~ ฮาโหลลลลลลล ชาวพันทิพที่น่ารักทุกคน ~
นี่เปนการรีวิว และออกทริปด้วยตัวเองครั้งแรกของเราเลย เรามีเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วยกัน 1 คนคบกับมาตั้งแต่ม.ต้น แต่พอขึ้นมหาลัยก้เลยต้องจากกัน เพื่อนเราเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ส่วนตัวเราเรียนอยู่ที่กรุงเทพแล้วพอดีช่วงนี้ว่างๆเลยว่าจะขึ้นไปเยี่ยมมันซักหน่อย แล้วช่วงที่เราไปมันก้สอบเสร็จพอดีเลยเข้าทางเราชวนมันออกเที่ยวซะเลยยยยยยย พร้อมกันรึยัง ได้เวลาที่ชะนี 2 ตัวจะออกเที่ยวแล้ว ไปดูกันเลยว่าเราไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างเราจองตั๋วเครื่องบิน lion air ผ่าน app Traveloka ซึ่งช่วงที่เราจองมันกำลังจัดโปรโมชั่นพอดี เราเลยได้ตั๋วไป-กลับประมาน 1391฿ ซึ่งไม่ถือว่าถูกมากแต่ก้ไม่ได้แพงเกินกว่าจะรับไหวเนอะ
14.05.59

เครื่องออก 8.55 ถึงเชียงใหม่ก้ประมาณ 10.10 ใช้เวลาบินแค่ 1 ชม 15 นาทีเองยังไม่ทันได้หลับสนิทก้ถึงแล้ว เย้ๆๆๆ เอ้อ ลืมเล่าไประหว่างทางตอนนั่งเครื่องมาเชียงใหม่ได้เห็นบ่อน้ำรูปหัวใจแล้วมีหัวใจอยู่ตรงกลางด้วยไม่รู้ว่าตาฝาดไปรึป่าวแต่ถ้ามีอยู่จริงๆแล้วรู้ว่าอยู่ที่ไหนช่วยคอมเม้นบอกด้วยน้า

.....มีใครเห็นหัวใจตรงนั้นมั้ย ???
พอลงจากเครื่องบินปุ๊ปเราก้ออกไปโบกรถแดงไปอาเขตต่อราคาประมาน 50฿ แต่คราวที่แล้วที่มาเค้าคิดเรา 80฿ เพราะเราลืมตกลงราคาก่อนขึ้นรถ **ถ้าจะขึ้นรถแดงที่เชียงใหม่อย่าลืมต่อราคาให้เสร็จเรียบร้อยก่อนขึ้นนะจ๊ะ ถ้าแพงเกินเหตุก้ให้ลองหาคันใหม่ใจเย็นๆไม่ต้องรีบรถแดงมีให้เลือกเยอะ** พอถึงอาเขต 2 เรากับเพื่อนก้ไปซื้อตั๋วรถตู้ไปปายกัน ที่ขายตั๋วจะอยู่ทางด้านหลังสถานีราคาเที่ยวละ 150฿ ใช้เวลาประมาน 3-4 ชม.เห็นจะได้ หลับยาวๆเลยจ้า ขอบอกไว้ก่อนถ้าใครที่เมารถควรรีบกินยาด่วนๆหรือถ้าคนที่ไม่เมากินกันไว้ก้ดีเพราะทางมันโค้งแล้วก้คดเคี้ยวมากและรถก้ขับเหวี่ยงแบบสุดๆทำเอาเวียนหัวสุดๆไปเลย นี่ขนาดไม่ใช่คนที่เมารถก้แทบอ้วกเหมือนกัน ตอนใกล้ถึงปายจะมีด่านตรวจอยู่ รถตู้จะจอดแล้วเจ้าหน้าที่จะมาขอดูบัตรประชาชนของเรา จากนั้นประมาน 4 โมงกว่าๆก้ถึงปายซักที คำแรกที่ออกมาจากปากคือ "โล่งมากกกกกกกกก คนหายไปไหนกันหมด" นี่มันเมืองร้างชัดๆ บนถนนก้ไม่มีใครแถมร้านขายของก้ไม่มีคน (นี่ตรูมาถูกที่จิงๆป่ะเนี่ย รู้สึกเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆแล้ว)

.....โล่งมั้ยหละ ??? 555
จากนั้นเราก้ไปเดินหาที่พักกันเดินเข้าตรงนู้นออกตรงนี้ค่อยๆดูไปไม่รีบ เพราะช่วงนี้เป็นช่วง "low season" คนไม่ค่อยมี ห้องพักเลยว่างเยอะมาก เราเลยเดินเลือกจนกว่าจะถูกใจและราคาต้องถูกถึงจะเลือก (เราไม่ได้จองที่พักกันมาก่อนเพราะคิดว่าไปตายเอาดาบหน้าน่าสนุกกว่า ตื่นเต้นดี) แล้วเราก้เดินดูต่อไปเรื่อยๆ แล้วข้ามสะพานไม้ไผ่ไปดูที่พักอีกฝั่งนึง (สะพาน

เสียวมากกลัวเดินๆไปแล้วเราจะทำให้สะพานหัก 555 อ้วนเกินก้เงี้ย) แล้วเราก้เจอ baan pai village บอกเลยบรรยากาศดีมากกกกกกก มากๆๆๆ ร่มรื่นสุดๆ บ้านพักก้เป็นแบบบ้านๆดีให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในชนบท แถมอยู่ติดกับแม่น้ำอีกตังหากคือแบบวิวดีสุดๆ น่าถ่ายรูปเล่นมากเราบอกเพื่อนว่ายังไงก้ต้องนอนที่นี่ให้ได้ม พอไปถามราคาแค่คืนละ 400฿ หาร 2 ก้คนละ 200฿ พอสู้ไหวนอนเลยนอน พอได้ที่นอนคืนนี้เรียบร้อยแล้วพวกเราก้เข้าหมวดส่วนตัวกัน ต่างคนต่างถ่ายรูปอยู่กันคนละมุมเลย เจอกันอีกทีท้องก้เริ่มหิวเลยออกไปหาอะไรกินที่ตลาดคนเดินปาย

.....อันนี้ถ่ายแถวที่พักบรรยากาศดีสุดๆ
พอไปถึง คำแรกที่ผุดออกมาในหัวคือ "นี่เราอยู่ที่ประเทศไหนกันแน่เนี่ย ใช่ประเทศไทยจิงๆหรอวะ?? ทำไมแทบไม่เห็นคนไทยเลยที่เห็นก้มีแต่ฝรั่ง ฝรั่ง ฝรั่งแล้วก้ฝรั่ง อาหารที่ขายก้มีแต่อาหารฝรั่ง ภาษาก้มีแต่ภาษาอังกฤษ คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษกันเก่งชะมัด เราคิดว่าเราหลุดเข้ามาอีกโลกนึงซะอีก 5555" หลังจากเดินเล่นดูของอยู่ได้ไม่น่าก้มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น…......พรึบ!!!!!!!…....ไฟดับจ้า ปายไฟดับ ดับได้ไงเนี่ยไม่เคยคิดเลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้จะไฟดับได้ คือถนนทั้งสายมองไม่เห็นอะไรเลยมึดมาก มีเพียงแสงเทียนเล็กๆไม่กี่เล่ม แต่มันก้ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ เดินเล่นท่ามกลางแสงเทียนจะไปหาโอกาศแบบนี้ที่ไหนได้ 555 thailand only

.....มึดตึดตื๋อ มองไม่เห็นอะไรเลย
15.05.59
เช้าวันถัดมาที่ที่พักที่เราพักตอนเช้าอากาศดีมาก ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้วย (ถ้าตื่นทันอะนะ แต่กว่าเราจะตื่นพระอาทิตย์มันก้ขึ้นเรียบร้อยแล้ว) อากาศเย็นสะบาย มีหมอกนิดหน่อย มีแมลงออกมาผสมเกสร แล้วก้มีหมาลงไปเล่นน้ำในลำธาร ช่างเป็นเช้าที่สดใสอะไรอย่างนี้รู้สึกดีจิงๆ

plan ของวันนี้คือเราจะไปเที่ยวถ้ำลอดกัน พวกเราซื้อทริปไปถ้ำลอดเมื่อคืนตอนที่ไปเดินถนนคนเดินปายที่ร้าน Pai Expert Travel ในทริปจะพาไป "จุดชมวิวกิ่วลม ถ้ำลอด โป่งน้ำร้อนไทรงาม น้ำตกหมอแปงและไปดูอาทิตย์ตกที่ปายแคนยอน" ราคาประมาน 500฿ ออกตั้งแต่ 9 โมงกลับถึงปาย 1 ทุ่ม แต่ถ้าใครไม่อยากซื้อทริปก้ไปเช่าโมไซขับไปเที่ยวกันเองก้ได้ราคาก้ 80฿ ขึ้นไปแล้วแต่รุ่นที่เราอยากได้ แต่พอดีพวกเราขับโมไซกันไม่แข็งเลยคิดว่าซื้อทริปไปน่าจะปลอดภัยกว่ากลัวจะไปขับตกเขาตายกันซะก่อน (ก้เว่อไป๊มันก้ไม่ได้อันตรายขนาดนั้น 555) แต่ถ้าใครขับโมไซกันแข็งแล้วก้เชิญเลย....เช่าโมไซโลดดดดดดด!!!!! ทั้งทริปที่ไปมีกันทั้งหมดแค่ 3 คน มีเรา เพื่อนเราแล้วก้ฝรั่งอีกคนนึงบอกเลย private สุดๆ พอคนมากันครบแล้วก้พร้อมออกเดินทาง………..ไปกันเลย
ที่แรกที่ไปถึงคือ "จุดชมวิวดอยกิ่วลม" ความจริงมันก้ไม่มีอะไรหรอกแต่เมื่อมาถึงแล้วพวกเราก้ต้องไปแชะรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันหน่อยแล้วก้เอาไว้อัพลง ig กับ facebook ด้วย

จากนั้นก้ต้องนั่งรถอีกประมานชั่วโมงกว่าๆก้ถึงถ้ำลอด ถ้ำลอดจะมีทั้งหมด 3 ถ้ำแต่ในทริปที่ซื้อมาจะได้เข้าแค่ 2 ถ้ำแต่ถ้าอยากเข้าอีกถ้ำนึงต้องเพิ่มเงินอีก 100฿ ทีเด็ดคือเราจะได้นั่งแพเข้าไปยังถ้ำที่ 3 เราอยากจะบอกว่า 100฿ ที่จ่ายเพิ่มไปนี้คุ้มสุดๆถ้าใครไม่ได้ไปถ้ำที่ 3 ขอบอกว่าพลาดมากเพราะระหว่างเดินทางไปในถ้ำที่ 3 มันเป็น moment ที่รู้สึกดี ตื้นดัน อิ่มเอม และน่าจดจำมากๆ เราคิดว่าคงจะหาความรู้สึกแบบนี้จากที่ไหนไม่ได้ การจะเข้าถ้ำได้เราต้องมีไกท์นำทางเพราะข้างในค่อนข้างมืด ไม่สิ…."มืดมากเลยตังหาก"….มองแทบไม่เห็นอะไรเลย **ไกน์ที่เราจะเจอขึ้นอยู่กับดวงนะจ๊ะบางคนดีก้ดีไป แต่บางคนก้ขี้โกงรีบพาเข้าไปแล้วก้รีบออก ส่วนคนที่เราเจอยายแกแบบเดินเร็วมากกกกกกกไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนและไม่รู้ว่าแกจะรีบไปไหน (จะรีบกลับบ้านไปหาหลานรึป่าวไม่รู้) เราเลยไม่มีโอกาศได้ชื่นชมความสวยงามของถ้ำซักเท่าไรแล้วก้ภาษาที่แกพูดก้ฟังยากมากจับใจความไม่ได้เลยแต่ก้ต้องเข้าใจมันเป็นภาษาถิ่นเค้า แกเป็นชาวบ้านมาหารายได้ก้หยวนๆให้แกซักหน่อยละกันแกแก่แล้ว **และขอแนะนำอย่างนึงคือคนที่จะเข้าไปควรใส่รองเท้าผ้าใบอย่างยิ่งเพราะข้างในค่อนข้างลืนมากแล้วก้ชันสุดๆ เรามันดันบ้าใส่รองเท้าแตะเข้าไป (ก้คนมันไปได้เตรียมตัวมาเดินถ้ำซักหน่อยเลยเอาแต่รองเท้าแตะมาจากกรุงเทพแค่คู่เดียว ส่วนเพื่อนเรามันโชคดีมันใส่รองเท้าผ้าใบมา) เราเลยเกือบลืนหน้าแหกก้นกระแทกมาแล้ว 555 (หลายรอบด้วย) เอ้อแล้วอย่าลืมซื้ออาหารปลาเข้าไปกันด้วยหละเพราะข้างในปลาเยอะมากกกกกกกก บางตัวที่เราเห็นตัวยาวกว่าแขนเราซะอีก ตอนถ่ายรูปมันนะต้องจับโทรศัพท์ไว้แน่นๆเลยกลัวลืนหลุดมือแล้วปลามันจะคาบไปกิน

พล่ามมาซะยาวคราวนี้ก้ถึงเวลาเข้าถ้ำกันซักที!!! ตรงทางเดินเข้าถ้ำอย่าลืมสังเกตหาปลาสีทองกันด้วยนะ ไม่รู้มันไปหลงมาจากไหนหรือใครเอามาปล่อยก้ไม่รู้ปลาตัวอื่นเค้าสีเทาสีดำกันหมดมีมันตัวเดียวนี่แหละสีทอง อย่าลืมไปสังเกตหามันกันด้วยนะแล้วก้ถ่ายรูปมาอวดกันด้วย ความรู้สึกแรกที่เข้าไปในถ้ำคืออากาศเย็นมากกกกกกกกรู้สึกดีสุดๆแต่พอเดินไปได้ไม่นานก้เหงือท่วมจ้า ทั้งเดินขึ้นเดินลงปีนบันไดไม่รู้ burn ไปได้กี่แคล ถ้ำแรกที่เข้าไปก้เป็นเป็นพวกหินงอก หินย้อยรูปร่างหน้าตาแปลกๆแต่มันก้สวยงามไปอีกแบบนึง พอมาถึงถ้ำที่ 2 สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคือ....บันได!!!!!... มันสูงมากกกกกกก ขึ้นไปทีนี่หอบแฮ๊กๆเลยตอนขึ้นนี่ก้ไม่เท่าไหร่นะแต่ตอนลงนี่สิ

เสี่ยวโคดดดดดดด กลัวจะลื่น หล่นตุ๊บ!!! ลงมาจากบันไดแล้วแบบขั้นบันไดมันก้เล็กเกิ๊นกลัวก้าวพลาดสุดๆ ประเด็นคืนกลัวไม่ได้กลับบ้านไปเจอหน้าพ่อแม่สุดๆ เริ่มรู้สึกรักชีวิตน้อยๆของตัวเองขึ้นมาเลย 555 จากนั้นก้ถึงเวลาไปถ้ำที่ 3 กันแล้ว เย้ๆๆๆๆๆๆ การจะเดินทางไปยังถ้ำที่ 3 เราจะต้องนั่งแพเข้าไประหว่างทางเราจะได้พบกับฝูงปลาเยอะแยะมากมายที่รอเราให้อาหารอยู่ บางตัวนี่ยาวใหญ่กว่าแขนเราซะอีกมันคงอยู่ในถ้ำนี้มาเป็น สิบๆปีแล้วแน่เลยมันถึงใหญ่ได้ถึงขนาดนั้น... ถ้ำที่ 3 จะอยู่ติดกับปากทางออกถ้ำที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง แสงที่ผ่านเข้ามาจากปากถ้ำทำให้เราสลัดความหวาดกลัว ว้าเหว่เป็นความเป็นกังวลและความเหนื่อยล้าระหว่างเดินทางออกไปจนหมดมันให้ความรู้สึกอบอุ่นและอุ่มเอิมใจสุดๆ เป็นภาพที่งดงามดั่งภาพวาดและจะอยู่ในความนึกคิดและความทรงจำของเราไปตลอด

.....นี่ไงความงดงามที่พูดถึงสวยมั้ยหละ ???
ตอนก้าวเท้าลงมาจากแพสิ่งแรกที่เข้ามาแตะจมูกคือ...กลิ่น!!!!!!...กลิ่นขี้ค้างคาวแรงมากกกกกกก เหม็นสุดๆ พอเดินไปเรื่อยๆก้จะรู้สึกถึงความเปียกนุ่มและเฉาะแฉะอยู่ตรงเท้า...."ขี้ค้างคาว" นี่เองอยู่เต็มพื้นไปหมดแต่มันก้ไม่ได้น่าขยะแขยงขนาดนั้นหรอก (คิดว่านะ) เมื่อเดินดูถ้ำที่ 3 เสร็จแล้วก้ถึงเวลาออกจากถ้ำทิ้งไว้เพียงรอยเท้ากับหยาดเหงือเอาไว้ ส่วนความทรงจำก้เก็บกลับมาด้วยไปใช่ไปลืนหัวฟาดความจำเสื่อมซะก่อนหละ 555 แล้วก้เก็บความอิ่มเอิบใจกลับไปกับเราและหวังว่าเราจะมีโอกาศได้กลับมาเยื่อนสถานที่แห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง

.....เห็นรูปแล้วอยากไปกันมั้ย ??? รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
[CR] เที่ยวปายช่วง low season ก้สนุกได้แถมประหยัดด้วย
นี่เปนการรีวิว และออกทริปด้วยตัวเองครั้งแรกของเราเลย เรามีเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วยกัน 1 คนคบกับมาตั้งแต่ม.ต้น แต่พอขึ้นมหาลัยก้เลยต้องจากกัน เพื่อนเราเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ส่วนตัวเราเรียนอยู่ที่กรุงเทพแล้วพอดีช่วงนี้ว่างๆเลยว่าจะขึ้นไปเยี่ยมมันซักหน่อย แล้วช่วงที่เราไปมันก้สอบเสร็จพอดีเลยเข้าทางเราชวนมันออกเที่ยวซะเลยยยยยยย พร้อมกันรึยัง ได้เวลาที่ชะนี 2 ตัวจะออกเที่ยวแล้ว ไปดูกันเลยว่าเราไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างเราจองตั๋วเครื่องบิน lion air ผ่าน app Traveloka ซึ่งช่วงที่เราจองมันกำลังจัดโปรโมชั่นพอดี เราเลยได้ตั๋วไป-กลับประมาน 1391฿ ซึ่งไม่ถือว่าถูกมากแต่ก้ไม่ได้แพงเกินกว่าจะรับไหวเนอะ
14.05.59
เครื่องออก 8.55 ถึงเชียงใหม่ก้ประมาณ 10.10 ใช้เวลาบินแค่ 1 ชม 15 นาทีเองยังไม่ทันได้หลับสนิทก้ถึงแล้ว เย้ๆๆๆ เอ้อ ลืมเล่าไประหว่างทางตอนนั่งเครื่องมาเชียงใหม่ได้เห็นบ่อน้ำรูปหัวใจแล้วมีหัวใจอยู่ตรงกลางด้วยไม่รู้ว่าตาฝาดไปรึป่าวแต่ถ้ามีอยู่จริงๆแล้วรู้ว่าอยู่ที่ไหนช่วยคอมเม้นบอกด้วยน้า
.....มีใครเห็นหัวใจตรงนั้นมั้ย ???
พอลงจากเครื่องบินปุ๊ปเราก้ออกไปโบกรถแดงไปอาเขตต่อราคาประมาน 50฿ แต่คราวที่แล้วที่มาเค้าคิดเรา 80฿ เพราะเราลืมตกลงราคาก่อนขึ้นรถ **ถ้าจะขึ้นรถแดงที่เชียงใหม่อย่าลืมต่อราคาให้เสร็จเรียบร้อยก่อนขึ้นนะจ๊ะ ถ้าแพงเกินเหตุก้ให้ลองหาคันใหม่ใจเย็นๆไม่ต้องรีบรถแดงมีให้เลือกเยอะ** พอถึงอาเขต 2 เรากับเพื่อนก้ไปซื้อตั๋วรถตู้ไปปายกัน ที่ขายตั๋วจะอยู่ทางด้านหลังสถานีราคาเที่ยวละ 150฿ ใช้เวลาประมาน 3-4 ชม.เห็นจะได้ หลับยาวๆเลยจ้า ขอบอกไว้ก่อนถ้าใครที่เมารถควรรีบกินยาด่วนๆหรือถ้าคนที่ไม่เมากินกันไว้ก้ดีเพราะทางมันโค้งแล้วก้คดเคี้ยวมากและรถก้ขับเหวี่ยงแบบสุดๆทำเอาเวียนหัวสุดๆไปเลย นี่ขนาดไม่ใช่คนที่เมารถก้แทบอ้วกเหมือนกัน ตอนใกล้ถึงปายจะมีด่านตรวจอยู่ รถตู้จะจอดแล้วเจ้าหน้าที่จะมาขอดูบัตรประชาชนของเรา จากนั้นประมาน 4 โมงกว่าๆก้ถึงปายซักที คำแรกที่ออกมาจากปากคือ "โล่งมากกกกกกกกก คนหายไปไหนกันหมด" นี่มันเมืองร้างชัดๆ บนถนนก้ไม่มีใครแถมร้านขายของก้ไม่มีคน (นี่ตรูมาถูกที่จิงๆป่ะเนี่ย รู้สึกเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆแล้ว)
.....โล่งมั้ยหละ ??? 555
จากนั้นเราก้ไปเดินหาที่พักกันเดินเข้าตรงนู้นออกตรงนี้ค่อยๆดูไปไม่รีบ เพราะช่วงนี้เป็นช่วง "low season" คนไม่ค่อยมี ห้องพักเลยว่างเยอะมาก เราเลยเดินเลือกจนกว่าจะถูกใจและราคาต้องถูกถึงจะเลือก (เราไม่ได้จองที่พักกันมาก่อนเพราะคิดว่าไปตายเอาดาบหน้าน่าสนุกกว่า ตื่นเต้นดี) แล้วเราก้เดินดูต่อไปเรื่อยๆ แล้วข้ามสะพานไม้ไผ่ไปดูที่พักอีกฝั่งนึง (สะพาน
.....อันนี้ถ่ายแถวที่พักบรรยากาศดีสุดๆ
พอไปถึง คำแรกที่ผุดออกมาในหัวคือ "นี่เราอยู่ที่ประเทศไหนกันแน่เนี่ย ใช่ประเทศไทยจิงๆหรอวะ?? ทำไมแทบไม่เห็นคนไทยเลยที่เห็นก้มีแต่ฝรั่ง ฝรั่ง ฝรั่งแล้วก้ฝรั่ง อาหารที่ขายก้มีแต่อาหารฝรั่ง ภาษาก้มีแต่ภาษาอังกฤษ คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษกันเก่งชะมัด เราคิดว่าเราหลุดเข้ามาอีกโลกนึงซะอีก 5555" หลังจากเดินเล่นดูของอยู่ได้ไม่น่าก้มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น…......พรึบ!!!!!!!…....ไฟดับจ้า ปายไฟดับ ดับได้ไงเนี่ยไม่เคยคิดเลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้จะไฟดับได้ คือถนนทั้งสายมองไม่เห็นอะไรเลยมึดมาก มีเพียงแสงเทียนเล็กๆไม่กี่เล่ม แต่มันก้ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ เดินเล่นท่ามกลางแสงเทียนจะไปหาโอกาศแบบนี้ที่ไหนได้ 555 thailand only
.....มึดตึดตื๋อ มองไม่เห็นอะไรเลย
15.05.59
เช้าวันถัดมาที่ที่พักที่เราพักตอนเช้าอากาศดีมาก ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้วย (ถ้าตื่นทันอะนะ แต่กว่าเราจะตื่นพระอาทิตย์มันก้ขึ้นเรียบร้อยแล้ว) อากาศเย็นสะบาย มีหมอกนิดหน่อย มีแมลงออกมาผสมเกสร แล้วก้มีหมาลงไปเล่นน้ำในลำธาร ช่างเป็นเช้าที่สดใสอะไรอย่างนี้รู้สึกดีจิงๆ
plan ของวันนี้คือเราจะไปเที่ยวถ้ำลอดกัน พวกเราซื้อทริปไปถ้ำลอดเมื่อคืนตอนที่ไปเดินถนนคนเดินปายที่ร้าน Pai Expert Travel ในทริปจะพาไป "จุดชมวิวกิ่วลม ถ้ำลอด โป่งน้ำร้อนไทรงาม น้ำตกหมอแปงและไปดูอาทิตย์ตกที่ปายแคนยอน" ราคาประมาน 500฿ ออกตั้งแต่ 9 โมงกลับถึงปาย 1 ทุ่ม แต่ถ้าใครไม่อยากซื้อทริปก้ไปเช่าโมไซขับไปเที่ยวกันเองก้ได้ราคาก้ 80฿ ขึ้นไปแล้วแต่รุ่นที่เราอยากได้ แต่พอดีพวกเราขับโมไซกันไม่แข็งเลยคิดว่าซื้อทริปไปน่าจะปลอดภัยกว่ากลัวจะไปขับตกเขาตายกันซะก่อน (ก้เว่อไป๊มันก้ไม่ได้อันตรายขนาดนั้น 555) แต่ถ้าใครขับโมไซกันแข็งแล้วก้เชิญเลย....เช่าโมไซโลดดดดดดด!!!!! ทั้งทริปที่ไปมีกันทั้งหมดแค่ 3 คน มีเรา เพื่อนเราแล้วก้ฝรั่งอีกคนนึงบอกเลย private สุดๆ พอคนมากันครบแล้วก้พร้อมออกเดินทาง………..ไปกันเลย
ที่แรกที่ไปถึงคือ "จุดชมวิวดอยกิ่วลม" ความจริงมันก้ไม่มีอะไรหรอกแต่เมื่อมาถึงแล้วพวกเราก้ต้องไปแชะรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันหน่อยแล้วก้เอาไว้อัพลง ig กับ facebook ด้วย
จากนั้นก้ต้องนั่งรถอีกประมานชั่วโมงกว่าๆก้ถึงถ้ำลอด ถ้ำลอดจะมีทั้งหมด 3 ถ้ำแต่ในทริปที่ซื้อมาจะได้เข้าแค่ 2 ถ้ำแต่ถ้าอยากเข้าอีกถ้ำนึงต้องเพิ่มเงินอีก 100฿ ทีเด็ดคือเราจะได้นั่งแพเข้าไปยังถ้ำที่ 3 เราอยากจะบอกว่า 100฿ ที่จ่ายเพิ่มไปนี้คุ้มสุดๆถ้าใครไม่ได้ไปถ้ำที่ 3 ขอบอกว่าพลาดมากเพราะระหว่างเดินทางไปในถ้ำที่ 3 มันเป็น moment ที่รู้สึกดี ตื้นดัน อิ่มเอม และน่าจดจำมากๆ เราคิดว่าคงจะหาความรู้สึกแบบนี้จากที่ไหนไม่ได้ การจะเข้าถ้ำได้เราต้องมีไกท์นำทางเพราะข้างในค่อนข้างมืด ไม่สิ…."มืดมากเลยตังหาก"….มองแทบไม่เห็นอะไรเลย **ไกน์ที่เราจะเจอขึ้นอยู่กับดวงนะจ๊ะบางคนดีก้ดีไป แต่บางคนก้ขี้โกงรีบพาเข้าไปแล้วก้รีบออก ส่วนคนที่เราเจอยายแกแบบเดินเร็วมากกกกกกกไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนและไม่รู้ว่าแกจะรีบไปไหน (จะรีบกลับบ้านไปหาหลานรึป่าวไม่รู้) เราเลยไม่มีโอกาศได้ชื่นชมความสวยงามของถ้ำซักเท่าไรแล้วก้ภาษาที่แกพูดก้ฟังยากมากจับใจความไม่ได้เลยแต่ก้ต้องเข้าใจมันเป็นภาษาถิ่นเค้า แกเป็นชาวบ้านมาหารายได้ก้หยวนๆให้แกซักหน่อยละกันแกแก่แล้ว **และขอแนะนำอย่างนึงคือคนที่จะเข้าไปควรใส่รองเท้าผ้าใบอย่างยิ่งเพราะข้างในค่อนข้างลืนมากแล้วก้ชันสุดๆ เรามันดันบ้าใส่รองเท้าแตะเข้าไป (ก้คนมันไปได้เตรียมตัวมาเดินถ้ำซักหน่อยเลยเอาแต่รองเท้าแตะมาจากกรุงเทพแค่คู่เดียว ส่วนเพื่อนเรามันโชคดีมันใส่รองเท้าผ้าใบมา) เราเลยเกือบลืนหน้าแหกก้นกระแทกมาแล้ว 555 (หลายรอบด้วย) เอ้อแล้วอย่าลืมซื้ออาหารปลาเข้าไปกันด้วยหละเพราะข้างในปลาเยอะมากกกกกกกก บางตัวที่เราเห็นตัวยาวกว่าแขนเราซะอีก ตอนถ่ายรูปมันนะต้องจับโทรศัพท์ไว้แน่นๆเลยกลัวลืนหลุดมือแล้วปลามันจะคาบไปกิน
พล่ามมาซะยาวคราวนี้ก้ถึงเวลาเข้าถ้ำกันซักที!!! ตรงทางเดินเข้าถ้ำอย่าลืมสังเกตหาปลาสีทองกันด้วยนะ ไม่รู้มันไปหลงมาจากไหนหรือใครเอามาปล่อยก้ไม่รู้ปลาตัวอื่นเค้าสีเทาสีดำกันหมดมีมันตัวเดียวนี่แหละสีทอง อย่าลืมไปสังเกตหามันกันด้วยนะแล้วก้ถ่ายรูปมาอวดกันด้วย ความรู้สึกแรกที่เข้าไปในถ้ำคืออากาศเย็นมากกกกกกกกรู้สึกดีสุดๆแต่พอเดินไปได้ไม่นานก้เหงือท่วมจ้า ทั้งเดินขึ้นเดินลงปีนบันไดไม่รู้ burn ไปได้กี่แคล ถ้ำแรกที่เข้าไปก้เป็นเป็นพวกหินงอก หินย้อยรูปร่างหน้าตาแปลกๆแต่มันก้สวยงามไปอีกแบบนึง พอมาถึงถ้ำที่ 2 สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคือ....บันได!!!!!... มันสูงมากกกกกกก ขึ้นไปทีนี่หอบแฮ๊กๆเลยตอนขึ้นนี่ก้ไม่เท่าไหร่นะแต่ตอนลงนี่สิ
.....นี่ไงความงดงามที่พูดถึงสวยมั้ยหละ ???
ตอนก้าวเท้าลงมาจากแพสิ่งแรกที่เข้ามาแตะจมูกคือ...กลิ่น!!!!!!...กลิ่นขี้ค้างคาวแรงมากกกกกกก เหม็นสุดๆ พอเดินไปเรื่อยๆก้จะรู้สึกถึงความเปียกนุ่มและเฉาะแฉะอยู่ตรงเท้า...."ขี้ค้างคาว" นี่เองอยู่เต็มพื้นไปหมดแต่มันก้ไม่ได้น่าขยะแขยงขนาดนั้นหรอก (คิดว่านะ) เมื่อเดินดูถ้ำที่ 3 เสร็จแล้วก้ถึงเวลาออกจากถ้ำทิ้งไว้เพียงรอยเท้ากับหยาดเหงือเอาไว้ ส่วนความทรงจำก้เก็บกลับมาด้วยไปใช่ไปลืนหัวฟาดความจำเสื่อมซะก่อนหละ 555 แล้วก้เก็บความอิ่มเอิบใจกลับไปกับเราและหวังว่าเราจะมีโอกาศได้กลับมาเยื่อนสถานที่แห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง
.....เห็นรูปแล้วอยากไปกันมั้ย ??? รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน