟและนักท่องเที่ยวจนสีผม สีคิ้วเปลี่ยนสีไปตามๆ กัน เพื่อนเลิฟฯ บอกว่ามี สาเหตุมาจากการนำหินปูนไปอัดรางรถไฟตอนช่วงที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
การเริ่มต้นสร้างทางรถไฟสายมรณะ เริ่มจากบ้านโป่ง ถึงเมืองตันบูชายัด ในเมียนม่าร์ รวมระยะทาง 415 กม. อยู่ในเขตไทย 304 กม. เข้าไปในเขตเมียนม่าร์ 111 กม. สร้างในปี 2485 ตามแผนจะใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี แต่ตอนสร้างจริงใช้เวลาเพียง 1 ปี ก็เสร็จ แรงงานส่วนใหญ่เกณฑ์จากเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร จากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลย์เซีย สิงคโปร์ จากตัวเลขที่สำรวจได้ ผู้เสียชีวิตในการสร้างทางรถไฟส่วนใหญ่เป็นเชลยศึกออสเตรเลีย นอกจากนั้นมีเชลยศึกนิวซีแลนด์และอังกฤษรวมอยู่บ้าง รวมทั้งสิ้นประมาณ 60,000 คน ส่วนแรงงานชาวเอเชียคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 100,000 คน
สถานที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดอยู่ที่ช่องเขาขาด ที่ต้องระเบิดหิน ขุดทุบหินให้เป็นช่องทางวางรางรถไฟ ซึ่งรถไฟไปไม่ถึง ซึ่งมีการจัดงานรำลึกทุกปีในเดือนเมษายน โดยมีประเทศออสเตรเลียเป็นแม่งาน รองลงมาคือสะพานถ้ำกระแซที่ต้องสร้างสะพานไม้โค้งโอบรอบหน้าผาระยะยาว ทางรถไฟสายมรณะนี้เมื่อสงครามสิ้นสุดลงได้ตกเป็นของฝ่ายสัมพันธมิตร รัฐบาลไทยในสมัยนั้นต้องซื้อคืนมาด้วยราคา 50 ล้านบาท เป็นระยะทางตั้งแต่บ้านโป่ง ถึงสถานีน้ำตก
https://www.youtube.com/watch?v=AhjajbxiLg0&index=25&list=PLNNEpgjidh3ojsD23JJ053PuRKfcn5RAL
ขากลับเราลงรถที่สถานีจรัลสนิทวงศ์ ผ่านชุมชนแออัด กำลังทำอาหารค่ำ โดยใช้วิธีหุงเข้าวแบบดั้งเดิม คือ รินน้ำข้าวทิ้ง แล้วดงหม้อข้าวกับเตาถ่าน ทั้งคน ทั้ง สุนัข อยู่รวมในพื้นที่เดียวกัน เราข้ามถนนตรงทางรถไฟนั่งรถสาย 108 มาลงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ค่าโดยสารคนละ 9 บาท แล้วต่อรถสาย 39 กลับรัชโยธิน คนละ 9 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป-กลับ รถไฟสายมรณะ เป็นค่ารถ 106 บาท ค่าอาหาร 104 รวมทั้งสิ้น 210 บาท เฉลี่ย คนละ 105 บาท
12-13พ.ย.58 ไปเที่ยวหัวหิน 19-20พ.ย.58 ไปเที่ยวลพบุรี รอติดตามนะคะ
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก นั่งรถไฟสายมรณะ กาญจนบุรี
วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2558 เวลา 05.30 น. นั่งรถปอ. 26 จากรัชโยธิน ไปลงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คนละ 13 บาท แล้วต่อปอ.509 ใกล้ๆ หน้าโรงพยาบาลโรคผิวหนัง ข้ามสะพานบางกอกน้อยไปลงป้ายที่ป้ายแรกก่อนข้ามทางรถไฟ บ้านสวนบางขุนนนท์ ความจริงตรงทางรถไฟจากป้ายแยกบางขุนนนท์ถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นสถานีจรัลสนิทวงศ์ เป็นสถานีถัดจากสถานีธนบุรี แต่ต้นทางของรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก เริ่มต้นที่สถานีธนบุรี จึงเดินข้ามทางรถไฟแล้วเลี้ยวซ้ายต่อรถ 2 แถวสีแดงที่เขียนหลังคาหน้าว่ารถไฟ คนละ 7 บาท
จากป้ายที่ขึ้นรถสองแถวไปถึงสถานีธนบุรี ระยะทางประมาณ 500 เมตร ถ้าเรารู้ก่อนหน้านั้นเราคงไม่นั่งรถสองแถว เพราะแค่ครึ่งกม. สำหรับนักเดินทางไม่ใช่เรื่องใหญ่
ระหว่างทางไปสถานีรถไฟธนบุรีเป็นตลาดเช้า มีของสดและอาหารการกินขายมากมาย รวมทั้งตรงข้ามกับสถานีธนบุรีด้วย เป็นตลาดสด 2-3 ตลาดต่อกัน เป็นของสดเป็นส่วนใหญ่
การขอตั๋วที่สถานีธนบุรี แค่ยื่นบัตร และบอกจำนวนคน เจ้าหน้าที่ก็พริ้นท์ตั๋วให้ โดยใช้เวลาไม่นาน รถไฟเข้าที่ชานชาลาที่ 1 เที่ยวแรกออกเวลา 07.50 น. ถึงสถานีน้ำตกเวลา 12.40 น. กลับเวลา 13.00 น. ถึงสถานีธนบุรีเวลา 17.40 น. แต่ขากลับวันนี้ มีปัญหาที่ระบบห้ามล้อ ต้องจอดซ่อมที่สถานีคลองมหาสวัสดิ์ครึ่งชั่วโมง
เที่ยวที่ 2 ออกจากสถานีธนบุรี เวลา 13.55 น. ถึงสถานีน้ำตก เวลา 18.00 น. รถที่ออกจากสถานีน้ำตก เที่ยวแรกออกเวลา 05.20 ถึงสถานีธนบุรี เวลา 10.25 น. เที่ยวสุดท้ายออกจากสถานีน้ำตกเวลา 15.00 น. แต่ปลายทางอยู่ที่สถานีชุมทางหนองปลาดุก
สำหรับสถานีธนบุรี แต่เดิมชื่อสถานีบางกอกน้อย สร้างในปี 2446 อยู่บริเวณรพ.ศิริราชปัจจุบัน ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (2484-2488) ญี่ปุ่นใช้เป็นกองบัญชาการใหญ่ ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรถล่มจนไม่เหลือซาก ปี 2493 ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ที่เดิม ปี 2542 ได้สร้างสถานีสำรองอยู่ห่างจากสถานีเดิม 886 เมตร ต่อมาปี 2546 ได้ยกสถานีเดิมให้โรงพยาบาลศิริราช แล้วเปลี่ยนชื่อสถานีบางกอกน้อยสำรองเป็นสถานีธนบุรี ปัจจุบันนี้สถานีธนบุรีเป็นสถานีต้นทางของรถไฟชานเมืองและรถไฟสายใต้หลายสาย
สถานีต่อจากสถานีธนบุรี คือ สถานีจรัลสนิทวงศ์ สถานีที่ 3 คือ สถานีบางระมาด ก่อนถึงสถานีบางระมาดเป็นตลาดน้ำตลิ่งชัน ซึ่งเปิดตลาดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ของขายส่วนใหญ่เป็นอาหารกับของที่ระลึก ซึ่งมีทั้งอาหารทั่วไป และอาหารท้องถิ่นดั้งเดิม สถานีที่ 4 คือสถานีชุมทางตลิ่งชันซึ่งเป็นทางแยกไปสายใต้กับสายตะวันตก สำหรับสายตะวันตกไปแยกที่สถานีชุมทางหนองปลาดุก แยกหนึ่งไปกาญจนบุรี อีกแยกหนึ่งไปสุพรรณบุรี
ตั้งแต่สถานีจรัลสนิทวงศ์ ไปจนถึงสถานีชุมทางตลิ่งชัน มีชุมชนแออัดอยู่ติดขอบเลาะทางรถไฟไปเกือบตลอดทาง ช่วงที่ไม่มีชุมชนแออัดเป็นสวนผลไม้ที่มีความเขียวชอุ่มไปตลอด
https://www.youtube.com/watch?v=yToMcNSNzwA&index=23&list=PLNNEpgjidh3ojsD23JJ053PuRKfcn5RAL
นอกจากที่สถานีธนบุรีซึ่งเป็นสถานีต้นทางแล้ว สถานีนครปฐมก็เป็นอีกสถานีหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขึ้นลงมาก รถไฟท่องเที่ยวในวันหยุดซึ่งมีค่าโดยสารคนละ 100 บาท เท่ากับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจ่ายในวันทำงาน จะจอดให้นักท่องเที่ยวลงไปถ่ายรูปองค์พระปฐมเจดีย์เป็นเวลา 30 นาที วันที่เราไปเป็นวันทำงาน เรานั่งตู้โดยสารตู้สุดท้ายก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ 8 คนเป็นชาวตะวันตก 6 คน และเวียดนาม 2 คน นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องจ่ายค่าโดยสารคนละ 100 บาท ตลอดสาย ส่วนคนไทยฟรี
https://www.youtube.com/watch?v=ExU9EKaiQlI&index=24&list=PLNNEpgjidh3ojsD23JJ053PuRKfcn5RAL
นักท่องเที่ยวที่ไม่มีเวลาเตรียมอาหารไม่ต้องกังวลว่าจะขาดอาหาร เพราะบนรถมีข้าวเหนียวหมู ไก่ทอด ผลไม้ กล้วยฉาบ และขนมทอดอย่างอื่น ส่วนน้ำมีทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมแช่เย็น พ่อค้าหนุ่มหน้าเข้มขายแพนเค้กกับโดนัทนมสดน่ารักมาก ก่อนถึงจุดชมวิวถ้ำกระแซ เขาบอกนักท่องเที่ยวให้เตรียมถ่ายภาพทิวทัศน์สวยงาม ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เขาช่วยปิดเปิดหน้าต่างให้นักท่องเที่ยวด้วย มีคนบอกว่า น่าให้ติ๊บจัง เขาบอกว่า แค่ช่วยซื้อขนมก็ขอบคุณแล้ว
จากสถานีถ้ำกระแซไปสถานีวังโพ สถานีเกาะมหามงคล แล้วก็ถึงสถานีน้ำตก คนลงที่สถานีถ้ำกระแซจำนวนมาก ที่นั่นมีทั้งร้านค้า และที่พักมากมาย ในแม่น้ำแควมีเรือและแพไว้บริการ สถานีเกาะมหามงคลเป็นอีกที่หนึ่งที่มีคนลงมาก คนที่ลงสถานีนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางไปปฏิบัติธรรมกับแม่ชีบงกช
ที่สถานีแควใหญ่รถเลื้อยผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแควช้าๆ ให้ผู้โดยสารถ่ายรูปสะพาน แพสองฝั่งแม่น้ำ และทัศนียภาพ เช่นเดียวกันตอนที่เลื้อยผ่านสะพานถ้ำกระแซ ก็ได้ถ่ายภาพหน้าผาหิน สะพานไม้ และทัศนียภาพ
การขอตั๋วที่สถานีน้ำตกง่ายมาก แค่ยื่นบัตรและบอกจำนวนจนท.ก็จะฉีกตั๋วให้ทันที แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องจ่ายค่าโดยสารด้วย ขากลับมีขบวนรถท่องเที่ยวพ่วงไปด้วย รถท่องเที่ยวสีสวย ติดราคาว่า ตู้พิเศษ 100 บาท
วันนี้เราได้พบนักเดินทางที่เรียกตัวเองว่า เพื่อนเลิฟตะลอนทัวร์ แต่ส่วนใหญ่เป็นทัวร์ที่ไปกับบริษัท พวกเธอถ่ายรูปร่วมกับเราด้วย และแนะนำทางโค้งที่ถ่ายรูปแล้วเห็นหัว หรือ ท้ายรถไฟ
ตั้งแต่บ้านโป่งไปจนถึงสถานีน้ำตก มีฝุ่นฟุ้งกระจายเข้าไปในตัวรถไฟตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงสถานีช่องเขาปูนไปถึงสถานีท่ากิเลน มีฝุ่นฟุ้งกระจายจนย้อมสีรถไฟและนักท่องเที่ยวจนสีผม สีคิ้วเปลี่ยนสีไปตามๆ กัน เพื่อนเลิฟฯ บอกว่ามี สาเหตุมาจากการนำหินปูนไปอัดรางรถไฟตอนช่วงที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
การเริ่มต้นสร้างทางรถไฟสายมรณะ เริ่มจากบ้านโป่ง ถึงเมืองตันบูชายัด ในเมียนม่าร์ รวมระยะทาง 415 กม. อยู่ในเขตไทย 304 กม. เข้าไปในเขตเมียนม่าร์ 111 กม. สร้างในปี 2485 ตามแผนจะใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี แต่ตอนสร้างจริงใช้เวลาเพียง 1 ปี ก็เสร็จ แรงงานส่วนใหญ่เกณฑ์จากเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร จากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลย์เซีย สิงคโปร์ จากตัวเลขที่สำรวจได้ ผู้เสียชีวิตในการสร้างทางรถไฟส่วนใหญ่เป็นเชลยศึกออสเตรเลีย นอกจากนั้นมีเชลยศึกนิวซีแลนด์และอังกฤษรวมอยู่บ้าง รวมทั้งสิ้นประมาณ 60,000 คน ส่วนแรงงานชาวเอเชียคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 100,000 คน
สถานที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดอยู่ที่ช่องเขาขาด ที่ต้องระเบิดหิน ขุดทุบหินให้เป็นช่องทางวางรางรถไฟ ซึ่งรถไฟไปไม่ถึง ซึ่งมีการจัดงานรำลึกทุกปีในเดือนเมษายน โดยมีประเทศออสเตรเลียเป็นแม่งาน รองลงมาคือสะพานถ้ำกระแซที่ต้องสร้างสะพานไม้โค้งโอบรอบหน้าผาระยะยาว ทางรถไฟสายมรณะนี้เมื่อสงครามสิ้นสุดลงได้ตกเป็นของฝ่ายสัมพันธมิตร รัฐบาลไทยในสมัยนั้นต้องซื้อคืนมาด้วยราคา 50 ล้านบาท เป็นระยะทางตั้งแต่บ้านโป่ง ถึงสถานีน้ำตก
https://www.youtube.com/watch?v=AhjajbxiLg0&index=25&list=PLNNEpgjidh3ojsD23JJ053PuRKfcn5RAL
ขากลับเราลงรถที่สถานีจรัลสนิทวงศ์ ผ่านชุมชนแออัด กำลังทำอาหารค่ำ โดยใช้วิธีหุงเข้าวแบบดั้งเดิม คือ รินน้ำข้าวทิ้ง แล้วดงหม้อข้าวกับเตาถ่าน ทั้งคน ทั้ง สุนัข อยู่รวมในพื้นที่เดียวกัน เราข้ามถนนตรงทางรถไฟนั่งรถสาย 108 มาลงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ค่าโดยสารคนละ 9 บาท แล้วต่อรถสาย 39 กลับรัชโยธิน คนละ 9 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป-กลับ รถไฟสายมรณะ เป็นค่ารถ 106 บาท ค่าอาหาร 104 รวมทั้งสิ้น 210 บาท เฉลี่ย คนละ 105 บาท
12-13พ.ย.58 ไปเที่ยวหัวหิน 19-20พ.ย.58 ไปเที่ยวลพบุรี รอติดตามนะคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น