Ep.3 แสงของดวงอาทิตย์ของอรุณรุ่งมีไว้สำหรับผู้ที่เข้มแข็งเท่านั้น....ที่มีสิทธิ์ชื่มชมแสงนั้น...

ก่อนอื่นต้องขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ จาก Ep.1 ที่ผมได้กล่าวที่มาถึงเหตุผลของการเขียนกระทู้ไปแล้ว ล่วงมาจนถึง Ep.2 ฉากเริ่มต้นของบทละครชีวิตเรื่องนี้ มองย้อนกลับไปผมว่ามันก็ยังไม่ใหญ่เท่าไหร่นะครับสำหรับปัญหาที่ประดังเข้ามาในช่วง Ep.1 (หรือเพราะตอนนี้เจอเรื่องที่หนักกว่านั้นมากมั้ง ฮร้าๆๆๆ)  และจะบอกว่า Ep.นี้เป็นตอนที่ผมคิดอยู่นานพอสมควรว่าจะถ่ายทอดมาในรูบแบบอย่างไร เพราะตอนนี้จะมีตัวครที่ผมให้ทุกคนจำไว้ให้ดีใน Ep.2 อยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งถ้าจะเล่าละเอียดเลยก็เกรงว่าจะไม่ดีต่อเค้า ครั้นจะไม่เล่าเลยก็กระไรอยู่ เอาเป็นว่าจะขออนุญาตเล่าแต่พองามแล้วกันนะครับ เพราะต้องการจะรักษาเกียรติของเค้า ผู้ที่เป็นหนึ่งเดียวในใจตราบจนตอนนี้อยู่ (หู๊ยยยยย เลี่ยนม่ะครับ 55555)

    เอาละครับจากเดิมตอนที่แล้ว ที่ตอนนี้เหมือนจะโอกับการเตรียมการก้าวสู่รั่วมหาลัย แต่นั้นแหละครับชีวิตผมไร้ซึ่งทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ อย่าว่าแต่กลีบกุหลาบเลยเศษใบไม้ยังไม่มีโรยให้เดินครับ ช่วงปิดเทอมผมเองก็คงทำงานอยู่แล้วตั้งใจทำงานเก็บเงินมาก แต่เชื่อไหมตอนนั้นมีสิ่งหนึ่งที่บ้ามากกว่างานคือความรัก รักวัยรุ่นอ่ะครับ บ้าบอคอแตก ตามหึงตามหวงอยู่นั้นแหละ (ด้วยความที่แฟนผมสวยเกินจะมาคบด้วยแหละ เลยหวงมากกกกกก 5555+++) ช่วงปิดเทอมนั้นทะเลาะกันบ่อยมาก (จากเดิมที่มีเรื่องมีที่สามเข้ามาบ่อยอยู่แล้ว) ก็นั้นแหละครับด้วยความที่น้องเค้ายังเด็ก ผมเองก็เด็ก แล้วการที่เค้าจะจิงจังอยู่กับผมคนเดียวก็เป็นไปได้ยาก ทะเลาะกันเรื่อยเปื่อยจนต้องเลิกกัน แล้วผมก็ไปใช้ชีวิตมหาลัย ซึ่งตอนไปนั้นเงินเก็บก็ใช่จะมีนะครับ ทำไงละทินี้  ???

   Ep. 2 สำหรับท่านที่อ่านคงทราบว่าแม่ผมเป็นฮีโร่สำหรับผมขนาดไหน ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน แม่พยายามโทรหาลุงๆป้าๆ จนสุดท้ายโทรหาป้าคนเล็กครับ ป้าผมท่านเป็นคนจ.สุรินทร์ คนนี้ผมเคยเจอ 1 ครั้งตอนผมอายุ 12 ปีได้มั้งครับ ท่านให้เงินมา 10,000 บาท ให้ยืมแหละครับ ซึ่งผมตั้งใจเรียนจบทำงานจะใช้คืนท่าน แต่ผมจะรวบรัดตัดตอนสำหรับป้าผมคนนี้เลยนะครับ ณ ตอนนี้ความตั้งใจที่จะถ่ายรูปสวมชุดครุยกับป้า อยากตอบแทนพระคุณป้า ตอนนี้คงเป็นเพียงฝัน เพราะตอนผมอยู่ปี 2 ป้าผมท่านจากไปอย่างสงบด้วยโรคมะเร็ง เงินที่ท่านให้มาพึ่งจะคืนไปครึ่งเดียวเองครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคืออยากทำให้ท่านภูมิใจว่าหลานชายคนนี้ตั้งใจเรียนเพื่อสักวันเพื่อฝันขนาดไหน (หลับให้สบายนะครับป้าทอง ป้าจะอยู่ในใจของหลานคนนี้ตลอดไปครับ.....) และนั้นผมก็ได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม ซึ่งตอนนั้นผมพักหอในครับเทอมละ 4,500 บาทเอง เข้ามาเดือนแรกๆ ใช้เงินจากทางบ้านครับ แม่พ่อช่วยหมดเลย ใช้เงินไปเกือบๆ 3หมื่นเลยครับ พอเดือนที่ 2 ผมก็หางานPart Time ทำครับ ตอนนั้นรถมอไซค์ก็ไม่มีนะครับ ยืมรถรูมเมทไปบ้างนั้งรถสองแถวไปบ้างครับ และงาน Part Time ที่ผมทำนี้เป็นการนั่งเติมเงินออนไลน์ข้างถนนครับ เป็นบูทของร้านMobile Shop ชื่อว่าร้านSay Mobile ครับ แต่ผมจะบอกว่านี้คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรู้จักผู้มีพระคุณอีกท่าน คนที่มอบโอกาสมอบชีวิตใหม่ก็ว่าได้ให้แก่ผมมาครับ (รายละเอียดค่อยเล่าละกันนะครับ) ผมเลิกขอเงินทางบ้านช่วงเดือนที่ 3 ครับ ทำงานเอง ..............และใช้เงินของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาครับ เหมือนจะเริ่มอยู่ตัวใช่ไหม  (หึๆๆๆๆๆๆๆ)

       เข้าสู่ช่วงสอบพอดีครับ ในระหว่างก่อนหน้านี้ผมกับแฟนก็คุยกันบ้าง เลิกๆกันบ้าง ธรรมดาของวัยรุ่นแหละครับ  จะบอกว่ามีรักในวัยเรียน รักไม่เป็นสุดท้ายพลาดครับ ....วินาทีนั้นผมช็อกมาก มืดไปหมดจะทำไงดีละ จนพ่อแม่แฟนผมท่านทราบ ท่านต้องการให้เอาออก (เชื่อไหมตอนนี้ที่ผมพิมพ์มือผมสั่นมาก คิดดูสิลูกชายผมทุกวันนี้น่ารักน่าชัง เป็นเด็กร่าเริง แต่เค้าไม่รู้เลยว่าเกือบโดนฆ่าตั้งแต่อยู่ในท้องได้แค่ 3 เดือน.....) ซึ่งก่อนหน้านี้แฟนผมเค้าก็กินยานะ แต่ไม่หลุด วินาทีที่ผมกลั้นใจนั้งรถทัวร์กลับไปอุบลราชธานี เพราะนัดกับทางบ้านแฟนเจอกันที่คลีนิค แต่เดชะบุญในระว่างนั้นแม่ผมท่านทราบเรื่อง  แม่.....ผู้ให้ผู้ที่เข้าใจและมอบกำลังใจ วินาทีนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น โทรมาประโยคแรก "ถึงไหนแล้วลูก นั้งรถเหนื่อยไหม....แม่รู้เรื่องแล้ว ไม่เป็นไร ตั้งใจเลี้ยงดูเค้านะ กลับมาบ้านเราเลยนะลูก" ก่อนวางสายแม่บอกว่าอย่าคิดมากนะ ....ไงละดีไหมแม่ผม ขนาดผมทำขนาดนี้แล้ว ท่านก็ยังคงให้อภัย แต่ผมรู้นะว่าในลึกๆแม่ทรมานใจมากขนาดไหน แต่แม่ก็ยังคงรักและให้อภัยลูกอยู่ดี  แล้วผมก็ผ่านจุดนี้มาได้ พร้อมกับตกลงกับทางบ้านว่าจะเรียนต่อให้จบ เพราะตั้งใจไว้แล้ว จะลำบากขนาดไหนก็จะเรียน แต่เชื่อไหมระหว่างที่ผมเคลียปัญหาไม่จบนั้น 3 วิชาเอกผมไม่ได้ไปสอบ และนั้นทำให้ผมติดโปรต่ำ เกรด 1.33 คือเกรดที่ผมได้ในเทอม 1 ......ควรจะถอดใจเนาะ ลูกก็กำลังจะมี ...เงินจะเลี้ยงลูกไม่รู้อยู่ไหน เรียนเทอมแรกเกรดเท่านี้ (ตลกไปนะ จะผ่านไปได้หรอว่ะ ?)  .....แต่ผมไม่หยุดเดินต่อ ทว่าด้านการเรียนผมก็จบด้วยรหัสนิสิตเดิมนะครับ จาก 1.33 มาเป็น 1.98 แล้วหลุดโปรมา 2.85 แต่จบมา 2 กว่าๆแค่นั้นแหละครับ  แต่เชื่อสิครับว่าเราทำได้ ทำวันนี้ให้ดี ยังไงมันก็จะผ่านมาได้ ....แต่ยังๆๆเรื่องเรียนยังมีอะไรที่สุดๆกว่านี้อีก (ถ้าผ่านมาแบบง่ายก็ไม่ใช่ผมแหละครับ 5555+++) ช่วงชีวิตมหาลัยสนุกครับ นอกจากทำงาน เรียน ก็ทำกิจกรรมกับคณะด้วย ทำธุรกิจขายตรงด้วย (คนเค้ารู้จักฉายาผมเป็นอย่างดีเลยแหละครับ 5555++) อย่าว่านะเห็นแบบนี้ได้รับทุนการศึกษาประเภทนักกิจกรรมจากคณะด้วยนะจร้าาาา  (อวยตัวเองนิดหนึ่ง อิอิ) ช่วงที่ผมเรียนประมาณปี 2 ปลายเทอม 2 แฟมผมก็มาอยู่กับผมที่มหาลัยครับ ทำงานช่วยกันครับ  ช่วงระหว่างนั้นมันก็ยังมีนั้นมีนี้มาอยู่เรื่อยๆๆ คือจะบอกว่าลำบากมากครับ พูดไปแล้ววววววหดหู่....จ๋ายยยยย  ทำนั้นทำหนี้ ทำไปทำมา เหลือแต่หนี้....เฮ้อออออ (บทหนี้ก็มาาาาาาาาาาา)  บทที่พีคสุดคือเทอมสุดท้ายของชีวิตการเรียนมหาลัย คนเราทำงานไขว่ขว้าหาโอกาส แต่ยิ่งขว้าหา โอกาสมันก็วิ่งหนี้ออกไปไกลทุกที จนสุดท้ายมีหนี้เป็นแสนกว่าเกือบ 2 เลยครับ ยอดไม่เยอะครับ แต่สำหรับผมจะไปหาไหนละ .....เจ้าของร้าน Say Mobile คือผู้ที่ให้โอกาสครั้งนี้กับผม ถ้าไม่มีเค้า ถ้าเค้าไม่เชื่อมั่น และไว้ใจผม ผมคงไม่มีทุกวันนี้แน่ครับ (รายละเอียดของผู้มีพระคุณท่านนี้จะของเล่าใน Ep. สุดท้ายนะครับ)  และเทอมสุดท้ายนั้นเองแฟนผมก็ไปทำงานที่ จ.ชลบุรีครับ เพราะผมใกล้จะฝึกงานแล้ว .....แต่ สุดท้ายผมตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไว้ที่มหาลัยมหาสารคามก่อน ยังไม่ได้ฝึกงาน เพราะติดวิชาเลือก 1 ตัว ตอนนั้นไม่สนครับ เรียนช่างมัน ไม่รักษาสภาพนิสิตด้วย ทิ้งทุกอย่างไว้ก่อน แล้วมาดูหัวใจที่ชลบุรี เชื่อเถอะครับคนจะไปยังไงก็ไปอยู่วันยังค่ำ สุดท้ายรักก็โบยบินไปครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะไปตามกลับมา แต่รักก็อยู่เพียงชั่วคราวแล้วก็จากไปอีก ....เจ็บครับเจ็บมากทุกๆครั้งที่รู้ว่าเค้ามีคนอื่น ผมผิดเองแหละที่ทำผิดกับเค้าก่อน พอเค้าเอาคืนมันก็สมควรละครับ แม้จะมีกี่หนผมก็ผมยอม ยอมจะกี่ครั้งก็ยอม ........

    ความอดทนของเรามีขีดจำกัดครับ คนเราอยู่จุดเดิมๆ ยอมเค้าครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้าย....ท้อครับ เหนื่อยมาก เหนื่อยทั้งชีวิตที่ผ่านมา เหนื่อยกับภาระหนี้สิน เหนื่อยที่ต้องดิ้นรน เหนื่อยที่ต้องวิ่งตามหัวใจตัวเองอีก...เหนื่อยกับทุกๆอย่างๆ แม้จะมีลูกเป็นกำกังใจอยู่ก็ตาม (อ้อลืมบอกลูกชายชื่อเฟิร์สนะครับ ตอนนี้อยู่ ป. 1 ละครับ )   เมษายน ปี 56 ผมต้องไปรับคัดเลือกทหารกองเกินครับ ไม่คิดไร ไม่บนบานสานกล่าวอะไรทั้งนั้นเป็นก็เป็นไม่คิดไรมาก...หึ......สมใจ ทร.1 ทบ.2 แล้วผมก็ได้เข้ารับราชการทหารเรือ ผลัด 1/56 ก่อนไปทหารรักที่เคยจากไปก็โบยบินกลับมาอีกครั้ง 5555 ....ครั้งนี้ก็อ้าแขนรับเหมือนครั้งก่อนๆครับ รักยังไงก็ยังรักเสมอไม่เคยเปลี่ยนแหละครับ  (บ้าบอเนอะ ....มองย้อนกลับไปโคตรไร้สาระเลยอ่ะครับ)....แต่ผมต้องเป็น 2 ปี เพราะผมไม่มีทรานสคลิป ยังไม่จบติดอยู่ตัวเดียวนั้นแหละ วิชาเลือกด้วยนะ ถ้าใครเคยเรียนที่ มมส. ผมจะบอกว่าผมติดวิชา ICT ซึ่งเป็นวิชาที่มีแค่ผ่านกับไม่ผ่านไม่มีเกรดครับ (บ้าบอวิชาง่ายโคตร ทะลึ่งติดซ่ะงั้น) แต่ไม่ซีครับ เพราะตั้งใจจะไปพัก หยุดการดิ้นรนทุกสิ่งอย่าง ไปพักก่อนให้หายเหนื่อย 2 ปีค่อยมาสู้ครับ

      ไปถึงสัตหีบฝึกอยู่ 12 วันบุญพาวาสนาส่งได้ไปอยู่ที่สโมสรสัญญาบัตรศูนย์ฝึกทหารใหม่ แล้วชีวิตความสบายของการเป็นทหารก็มาถึง หยุดฝึกมาอยู่สโมสรฯ เสิร์ฟและดูแลแขกซ่ะส่วนใหญ่ พร้อมกับกระแสทหารเมียทิ้งก็ตามมา (เฮ้อออออออ ธรรมชาติของทหารเกณฑ์ ถูกเมียทิ้งเป็นเรื่องปกติ) อยู่ศูนย์ฝึก 2 เดือนไปๆมาๆไงไม่ยังไงรู้ครับ มีพันจ่าฯ ท่านหนึ่งที่สโมสรสัญญาบัตรศูนย์ฝึกทหารใหม่มองเห็นอะไรในตัวผมก็ไม่รู้ วันนั้นผมนั่งล้างจานอยู่ แกเรียกผมมาหาแล้วบอกผมว่าจะส่งผมไปเรียนที่โรงเรียนพลาธิการทหารเรือ .... ผมอึ่งๆแปบ เพราะหน่วยนี้มันต้องมีเส้นสาย แต่อยู่ดีๆมีคนฝากซ่ะงั้น ผมตอบรับว่าไป แล้วตอนย้ายหน่วยผมก็ได้มาเรียนโรงเรียนพลาธิการทหารเรือ เป็นหัวหน้าห้องนักเรียนพลบริการด้วย เรียนฝึกหลักสูตรอยู่ 3 เดือน จบมาเกรดนิยมอันดับ 1 ได้รับโล่จากท่านเจ้ากรมพลาธิการทหารเรือด้วย ...(ง่ออออ เป็นไงละ คับแก้วไหมผู้ชายคนนี้ อิอิ)..... 3 เดือนผ่านไปย้ายหน่วย แล้วจะบอกว่านี้คือจุดเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต....จากจุดเล็กๆน้อย จนกระทั่งได้รับคัดเลือกให้มาเป็นพลทหารหน้าห้องผู้ช่วยเสนาธิการทหารเรือฝ่ายยุทธบริการ .....แล้วนั้นได้รู้จักพันตรีที่อยู่สำนักงานเดียวกัน  ท่านคือผู้ที่เข้ามาจัดระเบียบชีวิตทุกๆสิ่งๆทุกอย่าง จนกระทั่งชีวิตเป็นรูปเป็นร่างอย่างทุกวันนี้

      จากแรกที่ตั้งใจจะมาพักผ่อน 2 ปี กลับมามาพบเจอจุดเปลี่ยนของชีวิตซ่ะงั้น นี้คือจุดเริ่มต้นของยุคทองของชีวิตเลยก็ว่าได้ .....รายละเอียดอยากให้ติดตามใน Ep.4 นะครับ ซึ่งตอนนี้ชีวิตเริ่มจะดี แค่จะดีนะครับ เพราะใน Ep. 4 มีเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาอีก 1 เหตุการณ์ครับ และเป็นเหตุการณ์ที่ต้องบอกว่าบทเรียนราคาแพงมากในชีวิต จำได้ไม่เคยลืม จำจนตาย.....มันคือที่สุดละสำหรับที่พบเจอมาในตอนนี้ .....ใครจะรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น คนที่รักคนที่อยู่ด้วยกัน มั่นใจขนาดไหนว่าเค้าจะอยู่กับเรา....บางสิ่งบางอย่างเราจะมั่งใจได้อย่างไรว่าคุ้มกับควาทเสี่ยง เพื่อสิ่งๆนั้น ??????  Ep. หน้ายังมีเรื่องราวเกี่ยวกับมหาลัยอยู่นะครับ เพราะตอนนี้ผมยังไม่จบ ....และที่สำคัญพ้นสภาพนิสิตไปแล้วด้วย เพราะไม่ได้รักษาสภาพนิสิต ....แต่ยืนยันว่าผมจบมาด้วยรหัสนิสิตเดิม ....หนทางสู่ใบปริญญา ....และบทเรียนอันเลอค่าอีก 1 อย่างคือสิ่งที่จะมาเล่าให้ฟังใน Ep. หน้า ...ขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลาติดตาม ผิดพลาดประการใด หรือมีข้อความพาดพิงหน่วยงานองค์กรใดต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แล้วเจอกัน Ep. 4 สำหรับตอนนี้ขอบพระคุณทุกท่านครับ

....ปล.พิมพ์ตกไปบ้าง ต้องกราบขออภัยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่